Smart Review
รีวิว iPhone 12 mini น้องเล็กทรงพลังยุค 5G จอ Super Retina XDR, ขุมพลัง A14 พร้อมกล้องคู่ขั้นเทพ
ใครที่ชอบสมาร์ทโฟนหน้าจอเล็กๆ ใช้งานมือเดียว ต้องบอกเลยว่า iPhone 12 mini นั้นคุ้มค่าที่สุดในตอนนี้ครับ ที่มีทั้งขนาดเล็ก สเปคภายในก็จัดเต็มแบบสุดๆ ตั้งแต่ขุมพลัง A14 Bionic, หน้าจอ OLED และกล้องหลังที่พัฒนาแบบก้าวกระโดด
สรุปสเปค iPhone 12 mini
- ขนาดตัวเครื่อง : 131.5 x 64.2 x 7.4 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก : 135 กรัม
- หน้าจอแสดงผล Super Retina XDR ชนิด OLED ขนาด 5.4 นิ้ว ความละเอียด 2340x 1080 พิกเซล, 476ppi รองรับ HDR, อัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:1, ความสว่างสูงสุด 1200 นิต (HDR) และการแสดงผลแบบ True Tone
- หน่วยประมวลผล : A14 Bionic
- ROM 64/128/256 GB
- ระบบปฎิบัติการ iOS 14
- กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 2 เลนส์แบ่งเป็น
- เลนส์หลัก (Wide) ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.6 รองรับซูมออปติคอล 2 เท่า
- เลนส์ Ultra Wide-Angle มุมมองกว้าง 120 องศา ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- กล้องหน้า (TrueDepth) ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
- รองรับการใช้งานซิมคู่ (Nano-SIM และ eSIM)
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/ax, Bluetooth 5.0, NFC และพอร์ต Lightning
- รองรับ 5G (sub-6 GHz และ mmWave)
แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล
สำหรับตัวกล่องของ iPhone 12 mini นั้นถูกย่อขนาดให้เล็กลงเพื่อลดขยะในธรรมชาติลงครับ แทบจะเล็กลงกว่าเดิมครึ่งๆ เลยทีเดียว โดยได้ตัดอะแดปเตอร์ออกไปแล้วเช่นกัน ขณะที่ภายในกล่องมีดังนี้
- iPhone 12 mini พร้อม iOS 14
- สาย USB Type-C เป็น Lightning
- เอกสารประกอบ
- สติ๊กเกอร์ Apple 1 ชิ้น
- อุปกรณ์เปิดถาดซิม
ดีไซน์ของ iPhone 12 ทุกรุ่นรวมถึง iPhone 12 mini นั้นมาในขอบแบนเรียบที่ให้ความรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปในยุคของ iPhone 5 ประมาณนั้นเลยครับ โดยตัวขอบมาแบบอะลูมิเนียม ซึ่งเป็นอะลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศที่ให้ความแข็งแรงและทนทานอย่างมาก
ขณะที่สีสันของ iPhone 12 mini ที่มีให้เลือก มีถึง 5 สี ได้แก่ สีดํา, ขาว, นํ้าเงิน, เขียว และแดง (PRODUCT)RED โดยที่ฝาหลังใช้เป็นกระจกที่จะเป็นสีเดียวกับตัวขอบดูสวยงามและให้ความหรูหราตามสไตล์ของ Apple ครับ
ที่สำคัญ iPhone 12 mini ยังมีความบางและเบามากๆ โดยเป็นรุ่นที่รองรับ 5G ที่บางสุดเท่าที่เคยมีมาเพียง 7.4 มม. และเบาเพียง 135 กรัมเท่านั้นเอง
สำหรับรุ่นนี้ยังคงมีมาตรฐานกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68 สามารถทนนํ้าได้สูงสุด 6 เมตร นาน 30 นาที ซึ่งทนได้ที่ความลึกมากกว่า iPhone 11 ถึง 3 เท่าเลยทีเดียว
