Featured
รีวิว iQOO Z7 Series 5G สมาร์ตโฟน ‘Born for Gen Z’ ครบเครื่อง สเปคทรงพลัง ดีไซน์สวย ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน
รีวิว iQOO Z7 Series 5G สมาร์ตโฟนตอบโจทย์คน Gen Z ด้วยฟีเจอร์ครบครัน ดีไซน์สวย กล้องขั้นเทพ พร้อมสเปคแรงพลังขั้นสุด ตามสโลแกน “Born for Gen Z” โดยครั้งนี้มาครบ 2 รุ่น ทั้ง iQOO Z7 5G และ iQOO Z7x 5G ซึ่งทั้ง 2 รุ่นมีความแตกต่างกันเล็กน้อยเท่านั้น เราเลยขอเน้นไปที่รุ่นพี่อย่าง iQOO Z7 5G แล้วกันครับ (แต่ก็จะมีเทียบส่วนต่างๆ ให้อยู่ครับ)
สรุปสเปค iQOO Z7 5G
- ขนาดตัวเครื่อง : 164.58 x 75.80 x 8.75 มม.
- น้ำหนัก : 201.5 กรัม
- หน้าจอแสดงผลหลัก LCD ขนาด 6.64 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2388 x 1080 พิกเซล) รองรับ HDR10, Refresh Rate 120Hz และ Touch Sampling Rate 240Hz
- หน่วยประมวลผล : Snapdragon 782G ความเร็ว 2.7GHz
- RAM : 8/12GB
- ROM : 128/256GB
- กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 2 เลนส์ ดังนี้
- เลนส์หลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.79 รองรับกันสั่น OIS + EIS
- เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.45
- ระบบปฏิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย Funtouch OS 13
- การเชื่อมต่อ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2, NFC และพอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh ชาร์จเร็ว 120W Flash Charge
สรุปสเปค iQOO Z7x 5G
- ขนาดตัวเครื่อง : 164.63 X 75.80 X 9.10 มม.
- น้ำหนัก : 205 กรัม
- หน้าจอแสดงผลหลัก LCD ขนาด 6.64 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2388 x 1080 พิกเซล) รองรับ HDR10, Refresh Rate 120Hz และ Touch Sampling Rate 240Hz
- หน่วยประมวลผล : Snapdragon 695 5G Octa Core
- RAM : 8GB
- ROM : 128GB เพิ่ม MicroSD Card สูงสุด 1TB
- กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 2 เลนส์ ดังนี้
- เลนส์หลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 รองรับกันสั่น EIS
- เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0
- ระบบปฏิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย Funtouch OS 13
- การเชื่อมต่อ Wi-Fi 5, Bluetooth 5.1, NFC และพอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 6000mAh ชาร์จเร็ว 80W Flash Charge
แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล
มาเริ่มแกะกล่องกันเลยดีกว่า
