Featured
รีวิว iPhone 7 Plus สมาร์ทโฟนกล้องหลังคู่ ออปติคอลซูม 2 เท่า และปุ่มโฮมแบบใหม่
iPhone 7 Plus สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมกล้องหลังคู่สำหรับการถ่ายภาพระยะไกลด้วยการซูมแบบออปติคอลได้ 2 เท่า และซูมแบบดิจิตอลได้ถึง 10 เท่า โดยมีหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว Retina Full HD และสามารถกันน้ำได้ลึก 1 เมตร นานสูงสุด 30 นาที
สรุปข้อมูลและสเปค iPhone 7 Plus
- ราคาเปิดตัวเริ่มต้น 31,500 บาท (ตุลาคม 2016)
- ขนาดตัวเครื่อง 158.2 x 77.9 x 7.3 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 188 กรัม
- รองรับ 1 ซิม (ขนาดนาโนซิม)
- เครือข่าย 2G/3G/4G LTE Cat.9 ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุด 450 Mbps และอัปโหลดสูงสุด 50 Mbps
- หน้าจอแสดงผลขนาดกว้าง 5.5 นิ้ว IPS LCD ความละเอียด 1080p (401ppi) และรับรู้แรงกดด้วยเทคโนโลยี 3D Touch
- ปุ่มโฮมรับรู้แรงกดแบบใหม่ที่มี Taptic Engine และมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้ว Touch ID
- ระบบปฏิบัติการ iOS 10.0.1 อัปเดตเป็น iOS 10.1
- ชิปเซ็ต Apple A10 Fusion ซีพียู Quad-core 2.3GHz กับจีพียู Hexa-core และแรม 3GB
- หน่วยประมวลผลร่วม M10 สำหรับประมวลผลการเคลื่อนไหว
- ความจุตัวเครื่อง 32GB / 128GB / 256GB (สีเจ็ทแบล็คจะมีเฉพาะรุ่นความจุ 128GB กับ 256GB)
- กล้องหลังคู่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ซูมแบบออปติคอลได้ 2 เท่า, ค่ารูรับแสง f/1.8 พร้อมตัวกันภาพสั่นไหว OIS และแฟลช 4 ตัวแบบ Dual tone
- กล้องหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.2
- รองรับ Wi-Fi a/b/g/n/ac, Bluetooth 4.2, NFC (สำหรับ Apple Pay)
- GPS/A-GPS และ GLONASS
- ลำโพงสเตอริโอ
- แบตเตอรี่ 2,900 mAh
- ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP67 คือกันน้ำได้ลึกสูงสุด 1 เมตร นานสูงสุด 30 นาที
→ แกะกล่องพรีวิว iPhone 7 Plus
ดีไซน์ตัวเครื่องและหน้าจอแสดงผล
วัสดุหลักของ iPhone 7 Plus เป็นโลหะอะลูมิเนียมแบบไร้รอยต่อ โดยในรุ่นสีเจ็ทแบล็คซึ่งเป็นสีใหม่นั้นจะมีความพิเศษกว่าสีอื่นเพราะต้องผ่านกระบวนการชุบผิวแล้วขัดเงาจนเกิดความมันเงา และมีเฉพาะในรุ่น iPhone 7 กับ iPhone 7 Plus ความจุ 128GB และ 256GB เท่านั้น
iPhone 7 Plus มีความบาง 7.3 มิลลิเมตร แม้ตัวเครื่องจะมีขนาดเท่าเดิมเมื่อเทียบกับ iPhone 6s Plus แต่จะมีน้ำหนักเบากว่าเดิมเล็กน้อยตามข้อมูลจากแอปเปิล ซึ่งการถือใช้งานจริงก็คงจะแยกไม่ออกถึงนำ้หนักที่แตกต่างกันเพียง 4 กรัม
