พรีวิว iPad mini รุ่นที่ 6 แท็บเล็ตขนาดกะทัดรัด ตัวเครื่องเพรียวบาง มาพร้อมหน้าจอขนาด 8.3 นิ้ว และมาพร้อมชิป A15 Bionic เหมือนกับ iPhone 13
iPad mini รุ่นใหม่ของปีนี้มาในกล่องสีขาวเรียบๆ คล้ายกับ iPad Air รุ่นล่าสุด โดยฝากล่องจะมีรูปตัวเครื่องและเป็นสีเดียวกับเครื่องอยู่ในกล่อง ซึ่งสีในพรีวิวครั้งนี้เป็นสีใหม่ด้วย นั่นก็คือ สีสตาร์ไลท์
อุปกรณ์ที่มีให้ในกล่อง ได้แก่ ตัวเครื่อง iPad mini, สายชาร์จ USB-C, อะแดปเตอร์ USB-C 20W, คู่มือการใช้งาน และสติกเกอร์โลโก้ Apple
iPad mini รุ่นที่ 6 มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีสันอันสวยงาม สีชมพู สีม่วง สีเทาสเปซเกรย์ และสีสตาร์ไลท์ ที่เป็นโทนสีขาวทองอ่อนๆ ให้ความรู้สึกที่เรียบหรู
หน้าจอแสดงผลของแท็บเล็ตไซส์มินินี้เป็นแบบ Liquid Retina ขนาด 8.3 นิ้ว ถ้าเทียบกับขนาด iPad mini รุ่นที่ 5 ก็ขนาดที่เล็กลงนิดหน่อย หรืออาจพูดได้ว่าขนาดพอๆ กับรุ่นก่อนหน้า แต่ได้หน้าจอที่ใหญ่ขึ้นเพราะขอบจอที่แคบลงนั่นเอง
เพื่อให้เห็นขนาดตัวเครื่องที่ชัดเจนมากขึ้น ขอจับมาเทียบกับ iPhone 12 Pro Max กันสักหน่อย
Apple ได้ทำการย้าย Touch ID ไปรวมเป็นส่วนหนึ่งในปุ่มด้านบน ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งานและการยืนยันตัวตนที่ปลอดภัย ไม่ว่าจะใช้ในการปลดล็อค iPad mini, ล็อกอินเข้าสู่แอปต่างๆ
หน้าจอมีการเคลือบสารกันแสงสะท้อน และรองรับการแสดงผลแบบ True Tone พร้อมเทคโนโลยี Full Lamination รูปภาพและวิดีโอจะมีสีสันสดใส
ตอนนี้ iPad mini รองรับ Apple Pencil (รุ่นที่ 2) ซึ่งจะยึดติดกับ iPad mini ด้วยแม่เหล็กเพื่อชาร์จแบบไร้สายและจับคู่ เหมือนกับ iPad Pro โดยแม่เหล็กตรงนี้ต้องบอกเลยนะครับว่ายึดติดแน่นมากๆ ไม่หลุดหรือหล่นหายแน่นอน ติดหนึบสุดๆ
iPad mini ปีนี้ต้องบอกว่าอัปเกรดแบบก้าวกระโดดเลยก็ว่าได้ โดยมาพร้อมชิป A15 Bionic และ GPU แบบ 5-core นอกจากนี้แล้วก็มาพร้อม iPadOS 15 ที่มีฟีเจอร์ใหม่ๆ เพียบ ได้แก่ เมนูงานมัลติทาสก์ใหม่ โน้ตด่วน การวางวิดเจ็ตที่อัปเดต คลังแอปและอื่นๆ อีกมากมาย
มาถึงเรื่องกล้องกันบ้าง กล้องหน้าของ iPad mini รุ่นที่ 6 เป็นเลนส์อัลตราไวด์ เซ็นเซอร์ความละเอียด 12MP และขอบเขตของมุมมองที่กว้างขึ้นทำให้ iPad mini รุ่นใหม่รองรับฟีเจอร์ จัดให้อยู่ตรงกลาง (Center Stage) ซึ่งจะแพนกล้องโดยอัตโนมัติเพื่อให้ผู้ใช้อยู่ในสายตาเสมอในระหว่างที่เคลื่อนที่ไปรอบๆ และถ้ามีคนอื่นมาร่วมด้วย กล้องก็สามารถตรวจจับได้ และจะซูมออกอย่างลื่นไหลเพื่อจัดให้ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของการสนทนาได้ง่ายๆ
กล้องหลังมาพร้อมเซ็นเซอร์ความละเอียด 12MP พร้อม Focus Pixels และรูรับแสงที่ใหญ่ขึ้น เพื่อบันทึกภาพที่คมชัดและสีสันสดใส สพร้อมแฟลช True Tone ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อย มีโหมด HDR อัจฉริยะ ซึ่งช่วยปรับปรุงคุณภาพของรูปภาพให้ออกมาดูดีขึ้นจาก ISP ใหม่ในชิป A15 Bionic
ตัวเครื่องที่เห็นกันอยู่นี้จะเป็นรุ่น Wi-Fi ซึ่งรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 ที่เร็วยิ่งขึ้น และความจุตัวเครื่อง 256GB ซึ่งเป็นความจุสูงสุดของ iPad mini ปีนี้แล้ว โดยมีความจุ 64GB เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก
iPad mini มาพร้อมพอร์ต USB-C ที่สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้สูงสุด 5Gbps ซึ่งเร็วกว่าในรุ่นก่อนหน้าถึง 10 เท่า และเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริม USB-C ได้ทันทีอีกด้วย
เคสที่ได้เห็นนี้เป็นรุ่น Smart Folio สำหรับ iPad mini รุ่นที่ 6 สีส้มอิเล็คทริค สวยโดดเด่นมากๆ ซึ่งเจ้าเคสตัวนี้ใช้แม่เหล็กในการยึดติด แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะหลุดง่าย เท่าที่ลองใช้งานคือยึดติดกันแน่นหนามากๆ เลย
สรุปสเปค iPad mini รุ่นที่ 6
- ขนาดตัวเครื่อง 195.4 x 134.8 x 6.3 มม.
- น้ำหนัก 293 ก. (Wi-Fi), 297 ก. (Cellular)
- หน้าจอ 8.3 นิ้ว Liquid Retina (1488 x 2266 พิกเซล)
- ชิปเซ็ต A15 Bionic
- ความจุเครื่อง 64GB / 256GB
- กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 12MP, f/1.8
- กล้องหน้า Ultra-wide 12MP, f/2.4
- ระบบปฏิบัติการ iPadOS 15
- รองรับลำโพง 2 ตัว สเตอริโอ
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, Bluetooth 5.0 และพอร์ต USB-C
หลังจากได้ที่ลองจับตัวเครื่องครั้งแรก ต้องบอกเลยว่าเป็นแท็บเล็ตที่มีขนาดกำลังดีเลย ตัวเครื่องเพรียวบาง นำ้หนักเบา ถือใช้งานได้คล่องตัวมากๆ และสำหรับรีวิวแบบเต็มๆ ดูได้ที่ YouTube
iPad mini รุ่นที่ 6 เปิดให้สั่งซื้อได้แล้วที่ apple.com หรือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