ตัวกล่องของ iQOO Z7 Series 5G มาในรูปแบบที่เหมือนกันครับ ทั้งตัวกล่องเป็นสีดำเข้ม พร้อมมีโลโก้ iQOO สีเหลืองเด่นชัดตรงกลางครับ และฝากล่องด้านหน้ามีลวดลายที่เพิ่มมิติให้ไม่ซ้ำใครและดูแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ
โดยสิ่งที่ให้มาในกล่องของทั้ง 2 รุ่นก็จะให้มาเหมือนกันทั้งหมดครับ ตั้งแต่ตัวเครื่องที่ติดฟิล์มกันรอย, เคสใส, คู่มือและเอกสารรับประกันสินค้า, เข็มเปิดถาดซิม, สาย USB Type-C to Type-C และอะแดปเตอร์ที่จะต่างกันในเรื่องของกำลังไฟตามสเปคของแต่ละรุ่นครับ โดยรุ่น iQOO Z7 5G จะได้ที่ 120W FlashCharge ส่วน iQOO Z7x 5G จะได้ที่ 80W FlashCharge
ดีไซน์สวยงามลงตัวทั้ง 2 รุ่น
มาเริ่มดูกันที่ดีไซน์ของทั้ง iQOO Z7 5G และ iQOO Z7x 5G กันก่อนเป็นอย่างแรก โดยทั้งคู่มีความคล้ายกันพอสมควร และเดี๋ยวเราไล่กันไปทีละส่วนเลยครับ
iQOO Z7 5G
มาดูกันที่ iQOO Z7 5G รุ่นพี่หลักของตระกูลนี้ โดยสีที่เราได้มาเป็นสีฟ้า Matrix Blue สวยงามมาก หลักๆ เลยคือการป้องกันรอยนิ้วมือที่ทำได้สุดยอดผ่านฝาหลังที่เป็นผิวพลาสติกแบบด้านครับ
ซึ่งความพิเศษของเจ้าสี Matrix Blue คือการเล่นลวดลายและเส้นสีแบบ Dual-Tone Step ที่หากมองในที่ร่มจะเป็นสีฟ้าไล่ระดับเล็กน้อย แต่พอพามาโดนแสงแดดก็จะเห็นกับสีชมพูที่ตัดกับสีฟ้าเล็กน้อย เพิ่มความลงตัวและความสดใสของตัวเครื่องเวลาใช้งานมากขึ้นครับ
และจุดเด่นอีกอย่างของดีไซน์ในรุ่นนี้คือความบางของตัวเครื่องอยู่ที่ 8.75 มม. ซึ่งถือว่าบางพอสมควรเมื่อเทียบกับรุ่นที่ให้แบตเตอรี่มาถึง 5000mAh ทั้งนี้ฝาหลังของ iQOO Z7 5G ยังออกมาแบบให้มีความโค้งมนเพื่อความถนัดมือเวลาใช้งานด้วยครับ
iQOO Z7x 5G
ขณะที่ iQOO Z7x 5G เราได้มาเป็นสีเทาเข้ม Metallic Grey ที่จะได้ความคลาสสิก คมเข้มสุดๆ ซึ่งผิวสัมผัสและดีไซน์ทั่วไปก็ไม่ต่างจาก iQOO Z7 5G เท่าไหร่ ยกเว้นเพียงตัวเครื่องที่หนากว่าเล็กน้อยคืออยู่ที่ 9.10 มม. (เพราะให้แบตเตอรี่มากถึง 6000mAh)
หน้าจอแสดงผลจัดเต็มแบบ LCD 120Hz
สำหรับหน้าจอของ iQOO Z7 Series 5G ทั้ง 2 รุ่นให้มาเหมือนกันเป๊ะๆ โดยชนิดหน้าจอใช้เป็นแบบ LCD ซึ่งมาในขนาดใหญ่เลยทีเดียวที่ 6.64 นิ้ว ทำให้รับชมวิดีโอต่างๆ และการใช้งานทั่วไปทำได้เต็มตามากๆ แถมยังได้มาที่ความละเอียด Full HD+ พร้อมรองรับ HDR10 ถูกใจสายชมวิดีโอที่จะได้แสงและเงาสมจริงมากขึ้นกว่าเดิม
ขณะที่สายเกมก็พลาดไม่ได้คือการรองรับ Refresh Rate 120Hz พร้อมค่า Touch Sampling Rate 240Hz ช่วยให้ตอบสนองได้ไวเวลาเล่นเกมครับ ทั้งนี้ ในเรื่อง Refresh Rate ของ 2 รุ่นนี้คือสามารถสลับได้อย่างอัจฉริยะ 60Hz/90Hz/120Hz ตามเนื้อหาบนหน้าจอ เพื่อให้ประหยัดพลังงานกว่าการเปิด 120Hz ตลอดเวลาครับ
พาชมรอบเครื่อง
มาดูสิ่งที่อยู่รอบตัวเครื่องทั้ง 2 รุ่นกันครับ โดยทั้งคู่ให้กล้องหน้าแบบ Punch Hole ที่ฝังอยู่ตรงกลางด้านบนมาเหมือนกัน พร้อมด้วยลำโพงที่อยู่ถัดไปด้านบนครับ