ด้านหน้าของ iPhone 7 Plus ครอบด้วยกระจกกันรอยที่มีขอบโค้งมนแบบ 2.5D โดยหากเป็นสีเจ็ทแบล็คจะมองเห็นเหมือนเป็นชิ้นเดียวกันทั้งตัว แทบจะไม่เห็นรอยต่อระหว่างกระจกด้านหลังกับขอบตัวเครื่อง
หน้าจอของ iPhone 7 Plus มีขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 1920 พิกเซล (ความหนาแน่นของจุดพิกเซลประมาณ 401 พิกเซลต่อนิ้ว) และเป็นแผงหน้าจอสัมผัสแบบ LED-backlit IPS LCD
เหนือหน้าจอมีเลนส์กล้องหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซล ถัดมาตรงกลางจะเป็นลำโพงสำหรับเสียงสนทนา และใช้เป็นลำโพงตัวที่สองสำหรับเสียงสเตอริโอในการเล่นสื่อมัลติมีเดียได้ด้วย
ล่างหน้าจอจะมีปุ่มโฮมแบบใหม่ที่มีการดีไซน์แบบไร้รอยต่อกับตัวเครื่อง และใช้การกดลงเบา ๆ เพื่อกลับสู่หน้าโฮม ซึ่งจะทำงานร่วมกับ Taptic Engine หรือตัวสั่นเบา ๆ เพื่อตอบสนองคำสั่ง
สำหรับการใช้งานครั้งแรกอาจจะไม่คุ้นชินกับปุ่มโฮมแบบใหม่ แต่พอใช้ไปสักพักก็จะรู้สึกได้ถึงความแข็งแรงของปุ่มและมีการฝังตัวอ่านลายนิ้วมือ Touch ID ไว้ที่ปุ่มโฮมนี้ด้วย
ขอบด้านล่างหน้าจอเริ่มจากทางซ้ายจะเป็นไมโครโฟน (ไม่ใช่ลำโพง) ถัดมาลงตรงกลางจะเป็นพอร์ตเชื่อมต่อแบบ Lightning สำหรับใช้ชาร์จไฟหรือถ่ายโอนข้อมูลผ่านสายเคเบิล รวมไปถึงใช้งานกับหูฟังด้วย ส่วนทางขวาสุดจะเป็นช่องสำหรับเสียงลำโพง โดยในนี้จะมีไมโครโฟนฝังอยู่ข้างในด้วยอีกหนึ่งตัว
สำหรับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus จะไม่มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5mm. แต่หากต้องการใช้งานก็สามารถใช้ตัวแปลงพอร์ตเป็นแบบ Lightning ที่แถมในกล่องได้
ขอบด้านบนตัวเครื่องจะไม่มีปุ่มใด ๆ ตั้งแต่แอปเปิลมีการเปิดตัวสมาร์ทโฟนจอใหญ่ก็ได้ย้ายปุ่ม Power ไปไว้ด้านข้างตัวเครื่องเพื่อความง่ายในการกดใช้งาน
ด้านขวาตัวเครื่องจะมีปุ่ม Power สำหรับปิด/เปิดตัวเครื่องหรือปิด/เปิดหน้าจอก็ได้ และถัดลงมาจะมีช่องถาดใส่ซิมขนาดนาโนซิม
ด้านซ้ายตัวเครื่องมีปุ่มสำหรับปิดเสียง และปุ่มปรับระดับเสียง
ตัวเครื่องด้านหลังของสีเจ็ทแบล็คมีความมันเงาสูง ทำให้สะท้อนแสงเงาได้คล้ายกับกระจก และเส้นตำแหน่งของเสาอากาศด้านหลังก็ถูกขยับไปอยู่ชิดขอบบนกับขอบล่าง อีกทั้งยังมีสีที่กลมกลืนไปกับสีตัวเครื่อง ซึ่งแทบจะมองไม่เห็นเลย โดยจะต่างไปจากสีโรสโกลด์ สีทอง และสีเงิน ที่จะเห็นเส้นเสาอากาศสีขาวชัดเจน
กล้องหลังของ iPhone 7 เป็นเลนส์คู่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ขนาดของเลนส์ไม่เท่ากัน โดยตัวหนึ่งจะทำหน้าที่เป็นกล้องมุมกว้างและอีกตัวเป็นกล้อง
ถัดจากเลนส์จะมีไมโครโฟนอีกตัว และแฟลชแบบ Dual tone จำนวน 4 ดวง จากเดิมในรุ่น iPhone 6s จะมีไฟแฟลช Dual tone เพียง 2 ดวง
ตัวเครื่อง iPhone ไม่สามารถแกะออกได้ โดยภายในจะมีแบตเตอรี่ที่ฝังติดกับตัวเครื่องขนาด 2,900 mAh เพิ่มขึ้นจาก 2,750 mAh ในรุ่น iPhone 6s Plus
