Featured
รีวิว iPhone XS Max สมาร์ทโฟนตัวท็อป พร้อมการอัพเกรดสิ่งใหม่ที่คุณอาจไม่รู้
iPhone XS Max สมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาจาก Apple ด้วยขนาดหน้าจอ 6.5 นิ้ว เป็นแผง OLED ที่มีขอบหน้าจอบางลงกว่าเดิม ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการหน้าจอที่ใหญ่มากกว่า iPhone X และ iPhone XS โดยมีการปรับปรุงในเรื่องของกล้องถ่ายรูป ลำโพงที่ดังกว่า และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานขึ้น
สรุปข้อมูลและสเปค iPhone XS Max
- กรอบตัวเครื่องสแตลเลสสตีล กระจกหน้า-หลัง กันน้ำได้มาตรฐาน IP68 โดยมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Space Gray, Gold และ Silver
- หน้าจอแสดงผลขนาด 6.5 นิ้ว OLED ขอบหน้าจอบางลง ความละเอียด 1242 x 2688 พิกเซล
- ระบบปฏิบัติการ iOS 12
- ชิปเซ็ต Apple A12 Bionic (7nm) และมี Apple NPU รุ่นที่ 2
- ความจุตัวเครื่อง 64/256/512GB (ไม่รองช่องเพิ่มหน่วยความจำภายนอก)
- กล้องหลังคู่ 12 ล้านพิกเซล (Wide Angle) รูรับแสง f/1.8 พร้อมระบบกันสั่น OIS และเลนส์ Telephoto รูรับแสง f/2.4 มีระบบกันสั่น OIS
- รองรับการบันทึกวิดีโอ 4K @60fps และ 1080p @240fps
- กล้องหน้า 7 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 รองรับการบันทึกวิดีโอ 1080p@60fps
- รองรับการเชื่อมต่อ Dual SIM, 4G LTE (1 Gbps), Wi-Fi a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.0, Lightning port, GPS และ NFC (พร้อมตัวอ่าน)
- แบตเตอรี่รองรับการชาร์จไร้สาย
- ปลดล็อคด้วย Face ID
- ลำโพงสเตอริโอ
ดีไซน์ตัวเครื่องและหน้าจอแสดงผล iPhone XS Max
iPhone XS Max มีขนาดตัวเครื่องที่ใหญ่พอๆ กับ iPhone 8 Plus แต่การดีไซน์แบบใหม่ที่ทำให้ขอบหน้าจอบางลง จึงทำให้ได้พื้นที่แสดงผลที่ใหญ่มากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นที่มีหน้าจอใหญ่ที่สุดจาก Apple ในขณะนี้
รูปลักษณ์ภายนอกไม่ต่างไปจาก iPhone XS มีเพียงขนาดตัวเครื่องที่ต่างกันเท่านั้น โดยกรอบตัวเครื่องเป็นสแตนเลสสตีลที่มีความมันเงาสูง และฝาหลังเป็นกระจกที่มีขอบโค้งมนแบบ 2.5D ซึ่งสิ่งใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนใน X-Series คือตัวเครื่องสีทองนั่นเอง จึงทำให้สีนี้เป็นสีที่สร้างโดดเด่นและสังเกตได้ง่ายขึ้นว่าเป็น iPhone รุ่นใหม่ของปี 2018
