Apple News
หลุดภาพหน้าจอ iOS 13 Dark Mode ก่อนเปิดตัวในงาน WWDC 2019
Apple เตรียมประกาศเปิดตัวระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ iOS 13 ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ ซึ่งตรงกับวันที่ 3 มิถุนายนที่จะมีการจัดงาน WWDC 2019 และคาดว่าจะได้เห็นฟีเจอร์ใหม่ๆ และระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ทั้ง macOS, watchOS และ tvOS
iOS 13 Dark Mode
หลังจากมีข่าวลือมานานเกี่ยวกับ Dark Mode ที่มาพร้อม iOS 13 ล่าสุดวันนี้มีภาพหลุดหน้าจอออกมาให้ได้เห็นกันแล้ว โดยเป็นการเปลี่ยนพื้นหลังเป็นสีดำ และตามภาพข่าวเป็นแอปพลิเคชั่น Music ที่รองรับการใช้งานในโหมดนี้ด้วย
ฟีเจอร์ Dark Mode เป็นสิ่งที่สมาร์ทโฟนหน้าจอ OLED ควรมีให้งาน ไม่ว่าจะเป็น iPhone X, iPhone XS และ iPhone XS Max เพราะสามารถช่วยประหยัดพลังงานได้มากขึ้น เนื่องจากแผงหน้าจอ OLED จะไม่มีการใช้พลังงานในการแสดงพิกเซลสีดำนั่นเอง
ตั้งแต่ Google ได้เพิ่มฟีเจอร์ดังกล่าวให้กับระบบปฏิบัติการ Android Q ดูเหมือนว่าในปีนี้สมาร์ทโฟนเกือบทุกรุ่นที่ใช้แผงหน้าจอ OLED ก็จะสามารถใช้งานได้ทันที และจึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ Apple ก็ต้องใส่ฟีเจอร์นี้ได้แล้วสำหรับปีนี้
การเปิดใช้งาน Dark Mode บน iOS 13 สามารถทำได้ในเมนูการตั้งค่า (Settings) หรือปุ่มที่อยู่ในแผง Control Center โดยในหน้าจอหลัก (Home) เมื่อใช้งานโหมดนี้ จะมีการเปลี่ยนแปลงเพียงอย่างเดียวคือแถบ Dock จะกลายเป็นสีดำ
iOS 13 เพิ่มฟีเจอร์สำหรับแคปหน้าจอ
อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงของอินเตอร์เฟซ iOS 13 คือหลังจากการแคปหน้าจอ จะมีเวอร์ชั่นเบลอวอลเปเปอร์ด้านหลังด้วย และเครื่องมือปรับแต่งต่างๆ ขึ้นมาให้เลือกใช้งานบริเวณแถบด้านล่างของภาพที่ทำการแคปหน้าจอ และสำหรับบน iPad แถบเครื่องเดียวกันนี้จะมีดีไซน์มุมของแถบพื้นหลังแบบโค้งเว้า และสามารถแตะค้างงที่แถบนี้แล้วลากไปไว้รอบหน้าจอส่วนใดบนหน้าจอก็ได้
iOS 13 ได้รับการปรับปรับดีไซน์แอป Reminders ใหม่ ซึ่งจะมีหน้าตาแบบเดียวกับ macOS 10.15 ที่กำลังจะมาตามภาพด้านบน ในขณะที่บน iPad ตัวแอปจะมีการเพิ่มขนาดของแถบบาร์ด้านข้างแล้วแบ่งส่วนหน้าจอสำหรับรายการต่างๆ ได้แก่ Today, Scheduled, Flagged และ All ซึ่งแถบบาร์ด้านข้างนี้ก็จะมีปุ่มค้นหาด้วย
Find My แอปใหม่สำหรับค้นหาเพื่อนและอุปกรณ์
Find My Friends และ Find My iPhone จะถูกรวมเป็นแอปเดียวกันในชื่อ Find My โดยเมื่อเริ่มเข้าสู่หน้าจอใช้งานแอปก็จะมีการแสดงแผนที่ขนาดใหญ่ และแถบแสดงรายชื่อเพื่อน ครอบครัว และอุปกรณ์ที่ลงชื่อเข้าใช้งานด้วย Apple ID เดียวกัน
ที่มา : 9to5mac