Buying Guides
iPhone SE 3 (2022) น่าใช้หรือไม่ นี่คือ 5 เหตุผลที่ควรซื้อ และเหตุผลที่ควรข้าม
iPhone SE รุ่นที่ 3 (ปี 2022) ยังน่าใช้งานหรือไม่ วันนี้เราจะมาพูดถึง 5 เหตุผลที่ควรซื้อ และ 3 เหตุผลที่ควรข้ามรุ่นนี้ไป ทีมงานได้รวมข้อมูลที่น่าสนใจมาฝากกันครับ ดูคลิปได้ที่นี่
Apple ใช้เวลา 4 ปีหลังจากที่ iPhone SE รุ่นแรก เพื่อออกรุ่นใหม่ในปี 2020 ซึ่งเป็นรุ่นที่ 2 เรียกได้เป็นการรอคอยที่ยาวที่สุดในการสานต่อรุ่นใหมของ iPhone เมื่อเทียบกับ iPhone รุ่นอื่นๆ ที่เปิดตัวทุกปี และแฟนๆ ต้องรอกันอีก 2 ปี กว่าจะได้เห็นรุ่นใหม่ในปี 2022 นั่นก็คือ iPhone SE รุ่นที่ 3 ในปัจจุบัน
iPhone SE 3 เป็น iPhone ราคาถูกรุ่นล่าสุด แม้ว่าจะไม่ใช่รุ่นที่มีสเปคแรงและดีที่สุดของ iPhone แต่การเปลี่ยนแปลงที่ความสำคัญอย่างมากจาก Apple ก็คือชิปเซ็ตรุ่นใหม่ที่รองรับ 5G และรองรับการเปิดใช้งานฟีเจอร์ภาพถ่ายใหม่ๆ ที่ได้รับการปรับปรุงหลายอย่างอีกด้วย
หลายคนอาจกำลังตัดสินใจว่า iPhone SE 3 ยังน่าใช้งานหรือไม่ในปี 2022 แม้ว่ารุ่นนี้จะมีแฟนพันธุ์แท้ที่ชื่นชอบในขนาดตัวเครื่องที่เล็กกะทัดรัด แต่จริงๆ แล้วรุ่นนี้มีอะไรหลายอย่างที่น่าสนใจมากๆ และนี่คือเหตุเผลที่ควรซื้อและเหตุผลที่ควรข้ามรุ่นนี้ไป
เหตุผลที่ควรซื้อ iPhone SE 3
- ได้ชิปเซ็ต A15 Bionic เหมือนกับ iPhone 13
ปกติแล้ว Apple จะนำชิปเซ็ตรุ่นล่าสุดที่เปิดตัวใน iPhone รุ่นพรีเมียม มาใช้งานกับ iPhone SE อย่างในปี 2020 ก็มีการนำชิป A13 Bionic ที่เปิดตัวพร้อม iPhone 11 ในปี 2019
สำหรับ iPhone SE 3 (2022) ก็ได้นำชิปเซ็ต A15 Bionic ที่เปิดตัวพร้อมกับ iPhone 13 จึงทำให้ iPhone SE 3 มีประสิทธิภาพของชิปเซ็ตที่ดีที่สุดของ iPhone ในราคาที่จับต้องกันได้ง่ายมากขึ้น
ชิปตัวนี้ยังอัดแน่นด้วย CPU แบบ 6-core มาพร้อมคอร์ประสิทธิภาพสูงจำนวน 2 คอร์ และคอร์ประหยัดพลังงานสูงจำนวน 4 คอร์ ทำให้ iPhone SE 3 เร็วกว่า iPhone 8 สูงสุดถึง 1.8 เท่า และเร็วยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อเทียบกับรุ่นที่เก่ากว่า
- กล้องที่ดีขึ้น
ชิป A15 Bionic ที่ใส่มาในรุ่นเล็กนี้ นอกจากจะทำให้เครื่องเร็วแรง ใช้งานลื่นๆ เท่านั้น แต่ยังทำให้ iPhone SE 3 รองรับการถ่ายภาพด้วยการประมวลผลระดับสูงของ Apple ได้ เรียกได้ว่าเป็นการปลดล็อกฟีเจอร์กล้องให้กับรุ่นนี้เลย แม้ตัวกล้องหลังจะมีเพียงเลนส์เดียวและมีความละเอียด 12MP