iPhone 7 Plus มีคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP67 คือกันน้ำได้ลึกสูงสุด 1 เมตร นานสูงสุด 30 นาที แต่ก็ไม่ควรนำไปจุ่มหรือดำน้ำเล่น เนื่องจากไม่อยู่ในการรับประกันหากเครื่องเสียหายจากน้ำเข้า
อินเตอร์เฟซและฟังก์ชั่นการใช้งาน
iPhone 7 Plus มาพร้อมระบบปฏิบัติการ iOS 10.0.1 แล้วอัปเดตเป็น iOS 10.1 ในหน้าจอหลักหรือหน้าโฮมจะเป็นในส่วนของการจัดเรียงไอคอนแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ สามารถรวมเป็นโฟลเดอร์เดียวกันได้ และเมื่อปัดไปดูหน้าจอทางด้านซ้ายสุดจะเป็นในส่วนของวิดเจ็ตต่าง ๆ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเพิ่มหรือลบได้ตามการใช้งาน
เมื่อลากแถบบาร์จากด้านบนหน้าจอลงมา จะแสดงรายการแจ้งเตือนต่าง ๆ จัดเรียงตามเวลาล่าสุด และมีแถบสำหรับค้นหาอยู่บริเวณบนสุดของหน้าจอ โดยเมื่อปัดไปดูหน้าจอทางด้านซ้ายมือก็จะเป็นในส่วนของวิดเจ็ตต่าง ๆ เช่นเดียวกับตอนอยู่ในหน้าโฮม
ถ้าลากหน้าจอจากด้านล่างขึ้นด้านบนจะเป็นในส่วนของ Control Center สำหรับปิด/เปิดการทำงานเมนูต่าง ๆ ได้รวดเร็วขึ้น โดยไม่ต้องเข้าไปในหน้าการตั้งค่าของตัวเครื่องให้ยุ่งยาก
iPhone 7 Plus มีหน้าจอที่รองรับเทคโนโลยีรับรู้แรงกดหรือที่เรียกว่า 3D Touch ซึ่งเป็นการกดหนักลงไปหน้าจอเพื่อเรียกใช้งานเมนูต่าง ๆ โดยไม่ต้องเข้าไปในตัวแอพ
ผู้ใช้สามารถตั้งค่าการออกแรงกดลงบนหน้าจอเพื่อใช้งานฟีเจอร์ 3D Touch ได้ โดยมีให้เลือก 3 ระดับ ได้แก่ น้อย ปานกลาง และมาก เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานของแต่ละคน
ปุ่มของ iPhone 7 Plus เป็นปุ่มแบบใหม่ ที่สั่งงานด้วยการออกแรงกดเบา ๆ และสามารถเลือกระดับน้ำหนักในการกดได้ 3 ระดับ ซึ่งการตอบสนองต่อการสั่งงานของปุ่มโฮมนั้นเป็นการทำงานร่วมกับ Taptic Engine หรือตัวสั่นเบา ๆ นั่นเอง
ด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่ของ iPhone รุ่นใหม่ สามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์การดึงจอลงเพื่อแตะได้ โดยการแตะปุ่มโฮมสองครั้งเพื่อดึงหน้าจอลงมา เพื่อให้สามารถแตะหน้าจอด้านบนถึงสำหรับการใช้งานมือเดียว
iPhone 7 Plus มีลำโพงสเตอริโอ โดยจะใช้ลำโพงที่อยู่เหนือหน้าจอและด้านล่างตัวเครื่อง ช่วยให้การดูหนัง ฟังเพลงมีอรรถรสขึ้น แต่เสียงที่ออกมาก็ไม่ได้ดังมากไปกว่ารุ่นก่อนอย่าง iPhone 6s Plus
การจัดการพลังงานของ iPhone 7 Plus ถือว่าทำได้ค่อนข้างดี ใช้งานทั่วไปและเล่นเกมบ้างก็อยู่ได้ราว 6-7 ชั่วโมง แม้จะมีแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นจากเดิมเพียง 150 mAh แต่จากส่วนหนึ่งก็มาจากชิปประมวลผลตัวใหม่ Apple A10 ที่ลดการใช้งานพลังงานมากกว่าเดิม
