Smart Review
รีวิว iPhone 13 Pro Max สีเขียวอัลไพน์ และ iPhone 13 สีเขียวใหม่ เครื่องศูนย์ไทย ความรู้สึกหลังได้จับเครื่องจริง
Apple เปิดตัวสีใหม่ในโทนสีเขียวคือ iPhone 13 Pro สีเขียวอัลไพน์ และ iPhone 13 สีเขียว วันนี้จะพาทุกคนไปดูเครื่องจริง iPhone 13 Pro Max และ iPhone 13 ซึ่งเป็นเครื่องศูนย์ไทยทั้ง 2 รุ่น ความรู้สึกหลังจากได้จับเครื่องจริงเป็นอย่างไร ไปดูรีวิวกันเลยครับ (ดูคลิป iPhone สีเขียวที่นี่)
iPhone 13 Pro Max สีเขียวอัลไพน์
iPhone 13 Pro Max สีเขียวอัลไพน์ มาในกล่องสีดำบางเบาเหมือนเดิม ฝากล่องมีภาพตัวเครื่องที่เป็นสีเขียวอัลไพน์ โดยอุปกรณ์ในกล่องนอกจากตัวเครื่อง ก็จะมีสายเคเบิล USB-C to Lightning, คู่มือใช้งาน, สติกเกอร์ Apple และเข็มจิ้มถาดใส่ซิม
สำหรับตัวเครื่อง iPhone 13 Pro Max สีเขียวอัลไพน์ เป็นโทนสีเขียวแบบอ่อนๆ โดยกระจกด้านหลังเป็นผิวด้าน เวลาจับก็จะให้ความรู้สึกที่จับติดมือ กระชับ ไม่ลื่นหลุดมือ และช่วยลดการเกิดคราบรอยนิ้วมือได้ระดับหนึ่ง
ตัวเครื่องมีดีไซน์ขอบแบน กรอบตัวเครื่องที่เป็นสแตนเลสสตีลมีความมันเงาสูง ซึ่งก็เป็นโทนสีเขียวเช่นเดียวกัน แต่ด้วยผิวที่มันเงาก็จะสะท้อนและให้มุมมองของเฉดสีแตกต่างกันออกไปในแต่ละมุมมอง
ตรงโมดูลกล้องหลัง จะสังเกตเห็นโทนสีเขียวที่ชัดเจนมากกว่า โดยกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ตัวเลนส์มีขนาดใหญ่และนูนขึ้นมาเหนือฝาหลัง โดยมีเซ็นเซอร์กล้องอีกตัวคือ LiDAR Scanner และแฟลช Dual Tone
สเปคทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมกับ iPhone 13 Pro Max สีอื่นๆ ซึ่งด้านหน้าเป็นแบบ Ceramic Shield ปกป้องหน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว ProMotion รองรับอัตรารีเฟรชตั้งแต่ 10Hz จนถึง 120Hz โดยปรับได้ตามความเหมาะสมตามการใช้งานบนหน้าจอ นอกจากจะได้ภาพที่ลื่นไหนตามการใช้งานแล้ว ยังช่วยประหยัดพลังงานได้อีกด้วย
รอยบากที่ขอบด้านบนหน้าจอเป็นพื้นที่ติดตั้งระบบกล้อง TrueDepth
iPhone 13 สีเขียว
มาต่อกันที่ iPhone 13 สีเขียว มาในกล่องสีขาว พร้อมภาพตัวเครื่องสีเขียวบนฝากล่อง โดยอุปกรณ์ที่มีให้ในกล่องจะประกอบไปด้วยตัวเครื่อง iPhone, สาย USB‑C เป็น Lightning, เข็มสำหรับจิ้มถาดใส่ซิม และเอกสารคู่มือ
สำหรับตัวเครื่องสีเขียวที่เห็นจะเป็นโทนสีเขียวเข้ม กระจกด้านหลังเป็นผิวด้าน ขนาดตัวเครื่องกำลังพอดีเลย ไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป จับกระชับมือและยังถือใช้งานมือเดียวได้ถ้าเป็นมือผู้ชายแบบนี้
ตัวเครื่องมีดีไซน์ขอบแบน ซึ่งกรอบตัวเครื่องเป็นอลูมิเนียม ทำให้เห็นสีเขียวจากด้านข้างชัดเจน ถ้าใครชอบผิวแบบด้าน ไม่มันเงาก็จะชอบรุ่นนี้ จะไม่เหมือนกับรุ่น iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max ที่มีกรอบตัวเครื่องเป็นสแตนเลสสตีลที่มีความมันเงา
กล้องหลัง 2 ตัว ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ตัวเลนส์มีขนาดใหญ่และนูนขึ้นมาเหนือฝาหลัง โดยมีการจัดวางกล้องในแนวทแยง