พอบอกว่ากล้องดีขึ้น ไม่ได้เทียบกับ iPhone 13 Pro Max รุ่นพรีเมียมตัวท็อปนะ แต่เรากำลังพูดถึงฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่สามารถทำได้ นั่นก็คือ การรองรับการถ่ายภาพ HDR อัจฉริยะ 4, คุณสมบัติ “สไตล์ภาพถ่าย”, Deep Fusion และโหมดภาพถ่ายบุคคล
แม้ว่าจะไม่มีโหมดภาพยนตร์สำหรับเปลี่ยนโฟกัสในการถ่ายวิดีโอ แต่ iPhone SE 3 ก็ดึงความสามารถของกล้องเพียงเลนส์เดียวออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานขึ้น
เห็นเป็นรุ่นเล็กๆ ทำให้หลายคนอาจไม่คาดหวังว่า Apple จะใส่ใจในเรื่องของกแบตเตอรี่ แต่ Phone SE 3 (2022) มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานกว่ารุ่นก่อนหน้า และสามารถใช้งานร่วมกับที่ชาร์จไร้สายที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Qi ยังรองรับการชาร์จแบบเร็วอีกด้วย
อะไรทำให้แบตเตอรี่ของรุ่นเล็กนี้อึดขึ้น อันนี้ต้องขอบคุณชิปเซ็ต A15 Bionic ที่ช่วยลดการใช้งานพลังงาน จัดการพลังงานได้ดีมากขึ้น และ Apple ก็ได้เพิ่มแบตเตอรี่เป็น 2018mAh ด้วย เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนที่มีแบตเตอรี่ 1821mAh
- รองรับ 5G
ทำไม 5G จึงน่าสนใจ ต้องอธิบายให้ทุกคนเข้าใจกันง่ายๆ แบบนี้นะครับ 5G ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อเครือข่ายเพื่อการอัปโหลดและดาวน์โหลดที่เร็วขึ้น สตรีมมิ่ง ดูหนังออนไลน์ก็ไม่รอโหลด ที่สำคัญคือความหน่วงต่ำมากๆ รองรับการใช้งานพร้อมกันได้ปริมาณที่มากขึ้น อย่างเช่นในงานคอนเสิร์ตหรือเคาท์ดาวน์ปีใหม่ เน็ตก็จะไม่ค้าง ทำให้ได้ประสบการณ์ที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ก็ยังมีโหมด “ข้อมูลอัจฉริยะ” ที่จะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้อย่างชาญฉลาดโดยการปรับความเร็วของ iPhone มาอยู่ที่ LTE เมื่อไม่จำเป็นต้องใช้ความเร็วระดับ 5G
- ได้อัปเดทเวอร์ชันอีกหลายปี
ทุกคนน่าจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า iPhone จะได้รับการสนับสนุนหรือว่ารองรับการอัปเดท iOS เวอร์ชั่นใหม่ประมาณ 5 ปี นั่นก็หมายความว่า iPhone SE 3 ก็ใช้งานได้ยาวๆ อีกหลายปี และถึงแม้ว่าจะไม่รองรับเวอร์ชั่นใหม่ในอนาคต ก็ยังใช้งานได้ต่อเนื่อง เพียงแต่ไม่ได้เวอร์ชั่นใหม่เท่านั้น อันนี้ก็เป็นจุดเด่นที่น่าสนใจของ Apple เลยครับ
ทั้งหมดนี้ก็เป็น 5 เหตุผลที่ทำให้ iPhone SE 3 น่าใช้งาน นอกเหนือจากตัวเครื่องที่มีขนาดเล็ก บางเบา พกพาง่าย และยังมีปุ่มโฮม Touch ID สแกนลายนิ้วมือ
แต่ก่อนจะตัดสินใจ เดี๋ยวไปดูเหตุผลที่ต้องพิจารณาที่ควรข้ามรุ่นนี้ไปกันก่อน
เหตุผลที่ควรข้าม iPhone SE 3
- กล้องไม่มีโหมดกลางคืน
