Apple News
รีวิวแรกสัมผัส iPhone 15 Pro Max สี Blue Titanium กับ 1 วันที่ลองใช้!
iPhone 15 Pro Max เดินทางถึงมือทีมงาน iphone-droid.net เรียบร้อย เราก็ไม่พลาดลองใช้งานพร้อมทำบทความแรกสัมผัสเพื่อความ Hype เหมือนทุกที รอบนี้มีการปรับเปลี่ยนบางจุดให้น่าใช้ขึ้น ทั้งการอัปเกรดวัสดุกรอบเครื่องเป็นไทเทเนียม, สีใหม่อย่าง Blue Titanium, พอร์ต USB-C หรือกล้อง Tele ที่เข้าใกล้ได้มากกว่าเดิมเป็นระดับ 5x!
หลังจากเราลองสัมผัสจริงมา 1 วัน ก็ขอมารีวิวประสบการณ์ให้อ่านกันสักหน่อย เราคิดเห็นอย่างไรกับ iPhone 15 Pro Max เครื่องนี้บ้าง ติดตามได้เลยครับ!
แกะกล่อง iPhone 15 Pro Max
รูปแบบกล่องของ iPhone 15 Pro Max ยังคงคล้ายกับรุ่นก่อนคือใช้กล่องสีขาวที่ด้านหน้ามีภาพตัวเครื่องด้านหน้า ส่วนสีสันก็ระบุจากภาพ Wallpaper แทนครับ ซึ่งสีที่เราได้มาเป็น Blue Titanium อย่างที่บอกไป
ตัวกล่องจะมีแถบสติกเกอร์ให้ฉีกเหมือนเดิม เพราะลดการใช้พลาสติก ตามความรักษ์โลก
เปิดกล่องออกมาเราจะเจอกับตัวเครื่อง iPhone 15 Pro Max นอนคว่ำโชว์สีสันอย่างชัดเจน ซึ่งเดี๋ยวเราจะมาดูกันเต็ม ๆ อีกทีเนาะ
อุปกรณืภายในกล่องก็ให้มาเท่าเดิม มีซองเอกสารชิ้นเล็กที่ภายในมีเอกสารคู่มือ เข็มจิ้มถาดซิมและสติกเกอร์ Apple ที่เหลือชิ้นเดียวแล้วเหมือนปีก่อน
และแน่นอนสายชาร์จเปลี่ยนใหม่มาเป็น USB-C to C เรียบร้อย พร้อมสายแบบถักด้วยครับ
เบ็ดเสร็จแล้วอุปกรณ์ในกล่องของ iPhone 15 Pro Max เครื่องศูนย์ไทยก็มีทั้งหมด 5 อย่างดังนี้ครับ
- ตัวเครื่อง iPhone 15 Pro Max
- เอกสารคู่มือ
- เข็มจิ้มถาดซิม
- สติกเกอร์ Apple
- สายชาร์จ USB-C to C
ดีไซน์ iPhone 15 Pro Max
เอ้า! อย่าให้เสียเวลา มายลโฉม iPhone 15 Pro Max สี Blue Titanium (ไทเทเนียมน้ำเงิน) กันเลยดีกว่า ตัวสีน้ำเงินนี้จะมีความเข้มและสุขุม ออกไปในโทนเย็นมากกว่าตอน Pacific Blue ของ iPhone 12 Pro เราว่าสวยและลงตัวดีจริง ๆ ครับ
เวลากระทบกับแสงก็จะดึงสีน้ำเงินให้เด่นชัด แต่ถ้าหลบแสงหน่อยก็จะออกสีดำได้เหมือนกัน ตรงนี้เราว่าคล้ายกับสี Midnight ของ MacBook Air M2 เลยล่ะ ให้อารมณ์เดียวกัน
ตัวโมดูลกล้องรอบนี้ก็ยังคงเป็นกระจกชิ้นเดียวที่ทำผิวสัมผัสเป็นมันวาวตัดกับส่วนฝาหลังผิวด้านเหมือนเดิมครับ จริง ๆ ขนาดก็ใกล้เคียงกับ 14 Pro Max เลยครับ แต่ด้วยฐานสีเข้มมองแว้บแรกเลยรู้สึกว่ากล้องอลังการขึ้นแหละ และตัวกรอบเลนส์รอบนี้ลดความแวววาวลงอีกหน่อย เลยทำให้กล้องเด่นขึ้นด้วยครับ