สำหรับเกรดของกระจกที่ทาง Apple เลือกนำมาใช้งานกับ iPhone XS Max เป็นกระจกนิรภัยระบุว่ากระจกที่แข็งแรงที่สุดในสมาร์ทโฟน ซึ่งหลายคนน่าจะได้เห็นการทดสอบ Drop Test จากหลายสื่อบน YouTube กันไปแล้ว และมีการเคลือบ Oleophobic ให้ผิวสัมผัสที่ลื่น ลดการเกิดคราบรอยนิ้วมือได้มากกว่าสมาร์ทโฟนที่มีการเคลือบสารชนิดนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าวัสดุกระจกจะทิ้งคราบรอยนิ้วมือได้ง่ายอยู่แล้ว
รุ่นนี้ยังเป็นรุ่นแรกจาก Apple ด้วยที่มีการอัพเกรดตัวเครื่องให้สามารถกันน้ำได้ตามมาตรฐาน IP68 แต่บนหน้าเว็บไซต์ก็ระบุชัดเจนว่าไม่แนะนำให้นำไปใช้งานใต้น้ำ เนื่องจากไม่ได้อยู่ภายใต้การรับประกันความเสียหาย ดังนั้นฟีเจอร์นี้ถูกใส่มาให้ก็เพื่อป้องกันในยามฉุกเฉินเหมือนกับสมาร์ทโฟนหลายๆ รุ่นในท้องตลาด
หน้าจอแสดงผลของ iPhone XS Max มีขนาด 6.5 นิ้ว เป็นแผงหน้าจอ OLED ซึ่งหน้าจอนี้ถูกนำมาใช้งานกับ iPhone X เป็นรุ่นแรก แต่ในรุ่นใหญ่ใหม่ล่าสุดมีอัตราส่วนหน้าจอ 19.5:9 ซึ่งเป็นหน้าจอแบบยาว ความละเอียด 1242 x 2688 พิกเซล รองรับเทคโนโลยีการแสดงผล HDR10 และ Dolby Vision รวมถึงรองรับแรงกดด้วยเทคโนโลยี 3D Touch ก็ยังมีให้ใช้งานเช่นเดียวกัน
เหนือหน้าจอมีเลนส์กล้องหน้า 7 ล้านพิกเซล ระบบสแกนใบหน้า Face ID และลำโพงสำหรับสนทนา ซึ่งใช้เป็นลำโพงตัวที่ 2 ในการขับเสียงแบบสเตอริโอร่วมกับลำโพงหลักที่อยู่ขอบด้านล่างตัวเครื่อง
ขอบด้านล่างหน้าจอมีไมโครโฟน พอร์ตเชื่อมต่อ Lightning และลำโพง
ขอบด้านซ้ายมีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มปิดเสียง
ขอบด้านขวามีปุ่ม Power และถาดใส่ซิมขนาด Nano SIM จำนวน 1 ช่อง โดยรุ่นโมเดลที่วางจำหน่ายในไทยจะเป็นรุ่น Dual SIM ที่มี eSIM อยู่ในเครื่อง สามารถไปเปิดใช้งานร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายในไทยได้ (รออัพเดทการเปิดใช้งานจาก Apple และค่ายต่างๆ)
ด้านหลังตัวเครื่องมีเลนส์คู่กล้องแนวตั้งความละเอียด 12 ล้านพิกเซลเท่ากันทั้ง 2 เลนส์ แต่เป็นเลนส์คนละชนิด โดยเลนส์หลัก Wide Angle แม้จะมีความละเอียดเท่าเดิมเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า แต่มีการปรับปรุงใหม่ที่หลายคนอาจไม่ทราบ ภาพถ่ายที่ได้มีความคมชัดและสว่างมากขึ้น รวมไปถึงอีกเลนส์ Telephoto สำหรับซูมระยะไกล และไฟแฟลช Quad-LED
อินเตอร์เฟซและฟังก์ชั่นการใช้งาน iPhone XS Max
สำหรับหน้าตาของอินเตอร์เฟซบน iPhone XS Max ไม่ต่างไปจาก iPhone รุ่นอื่นๆ โดยมาพร้อมระบบปฏิบัติการ iOS 12 ตั้งแต่แกะออกจากกล่อง แตกต่างไปจากสมาร์ทโฟน Android ที่จะมีความต่างออกไปหากมาจากคนละค่าย