กล้องของ iPhone SE 3 ได้รับการปรับปรุงฟีเจอร์ใหม่หลายอย่าง แต่ก็ยังไม่มีโหมดกลางคืน ดังนั้นรุ่นนี้จึงเหมาะกับการใช้งานกล้องในตอนกลางวัน ซึ่งก็ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่ากล้องหลังของรุ่นนี้ถ่ายภาพและวิดีโอในตอนกลางวันได้น่าประทับใจมากๆ เมื่อเทียบกับระดับราคาของ iPhone
- เล็กเกินไป
ที่บอกว่าเล็กเกินไปไม่ใช่ขนาดตัวเครื่องนะครับ แต่เป็นขนาดหน้าจอที่เล็กเกินไป ซึ่งมีขนาดเพียง 4.7 นิ้ว ทำไมผมถึงบอกกับทุกคนว่ารุ่นนี้จอเล็กเกินไป เพราะคอนคอทเทนท์ต่างๆ ที่จะแสดงบนหน้าจอก็จะเล็กลงตามไปด้วย ไม่ว่าจะดูหน้าเว็บไซต์ ดูคลิป ดูหนัง หรือการเล่นเกม ก็จะไม่เหมาะกับผู้ที่มีมือขนาดใหญ่ นิ้วมือใหญ่ๆ คือบังมุมมองหน้าจอแน่นอนตอนเล่นเกม แต่ขอดีก็คือถือใช้งานได้นานไม่เมื่อยมือ และถือใช้งานมือเดียวได้สะดวกมากๆ
- ไม่มี Face ID
เหมือนเป็นทางเลือกที่ทุกคนต้องติดสินใจว่าจะเอาปุ่มโฮม Touch ID สแกนลายนิ้วมือหรือไม่ บางคนก็ชอบ เหมือนได้ฟิลลิ่งความเป็น iPhone ก่อนที่จะมี Face ID สแกนใบหน้าเข้ามาแทนที่ ซึ่งการมีปุ่มโฮมนี้ก็ทำให้ด้านหน้ามีขอบที่หนาขึ้นตามไปด้วย อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบนะครับ
iPhone SE 3 เหมาะกับใคร
เหมาะกับสำหรับผู้ที่ชื่นชอบขนาดตัวเครื่องที่เล็ก พกพาง่าย รวมไปถึงราคาไม่แพงด้วย iPhone SE 3 รุ่นใหม่ล่าสุดจึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยมาพร้อมชิปประมวลผล A15 Bionic ประสิทธิภาพเร็วแรงใช้งานได้หลายปี เพราะอย่างที่ทราบกันว่า Apple สนับสนุนการอัปเดทซอฟต์แวร์ต่อเนื่องหลายปี
ด้วยขนาดขนาดที่เล็ก จึงเป็นรุ่นที่เหมาะสำหรับเด็กๆ ขนาดพอเหมาะในการถือใช้งานของเด็กๆ พกใส่กระเป๋าได้ง่าย อีกราคาเริ่มต้น 15,900 บาทสำหรับอุปกรณ์ของ Apple ก็ทำให้ผู้ปกครองตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้น แม้ว่าตัวเครื่องจะมีดีไซน์เก่าไม่ต่างไปจากรุ่นก่อนหน้า
นอกจากนี้ยังมี Touch ID สำหรับสแกนลายนิ้วมือ แทนที่จะเป็น Face ID เพื่อลดความยากในการใช้งานสำหรับเด็กที่มีอายุน้อย เพราะ Apple เคยกล่าวว่า Face ID เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่มีอายุ 13 ปีขึ้นไปเท่านั้น
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเหตุผลที่ควรซื้อ iPhone SE 3 และเหตุผลที่ควรข้ามรุ่นนี้ไป ก็หวังว่าจะเป็นคำแนะนำที่จะช่วยให้ทุกคนตัดสินใจเลือกซื้อ iPhone ให้เหมาะกับการใช้งานได้ตรงกับความต้องการมากขึ้น อย่าลืมกดติดตามแฟนเพจ @iPhoneDroid.net และทวิตเตอร์ @iPhone_Droid จะได้ไม่พลาดข่าวสารดีๆ ด้วยนะครับ