หน้าจอแสดงผลของนั้นให้มาแบบ Super Retina XDR จอภาพ OLED เป็นครั้งแรกที่นำมาใช้นอกเหนือจากรุ่น Pro โดยมีความสวยงามอย่างมาก รองรับการแสดงผล HDR, ความสว่างสูงสุดถึง 1200 นิตเมื่อแสดงผลการเล่น HDR ทั้งยังมีจอใหญ่ 5.4 นิ้ว ในขนาดที่เล็กกว่า iPhone 11 อีกด้วย ซึ่งลองแล้วถือเพียงมือเดียวกดได้ทั่วทั้งจอโดยไม่ต้องเอื้อมเลยครับ
ไม่ได้มีแค่ความสวยงามเท่านั้น แต่ยังแข็งแกร่งด้วยการครอบทับด้วยวัสดุ Ceramic Shield ที่แข็งแรงกว่ากระจกทั่วไปที่ใช้ในสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นถึง 4 เท่า ทำให้การหล่นหรือกระแทกนั้นทนทานกว่าเดิม แต่แนะนำอย่าไป Drop Test กันนะครับ
มาดูกันที่รอบๆ เครื่องกันครับ ที่เหนือหน้าจอแสดงผลยังเป็นรอยบาก มีกล้องหน้าเทคโนโลยี TrueDepth พร้อม Face ID, ลำโพงตัวที่ 2 รองรับ Dolby Atmos และไมโครโฟนตัวที่ 2 พร้อมรองรับ Dolby Atmos ในตัว
ด้านซ้ายมีปุ่มเปลี่ยนโหมดปิด-เปิดเสียงของระบบ ถัดลงมาเป็นปุ่มเพิ่มและลดเสียง ที่มีลักษณะแบนตามตัวเครื่องครับ โดยที่ด้านล่างสุดมีช่องใส่ NanosIM จำนวน 1 ช่อง
ทางซ้ายมีเพียงปุ่ม Power เท่านั้น
ด้านล่างตัวเครื่องมีไมโครโฟนตัวที่ 1, พอร์ต Lightning และลำโพงตัวที่ 1
และสุดท้ายที่ด้านหลังมีกล้อง 2 เลนส์เป็นเลนส์หลักและเลนส์ Ultra-Wide Angle ครับ พร้อมด้วยไฟแฟลช LED และไมโครโฟนตัวที่ 3
ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน
ระบบปฎิบัติการ
iPhone 12 mini แกะกล่องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ iOS 14 ทันที โดยมีฟีเจอร์ใหม่ๆ รองรับเพียบตามที่เราได้ลองใช้งานกันไป ไม่ว่าจะเป็น Widget, App Library หรือการปรับปรุงให้ใช้งานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
iPhone รุ่นแรกที่รองรับ 5G
iPhone 12 mini เป็น iPhone รุ่นแรกที่รองรับเครือข่าย 5G แถมยังครอบคลุมคลื่นความถี่กว้างที่สุดอีกด้วย โดยความเร็วในการดาวน์โหลดนั้นทะลุระดับกิกกะบิต โหลดแอปหรือภาพยนตร์ไว้ดูแบบออฟไลน์ก็โหลดไม่ถึงนาทีครับ
ทั้งนี้ ก็ยังมีฟีเจอร์ Smart Data เพื่อสลับเครือข่าย 5G และ 4G ได้อย่างฉลาด และยังทำให้ประหยัดแบตเตอรี่ไปได้เยอะอีกด้วย
วิดเจ็ตใช้งานได้สะดวก
iOS 14 มาพร้อมกับฟีเจอร์วิดเจ็ตเป็นครั้งแรกของ iPhone โดยเพิ่มความสวยงามและความสะดวกในการใช้งานได้ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นวิดเจ็ตปฏิทิน, รูปภาพ, เพลง, โน๊ต และอื่นๆ อีกเพียบ โดยแต่ละแอปสามารถใช้วิดเจ็ตได้ 3 ขนาดตามความสะดวกและการตกแต่งของแต่ละคนเลยครับ
แยกแยะหมวดหมู่ด้วย App Library
App Library (คลังแอป) ก็เป็นอีกฟีเจอร์ที่มีใน iOS 14 ครับ โดยจะแบ่งหมวดหมู่ทุกแอปพลิเคชั่นให้โดยอัตโนมัติ
ระบบเสียงรอบทิศทาง Dolby Atmos
iPhone 12 mini มาพร้อมกับลำโพงเสียงคู่แบบสเตอริโอที่ปรับแต่งด้วย Dolby Atmos ต้องบอกว่าเสียงกระหึ่มตามสเปคระดับเรือธง ใครที่ชอบเล่นเกมหรือชมภาพยนตร์ใน Netflix ช่วงนี้ต้องบอกว่าเต็มอรรถรสแน่นอน หรือใครจะเล่นเกมแนว Battle Royale ก็มีการแยกเสียงฝั่งซ้ายและขวาให้แบบชัดๆ อีกด้วยนะ
