Smart Review
รีวิว iPhone SE รุ่นที่ 3 เครื่องศูนย์ไทย หน้าจอเล็กใช้งานแล้วเป็นอย่างไร
รีวิว iPhoen SE รุ่นที่ 3 มาพร้อมกล้องไวด์ ความละเอียด 12MP ได้รับการปรับปรุงในเรื่องของฮาร์ดแวร์, ISP และ Neural Engine ของชิป A15 Bionic ซึ่งจะช่วยให้ถ่ายภาพและวิดีโอทำได้ดีกว่าเดิม เมื่อเทียบกับ iPhone SE รุ่นก่อนหน้า (ดูคลิปรีวิว iPhone SE ที่นี่)
เนื้อหารีวิว
แม้ว่ารุ่นนี้จะมีกล้องหลังเพียงเลนส์เดียว แต่ก็รองรับการถ่ายวิดีโอคุณภาพสูงระดับ 4K สูงสุด 60 fps พร้อมด้วยระบบป้องกันภาพวิดีโอสั่นไหว และกล้องหน้าของเค้ายังมีความละเอียด 7MP เป็นครั้งแรกที่กล้องหน้าของ iPhone SE มาพร้อม Deep Fusion, HDR อัจฉริยะ 4 และสไตล์ภาพถ่ายอีกด้วย สำหรับใครชื่นชอบปุ่มโฮม Touch ID สแกนลายนิ้วมือ ในรุ่นนี้ก็ยังมีให้เหมือนเดิม เรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของ iPhone เลย
สเปค iPhone SE รุ่นที่ 3
- ขนาดเครื่อง: 138.4 x 67.3 x 7.3 มม.
- น้ำหนัก: 148 ก.
- หน้าจอแสดงผล: 4.7 นิ้ว Retina IPS LCD
- หน่วยประมวลผล: Apple A15 Bionic
- GPU: Apple GPU
- RAM: 4GB
- ความจุเครื่อง: 64GB /128GB / 256GB
- ระบบปฎิบัติการ: iOS 15
- กล้องหลัง: 12 ล้านพิกเซล f/1.8
- กล้องหน้า: 7 พิกเซล f/2.2
- การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth 5.0, NFC และพอร์ต Lightning
- แบตเตอรี่: ชาร์จเร็ว 18W ชาร์จไร้สาย
แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง
ตัวกล่องของ iPhone SE รุ่นที่ 3 เป็นกล่องสีขาวบางเบา ฝากล่องก็จะเป็นรูปตัวเครื่องที่มาพร้อมกับวอลเปเปอร์แบบใหม่
โดยอุปกรณ์ภายในกล่องนอกจากตัวเครื่องแล้วก็จะมีสายเคเบิล USB-C to Lightning, เข็มสำหรับจิ้มถาดใส่ซิม, เอกสารคู่มือ และสติกเกอร์โกโก้ Apple
iPhone SE รุ่นที่ 3 ขนาดตัวเครื่องจะมีขนาดเล็กๆ กะทัดรัด ด้านข้างดีไซน์โค้งเว้า เวลาจับถือก็จะกระชับมือ กรอบตัวเครื่องทำมาจากอะลูมิเนียมซีรีส์ 7000 ซึ่งเป็นเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศและสีตัวเครื่องก็จะเป็นสีเดียวกันทั้งเครื่อง ทั้งด้านหน้าและด้านหลังใช้กระจกที่เรียกว่าไอออน ซึ่งก็เป็นกระจกที่มีความแข็งแรง แถมยังเป็นรุ่นเดียวกันกับกระจกด้านหลังของ iPhone 13 และ iPhone 13 Pro ด้วย
นอกจากนี้แล้ว ยังมีการเคลือบสารกันรอยนิ้วมือบนกระจกทั้งด้านหน้าและหลังก็จะช่วยป้องกันการเกิดคราบรอยนิ้วมือเวลาเราจับใช้งาน
ด้านหลังมีกล้องหลัง 1 ตัว, ไมโครโฟน และไฟแฟลช LED 4 ดวง
ขอบด้านซ้ายตัวเครื่องมีปุ่มเลื่อนเปิด-ปิดเสียง ถัดลงมาเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง
