Apple News
บอกเล่าความรู้สึก iPhone X หลังใช้งานได้ 1 เดือนเต็ม
iPhone X ถือเป็น iPhone ที่ดีที่สุดที่ผมเคยใช้มา ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างภายนอกและความสามารถภายใน ครั้งแรกที่ได้สัมผัสมันรู้สึกเหมือนถืออนาคตไว้ในมือจริง ๆ มันไร้ขอบ มันแปลกตา มันสวยสมดุล ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน อาจจะมีอย่างนึงที่ขัดตานิดหน่อยนั่นคือรอยบากด้านบน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาของผมหลังจากที่ได้ใช้ ผมไม่ได้รู้สึกรำคาญรอยบากด้านบนเลย เพราะหน้าจอมันยาวอยู่แล้ว รอยบากซึ่งเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของหน้าจอทำให้ผมมองข้ามมันไป
Face ID
Face ID ถือเป็นอะไรที่ใหม่สำหรับสมาร์ทโฟน ด้วยการใช้กล้อง TrueDepth มาช่วยในการปลดล็อค ตรวจจับความลึกตื้นของใบหน้า แม้ว่าใส่แว่น หรือปิดไฟก็สามารถปลดล็อคเครื่องได้อย่างราบรื่น และรวดเร็ว ไม่ติดขัดอะไร แต่มันไม่สามารถสแกนใบหน้าแบบเฉียงได้ นั่นหมายความว่าเวลาจะปลดล็อคเครื่อง ต้องถือ iPhone แนวตั้งเท่านั้น และบางทีถ้ายื่นหน้าใกล้จนเกินไปก็จะไม่สามารถสแกนหน้าได้ และต้องใส่รหัส นี่เป็นข้อเสียอย่างหนึ่งของ Face ID หลังจากที่ได้ใช้
ฟีเจอร์กันเสือก
ฟีเจอร์กันเสือก หรือฟีเจอร์ซ่อนรายละเอียดเมื่อไม่ได้มองหน้าจอ เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่เจ๋งมาก ๆ หากเราวาง iPhone X ไว้ที่ไหนแล้วมีใครส่งข้อความอะไรมา ไม่ว่าใครที่ผ่านมาดูก็จะไม่มีทางรู้ว่าใครส่งมาและส่งมาว่าอะไร มันจะแสดงก็ต่อเมื่อเจ้าของเครื่องยื่นหน้ามาเพื่อปลดล็อค
กล้อง
มาที่เรื่องของกล้อง ซึ่งมีฟีเจอร์ใหม่นั่นคือการถ่ายภาพบุคคลแบบจำลองแสงสตูดิโอ (Portrait Lighting) หลังจากที่ได้ลองใช้งานแล้วถือว่าได้ภาพที่สวยมาก ๆ ราวกับถ่ายในสตูดิโอเลย แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในการเก็บรายละเอียดการเบลอด้านหลังที่ยังทำงานไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ แต่เมื่อเทียบกับ iPhone 7 Plus แล้ว iPhone X ถือว่าปรับปรุงได้ดีขึ้นมากทีเดียว และอีกหนึ่งความสามารถของ iPhone X คือ สามารถถ่ายภาพแบบ Portrait Lighting ด้วยกล้องหน้า และมีฟีเจอร์ Animoji สร้างการเคลื่อนไหว emoji ให้เคลื่อนไหวตามใบหน้าของเรา ด้วยกล้อง TrueDepth ถือเป็นความสามารถพิเศษที่ทำได้เฉพาะ iPhone X รุ่นเดียว นี่คือเหตุผลที่ผมเลือกซื้อ iPhone X มากกว่าที่จะซื้อ iPhone 8 หรือ iPhone 8 Plus แต่หากใครอยากซื้อรุ่นไหนก็สามารถเลือกซื้อได้ตามกำลังทรัพย์หรือตามความชอบของตัวเองนะครับ ไม่จำเป็นที่จะต้องซื้อ iPhone X เพราะราคาค่อนข้างสูงมาก ๆ สำหรับสมาร์ทโฟน หากใครที่มีกำลังทรัพย์แล้วชอบ iPhone X ก็สามารถซื้อได้โดยไม่ต้องลังเลเลย เพราะมันก็คุ้มค่าสมราคาอยู่
หน้าจอ
หน้าจอที่ไร้ขอบ เป็นอะไรที่สุดยอดมากสำหรับ iPhone X ความรู้สึกที่ได้ใช้มันรู้สึกเต็มตา รู้สึกหน้าจอยาวขึ้น รู้สึกสบายตากับแสงที่นุ่มนวลสบายตากับโหมด True Tone และหน้าจอแบบ OLED ที่ปรับแสงให้เข้ากับสภาพแวดล้อมภายนอก และข้อดีของจอ OLED คือเมื่อมีส่วนของสีดำ จะดำสนิทจริง ๆ ไม่มีแสงของสีดำเล็ดลอดออกมาเหมือนกับ iPhone รุ่นก่อนหน้า แต่ข้อเสียของจอ OLED นั่นก็คือ จอมีโอกาสเบิร์นได้ ซึ่ง Apple ได้ออกมากล่าวว่าการที่เกิดหน้าจอเบิร์นบน iPhone X ถือเป็นเรื่องปกติของจอ OLED ซึ่งถ้าหน้าจอเบิร์นจะมีผลทำให้หน้าจอมีสีที่ผิดปกติ อาจจะมีสีอ่อนลงไม่ดำสนิท เวลาปิดหน้าจอ ดังนั้นควรเปิดการปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติเพื่อถนอมหน้าจอ OLED ไม่ให้เบิร์นก่อนเวลาอันควร อีกหนึ่งปัญหาที่บางคนพบคือ หน้าจอมีเส้นสีเขียวจากการแสดงผลที่ผิดปกติของจอ OLED ซึ่งหากใครพบปัญหานี้ สามารถนำเครื่องส่งเคลมได้ทันที ที่ iCare โดยส่วนตัวผมไม่พบอาการผิดปกตินั้นแต่อย่างใด ฉะนั้นไม่ต้องกังวลไปว่าถ้าซื้อแล้วจะเจอปัญหานี้รึเปล่า เพราะเป็นแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่เจอปัญหานี้
Application
เรื่องของแอปบางแอปที่ยังไม่รองรับหน้าจอของ iPhone X ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญ แต่ตอนนี้ก็มีหลายแอปที่อัพเดทให้รองรับหน้าจอของ iPhone X แล้ว แต่บางแอปก็ยังไม่ทำการอัพเดทสักที ซึ่งหลาย ๆ คนน่าจะหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยเลยที่ต้องใช้โดยมีขอบดำด้านบน-ล่าง คาดว่าเหล่านักพัฒนาจะทำการอัพเดทแอปให้รองรับหน้าจอ iPhone X กันถ้วนหน้าเร็ว ๆ นี้
ไม่มีปุ่มโฮม?
เรื่องของหน้าจอที่ไร้ปุ่มโฮมอย่าง iPhone X ก็ไม่ได้ทำให้การใช้งานลำบากขึ้นแต่อย่างใด เวลาจะปลดล็อคเครื่องหรือออกจากแอป เพียงแค่สไลด์ขึ้นเท่านี้ก็สามารถทำได้เหมือนการกดปุ่มโฮมหนึ่งครั้ง ส่วนการเปิด Multitasking อาจจะช้ากว่าเดิมเพราะต้องเอานิ้วสไลด์จากด้านล่างมาที่ตรงกลาง และต้องกดค้างที่แอปที่ต้องการปิดให้ปรากฏเครื่องหมายลบสีแดงด้านบนซ้ายมือของแอปก่อนจึงจะทำการสไลด์ปิดแอปนั้นได้
ทั้งหมดนี้เป็นการรีวิวหลังจากที่ได้ใช้งานมาเกือบ 1 เดือนให้ทุกคนได้อ่านและเป็นทางเลือกในการตัดสินใจว่าจะซื้อ iPhone X ดีหรือไม่