ไทเทเนียมคือสิ่งที่ Apple เลือกใช้เป็นกรอบเครื่องของ iPhone 15 Pro และ 15 Pro Max ในปีนี้ครับ ย้ำว่าแค่กรอบเครื่อง (ฝาหลังยังเป็นกระจก) แต่เพียงแค่เปลี่ยนกรอบเครื่องนี้ก็ทำให้น้ำหนักตัวเครื่องเบาลงได้ถึง 19 กรัม และแน่นอนมันเบาลงอย่างชัดเจน ใครที่ถือ 14 Pro Max มาตลอด พอได้มาจับรุ่นนี้จะรู้สึกได้ทันทีครับ อันนี้ยอดเยี่ยมจริง
แต่เท่านั้นยังไม่พอเพราะกรอบเครื่องรอบนี้เพิ่มความโค้งมนเข้าไปอีกนิดด้วยการตัดขอบ Contour Cut ทำให้เวลาเราจับถือนั้นเข้ากับมือมากขึ้น ไม่ตัดเหลี่ยมจนคมเท่ากับรุ่นก่อนแล้ว ตรงนี้เป็นความรู้สึกที่ดีมากแถมยังอยู่บนผิวสัมผัสที่เนียนมือขึ้นไม่แวววาวเท่าเดิมอีก!
พื้นผิวด้านข้างจะเปลี่ยนไปพอสมควรด้วย เพราะลดความแวววาวลง และยังเพิ่มลวดลายแปรง (Brush Finish) เข้าไปอีกนิด ให้ดูหรูหราขึ้นกว่าเดิม ในสีเข้มอย่าง Blue Titanium นี้เวลาจับถือก็ยังเก็บคราบรอยนิ้วมือได้อยู่ แต่ก็ยังดีที่เราสามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่ายและดีกว่าตอนเป็นสแตนเลสมากครับ
ปุ่มกดที่ด้านข้าง รอบนี้ไม่มี Mute Switch ให้เราเลื่อนเปิด-ปิดเสียงแล้ว เพราะ Apple ใส่ปุ่ม Action เข้ามาแทน ตรงนี้เราจะสามารถกดลงไปได้คล้ายปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงแหละ แต่การสั่งงานคือให้เรากดค้างแทน ในค่าเริ่มต้นปุ่มนี้ยังเป็นปุ่มเปิด-ปิดเสียงเหมือนเดิม
แต่ด้วยความที่เปลี่ยนปุ่มทั้งที เราก็สามารถตั้งค่าปุ่มนี้ได้เพิ่มเติมด้วย ไม่ว่าจะเป็นเปืดไฟฉาย, เปิดกล้อง, บันทึกเสียง หรือจะตั้งค่าอื่น ๆ จากแอป Shortcut ก็ได้เช่นกัน เรียกว่าเป็นปุ่มใหม่ที่เพิ่มความสามารถในการเข้าถึงได้อีกเยอะเลยครับ
พลิกกลับมาดูที่หน้าจอกันบ้าง iPhone 15 Pro Max ยังคงใช้จอ ProDisplay XDR ขนาด 6.7″ ที่มี Dynamic Island ด้านบนเหมือนเดิม สเปคก็เดิมทั้งความละเอียด, ความสว่างสูงสุด 2000nits หรือ Refresh rate ที่ปรับขึ้น-ลงตามการใช้งาน 1-120Hz
จุดที่ปรับเล็กน้อยคงเป็นเรื่องขอบหน้าจอที่ปรับลดให้มีพื้นที่สีดำน้อยลงอีกหน่อย ถ้าใช้งานไม่ใส่เคสจะรู้สึกว่าจอเซ็กซี่ขึ้นครับ
พอร์ต USB-C มาแล้วนะจ๊ะ ในที่สุด Apple ก็เปลี่ยนพอร์ตการเชื่อมต่อให้ iPhone เป็นมาตรฐานเดียวกับ MacBook หรือ iPad เสียที ทีนี้เราก็สามารถพกสายเดียวใช้ได้ครบ ๆ ปิดตำนาน Lightning เรียบร้อย