ด้านขวามีปุ่ม Power และก็ช่องใส่ซิมการ์ดแบบ NanoSIM
ด้านล่างจะมีไมโครโฟน, พอร์ต Lightning และลำโพงตัวเครื่อง
ด้านบนหน้าจอก็จะมีกล้องหน้า 7 ล้านพิกเซล มีช่องลำโพงสำหรับคุยโทรศัพท์ และเป็นลำโพงอีกตัวสำหรับเสียงสเตอริโอด้วย
พื้นที่ด้านล่างหน้าจอก็จะเป็นปุ่มโฮม Touch ID มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
การออกแบบของ iPhone SE ยังมีมาตรฐานทนน้ำและฝุ่น IP67 ก็จะช่วยป้องกันตัวเครื่องเผื่อใครเจอเหตุการณ์อย่างเช่น ทำน้ำหรือกาแฟหกใส่ หรือเผลอทำเครื่องตกน้ำ เป็นต้น แต่ไม่แนะนำให้เอาไปจุ่มน้ำเล่นนะครับ
หน้าจอแสดงผล
จอภาพของ iPhone SE เป็นแบบ Retina HD เป็น iPhone ที่มีหน้าจอเล็กที่สุดในปัจจุบัน คือ 4.7 นิ้ว ต้องบอกว่ารุ่นนี้ออกมาสำหรับคนที่ชอบ iPhone หน้าจอเล็ก และยังมีปุ่ม Touch ID สำหรับสแกนลายนิ้วมือ
หน้าจอของรุ่นนี้มาพร้อมการแสดงผลแบบ True Tone ที่จะปรับไวท์บาลานซ์บนหน้าจอให้ตรงกับอุณหภูมิสีของแสงรอบๆ เพื่อให้เวลาเราดูหน้าจอรู้สึกสบายตายิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ ดูหนัง คลิปวิดีโอ เล่นเกม หรือการดูหน้าเว็บไซต์
สำหรับใครที่ใช้ iPhone จอใหญ่กว่าอยู่แล้ว ถ้าเห็นจอ iPhone SE ตัวนี้ ก็จะรู้สึกว่ามันเล็ก แปลกตาไปเลยครับ
ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน
iPhone SE มาพร้อมกับ iOS 15.4 มีการอัปเดตครั้งใหญ่ มีฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้ใช้งานเพียบ อย่างเช่น FaceTime สามารถใช้งานฟีเจอร์ SharePlay ฟังเพลง ดูหนัง หรือรายการทีวีไปพร้อมกับเพื่อนๆ ได้ หรือจะแชร์หน้าจอก็ทำได้ และตอนนี้เราสามารถแชร์ลิงก์ให้เพื่อนเพื่อเข้าร่วม FaceTime ได้แล้ว แม้เพื่อนจะไม่ได้ใช้ iPhone
โหมดโฟกัส เป็นฟีเจอร์ที่ส่วนตัวผมชอบมากๆ เพราะเจ้าฟีเจอร์นี้ช่วยให้เรามีสมาธิทำสิ่งต่างๆ โดยไม่ต้องมีอะไรขึ้นมารบกวน เพียงแค่เลือกรายการจากโหมดโฟกัสหรือสร้างรายการเองเพื่ออนุญาตเฉพาะการแจ้งเตือนที่เราต้องการเท่านั้น
ปกติแล้วเราจะเพิ่มบัตรสมาชิกต่างๆ ไว้ในแอปประเป๋าสตางค์ ซึ่งใน iOS 15.4 ตอนนี้เราสามารถเพิ่มบัตรการฉีดวัคซีนเข้าไปไว้ในแอปกระเป๋าสตางค์เพื่อใช้งานได้แล้ว อันนี้ดีมากๆ เวลาไปตามสถานที่ต่างๆ ที่ต้องการดูข้อมูลการฉีดวัคซีนก็จะสะดวกมากขึ้น
iPhone SE ตอนนี้รองรับ 5G แล้ว ก็จะทำให้การใช้งานออนไลน์ รับส่งข้อมูลต่างๆ ทำให้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการสตรีมวิดีโอคุณภาพสูงๆ การเล่นเกมที่ต้องการความหน่วงต่ำๆ หรือดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ๆ
