Smart Review
รีวิว iPad (รุ่นที่ 8) ทรงพลังด้วยชิพ A12 Bionic, จอใหญ่ 10.2 นิ้ว พร้อมรองรับ Apple Pencil และ Smart Keyboard
รีวิว iPad (รุ่นที่ 8) แท็บเล็ตที่ใช้ขุมพลังสุดแรงอย่าง A12 Bionic พร้อมหน้าจอใหญ่ 10.2 นิ้ว ทั้งยังรองรับอุปกรณ์เสริมให้สร้างสรรค์ผลงานได้เต็มที่ทั้ง Apple Pencil และ Smart Keyboard โดยรุ่นที่เราได้มาเป็นรุ่น Wi‑Fi + Cellular อีกด้วย
สรุปสเปค iPad (รุ่นที่ 8) Wi‑Fi + Cellular
- ขนาดตัวเครื่อง : 250.6 x 174.1 x 7.5 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก : 495 กรัม
- หน้าจอแสดงผล Retina ชนิด IPS ขนาด 10.2 นิ้ว ความละเอียด 2160 x 1620 พิกเซล, 264ppi, ความสว่าง 500 นิต และรองรับ Apple Pencil (รุ่นที่ 1)
- หน่วยประมวลผล : A12 Bionic
- ROM 32/128GB
- ระบบปฎิบัติการ iPadOS 14
- กล้องถ่ายรูปด้านหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 รองรับออโต้โฟกัส และ HDR
- กล้องหน้า (FaceTime HD) ความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 4.2 และพอร์ต Lightning
- รองรับ Nano‑SIM (รองรับ Apple SIM) และมี eSIM
แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล
สำหรับกล่องของ iPad (รุ่นที่ 8) นั้นมาในขนาดที่เท่าเดิมครับ ไม่ได้ตัดอะไรไปเหมือนกับ iPhone 12 โดยภายในกล่องมีอุปกรณ์ให้ครบ ดังนี้
- iPad (รุ่นที่ 8) พร้อม iPadOS 14
- อะแดปเตอร์ 20W
- สาย Lightning เป็น USB Type-C
- โลโก้ Apple 2 ชิ้น
- อุปกรณ์เปิดถาดซิม
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
ดีไซน์ของ iPad (รุ่นที่ 8) นั้นมาในดีไซน์ที่มีน้ำหนักเบาเหมือนกับรุ่นที่ 7 ครับ โดยใช้วัสดุอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% เพื่อความรักษ์โลกอีกด้วย ส่วนการจับถือด้วยมือเดียวก็ทำได้สบายครับ และไม่ลื่นมือด้วย
หน้าจอแสดงผลของ iPad (รุ่นที่ 8) มาพร้อมขนาดใหญ่ 10.2 นิ้ว ความละเอียด 2160 x 1620 พิกเซล ซึ่งทำให้การรับชมวิดีโอหรือภาพยนตร์ทำได้แบบเต็มตามากๆ และใช้งานได้เต็มที่มากในการวาดรูปด้วยการใช้ Apple Pencil แต่ลักษณะของหน้าจอยังไม่ใช้ขอบบางๆ เหมือนกับตัว Pro ครับ
แม้ว่าจะไม่ได้ใช้หน้าจอชนิด OLED แต่เรื่องความสดใสของหน้าจอ Retina แบบ IPS ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีครับ
เหนือหน้าจอแสดงผลมีกล้องหน้า FaceTime ความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล
ด้านล่างหน้าจอมีปุ่ม Home พร้อม Touch ID
ทางซ้ายตัวเครื่องมีเพียง Smart Connector ไว้เชื่อมต่อกับ Smart Keyboard
ส่วนทางขวามีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และช่องใส่ซิมการ์ดแบบ NanoSIM 1 ช่อง (เฉพาะรุ่น Wi‑Fi + Cellular เท่านั้นนะครับ)
ทางด้านบนมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. และปุ่ม Power
ด้านล่างมีลำโพงสเตอริโอที่อยู่ขนาบข้างกับพอร์ต Lightning
และสุดท้ายที่ด้านหลังมีเพียงกล้อง 1 เลนส์ และไมโครโฟนตัวที่ 2
ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน
ระบบปฎิบัติการ
iPad (รุ่นที่ 8) แกะกล่องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ iPadOS 14 ครับ โดยรองรับฟีเจอร์ใหม่ๆ เยอะพอสมควรเพื่อให้ใช้งานเน้นความสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มที่ร่วมกับ Apple Pencil และ Smart Keyboard
Smart Keyboard พิมพ์ได้สบายใช้งานได้สะดวก
หนึ่งในอุปกรณ์สเริมของ iPad (รุ่นที่ 8) นั้นเป็นคีย์บอร์ด Smart Keyboard ครับ ใครที่อยากทำงานคล้ายกับโน๊ตบุ๊คถือว่าใช้ได้สะดวกมาก ตัวปุ่มเวลากดนั้นตอบสนองได้เร็วและมีเสียงที่เบา ไม่รบกวนคนอื่นแน่นอน โดยการเชื่อมต่อกับตัว iPad มีความแน่นหนาไม่หลุดง่าย