ผลทดสอบคะแนน Benchmark และประสิทธิภาพการทำงาน
iPhone 7 Plus ใช้ชิปเซ็ต Apple A10 Fusion ซีพียู Quad-core 2.3GHz กับจีพียู Hexa-core และแรม 3GB พร้อมหน่วยประมวลผลร่วม M10 สำหรับประมวลผลการเคลื่อนไหวใส่มาให้ด้วย โดยผลการทดสอบ AnTuTu V6.2 ซึ่งเป็นการทดสอบการเข้าถึงการทำงานของแรม และประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือจีพียู ทำคะแนนรวมได้ 182,032 คะแนน
อันดับคะแนนจากฐานข้อมูลของ AnTuTu จะเห็นว่า iPhone 7 Plus และ iPhone 7 มีผลคะแนนที่ใกล้เคียงกัน รวมถึงผลคะแนนของ iPad Pro ก็อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันด้วย
ผลการทดสอบด้วย Geekbench 4 เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานและการประมวลผลและหน่วยความจำแรม การทดสอบนี้จะทำการประมวลออกมาเป็นตัวเลขแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ Single-Core และ Multi-Core หากได้คะแนนยิ่งสูงประสิทธิภาพการทำงานจะยิ่งดี โดยผลทดสอบของ iPhone 7 Plus ทำคะแนน Single-Core ได้ 3,466 และ Multi-Core ทำได้ 5,613 คะแนน
สำหรับผลคะแนน Single-Core และ Multi-Core ของ iPhone 7 Plus ทำได้ดีกว่า iPhone ทุกรุ่นที่ผ่านมา รวมถึง iPad Pro ด้วย โดยเมื่อเทียบกับ iPhone 6s Plus จะเห็นว่าตัวเลขค่อนข้างทิ้งห่างกันชัดเจนพอสมควร
กล้องถ่ายรูป
iPhone 7 Plus มาพร้อมกล้องหลังเลนส์คู่ที่มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล โดยเลนส์หลักจะเป็นเลนส์มุมกว้างสำหรับถ่ายภาพปกติทั่วไป และอีกเลนส์จะเป็นเทเลโฟโต้สำหรับการซูม ซึ่งสามารถซูมแบบออปติคอลได้ 2 เท่า และซูมแบบดิจิตอลได้สูงสุดถึง 10 เท่า ส่วนกล้องหน้าของ iPhone 7 Plus มีความละเอียด 7 ล้านพิกเซล รองรับการบันทึกวิดีโอ Full HD 1080p ที่ความเร็ว 30fps และถ่ายภาพในโหมด HDR ได้ด้วย
ภาพเปรียบเทียบภาพถ่ายปกติ, ซูม 2X, ซูม 5X และซูม 10X
สำหรับกล้องของ iPhone 7 Plus รองรับการถ่ายภาพโหมดบุคคลหรือ Portrait Mode โดยเป็นการเบลอฉากหลังนั่นเอง
ภาพเปรียบเทียบภาพถ่ายปกติ และ Portrait Mode
สำหรับการถ่ายภาพด้วย Portrait Mode จะต้องถือกล้องถ่ายรูปให้อยู่ในระยะห่างจากวัตถุที่ต้องการโฟกัสประมาณ 2-3 เมตร และวัตถุต้องมีความโดดเด่นเหนือฉากหลังจึงจะเบลอฉากหลังได้เนียนสมจริง
Portrait Mode ที่มาพร้อมกับ iOS 10.1 บน iPhone 7 Plus ยังเป็นเพียงเวอร์ชั่น Beta หรือตัวทดสอบเท่านั้น ซึ่งจากการใช้งานก็พบว่าการเบลอฉากหลังยังมีแหว่ง ๆ อยู่บ้าง อาจต้องรอดูเวอร์ชั่นเต็มกันต่อไปว่าจะทำได้ดีกว่านี้มากน้อยเพียงใด
ในการถ่ายภาพพาโนรามาด้วย iPhone 7 Plus สามารถถ่ายภาพได้ขนาดสูงสุดประมาณ 64 ล้านพิกเซล