ฟีเจอร์ต่างๆ อย่าง SharePlay หรือ FaceTime เมื่อใช้งานบนเครือข่าย 5G ก็จะทำให้ราบรื่นยิ่งขึ้น และก็มีโหมดข้อมูลอัจฉริยะและความสามารถในการเปลี่ยนมาใช้ 5G โดยอัตโนมัติเมื่อ Wi-Fi ที่เราใช้งานอยู่มีความเร็วที่ช้ากว่า ก็จะทำให้การเชื่อมต่อของเราไม่สะดุด
ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่
ชิป A15 Bionic ที่อยู่ใน iPhone SE อย่างทราบกันว่าเป็นชิปตัวเดียวกันกับใน iPhone 13 Series ซึ่งประสิทธิภาพการทำงานเป็นชิปที่ดีที่สุดใน IPhone ปัจจุบัน สำหรับการเล่นเกมทั่วไปคือลื่นไหล เล่นได้สบายๆ อยู่แล้ว ถ้าใครชอบเล่นเกมก็สามารถเลือกสมัคร Apple Arcade ได้ เป็นบริการเหมือนเราเหมาเกมที่มีอยู่ในนั้นทั้งหมด เล่นได้ไม่อั้น ตอนนี้ก็มีมากกว่า 200 เกม และก็มีเพิ่มเข้าเรื่อยๆ ด้วย
มาทดสอบเกม ROV ที่ฮิตๆ กันบ้าง แน่นอนว่าสามารถเปิดกราฟิกระดับสูงสุดได้ทั้งหมด ตลอดการเล่นเกมสิ่งที่สายเกมต้องชอบแน่นอนก็คือเฟรมเรทที่นิ่งมากๆ 60fps แม้จะเป็นฉากที่ร่วมทีมไฟต์ กราฟิกเยอะๆ ตอนปล่อยสกิล เล่นได้ชิลๆ ในเรื่องของประสิทธิภาพดีมากๆ แต่สำหรับใครที่มือใหญ่ๆ นิ้วก็บังหน้าจอทำให้จะรู้สึกว่าจอเล็กลงไปอีก
เกม PUBG Mobile ก็เปิดกราฟิกสูงทั้งหมด เล่นได้แบบสบายๆ แตะลากหน้าจอ เล็งเป้า ทำได้ติดมือดี ซึ่ง iPhone SE มีลำโพงสเตอริโอทำให้ เสียงเกม เอฟเฟ็กต์ต่างๆ ก็จะออกมาจากลำโพงทั้ง 2 ตัว ทำให้มีมิติเสียง เล่นสนุกมากขึ้น
สำหรับแบตเตอรี่ของ iPhone SE รุ่นที่ 3 ด้วยขนาดหน้าจอที่เล็ก และมาพร้อมชิปที่มีประสิทธิภาพอย่าง A15 Bionic ทำให้ใช้งานทั่วไปได้ยาวๆ ตลอดทั้งวัน และตัวเครื่องก็รองรับการชาร์จแบบไร้สายด้วย
กล้องถ่ายรูป iPhone SE
กล้องหลัง
iPhone SE มีกล้องหลังเลนส์ไวด์ ความละเอียด 12 ล้านพิกเกซล และก็มีค่ารูรับแสง f/1.8 ที่สำคัญคือได้ชิปเซ็ต A15 Bionic ที่มาพร้อม ISP และ Neural Engine ทำให้การถ่ายรูปทำได้ดียิ่งขึ้น
HDR อัจฉริยะ 4 ช่วยให้การถ่ายภาพยากๆ ในที่สภาพแสงต่างกันมากๆ เช่น การถ่ายย้อนแสง ก็จะเรนเดอร์ภาพคนออกมาให้ภาพดูดีขึ้น หน้าไม่มืด สภาพแสงและโทนสีผิวก็ปรับให้เข้ากับแต่ละบุคคล รายละเอียดด้านหลังก็ยังเห็นชัดเจนด้วย
Deep Fusion ที่เป็นการประมวลผลรูปภาพแบบพิกเซลต่อพิกเซล ก็จะช่วยปรับปรุงรายละเอียด ลดนอยซ์ เวลาถ่ายภาพที่มีรายละอียดเยอะๆ หรือในที่แสงน้อย
สไตล์ภาพถ่าย ก็จะเหมือนกับฟิลเตอร์ที่จะเปลี่ยนโทนสีของภาพที่ให้อารมณ์ความรู้สึกแตกต่างออกไป แต่ยังคงรักษาโทนสีของผิวไม่ให้ผิดเพี้ยนครับ
ปกติเวลาถ่ายภาพด้วยกล้อง iPhone ก็ได้โทนสีของภาพทีดูสมจริง ซึ่งเป็นสไตล์ภาพถ่ายเริ่มต้น
- สดใส: ก็จะได้ภาพที่มีความสว่างและสีสันที่สดใสสวยงาม และยังดูเป็นธรรมชาติ