ส่วนด้านขวาของตัวเครื่องจะมีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่ม Power ที่ใช้งานสแกนลายนิ้วมือได้ด้วยเหมือนกันครับ
สิ่งที่ต่างกันเล็กน้อยคือทางด้านล่างเครื่องรุ่น iQOO Z7 5G จะมีช่องใส่ซิมการ์ดแบบ NanoSIM 2 ช่อง โดยไม่สามารถเพิ่ม MicroSD Card ได้ครับ ส่วน iQOO Z7x 5G จะได้เป็นช่องเสียบหูฟัง 3.5มม. แต่ถัดไปจะเหมือนกัน เป็นไมโครโฟนตัวที่ 1, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวหลัก
ส่วนด้านบนตัวเครื่องจะมีไมโครโฟนตัวที่ 2 มาให้เหมือนกัน โดย iQOO Z7 5G จะมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. อยู่ตรงนี้ครับ ส่วน iQOO Z7x 5G จะได้ช่องใส่ซิมการ์ดมาไว้ที่ด้านบน โดยช่องใส่ซิมการ์ดที่ 2 รุ่นนี้จะเป็นแบบ Hybrid ให้เลือกระหว่างซิมที่ 2 หรือ MicroSD Card สูงสุด 1TB
และที่ด้านหลังจะได้โมดูลกล้องที่มาในรูปแบบเดียวกัน มี 2 เลนส์อยู่ในส่วนของแถบสีดำขนาดใหญ่ ถัดออกมาจะเป็นกรอบสีฟ้าที่เป็นไฟแฟลช LED 2 ดวงครับ ซึ่งในรุ่น iQOO Z7 5G จะมีคำว่า OIS ที่เป็นระบบกันภาพสั่นไหวนั่นเอง
ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน
ระบบปฏิบัติการ
iQOO Z7 Series 5G ทั้ง 2 รุ่น แกะกล่องมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 13 พร้อมกับการครอบทับด้วย Funtouch OS 13 ที่เป็น OS รุ่นล่าสุด โดยความเสถียรและความไหลลื่นของระบบก็ขั้นสุดและยังมีฟีเจอร์ต่างๆ ให้ได้ใช้งานกันด้วย
ระบบความปลอดภัยครบถ้วน
ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับระบบเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ข้างตัวเครื่อง ซึ่งการใช้งานก็จัดว่าดีมากๆ ตอบสนองได้รวดเร็ว เพียงแค่แตะเบาๆ ก็ปลดล็อคให้แล้วครับ
รวมไปถึงการสแกนใบหน้าก็รวดเร็วมากๆ และสแกนหน้าได้ทั้งแนวนอนและแนวตั้งเลย
iQOO Z7 5G ลำโพงคู่แบบสเตอริโอ ดังกระหึ่ม
สำหรับใครที่ต้องการลำโพงแบบกระหึ่มๆ ใช้งานได้ 2 ตัวแบบสเตอริโอจะมีให้ใช้งานใน iQOO Z7 5G เท่านั้นครับ โดยระบบเสียงที่ได้เป็นแบบ Hi-Res เสียงคมชัดมาก เสียงมีมิติ และเวลาเล่นเกมก็แยกเสียงรอบทิศทางได้ชัดเจนครับ
ปรับแต่งสีสันของ UI ได้ตามใจชอบ
ใน Funtouch OS 13 จะมาพร้อมกับฟีเจอร์ “สีของ UI” เพื่อให้เราได้ปรับแต่งสีสันของระบบและสีของไอคอนหรือพื้นหลัง UI ได้ตามใจชอบ จะปรับให้เป็นแบบสีเดียวก็ทำได้ หรือจะใช้สีผสม อย่างพื้นหลังชมพู ส่วนไอคอนเป็นสีฟ้าก็ทำได้เช่นกัน
ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่
ขุมพลังดุดัน แรงรอบด้านด้วย Snapdragon 782G