โดยรวมดีไซน์ของ iPhone 15 Pro Max ก็ยังคงคล้ายเดิม มีเอกลักษณ์ของฝาหลังกระจกด้าน กล้องหลัง 3 ตัววางเรียงกันเหมือนเดิม หน้าจอ Dynamic Island แต่การเปลี่ยนวัสดุกรอบเครื่องในครั้งนี้ แม้มองผิวเผินจะไม่ต่างไปจากเดิมมาก แต่ในการจับถือใช้งานจริงรู้สึกได้มากครับ ทั้งพื้นผิว ทั้งน้ำหนัก เรียกว่าเป็นการปรับให้ลงตัวขึ้นแบบที่ Apple ถนัด และรอบนี้ทำเราประทับใจจริง ๆ ครับ
กล้อง iPhone 15 Pro Max
กล้องเป็นอีกเรื่องอัปเกรดของ iPhone 15 Pro Max ในรอบนี้ครับ โดยมีสเปคคร่าว ๆ ดังนี้เลย
- กล้องหลัก 48MP
- กล้อง Ultra Wide 12MP
- กล้อง Tele 5x 12MP
- กล้องหน้า 12MP พร้อม Autofocus
ในกล้องหลักยังใช้เป็น 48MP เหมือนเดิม Ultra Wide ใช้งาน Macro ได้ ที่เพิ่มชัด ๆ คงเป็น Tele ซูม 5x ที่เพิ่มการเข้าถึงวัตถุได้ดีกว่าเดิม และพอลวกรวมกับซอฟแวร์ใหม่ Apple เคลมว่ากล้อง 3 ตัวนี้จะช่วยให้เรามีเลนส์มากถึง 7 ระยะด้วยกันประกอบด้วย
- Macro
- 1x (24 มม.)
- 1.2x (28 มม.)
- 1.5x (35 มม.)
- 2x (48 มม.)
- 5x (120 มม.)
ซึ่งตัว UI กล้องก็มีการปรับเปลี่ยนใหม่ในปุ่ม 1x เราสามารถแตะซูมได้ตั้งแต่ 1x > 1.2x > 1.5x ทำให้สะดวกในการใช้งานมากขึ้น อยากเขยิบเข้าใกล้อีกนิดก็ไม่ต้องมาเลื่อนวงแหวนซูมหรือใช้ 2 นิ้วขยายแล้ว และไฮไลท์ของกล้องหลักรอบนี้ก็คือการบันทึกภาพเป็นความละเอียด 24MP ด้วยครับ อันนี้เจ๋งจริง!
ส่วนกล้อง Tele 5x ใหม่นี้จะมีเฉพาะบน iPhone 15 Pro Max เท่านั้น (15 Pro ยังเป็น Tele 3x) ซึ่ง Apple ใช้เทคโนโลยี tetaprism ที่ช่วยเพิ่มความไกลในการซูมทั้งที่ขนาดตัวเครื่องยังใกล้กับรุ่นเดิม ระยะ Optical จะอยู่ที่ 5x และสามารถซูมสูงสุดได้ถึง 25x (แน่นอน Digital Zoom) เท่าที่ลองใช้งานก็ถือว่าเข้าใกล้ได้ดีเลยในระยะ 5x – 8x โทนสีก็ใกล้เคียงกับกล้องตัวอื่นมาก แต่ในเรื่องการประมวลผลถ้าแสงไม่เพียงพอเราจะเห็น Noise ได้ค่อนข้างชัดอยู่ครับ
อีกฟีเจอร์ที่เราชอบมาก ๆ ก็คือ Portrait mode ในโหมด Photo นี่แหละ ตัวกล้องรอบนี้จะตรวจจับคนหรือสัตว์เลี้ยงในภาพ และเก็บข้อมูลความลึก-ตื้นของภาพไว้แบบเดียวกับ Portrait mode โดยที่เราไม่ต้องสลับโหมดแล้วครับ ให้สังเกตจากไอคอน F ที่มุมซ้ายล่าง ถ้ามีไอคอนนี้หลังถ่ายเราสามารถไปเปิดละลายฉากหลังทีหลังได้เลย อารมณ์คล้าย ๆ เวลาเราจะถ่ายที่แสงน้อยแล้วมีตัวแนะนำให้ใช้ Night mode ขึ้นมานั่นเอง เราว่าสะดวกขึ้นเยอะ