การบันทึกวิดีโอจากกล้องหลังของ iPhone 7 Plus รองรับความละเอียดสูงสุดในระดับ 4K ที่ความเร็ว 30fps และระดับ Full HD 1080p ที่ความเร็ว 60fps, 30fps ซึ่งสามารถใช้เลนส์กล้องเทเลโฟโต้ในการซูม 2 เท่าเพื่อบันทึกวิดีโอได้ทุกความละเอียด (อย่าลืมเลือกความละเอียดสูงสุดของคลิปวิดีโอก่อนดูด้วยนะ)
iPhone 7 Plus รองรับการบันทึกวิดีโอแบบสโลว์โมชั่นที่ความละเอียดระดับ HD 720p ความเร็ว 240fps (ขนาดไฟล์ประมาณ 300MB ต่อ 1 นาที) และ Full HD 1080p ที่ความเร็ว 120fps (ขนาดไฟล์ประมาณ 350MB ต่อ 1 นาที)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง iPhone 7 Plus
สรุปจุดเด่น
- iPhone 7 Plus เป็นสมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ ความละเอียด 1080p และมีเทคโนโลยีรับรู้แรงกด 3D Touch ทำให้ใช้ได้หลากหลายฟีเจอร์บนหน้าจอแสดงผล
- ปุ่มโฮมบน iPhone 7 Plus เป็นปุ่มแบบใหม่ที่มี Taptic Engine ไม่ต้องออกแรงกดหนัก ๆ เหมือนรุ่นก่อน ๆ แล้ว และมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้ว Touch ID
- ประสิทธิภาพการทำงานของ iPhone 7 Plus เหนือกว่าทุกรุ่นที่ผ่านมาของแอปเปิล ด้วยชิปเซ็ต Apple A10 Fusion ตัวใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมซีพียู Quad-core 2.3GHz กับจีพียู Hexa-core และแรม 3GB
- กล้องหลังคู่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ซูมแบบออพติคอลได้ 2 เท่า และสามารถซูมแบบดิจิตอลต่อไปได้อีกถึง 10 เท่า พร้อมตัวกันภาพสั่นไหว OIS กับแฟลช 4 ตัวแบบ Dual tone และคุณภาพของการบันทึกวิดีโอจากกล้องหลังถือว่าทำได้ดี
- iPhone 7 Plus มีลำโพงสเตอริโอที่จะช่วยให้การดูหนัง ฟังเพลง ได้มิติเสียงจากลำโพงข้าง ซึ่งดีกว่าลำโพงตัวเดียวในรุ่นก่อนหน้า
- แบตเตอรี่ 2,900 mAh และการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น เมื่อเทียบกับ iPhone 6s Plus
- ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP67 คือกันน้ำได้ลึกสูงสุด 1 เมตร นานสูงสุด 30 นาที
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- iPhone 7 Plus ไม่มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. แต่มีตัวแปลงพอร์ตแถมมาในกล่องสำหรับใช้งานกับหูฟังชนิดนี้ได้ แน่นอนว่าเมื่อเสียบหูฟังก็จะไม่สามารถชาร์จไฟให้กับตัวเครื่องได้ ซึ่งอาจต้องมองหาอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ มาใช้งานกันเอง
- NFC มีก็เหมือนไม่มีเพราะใช้สำหรับระบบชำระเงินผ่าน Apple Pay เท่านั้น
- สีดำเจ็ทแบล็คมีเฉพาะรุ่นความจุ 128GB และ 256GB เกิดคราบนิ้วมือได้ง่ายและเห็นชัดกว่าสีอื่น รวมถึงเกิดรอยขีดข่วนก็เห็นชัดกว่าสีอื่นด้วยผิวที่มีความเงาพิเศษ