iQOO Z7 5G ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังที่เป็นหนึ่งในรุ่นใหม่ของ Snapdragon 7 Series อย่าง Snapdragon 782G มีความเร็ว Clock สูงสุด 2.7GHz คู่กับการขนาดชิปที่เล็กเพียง 6nm เท่านั้น ช่วยให้ประสิทธิภาพแบบรอบด้าน จากการใช้งานจริงเหมือนกำลังใช้งานชิปเรือธงอยู่เลยทีเดียว
iQOO Z7x 5G ใช้ชิป Snapdragon 695 5G ที่เป็นชิประดับ Mid Range ใช้งานทั่วไปได้ไหลลื่น และการเล่นเกมก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีเช่นกันครับ
เพิ่ม RAM รวมได้สูงสุดถึง 20GB ด้วย Extended RAM 3.0
สำหรับ iQOO Z7 Series 5G ทั้ง 2 รุ่นจะได้ฟีเจอร์ Extended RAM 3.0 โดยจะเป็นเป็นการเปลี่ยนพื้นที่ว่างเป็น RAM เสมือน เพื่อช่วยให้แอพต่างๆ ทำได้ในพื้นหลังได้มากขึ้น ซึ่งใช้งานได้กว่า 36 แอพในพื้นหลังเลยทีเดียว ทั้งนี้ ทั้ง 2 รุ่นเพิ่มได้สูงสุดที่ 8GB โดยใน iQOO Z7 5G ที่มี RAM 12GB อยู่แล้วก็เท่ากับว่าจะมี RAM รวมสูงถึง 20GB ไปเลยครับ
- ผลคะแนนการทดสอบด้านประสิทธิภาพ CPU, GPU และหน่วยความจำบน AnTuTu 9.5.6 ของ iQOO Z7 5G ได้มาที่ 581,640 คะแนน
- ผลคะแนนการทดสอบด้านประสิทธิภาพ CPU, GPU และหน่วยความจำบน AnTuTu 9.5.6 ของ iQOO Z7x 5G ได้มาที่ 418,266 คะแนน
- ส่วนผลคะแนนด้าน CPU บน Geekbench 6 ของ iQOO Z7 5G ทำ Single-Core ไปที่ 1,117 คะแนน และ Multi-Core ที่ 2,990 คะแนน
- ส่วนผลคะแนนด้าน CPU บน Geekbench 6 ของ iQOO Z7x 5G ทำ Single-Core ไปที่ 900 คะแนน และ Multi-Core ที่ 2,146 คะแนน
มาพร้อมเทคโนโลยีระบายความร้อนแบบ VC Cooling System
ด้วยความที่เป็นตระกูลของสมาร์ตโฟนเกมมิ่ง ที่แม้ว่าจะไม่ใช่รุ่นเรือธงแต่ก็มาพร้อมแผ่น Vapor Chamber ที่เป็นระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวที่มีขนาดใหญ่ถึง 3,002 ตารางมิลลิเมตร คู่กับเลเยอร์ทั้งหมด 10 ชั้น (iQOO Z7 5G) เพื่อช่วยให้ความร้อนของตัวเครื่องเวลาเล่นเกมลดได้มากสูงสุดถึง 15 องศา มีการถ่ายเทความร้อนให้อยู่ในระดับปกติได้เร็วมากครับ
ทดสอบการเล่นเกม
ในการทดสอบการเล่นเกมเราขอเน้นไปที่การเล่นด้วย iQOO Z7 5G ที่สามารถปรับกราฟิกได้เกือบสูงสุดทั้งหมดทุกเกมที่ทดสอบ ไม่ว่าจะเป็น ROV, PUBG Mobile และ Asphalt 9: Legends ครับ ในขณะที่ iQOO Z7x 5G ก็ยังเล่นได้ไหลลื่นเช่นกัน
ROV
เริ่มด้วยเกม ROV ที่สามารถปรับภาพและเฟรมเรทได้สูงสุดทั้งหมดตามที่บอกไปข้างต้นครับ ซึ่งจากที่เราลองเล่นก็ทำได้ยอดเยี่ยมมากๆ เฟรมเรทนิ่งๆ 60fps แทบตลอดทั้งเกมครับ หรือถ้าลดลงมาก็จะอยู่ที่ 59fps เท่านั้นเอง และก็ไม่มีอาการกระตุกให้เห็นด้วยครับ
PUBG Mobile