- ความต่างระดับสีสูง: แสงเงาเข้มขึ้น สีสดขึ้น เป็นภาพที่มีความเด่นชัดมากกว่าปกติ
- โทนอุ่น: เป็นการปรับโทนสีทองอ่อนให้ภาพเป็นโทนอุ่น
- โทนเย็น: เป็นการปรับให้เป็นโทนสีฟ้าอ่อนที่ให้ความรู้สึกเป็นโทนเย็นๆ ตรงข้ามกับโทนอุ่น
กล้องหลังตัวเดียว แต่ใช้งานทุกฟีเจอร์จริงๆ สำหรับรุ่นนี้ เพราะมีโหมดภาพถ่ายบุคคลที่มีการควบคุมระยะชัดลึกและเอฟเฟ็กต์การจัดแสงภาพถ่ายบุคคลทั้ง 6 แบบด้วย ได้แก่ แสงไฟสตูดิโอ, แสงไฟธรรมชาติ, แสงไฟคอนทัวร์, แสงไฟเวทีขาวดำ และแสงไฟเวที
การถ่ายวิดีโอ ก็รองรับคุณภาพสูงสุด 4K ที่ 60fps แต่ถ้าใครต้องการไฟล์ภาพที่มีมีรายละเอียดในส่วนของไฮไลท์และแสงเงาที่สวยงาม ให้เลือกอัตราเฟรมสูงสุด 30fps และเรื่องของระบบกันสั่นก็ทำมาออกได้ดีมากอีกด้วย
กล้องหน้า
กล้องหน้าของ iPhone SE รุ่นที่ 3 มีความละเอียด 7 ล้านพิกเซล เซลฟี่ภาพออกมาได้ดีขึ้นมาก เพราะมี ISP และ Neural Engine ที่มาพร้อมชิป A15 Bionic รองรับโหมดการถ่ายภาพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สไตล์ภาพถ่าย, Deep Fusion และ HDR อัจฉริยะ 4 สำหรับภาพถ่าย
นอกจากนี้แล้วก็มีโหมดภาพถ่ายบุคคลแบบหน้าชัดหลังละลาย และเลือกเอฟเฟ็กต์ในการจัดแสงภาพถ่ายบุคคลทั้ง 6 แบบได้เหมือนกล้องหลังด้วย
สรุป รีวิว iPhone SE รุ่นที่ 3
iPhone SE ออกแบบมาเพื่อคนที่ชื่นชอบมือถือที่มีขนาดเล็ก รวมไปถึงราคาไม่แพงด้วย iPhoen รุ่นนี้จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยมาพร้อมชิปประมวลผล A15 Bionic ประสิทธิภาพเร็วแรงใช้งานได้หลายปี เพราะอย่างที่ทราบกันว่า Apple สนับสนุนการอัปเดทซอฟต์แวร์ต่อเนื่องหลายปี ด้วยขนาดที่เล็ก น้ำหนักเบา พกพาง่าย และยังมี Touch ID สำหรับสแกนลายนิ้วมือ แทนที่จะเป็น Face ID เพื่อลดความยากในการใช้งาน จึงทำให้รุ่นนี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ปกครองที่กำลังมองหามือถือให้กับลูกๆ ในราคาที่จับต้องได้ง่ายมากขึ้น
สรุปจุดเด่น
- จอภาพ Retina HD ขนาด 4.7 นิ้ว เล็กกะทัดรัด พกพาง่าย
- ชิป A15 Bionic ตัวเดียวกับที่อยู่ใน iPhone 13
- ตัวเครื่องรองรับ 5G
- กล้องที่รองรับฟีเจอร์ใหม่ๆ
- ปุ่มโฮมพร้อม Touch ID เอาไว้สแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคและลงชื่อเข้าใช้แอปต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย
จุดสังเกต
- ดีไซน์ยังเหมือนเดิมกับ iPhone SE รุ่นที่ 2 (2020)
iPhone SE รุ่นที่ 3 มีเลือก 3 สี ได้ มิดไนท์, สตาร์ไลท์ และ (PRODUCT)RED ราคาเริ่มต้น 15,900 บาท จะเริ่มวางขายตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม เป็นต้นไป