เปิดตัว iPhone SE (2020) หลังจากหายไปนานถึง 4 ปี นับตั้งแต่เปิดตัวรุ่นแรกในปี 2016 มาดูกันว่า Apple ได้อัปเกรดอะไรให้สมาร์ทโฟนรุ่นเล็กตัวนี้บ้างเมื่อเทียบกับรุ่นแรก
อย่างแรกเลยที่มีการเปลี่ยนแปลงคือขนาดหน้าจอที่ใหญ่เป็น 4.7 นิ้ว จากเดิมในรุ่นแรกที่มีขนาด 4 นิ้ว และถึงแม้ว่าจะเพิ่มขึ้นขนาดหน้าจอแต่ก็ยังดูเล็ก เพราะปัจจุบัน iPhone มีหน้าจอที่ใหญ่มากถึง 6.5 นิ้วไปแล้ว จึงทำให้รุ่นนี้ยังคงตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการสมาร์ทโฟนจอเล็กจาก Apple
ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าดีไซน์และขนาดของ iPhone SE รุ่นใหม่ อาจเรียกว่าเป็นการกลับมาของ iPhone 8 เพราะเท่ากันเลย แต่อัปเกรดไปใช้ชิปเซ็ต Apple A13 Bionic จากเดิมในรุ่นแรกเมื่อ 4 ปีก่อนเป็นชิป A9 และ iPhone 8 ใช้ชิป A11
ฟีเจอร์ของกล้องเหมือนกับ iPhone 8 ทุกอย่างทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง โดยด้านหลังมีขนาด 12 ล้านพิกเซล f/1.8 ถ่ายวิดีโอ 4K@60fps ได้ ในขณะที่กล้องหน้า 7 ล้านพิกเซล f/2.2
จุดน่าสนใจนอกเหนือจากสเปคคือราคาของ iPhone SE (2020) ที่เริ่มต้นเพียงหมื่นกว่าบาทเท่านั้น
- 64GB ราคา 14,900 บาท
- 128GB ราคา 16,900 บาท
- 256GB ราคา 20,900 บาท
ถ้าใครยังสงสัยว่า iPhone SE (2020) ดีอย่างไร ก็พอจะพูดสรุปได้ง่ายๆ ว่าเป็น iPhone 8 ที่อัปเกรดไปใช้ชิปเซ็ต Apple A13 Bionic นั่นเอง และมีราคาถูกลงกว่าเดิมมาก และน่าจะตอบโจทย์คนที่ยังชอบ iPhone ที่มีปุ่มโฮม Touch ID