ส่วนเกมนี้จะสามารถปรับกราฟิกได้ที่ Ultra HD และเฟรมเรท Ultra เลยทีเดียว เกินเบอร์ของรุ่น Mid Range ส่วนใหญ่ไปมาก โดยการเล่นก็ทำได้ไหลลื่น หน้าจอตอบสนองเร็ว ไม่ดีเลย์ และการได้ลำโพงคู่ก็ช่วยให้เราเล่นได้โดยไม่ต้องใช้หูฟังช่วยเลยครับ
Asphalt 9: Legends
และท้ายสุดในเกม Asphalt 9: Legends จะเปิดภาพระดับสูงก็ทำได้ครับ กราฟิกสีสันบนหน้าจอสวยงาม โดยการเล่นก็สบายๆ ไม่มีหน่วง
แบตเตอรี่อึด ใช้งานได้เต็มวัน พร้อมชาร์จเร็วสุดในช่วงราคาเดียวกันที่ 120W Flash Charge
ในเรื่องของแบตเตอรี่ iQOO Z7 Series 5G ก็สุดในรุ่นเหมือนกัน โดย iQOO Z7 5G ให้แบตมาที่ 5000mAh ซึ่งความจุขนาดนี้ก็ใช้งานทั่วไปได้ครบวันแน่นอน หรือจะเล่นเกมต่อเนื่องจริงๆ ก็ทำได้ราว 7-8 ชั่วโมงกันเลย
ส่วนการชาร์จก็ถือว่าเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกในช่วงราคาเดียวกันที่มาพร้อมเทคโนโลยี Ultra-120W Flash Charge ที่ชาร์จได้แรงสะใจมากๆ เราลองชาร์จจากแบตเหลือราว 10% ไปถึง 100% ใช้เวลาเพียง 42 นาทีเท่านั้น (ตอนชาร์จมีการโหลดแอพไว้ในพื้นหลังตลอดด้วย)
ส่วน iQOO Z7x 5G ก็ไม่แพ้รุ่นพี่ด้วยการใช้แบตเตอรี่มาถึง 6000mAh ซึ่งเป็นความจุที่ดีที่สุดในวงการสมาร์ตโฟนตอนนี้ รองรับการใช้งานตลอดทั้งวันแน่นอน ส่วนการชาร์จเร็วอยู่ที่ 80W Flash Charge ช่วยให้ชาร์จจาก 0-50% ในเวลาประมาณ 25 นาทีเท่านั้นครับ
กล้องหลัง 64MP พร้อมกันสั่น OIS Ultra-Sensing
สำหรับ iQOO Z7 Series 5G ทั้ง 2 รุ่น ให้กล้องหลังมา 2 ตัวเหมือนกัน แต่ในจุดนี้เราขอเน้นไปที่รุ่นพี่อย่าง iQOO Z7 5G ซึ่งเลนส์หลักให้ความละเอียดมาถึง 64 ล้านพิกเซล รองรับกันสั่นทั้ง OIS + EIS ทั้งยังได้เลนส์ Depth มาให้เพื่อถ่ายภาพ Portrait ได้สวยงามยิ่งขึ้น
ถ่ายคมชัด 64MP รองรับ OIS Ultra-Sensing และปรับแต่งภาพด้วย AI
เลนส์หลักของ iQOO Z7 5G มาพร้อมกับความละเอียดสูงสุดถึง 64MP ให้คุณภาพของภาพถ่ายได้ดีมากครับ ประมวลผลได้รวดเร็ว สีสันก็ถือว่าสดใสพอสมควรเลยครับ ทั้งยังรองรับการตรวจจับ AI Scene เพื่อปรับแต่งให้สีสันเหมาะกับวัตถุต่างๆ ที่ตรวจจับได้ แถมยังรองรับ Auto HDR เพื่อให้ถ่ายย้อนแสงได้อย่างสวยงามและสว่างเท่ากันทั้งภาพ
ถ่าย Portrait สวยงามเป็นธรรมชาติ พร้อมลูกเล่นที่หลากหลาย
ตัวชูโรงหลักๆ ในกล้องหลังของรุ่นนี้คือโหมด Portrait ที่ถ่ายภาพบุคคลได้อย่างสวยงามและเป็นธรรมชาติ การตรวจจับบุคคลก็ทำได้แม่นยำ ละลายฉากหลังได้เนียนตาสุดๆ รวมถึงการปรับความบิวตี้บนใบหน้าก็สวยงามและเนียนตาครับ
ทั้งนี้ ในโหมด Portrait ยังมีลูกเล่นให้เราได้ใช้งานกันเพียบ ไม่ว่าจะเป็นโหมด Bokeh Flare Portrait ที่ช่วยให้แสงโบเก้เป็นลักษณะต่างๆ ได้แก่ หัวใจ, ดาว, ผีเสื้อ และซากุระ ทั้งยังมี Portrait Style ที่จะมีสไตล์หลักๆ เป็นภาพยนตร์วินเทจนี่จะออกแนวย้อนยุค เพิ่มมิติของการถ่ายภาพได้อีกแบบครับ
Night Mode ยังทำได้ยอดเยี่ยม
แม้ว่าจะเป็นรุ่น Mid Range แต่ iQOO Z7 5G สามารถถ่ายภาพกลางคืนได้อย่างสวยงาม การประมวลผลทำได้รวดเร็ว ประมาณ 2-3 วินาทีเท่านั้น และผลลัพธ์ที่ได้คือความคมชัดของวัตถุทำได้ดี จุดมืดต่างๆ ในภาพก็สว่างขึ้น Noise ค่อนข้างน้อย รวมถึงยังมี Night Filter ที่เป็นลูกเล่นแสงต่างๆ ในโหมดกลางคืนหลายแบบ เช่น ดำและทอง, ไซเบอร์พังก์, BUFF, สปอตไลท์, สีแดงเข้ม หรือ สีส้มฟ้า เป็นต้น
เซลฟี่สวยเป็นธรรมชาติ
ใครที่ชอบเซลฟี่คงต้องได้หลงรักรุ่นนี้กันแน่นอนครับ กล้องหน้าของ iQOO Z7 5G ทำออกมาได้เนียนตา สวยงามและดูเป็นธรรมชาติสุดๆ โดยการปรับแต่งความสวยงามใบหน้าและการละลายฉากหลังก็ทำได้เหมือนกล้องหลังเป๊ะๆ
สรุปการใช้งาน iQOO Z7 Series 5G
iQOO Z7 Series 5G ทั้ง iQOO Z7 5G และ iQOO Z7x 5G เป็นสมาร์ตโฟน 2 สไตล์ที่ใครจะเลือกแบบไหนก็จะได้ใช้ฟีเจอร์แบบจัดเต็ม ควบคู่กับประสิทธิภาพแบบรอบด้านที่มาในราคาคุ้มค่าครับ โดยทั้ง 2 รุ่นจะให้ทั้งหน้าจอขนาดใหญ่ 6.64 นิ้ว แบบ 120Hz ใช้งานได้ไหลื่น พร้อมขุมพลัง Snapdragon 782G (ใน iQOO Z7 5G) และ Snapdragon 695 5G (ใน iQOO Z7x 5G) ซึ่งการใช้งานทั่วไปก็ทำได้ราบรื่นไม่มีสะดุด รวมไปถึงเทคโนโลยีการชาร์จเร็วที่ให้มาเทียบเท่ารุ่นเรือธง ทั้ง iQOO Z7 5G ที่จัดมาให้ถึง 120W Flash Charge หรือหากเป็น iQOO Z7x 5G ก็ยังแรงในระดับ 80W Flash Charge นั่นเองครับ
ราคาและวันวางจำหน่าย
iQOO Z7 5G มีให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีฟ้า Matrix Blue และเทา Metallic Grey ราคาในรุ่น 8+128GB อยู่ที่ 10,999 บาท และรุ่น 12+256GB อยู่ที่ 11,999 บาท โดยผู้ที่ซื้อ iQOO Z7 5G จะได้รับฟรี !! E-VIP Card ประกันตัวเครื่องเพิ่มจาก 1 ปี เป็น 2 ปี มูลค่า 4,999 บาท (เมื่อซื้อระหว่างวันที่ 25 – 30 เมษายนนี้)
iQOO Z7x 5G มีให้เลือก 2 สีเช่นกัน ได้แก่ ฟ้า Tropical Blue และเทา Metallic Grey ราคาในรุ่น 8+128GB อยู่ที่ 7,999 บาท และรุ่น 8+256GB อยู่ที่ 8,499 บาท โดยผู้ที่ซื้อ iQOO Z7x 5G จะได้รับฟรี !! E-VIP Card ประกันตัวเครื่องเพิ่มจาก 1 ปี เป็น 2 ปี มูลค่า 3,999 บาท (เมื่อซื้อระหว่างวันที่ 25 – 30 เมษายนนี้)
ผู้ที่สนใจสามารถสั่งซื้อได้หลายช่องทาง ดังนี้
- vivo Brand Shop
- Shopee ร้านค้า iQOO : https://shopee.co.th/iqoo_thailand
- Shopee ร้านค้า vivo : https://shopee.co.th/vivo_thailand
- Lazada ร้านค้า iQOO : https://www.lazada.co.th/shop/iqoo-th/
- Lazada ร้านค้า vivo : https://www.lazada.co.th/shop/vivo
- Thisshop : https://s.thisshop.com/s/VZFRJUES
- vivo Online Store : https://bit.ly/41xILtj