สเปค iPhone 15 Pro Max
ปิดท้ายที่สเปค iPhone 15 Pro Max อัปเกรดชิปเซ็ตใหม่เป็น A17 Pro ที่มีสถาปัตยกรรมแบบ 3nm เป็นเจ้าแรกของวงการมือถือ มีประสิทธิภาพ CPU แรงขึ้น 10% GPU แรงขึ้น 20% และ Neural Engine (AI) เร็วขึ้น 2 เท่า Apple เคลมว่านี่คือชิปมือถือที่แรงที่สุด ณ ตอนนี้เลยล่ะครับ
ส่วนเรื่องประสิทธิภาพก็แรงพอที่จะเล่นเกมกราฟิกสูงได้สบาย แถมยังโปรโมทว่าเล่นเกม AAA ระดับคอนโซลอย่าง Resident Evil Village, Resident Evil 4 Remake และอีกเพียบในอนาคตด้วย
พอร์ต USB-C ใหม่ของ iPhone 15 Pro Max ยังรองรับมาตรฐาน USB 3 ทำให้ส่งข้อมูลได้เร็วถึง 10Gb/s หรือเทียบแล้วคือเร็วกว่าเดิมถึง 20 เท่าเลยทีเดียว ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องใช้สาย Thunderbolt ที่ขายแยกนะครับ สายที่แถมมาในกล่องไม่รองรับความเร็วระดับนั้น
เคสใหม่ FineWoven
Apple เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่เน้นในเรื่องความรักษ์โลกมาตลอด รอบนี้ก็มีการเปลี่ยนวัสดุของอุปกรณ์เสริมชุดใหม่เรียกว่า FineWoven Case ที่จะเป็นเคสผ้าใช้วัสดุรีไซเคิล มาแทนที่เคสหนังเดิมด้วย
ผิวสัมผัสจะมีความเป็นผ้าที่มี Texture เล็ก ๆ เวลาลูบโดนจะมีความรู้สึกสบายมือกว่าเคสซิลิโคนเยอะ แต่ก็จะไม่ได้หรูหราเท่าเคสหนังน่ะนะ เช่นเดียวกับตัว MagSafe Wallet ก็เปลี่ยนวัสดุเป็น FineWoven เช่นกันครับ
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงรีวิวแรกสัมผัสของ iPhone 15 Pro Max กับ 1 วันหลังแกะกล่องเท่านั้นเนาะ ยังมีอีกหลายเรื่องต้องลอง ทั้งประสิทธิภาพกล้องแบบจริงจัง การเล่นเกม หรือแบตเตอรี่อีก แต่โดยรวมเรื่องดีไซน์นั้นทำได้ประทับใจเลยครับ ตัวเครื่องลงตัวขึ้นในทุกมิติ โดยเฉพาะน้ำหนัก เอาเป็นว่าขอเราลองไปใช้งานจริงจังอีกสักหน่อย เดี๋ยวจะมีรีวิวฉบับเต็มให้ติดตามกันแน่นอนครับ แล้วเจอกันใหม่บทความหน้า!
ราคา iPhone 15 Pro | 15 Pro Max
สำหรับ iPhone 15 Pro | 15 Pro Max จะเริ่มวางจำหน่ายทางการในวันที่ 22 กันยายนนี้ ก่อนจากกันเราขอสรุปราคาของทั้ง 2 รุ่นมาฝากหน่อยละกันดังนี้ครับ
iPhone 15 Pro
- 128GB = 41,900
- 256GB = 45,900
- 512GB = 54,900
- 1TB = 63,900
iPhone 15 Pro Max
- 256GB = 48,900
- 512GB = 57,900
- 1TB = 66,900