ฟีเจอร์ใหม่ๆ ใน iOS 12 ที่เพิ่มเข้ามา เช่น Grouped Notifications, Screen Time, โหมด DND ที่ดีกว่าเดิม, แสดงรายละเอียดการใช้งานแบตเตอรี่ และอื่นๆ ซึ่ง iPhone ในปีนี้เป็น Series ที่ปิดฉากสมาร์ทโฟนที่มีปุ่มโฮม Touch ID อย่างเป็นทางการ ทุกรุ่นใช้ระบบ Face ID ในการปลดล็อคหน้าจอ และใช้ท่าทางในการสั่งงานฟังก์ชั่นต่างๆ
ด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่ iPhone XS Max จะสามารถแสดงผลได้มากกว่า iPhone รุ่นเก่า ไม่ต้องเลื่อนหน้าจอบ่อยๆ เมื่อเข้าอ่านข้อความหน้าเว็บไซต์หรือเข้าเมนูตั้งค่าก็จะเห็นเมนูได้มากกว่า โดยรอยบากบริเวณขอบหน้าจอยังคงเป็นสิ่งที่อาจสร้างความเกะกะสายตาเวลาใช้งานอยู่บ้าง แต่เมื่อใช้งานไปสักพักหรือเคยใช้ iPhone X มาก่อนก็อาจคจะชินได้ไม่ยาก เพราะในปัจจุบันสมาร์ทโฟนทางฝั่ง Android ต่างก็มีดีไซน์ในรูปแบบนี้เช่นเดียวกัน
หน้าจอ OLED ของ iPhone XS Max รองรับการแสดงผล HDR10 และ Dolby Vision ที่ให้ภาพสีสันสดใสและคมชัดมากกว่าเดิม น่าจะถูกใจผู้ที่ชื่นชอบการดูหนังบน Netflix หรือ YouTube รวมถึงแอพวิดีโออื่นๆ ที่สนับสนุนสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่นี้ โดยลำโพงหน้าที่ให้สำหรับขับเสียงออกมาแบบสเตอริโอร่วมกับลำโพงหลัก จากการใช้งานพบว่าเสียงดังมากกว่าเดิม เวลาดูหนังหรือเล่นเกมก็ได้มิติของเสียงซ้ายขวามากขึ้น และสำหรับการใช้งานร่วมกับหูฟังที่แถมมาในกล่องจะเป็นหูฟังพอร์ต Lightning ไม่ต้องมีตัวแปลง 3.5mm to Lightning แล้ว
สำหรับฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยด้วย Face ID จากการใช้งานพบว่าทำงานได้รวดเร็วขึ้นมากกว่าเดิมเมื่อเทียบกับ iPhone X ซึ่งน่าจะมาจากชิพ NPU รุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับ Apple A12 และตอนนี้บน iOS 12 สามารถบันทึกใบหน้าได้ 2 ใบหน้าแล้ว
ประสิทธิภาพและการเล่นเกม iPhone XS Max
iPhone XS Max ใช้ชิพประมวลผลตัวใหม่ Apple A12 Bionic กระบวนการผลิตที่ 7nm ทำให้มีจำนวนทรานซิสเตอร์ต่อพื้นที่บรรจุ 1 ตารางเซ็นติเมตรสูงกว่า Apple A11 ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลให้ประสิทธิภาพในการประมวลผลนั้นดีขึ้นอย่างชัดเจน โดยมีซีพียู Hexa-core และแรม 4GB ซึ่งผลการทดสอบ AnTuTu ซึ่งเป็นการทดสอบภาพรวมของการทำงานในส่วนของหน่วยความจำแรม และประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือจีพียู ทำคะแนนรวมได้สูงถึง 328,258 คะแนน ระดับคะแนนถือว่าทำได้สูงมาก