กระจกหน้าจอปกป้องด้วย Ceramic Shield เหมือนกับ iPhone 13 ทุกรุ่น
หลานคนอาจสงสัยว่าสีเขียวของทั้ง 2 รุ่นเหมือนกันหรือไม่ ต้องบอกว่าเป็นสีเขียวคนละโทน โดยในรุ่น iPhone 13 จะเห็นเป็นสีเขียวเข้มมากกว่า iPhone 13 Pro Max ความรู้สึกของโทนสีก็จะเหมือนตัวเครื่องสีเซียร์ร่าบลูกับสีน้ำเงิน
สำหรับสีเขียวก็เป็นสีที่เชื่อกันว่าจะช่วยเสริมในเรื่องเงินทอง โชคลาภ การทำธุรกิจก็จะเติบโต อีกทั้งพลังแห่งสีเขียวยังหมายถึงความร่มเย็นเป็นสุข เป็นสีแห่งความเจริญรุ่งเรือง เติบโต งอกงาม
ใครที่ชื่นชอบสีเขียวอยู่แล้วก็น่าจะถูกใจ iPhone 13 Pro สีเขียวอัลไพน์ และ iPhone 13 สีเขียวใหม่ โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 25 มีนาคมนี้เป็นต้นไป
สรุปสเปค iPhone 13
- ขนาดตัวเครื่อง : 146.7 x 71.5 x 7.7 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก : 174 กรัม
- หน้าจอแสดงผล Super Retina XDR OLED รองรับ HDR10, Dolby Vision ความละเอียด 1170 x 2532 พิกเซล
- หน่วยประมวลผล : Apple A15 Bionic
- RAM 4GB
- ROM 128GB / 256GB / 512GB
- ระบบปฎิบัติการ iOS 15
- กล้องถ่ายรูปด้านหลัง
- กล้องหลัก: 12MP เทียบเท่าเลนส์ 26 มม. รูรับแสง f/1.6 ระบบโฟกัส Dual-Pixel AF และกันสั่น sensor shift OIS
- กล้อง Ultra-wide: 12MP เทียบเท่าเลนส์ 13 มม. รูรับแสง f/2.4 มุมกว้าง 120 องศา
- กล้องหน้า 12MP รูรับแสง f/2.2 และ 3D Depth Sensing
- รองรับ 5G
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, Bluetooth 5.0, NFC และพอร์ต Lightning
- แบตเตอรี่ชาร์จเร็ว 20W และ Power Delivery 2.0
- ตัวเครื่องกันน้ำได้ IP68 (ความลึกไม่เกิน 6 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที)
สรุปสเปค iPhone 13 Pro Max
- ขนาดตัวเครื่อง : 160.8 x 78.1 x 7.7 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก : 240 กรัม
- หน้าจอแสดงผล Super Retina XDR OLED มาพร้อม ProMotion อัตรารีเฟรช 120Hz, HDR10, Dolby Vision ความละเอียด 1284 x 2778 พิกเซล
- หน่วยประมวลผล : Apple A15 Bionic
- RAM 6GB
- ROM 128GB / 256GB / 512GB / 1TB
- ระบบปฎิบัติการ iOS 15
- กล้องถ่ายรูปด้านหลัง
- กล้องหลัก: 12MP ขนาดพิกเซล 1.9µm เทียบเท่าเลนส์ 26 มม. รูรับแสงกว้าง f/1.5 ระบบกันสั่นแบบ sensor shift OIS และ Dual Pixel AF
- กล้อง Ultra-wide: 12MP เทียบเท่าเลนส์ 13 มม. รูรับแสง f/1.8 ระบบโฟกัส PDAF และถ่ายมาโครได้ในระยะใกล้สุด 2 ซม.
- กล้อง Telephoto: 12MP เทียบเท่าเลนส์ 77 มม. รูรับแสง f/2.8 และระบบกันสั่น OIS
- กล้องเซ็นเซอร์ LiDAR Scanner
- กล้องหน้า 12MP รูรับแสง f/2.2 และ 3D Depth Sensing
- รองรับ 5G
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, Bluetooth 5.0, NFC และพอร์ต Lightning
- แบตเตอรี่ชาร์จเร็ว 20W และ Power Delivery 2.0
- ตัวเครื่องกันน้ำได้ IP68 (ความลึกไม่เกิน 6 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที)