Apple News
เปรียบเทียบราคา iPhone 7 และ iPhone 7 Plus อย่างเป็นทางการในไทย พร้อมสรุปสเปค ฟีเจอร์ครบในที่เดียว
iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ประกาศราคาออกมาอย่างเป็นทางการแล้วจากผู้ให้บริการทั้ง 3 ค่ายมือถือของไทย ได้แก่ AIS, dtac และ Truemove H ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงราคาล่าสุดเล็กน้อยจากบางค่าย
เมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันแรกของการเปิดพรีออเดอร์ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus จากค่ายมือถือทั้ง 3 ค่ายในไทย โดย AIS และ dtac เปิดราคาเครื่องเปล่าเท่ากันทุกรุ่น ทุกความจุ ในขณะที่ Truemove H แพงกว่า 400 บาท (ดูข่าวก่อนหน้านี้)
วันที่ 15 ตุลาคม Truemove H ได้ปรับราคาเครื่องเปล่าใหม่ทั้ง iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ลงมาเท่ากันกับค่ายอื่นแล้ว ดังนี้
- iPhone 7 ความจุ 32GB ราคา 26,500 บาท
- iPhone 7 ความจุ 128GB ราคา 30,500 บาท
- iPhone 7 ความจุ 256GB ราคา 34,500 บาท
- iPhone 7 Plus ความจุ 32GB ราคา 31,500 บาท
- iPhone 7 Plus ความจุ 128GB ราคา 35,500 บาท
- iPhone 7 Plus ความจุ 256GB ราคา 39,500 บาท
เท่ากับว่าขณะนี้ราคาเครื่องเปล่าไม่มีค่ายใดได้เปรียบกัน โดยจะมีเพียงราคาเครื่องพร้อมแพ็กเกจหรือติดสัญญาเท่านั้นที่ลูกค้าจะตัดสินใจเองว่าค่ายใดคุ้มค่าที่สุดมากกว่ากัน
สำหรับราคา iPhone 7 และ iPhone 7 Plus จาก Apple Online Store ประกาศราคาออกมาแล้ว เท่ากันกับราคาเครื่องเปล่าจากค่ายมือถือในไทย
iPhone 7 และ iPhone 7 Plus สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ มีอะไรน่าสนใจบ้าง
สีดำเจ็ทแบล็คใหม่
iPhone 7 และ iPhoe 7 Plus มีทั้งหมด 5 สี ได้แก่ โรสโกลด์, ทอง, เงิน, ดำ และดำเจ็ทแบล็ค โดยตัวเครื่องสีดำเจ็ทแบล็ค ซึ่งเป็นสีดำแบบเงา จะวางขายเฉพาะในรุ่นความจุ 128GB
พื้นผิวที่มีความมันเงาสูงของ iPhone 7 สีดำเจ็ทแบล็ค (Jet Black) เกิดขึ้นจากกระบวนการชุบผิวและขัดเงาที่มีความแม่นยำถึง 9 ขั้นตอนด้วยกัน ซึ่งผิวสัมผัสนั้นแข็งแกร่ง
และด้วยผิวที่มันเงานี้เองอาจเผยให้เห็นรอยขีดข่วนได้ง่าย แนะนำให้ใส่เคสที่คลุมทั้งตัวเพื่อกันรอยตัวเครื่องด้วย
ตัวเครื่องของ iPhone 7 มีความบาง 7.1 มม. น้ำหนัก 138 กรัม ในขณะที่ iPhone 7 Plus มีความบาง 7.3 มม. น้ำหนัก 188 กรัม เรียกได้ว่าไม่แตกต่างไปจากเดิมมากกนักเมื่อเทียบกับ iPhone 6s และ iPhone 6s Plus
หน้าจอ Retina HD สว่างขึ้น 25%
iPhone 7 มีหน้าจอขนาด 4.7 นิ้ว จอภาพแบบ Retina HD ความละเอียด
สำหรับหน้าจอของ iPhone รุ่นใหม่นี้ให้ความสว่างขึ้นกว่าเดิมราว 25% และให้สีสันที่สมจริงมากขึ้น มาตรฐานเดียวกับโรงภาพยนต์
ก้นน้ำ กันฝุ่น
iPhone 7 และ iPhone 7 Plus มีคุณสมบัติกันฝุ่นกันน้ำตามาตรฐาน IP67 ซึ่งตามทฤษฎีคือกันน้ำได้ลึกสูงสุด 1 เมตร นานสูงสุด 30 นาที ซึ่งความสามารถดังกล่าวอาจลดลงจากการใช้งานตามปกติ โดยข้อควรระวังคือห้ามชาร์จ iPhone ในขณะที่เครื่องยังเปียกอยู่ และหากเครื่องเสียหายจากการเปียกน้ำจะไม่อยู่ในประกัน
ปุ่มโฮมแบบใหม่
ปุ่มโฮมของ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus เป็นปุ่ม
เร็วแรงกว่าเดิมด้วยชิพ A10 Fusion
iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ใช้ชิพ A10 Fusion พร้อมสถาปัตยกรรม 64 บิต และโปรเซสเซอร์ร่วม M10 สำหรับประมวลผล
สำหรับในส่วนของจีพียูนั้นทำงานได้ดีกว่าเดิมถึง 50% เมื่อเทียบกับชิป A9 และดีกว่าเดิม 3 เท่าเมื่อเทียบกับชิป A8