ผลการทดสอบด้วย Geekbench 4 เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานและการประมวลผล การทดสอบนี้จะทำการประมวลออกมาเป็นตัวเลขแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ Single-Core และ Multi-Core หากได้คะแนนยิ่งสูงประสิทธิภาพการทำงานจะยิ่งดี โดยผลทดสอบของ iPhone XS Max ทำคะแนน Single-Core ได้ 4,788 และ Multi-Core ทำได้ 11,257 คะแนน ผลคะแนนดีขึ้นชัดเจนเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าทั้ง iPhone X และ iPhone 8
ทดสอบเล่นเกม PUBG Mobile อีกหนึ่งเกมที่กำลังฮิตในขณะนี้ ซึ่งเป็นเกมที่ต้องการทั้งความลื่นไหล ต้องใช้การควบคุมทิศทาง และความแม่นยำในการระบุเป้ายิง สามารถเล่นได้อย่างไม่สะดุด ไม่เจออาการกระตุกทั้งการเล่นในโหมดกราฟิกในระดับสูง และภาพความละเอียดสูง
กล้องถ่ายรูป iPhone XS Max
iPhone XS Max มีกล้องด้านหลังเลนส์คู่ 12 ล้านพิกเซล, f/1.8 เป็นเลนส์ 26mm (Wide Angle) ระบบโฟกัสแบบ PDAF และอีกเลนส์ 12 ล้านพิกเซล f/2.4 เป็นเลนส์ 52mm (Telephoto) ระบบโฟกัสแบบ PDAF และสามารรถซูมได้ 2 เท่าแบบ Optical zoom ซึ่งเลนส์ทั้ง 2 ตัวมีกันสั่นแบบ OIS ด้วย ส่วนแฟลช Quad-LED เป็นไฟแบบ Dual-tone
ภาพถ่ายปกติในโหมดออโต้ของ iPhone XS Max พบว่าเป็นเลนส์ที่มีมุมกว้างกว่าเมื่อเทียบกับ iPhone X ซึ่งเป็นเลนส์ 28mm ทำให้หลายคนอาจคิดว่าตัวกล้องไม่ได้มีการอัพเกรดใดๆ ไปจากเดิม แต่จริงๆ แล้วมุมภาพที่ถ่ายได้ในรุ่นใหม่มีความกว้างมากกว่าพอสมควร
ตัวกล้องยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า Smart HDR หรือ HDR อัจฉริยะที่จะถ่ายภาพ 4 เฟรมแล้วรวมเป็นภาพเดียวอัตโนมัติ ทำให้รายละเอียดของภาพมีความคมชัดและช่วงแสงของภาพก็จะมีความสว่างมากขึ้นด้วย
ครั้งแรกที่กล้องของ iPhone XS Max สามารถถ่ายภาพในโหมด Portrait ได้โดยไม่ต้องใช้เลนส์ Telephoto เข้ามาช่วยเก็บระยะชัดลึกชัดตื้น ซึ่งเป็นความสามารถของ ISP ที่มี Depth Mapping และชิพ NPU ตัวใหม่ใน Apple A12 ที่ทำให้การถ่ายภาพในโหมด Portrait ใช้เพียงกล้องหลังเพียงเลนส์เดียว และทำงานร่วมกับ HDR ได้ด้วย
จากการทดสอบการใช้เลนส์เดียวในโหมด Portrait โดยการใช้นิ้วปิดเลนส์ Telephoto พบว่า iPhone XS Max สามารถถ่ายภาพในโหมด Portrait ได้ ในขณะที่ iPhone X รุ่นปีที่แล้ว เมื่อปิดเลนส์ Telephoto พบว่าการโฟกัสจะเบลอเล็กน้อย หรือถ้าโฟกัสได้แล้วเมื่อถ่ายภาพออกมาก็จะไม่เป็นภาพที่ถ่ายจากโหมด Portrait แม้ตอนถ่ายหน้าจอจะขึ้นข้อความสีเหลืองว่าเป็นการถ่ายในโหมดนี้ก็ตาม
สำหรับภาพถ่ายจากโหมด Portrait สามารถปรับค่ารูรับแสงเพื่อละลายฉากหลังได้แล้วหลังจากถ่ายภาพตั้งแต่ f/1.4 ไปจนถึง f/16 และสำหรับ iOS 12.1 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นใหม่ที่อยู่ระหว่างการทดสอบนั้น สามารถปรับค่ารูรับแสงได้แบบเรียลไทม์ก่อนถ่ายภาพ