สร้างสรรค์ผลงานได้ด้วย Apple Pencil
Apple Pencil ทำให้ iPad ครอบคลุมการใช้งานมากขึ้นไปอีกขั้น ทั้งการเซ็นเอกสารต่างๆ รวมถึงการวาดภาพเพื่อสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างอิสระ หรือจะใช้เป็นการจดโน๊ตระหว่างเรียนก็ได้เช่นกัน
วิดเจ็ตที่ออกแบบใหม่
ใน iPadOS 14 นั้นมาพร้อมกับฟีเจอร์วิดเจ็ตแบบใหม่เหมือนกับ iOS 14 ครับ โดยใน iPad (รุ่นที่ 8) ที่มีหน้าจอใหญ่ทำให้ใช้งานวิดเจ็ตได้เยอะและเห็นข้อมูลต่างๆ ได้มากขึ้นบนหน้าจอโฮม
Touch ID ใช้งานได้รวดเร็ว
ระบบความปลอดภัยของ iPad (รุ่นที่ 8) นั้นเป็นการใช้เป็นการสแแกนลายนิ้วมือหรือ Touch ID เช่นเดิมครับ โดยมีความรวดเร็วและความสเถียรในการใช้งานเหมือนเดิม
ลำโพงสเตอริโอใช้ได้กระหึ่ม
iPad (รุ่นที่ 8) รองรับลำโพงด้านล่างตัวเครื่องแบบสเตอริโอ ทำให้จะฟังเพลงหรือรับชมภาพยนตร์ก็ทำได้เต็มที่และระบบเสียงก็มีคุณภาพอีกด้วย
ดีไซน์ของแอพเพิ่มแถบข้างใช้งานเหมือนเดสก์ท็อป
iPadOS 14 ได้ปรับเปลี่ยนดีไซน์การแสดงผลของแอปพลิเคชั่นต่างๆ ด้วยการเพิ่มเมนูแถบข้างเข้ามา ทำให้เราใช้งานหรือการค้นหาได้สะดวกคล้ายกับทำใช้งานบนเดสก์ท็อปเลยทีเดียว
รองรับทั้ง Wi‑Fi และ 4G LTE Advanced สุดเร็ว
ในฟีเจอร์นี้มีให้เฉพาะรุ่น Wi‑Fi + Cellular เท่านั้นครับ ซึ่งก็ทำให้เราได้ใช้งานอินเทอร์เน็ต 4G เมื่ออยู่ข้างนอกได้ตามปกติครับ
ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่
iPad (รุ่นที่ 8) มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลทรงพลังอย่าง A12 Bionic พร้อมด้วย Neural Engine รุ่นที่ 2 ช่วยให้การทำงานได้ไหลลื่นและสเถียรกว่าเดิมครับ
สำหรับผลการทดสอบทดสอบประสิทธิภาพโดยรวมตั้งแต่หน่วยประมวลผล, การ์ดจอ และหน่วยความจำด้วยโปรแกรม AnTuTu Benchmark ทำได้ไปได้ที่ 446,459 คะแนน
ทดสอบการเล่นเกม
Asphalt 9 : Legend
มาทดสอบเกมกราฟิกแจ่มๆ อย่าง Asphalt 9 : Legend กันครับ โดยการเล่นเวลาประมาณ 20 นาทีก็ทำได้ไหลลื่น ไม่มีสะดุดครับ และตัวเครื่องก็ไม่ร้อนจนเกินไปด้วย
MARVEL Strike Force
สำหรับเกม Strike Force จากทาง MARVEL นั้นก็เล่นได้แบบไหลลื่นและไม่มีอาการกระตุกใดๆ ครับ โดยสามารถเล่นได้ยาวๆ เลยจ้า
แบตเตอรี่อึดใช้งานได้ทั้งวันแน่นอน
สำหรับแบตเตอรี่ ใน iPad (รุ่นที่ 8) สามารถใช้ได้ยาวนานเต็มวันแน่นอนถ้าใครใช้งานทั่วไป เช่น ดูวิดีโอ, โซเชียล หรือวาดรูป แบบสลับๆ กันไป ส่วนใครเล่นเกมก็เล่นได้ประมาณ 4 – 5 ชั่วโมงแน่นอนครับ
กล้องถ่ายรูป
สำหรับกล้องถ่ายรูปใน iPad รุ่นที่ 8 นั้นเน้นการใช้งานทั่วไป ไม่ได้ถ่ายภาพแบบจริงจังครับ ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นการใช้เป็น FaceTime เพื่อให้เห็นในหน้าจอใหญ่ๆ ครับ
สรุปจุดเด่น
- หน้าจอแสดงผลใหญ่ 10.2 นิ้ว คมชัดระดับ 2160 x 1620 พิกเซล ทำให้ใช้งานได้เต็มตา รวมถึงใครที่ชอบทำงานจอใหญ่ๆ ก็ทำได้สะดวกมากๆ
- หน่วยประมวลผล A12 Bionic พร้อม Neural Engine ทำให้ใช้งานได้เร็วมากขึ้น และเสถียรกว่าเดิม
- iPadOS 14 ทำให้ใช้งานได้หลากหลายยิ่งขึ้น และดีไซน์ UI ทำงานคล้ายกับบนเดสต์ท็อป
- รองรับอุปกรณ์เสริมทั้ง Apple Pencil และ Smart Keyboard ทำให้สร้างสรรค์ผลงานได้แบบไม่มีขีดจำกัด
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- พอร์ตเป็นแบบ Lightning
iPad (รุ่นที่ 8) มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ เทาสเปซเกรย์, เงิน และทอง โดยมีราคารุ่น 32GB ที่ 10,900 บาท และรุ่น 128GB ที่ 13,900 บาท โดยสามารถซื้อได้ผ่าน Apple Online Store, Apple Store หรือร้านค้าอื่นๆ