Face ID ใช้งานเร็วและสเถียรกว่าเดิม
สำหรับเทคโนโลยีสแกนใบหน้าหรือ Face ID ใน iPhone 12 mini สามารถใช้งานได้เร็วขึ้นกว่าเดิมพอสมควรครับ แต่อาจไม่ได้เห็นความแตกต่างมากเกินไปเพราะรุ่นก่อนๆ ก็ถือว่าเร็วอยู่แล้วครับ
ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่
ขุมพลัง A14 Bionic เป็นหน่วยประมวลผลที่มาขับเคลื่อน iPhone 12 mini โดยชิพตัวนี้ใช้สถาปัตยกรรมขนาด 5 นาโนเมตรรุ่นแรกของโลก แถมเรื่องความแรงต้องยอมให้จริงๆ ครับ ขณะที่ด้านกราฟิกได้ใช้ GPU แบบ 4 คอร์ที่เร็วกว่าชิพในสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ถึง 50% เลยทีเดียว และยังมี Neural Engine ที่ปรับปรุงประสิทธิภาพเป็น 16 คอร์ ทํางานได้เร็วขึ้นถึง 80% และทำงานได้สูงสุดถึง 11 ล้านล้านรายการต่อวินาที
สำหรับผลการทดสอบทดสอบประสิทธิภาพโดยรวมตั้งแต่หน่วยประมวลผล, การ์ดจอ และหน่วยความจำด้วยโปรแกรม AnTuTu Benchmark ทำไปได้ 630,496 คะแนน
ทดสอบการเล่นเกม
Genshin Impact
สำหรับเกมที่กินสเปคสุดๆ อย่าง Genshin Impact ต้องบอกว่า iPhone 12 mini เล่นได้แบบสบายมากๆ หน้าจอสัมผัสได้ไหลลื่น ไม่มีอาการหน่วงให้เห็นครับ แต่ตัวเครื่องอาจจะร้อนขึ้นเยอะพอสมควร แต่ก็เป็นเรื่องปกติกับเกมที่ต้องใช้กราฟิกมหาศาลครับ
RoV
ต่อมาอย่างเกม RoV เราสามารถปรับภาพทุกอย่างได้สูงสุดทั้งหมด โดยสามารถเล่นได้แบบไหลลื่น เฟรมเรทวิ่งแบบนิ่งๆ ที่ประมาณ 59-60fps ตลอดเกมครับ โดยที่ตัวเครื่องก็แค่อุ่นๆ อีกด้วยจากการเล่นไปประมาณ 30 นาที
PUBG Mobile
และสุดท้ายกับเกมแนว Battle Royale กันบ้างครับ โดย PUBG Mobile สามาถรปรับกราฟิกระดับ Ultra HD พร้อมกับเฟรมเรทระดับ Ultra ได้ และเล่นในโหมด 100 คน ได้สบายมากๆ
แบตเตอรี่อึดใช้งานได้ทั้งวันแน่นอน
ในเรื่องแบตเตอรี่ต้องบอกว่าใครที่ไม่ได้เน้นเล่นเกมก็สามารถใช้งานทั่วไปได้ทั้งวันแน่นอนครับ หรือถ้าใครดูวิดีโอสามารถชมได้นานสุดถึง 15 ชั่วโมงเลยทีเดียว ขณะที่เรื่องการชาร์จ iPhone 12 mini นั้นรองรับ Fast Charge ที่ 12W ครับ แต่ก็สามารถชาร์จได้ถึง 50% ในเวลา 30 นาทีเท่านั้นผ่านอะแดปเตอร์ 20W ขึ้นไป
นอกจากนี้ ก็ยังรองรับการชาร์จไร้สาย MagSafe เหมือนรุ่นพี่ๆ ครับ โดยสามารถชาร์จได้กำลังไฟสูงสุด 12W ผ่านอะแดปเตอร์ที่รองรับ ซึ่งตัวแท่นจะยึดติดกับเครื่องแน่นมากๆ ยกขึ้นมาสะบัดก็ไม่มีหลุด ใครที่สนใจสามารถซื้อเพิ่มได้ในราคาเพียง 1,490 บาท
เคส Magsafe เป็นเอกลักษณ์
สำหรับอุปกรณ์เสริมอีกอย่างของ iPhone 12 mini นั้นเป็นเคสใสสำหรับ iPhone 12 mini พร้อม MagSafe ที่มีสัญลักษณ์วงกลมในตำแหน่งของ MagSafe ครับ โดยวางจำหน่ายแล้วในราคา 1,790 บาท
กล้องถ่ายรูป
iPhone 12 mini ในเรื่องกล้องถือว่าจัดเต็มเช่นกันครับ โดยเลนส์หลัก (Wide) มีรูรับแสงที่กว้างขึ้น ทำให้รับแสงได้มากกว่าเดิมถึง 27% ขณะที่ฟีเจอร์ตัวชูโรงอย่างการถ่ายวิดีโอแบบ Dolby Vision ก็ยังมีให้ด้วย
โหมดปกติถ่ายได้สวยด้วยเทคโนโลยี Deep Fusion