กล้องหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 จากการใช้งานพบว่าถ่ายภาพได้ไวมากขึ้น ซึ่งก็มาจาก ISP ตัวใหม่ที่ใส่มาให้ในรุ่นนี้ รวมไปถึงภาพเซลฟี่มีความสว่าง และรู้สึกว่าผิวหน้ามีความเนียนมากกว่าเดิมด้วยเมื่อเทียบกับ iPhone X
นอกจากนี้แล้ว HDR Smart ยังทำงานนร่วมกับกล้องหน้าด้วย ทำให้ภาพเซลฟี่มีความสวยงามและยังให้รายละเอียดของฉากหลังที่ครบถ้วน รวมไปถึงทำงานกับโหมด Portrait ได้เช่นกัน เพื่อให้ได้ภาพเซลฟี่ที่มีความโดดเด่นด้วยการเบลอฉากหลัง และการคอนทราสต์ที่ดีกว่าการถ่ายภาพโดยปิด HDR
ตัวอย่างภาพถ่าย
สรุปจุดเด่น
- หน้าจอ OLED มีความคมชัดและสีสันสวย ขอบจอบางลง และมีตัวเครื่องสีทอง ดีไซน์กรอบสแตนเลสสตีลมีความันเงาสวยงาม
- รุ่นใหม่มีแรมมากกว่าเดิม และใช้ชิพตัวใหม่ A12 การใช้งานทั่วไปทำงานได้รวดเร็วขึ้น และเล่นเกมต่างๆ ได้อย่างลื่นไหล
- กล้องถ่ายรูปด้านหลังเลนส์คู่ที่ให้มุมกว้างมากกว่าเดิมเมื่อเทียบกับ iPhone X ทำงานได้รวดเร็วทั้งระบบโฟกัส ประมวลผลภาพ และเก็บรายละเอียดแสงได้ดีมากขึ้น
- รองรับการบันทึกวิดีโอ 4K@60fps และสามารถบันทึกเสียงแบบสเตอริโอที่ให้มิติของเสียงสมจริงมากขึ้น
- กันน้ำมาตรฐาน IP68
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- ไม่มีตัวแปลงพอร์ต 3.5mm to Lightning แถมมาในกล่องแล้ว โดยจะแถมเป็นเห็นหูฟังพอร์ต Lightning อยู่ในกล่อง
iPhone XS และ iPhone XS Max เริ่มวางจำหน่ายในไทยแล้วตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา AIS ก็ได้มีการเปิดให้ผู้ค้าไปรับเครื่องที่สั่งจองไว้ได้แล้ว บรรยากาศภายในงานคึกคักมาก
สำหรับ iPhone XS และ iPhone XS Max ตัวเครื่องจะสามารถใช้งาน AIS NEXT G ที่หลายคนรอคอยได้ในเร็วๆ นี้ รอติดตามกันได้ ด้วยประสิทธิภาพของ iPhone รุ่นใหม่ และเครือข่ายที่เร็วที่สุดจาก AIS จะทำให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์อีกขั้นในความเร็วสูงสุดระดับ 1 Gbps
และสำหรับใครที่กำลังมองหาโปรโมชั่นเด็ดๆ ต้องห้ามพลาดกับ AIS ที่มอบความพิเศษทั้งลูกค้าใหม่และลูกเดิม รวมไปถึงราคาพิเศษทั้งเครื่องเปล่าและเครื่องพร้อมแพ็กเกจด้วย เมื่อซื้อ iPhone XS Max และ iPhone XS พร้อมแพ็กเกจ 4G Hot Deal Max Speed ลดสูงสุด 7,700 บาท
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
iPhone XS: www.ais.co.th/iPhoneXS
iPhone XR: www.ais.co.th/iPhoneXR