กล้องกันสั่น และกล้องคู่โบเก้
กล้องหลังของ iPhone 7 เป็นเลนส์เดี่ยวความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง
ฟีเจอร์ที่เหมือนกันของกล้อง iPhone 7 และ iPhone 7 Plus คือ มาพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอล ซึ่งประกอบด้วยชุดเลนส์ 6 ชิ้น, แฟลช True Tone แบบ LED ใหม่ที่มีไฟมากถึง 4 ดวง และการถ่ายภาพในโหมด Live Photos ก็สามารถใช้ระบบป้องกัน
iPhone 7 และ iPhone 7 Plus รองรับการบันทึกวิดีโอสโลว์โมชั่นความละเอียด 1080p ที่
กล้องหน้าของ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus มีขนาดความละเอียด 7 ล้านพิกเซล รองรับการบันทึกวิดีโอระดับ
iPhone 7 และ iPhone 7 Plus มาพร้อมระบบปฏิบัติการ iOS 10 รองรับการบันทึกภาพถ่ายเป็นไฟล์ RAW ได้แล้ว ด้วย API ใหม่ และไม่เพียงแต่รองรับแอพกล้องของ iOS แต่ยังรองรับการใช้งานกับแอพกล้องของนักพัฒนารายอื่นได้ด้วย
ลำโพงสเตอริโอ
iPhone 7 และ iPhone 7 Plus มาพร้อมลำโพงสเตอริโอ โดยลำโพงตัวหนึ่งจะอยู่ขอบด้านล่างตัวเครื่อง และอีกตัวจะใช้ลำโพงสำหรับเสียงสนทนาที่อยู่เหนือหน้าจอมาเป็นลำโพงสำหรับเสียงมัลติมีเดียเพิ่มเติม ทำให้กลายเป็นลำโพงสเตอริโอที่ให้เสียง 2 ทิศทาง ซ้าย-ขวา
หูฟังรุ่นใหม่ Lightning
ในกล่องของ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus จะมีหูฟัง EarPods พร้อมหัวต่อแบบ Lightning และมีตัวแปลงพอร์ต Lightning to 3.5 mm Headphone
AirPods หูฟังไร้สายรุ่นใหม่
นอกจากนี้ยังมีหูฟังไร้สายรุ่นใหม่ด้วย ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมที่จะวางขายแยก ได้รับการออกแบบโดย โจนาธาน ไอฟ์ หรือที่เรียกกันคุ้นหูว่า โจนี ไอฟ์ ปัจจุบันเป็นรองประธานอาวุโสฝ่ายการออกแบบของบริษัทแอปเปิล
Apple AirPods เป็นหูฟังไร้สายของจริง เพราะไม่มีสายเลย มีเพียงหัวสำหรับหูฟังที่เหมาะกับหูพอดี โดยเจ้าหูฟังนี้สามารถทำงานได้ทันทีเมื่อเอามาใส่หู และจะหยุดทำงานเมื่อเอาออกจากหู
- เคาะเรียก Siri : เมื่อเชื่อมต่อ Apple AirPods กับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต สามารถเคาะ 2 ครั้งที่ตัวหูฟังเพื่อเรียกใช้งาน Siri ได้ทันที ไม่ต้องล้วงหา iPhone หรือ iPad
- รู้ทุกการเคลื่อนไหว : Apple AirPods มีชิปเล็ก ๆ ฝังอยู่ภายในที่มีชื่อว่า W1 ซึ่งเป็นตัวประมวลผลสั่งงานให้ทำงานผ่านระบบไร้สายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงตัวเซ็นเซอร์ที่มีอยู่ในหูฟังนี้ก็ทำงานร่วมกับชิปนี้ด้วย จึงรู้ทุกการเคลื่อนไหวของผู้ใช้งาน
- กล่องที่ให้มาคือแบตสำรอง : กล่องสำหรับเก็บเจ้าตัว Apple AirPods นั้นเป็นกล่องที่มีแบตเตอรี่อยู่ในตัว สำหรับชาร์จไฟให้กับเจ้าหูฟังไร้สายตัวนี้ได้ทันที ซึ่งเจ้ากล่องตัวนี้สามารถใช้ชาร์จให้ใช้งานหูฟังได้ตลอดทั้งวัน แต่เฉพาะหูฟังจะใช้งานได้นานสูงสุด 5 ชั่วโมงต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง
- ให้เสียงดีและมีที่กรองเสียง : AirPods รองรับรูปแบบเสียง AAC คุณภาพสูง และเมื่อใช้งานพูดผ่านตัวไมโครโฟนคู่ก็จะมีบีมฟอร์มมิ่งช่วยกรองเสียงรบกวนรอบข้าง ทำให้คุยโทรศัพท์ได้ชัดเจนมากขึ้น รวมถึงคุยกับ Siri จะได้รู้เรื่อง ไม่ต้องให้ Siri ถามย้ำ “ฉันไม่รู้ว่าคุณพูดอะไร”
- ทำงานร่วมกับทุกอุปกรณ์ : AirPods รองรับการทำงานร่วมกับ iPhone 5 ขึ้นไป, iPad mini 2 ขึ้นไป, iPod touch รุ่นที่ 6, Apple Watch ทุกรุ่น และ Mac
AirPods วางขายในไทยราคา 6,900 บาท