iPhone 12 mini นั้นใช้เทคโนโลยี Deep Fusion ที่ได้ประโยชน์จากหน่วยประมวลผล Neural Engine ช่วยให้ได้ภาพที่มีความละเอียดสูงและคมชัดมากแม้มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซลเท่านั้น โดยแสงและเงาในภาพมีความสว่างมากขึ้น รวมถึงสีสันต่างๆ ถือว่าทำได้ธรรมชาติมากขึ้นกว่าเดิม ที่สำคัญก็สามารถเปิด HDR อัจฉริยะ เพื่อให้ถ่ายภาพย้อนแสงได้ดีด้วยครับ
เลนส์ Ultra-Wide Angle มุมกว้างถึง 120 องศา
แม้เป็นรุ่นเล็กสุดในตระกูลแต่ก็มีเลนส์ Ultra-Wide Angle มาให้ครับ โดยถ่ายได้มุมกว้างถึง 120 องศา เก็บสิ่งต่างๆ ตรงหน้าได้ครบ ทั้งยังแก้ไขรูปทรงไม่ให้ดูบิดเบี้ยวจนเกินไปอีกด้วย โดยฟีเจอร์นี้จะทำงานโดยอัตโนมัติ
เลนส์ Wide / เลนส์ Ultra-Wide Angle
โหมดภาพถ่ายบุคคล
โหมดถ่ายภาพบุคคลใน iPhone 12 mini ทำได้ดีขึ้นมากครับ สามารถตัดขอบได้เนียนตาและตรงมากขึ้น จะถ่ายบุคคลหรือสิ่งของทั่วไปก็ไม่หลุดโฟกัสให้เห็นแล้วครับ
ทั้งนี้ก็ยังมี Portrait Lightning ให้ถึง 6 แบบ ได้แก่ แสงไฟธรรมชาติ, แสงไฟสตูดิโอ, แสงไฟคอนทัวร์, แสงไฟเวที, แสงไฟเวทีขาวดำ และแสงไฟขาวดำไฮคีย์ โดยใช้งานได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังเหมือนกันทั้งหมด
โหมดกลางคืนทำได้ทุกเลนส์!
โหมดกลางคืนของ iPhone 12 mini และรุ่นอื่นๆ สามารถใช้งานได้ทุกเลนส์แล้ว ทั้งเลนส์ Wide, Ultra-Wide หรือกล้องหน้า ที่สำคัญถ่ายได้สว่างและคมชัดกว่าเดิมมากๆ อย่างเห็นได้ชัดครับ โดย Noise เกิดน้อยลง และใช้เวลาในการถ่ายโหมดกลางคืนเพียงไม่กี่วินาทีด้วย
กล้องหน้าพัฒนาขึ้นชัดเจน!
ใน iPhone 12 mini นั้นมีการปรับปรุงเรื่องสีสันของการเซลฟี่มาดีพอสมควรครับ รายละเอียดของใบหน้ามีความธรรมชาติมากขึ้น สีผิวดูมีน้ำมีนวลกว่าเดิม แต่ในเรื่องความบิวตี้จ๋าๆ ก็ยังคงไม่ได้จัดจ้านจนเกินไปเหมือนเดิมครับ
วิดีโอ Dolby Vision ขั้นเทพ
ใน iPhone 12 mini ถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่มาพร้อมเทคโนโลยีการถ่ายวิดีโอ Dolby Vision ได้ ซึ่งจะช่วยในเรื่องสีสันของวิดีโอ แสง ไฮไลท์ของวิดีโอให้ออกมาสมจริงและคมชัดมากๆ นอกจากนี้ เรื่องระบบกันสั่นไหวถือว่าเป็นหนึ่งในรุ่นที่ทำได้ดีที่สุดอีกด้วย
สรุปจุดเด่น
- หน้าจอแสดงผลที่มาแบบ Super Retina XDR ชนิด OLED เป็นครั้งแรกในรุ่นเล็กสุดของ Apple
- ใช้หน่วยประมวลผล A14 Bionic ที่ถูกเรียกว่าเป็นชิพที่เร็วที่สุดในโลกของสมาร์ทโฟนตอนนี้
- รองรับเครือข่าย 5G ทุกเครือข่ายในไทย และเร็วแรงระดับกิกกะบิต
- กล้องหลังมีทั้งเลนส์หลักและ Ultra-Wide แถมถ่ายวิดีโอแบบ Dolby Vision สูงสุด 4K@30fps ได้ด้วย
- แบตเตอรี่รองรับการใช้งานทั่วไปได้ทั้งวัน โดยสามารถชาร์จผ่าน Magsafe ได้เช่นกัน
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- ไม่มีอะแดปเตอร์ให้ในกล่อง
- ใช้พอร์ตแบบ Lightning อยู่
สำหรับ iPhone 12 mini มีราคาเริ่มต้นที่ 25,900 บาท (ความจุ 64GB), 27,900 บาท (ความจุ 128GB) และ 31,900 บาท (ความจุ 256GB) โดยสามารถซื้อได้ผ่าน Apple Online Store, Apple Store หรือร้านค้าอื่นๆ