ข่าวประชาสัมพันธ์
ลาซาด้าเคียงข้างคนไทยสู้ไปด้วยกัน ดัน SME ไทยสู้วิกฤต ประกาศแผนสนับสนุนธุรกิจและผู้บริโภคไทย ด้วยแพ็กเกจพิเศษ ตั้งเป้าสร้างรายได้ SME ไทยกว่า 50,000 ราย พร้อมชูเครื่องมือต่อยอดธุรกิจ LazLive ฮับไลฟ์สตรีมครองใจผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุด นำเสนอไลฟ์กว่า 1,800 รายการต่อสัปดาห์
ลาซาด้า ผู้นำด้านอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศจุดยืนเคียงข้างสังคมไทยในทุกสถานการณ์ กางแผนสนับสนุนทั้งในส่วนผู้ขาย ลูกค้า รวมไปถึงสังคมไทย ภายใต้แนวคิด ‘#StrongerTogether จากใจถึงใจ สู้ไปด้วยกัน’ ด้วยแพ็กเกจพิเศษ หวังสร้างรายได้เพิ่มให้กับ SME ไทยกว่า 50,000 ราย พร้อมงัดเครื่องมือเด็ด ‘LazLive’ มาช่วยผลักดันยอดขายให้กับ SME และสร้างคอนเทนต์ที่หลากหลายตอบรับไลฟ์สไตล์ลูกค้าในช่วง ‘อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ‘ ทั้งยังอัดแคมเปญเอาใจนักช้อปสนับสนุนการช้อปอยู่บ้าน และจัดโครงการดีๆ เพื่อส่งต่อกำลังใจสู่สังคมไทย โดยแถลงข่าวผ่านทาง ‘LazLive’ ฟังก์ชั่นไลฟ์สตรีมบนแอปพลิเคชันลาซาด้า เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีอีคอมเมิร์ซ
นางสาวภารดี สินธวณรงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท ลาซาด้า จำกัด (ประเทศไทย) กล่าวว่า “วิกฤตโควิด-19 ไม่เพียงกระทบโดยตรงต่อการดำเนินชีวิต และสุขภาพของคนไทย แต่หากมองในด้านเศรษฐกิจจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ครั้งนี้แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยธุรกิจ ร้านค้า ร้านอาหาร และบริการต่างๆ ต้องหยุดชะงักลง หลากหลายธุรกิจจึงไม่หยุดอยู่แค่ธุรกิจแบบออฟไลน์ แต่ต้องปรับตัว ผสานนวัตกรรมและเทคโนโลยี สู่การค้าบนช่องทางออนไลน์และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เพื่อธุรกิจจะได้ไปต่อและสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ ส่งผลให้ภาพรวมตลาดอีคอมเมิร์ซและการซื้อขายสินค้าออนไลน์ในเมืองไทยมีการเติบโตที่สูงขึ้น 80% ในช่วงเดือนมีนาคม[1]
สำหรับในส่วนของลาซาด้าเอง ช่วงเวลาที่ทุกคนต่างร่วมใจกัน ‘อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ’ ทำให้พฤติกรรมการใช้งานแอปพลิเคชันลาซาด้าเปลี่ยนแปลงไป ในแง่ของจำนวนนักช้อปที่ซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มลาซาด้า เพิ่มขึ้นกว่า 60% ทั้งยังพบว่า ลูกค้าใช้เวลาเฉลี่ยในการใช้งานต่อครั้ง 11 นาที ซึ่งนานขึ้นถึง 11% นอกจากนี้ยังพบว่า จำนวนผู้ขายบนลาซาด้าเพิ่มขึ้นกว่า 26,000 รายในช่วงเดือนที่ผ่านมา ปัจจุบันลาซาด้ามีผู้ขายที่เป็นร้านค้าและแบรนด์ทั้งหมดกว่า 200,000 ราย ส่งผลให้ภาพรวมความสำเร็จของลาซาด้าเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงกลางเดือนมีนาคมถึงกลางเดือนเมษายน โดยยอดคำสั่งซื้อในลาซาด้าพุ่งขึ้น 100% และมูลค่าการซื้อ-ขายสินค้าสูงขึ้นถึง 130% เมื่อเทียบระหว่างต้นเดือนกุมภาพันธ์ และต้นเดือนเมษายน โดยมีสินค้าที่ขายดี ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็น หม้อทอดไร้น้ำมัน เตาอบ เตาไฟฟ้า อุปกรณ์เครื่องครัว ของใช้จำเป็นภายในบ้าน รวมถึงของเล่นเด็กต่างๆ”
นางสาวธนิดา ซุยวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายธุรกิจ บริษัท ลาซาด้า จำกัด (ประเทศไทย) กล่าวว่า“ลาซาด้า พร้อมยืนเคียงข้างคนไทยในทุกสถานการณ์ด้วยพลังอีคอมเมิร์ซ เราทุ่มเททำงานอย่างหนัก เพื่อนำเสนอโครงการต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ และเป็นส่วนหนึ่งในการให้พลังใจที่จะช่วยขับเคลื่อนให้ทุกคนผ่านวิกฤตในครั้งนี้ไปได้ด้วยกันผ่านแผนสนับสนุนครบวงจร ภายใต้แนวคิด ‘#StrongerTogether จากใจถึงใจ สู้ไปด้วยกัน’ ที่จะช่วยหนุนทั้งผู้ขาย ลูกค้า และสังคมไทย”
แผนสนับสนุนทั้ง ‘ผู้ขายเดิม’ และ ‘ผู้ขายใหม่’ ตั้งเป้าสร้างรายได้ให้ SME ไทยกว่า 50,000 ราย
จากแคมเปญล่าสุด “#YesICan ลาซาด้า จากใจถึงใจ” ลาซาด้าได้ช่วยเหลือร้านค้าจากย่านช้อปปิ้งชื่อดัง ซึ่งต่างได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ให้เข้ามาร่วมเปิดร้านค้าออนไลน์บนลาซาด้าโดยไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมอัดแคมเปญช่วยส่งเสริมการตลาดอย่างเต็มที่ ในครั้งนี้ลาซาด้ายังได้เปิดตัวมาตรการพิเศษที่จะเข้ามาช่วยเหลือและช่วยสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นให้กับธุรกิจ SME และแบรนด์ต่างๆ เพิ่มเติม ดังนี้
- SME Stimulus Package: มุ่งช่วยเหลือ SME ไทยกว่า 50,000 ราย ไม่ว่าจะเป็นผู้ขายเดิมหรือผู้ขายใหม่ ด้วยสิทธิประโยชน์มากมาย ตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน – 15 พฤษภาคม 2563
- ฟรี 0% ค่าคอมมิชชั่น และค่าธรรมเนียมการชำระเงิน โดยลาซาด้าเป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายทั้งหมด
- เปิดร้านออนไลน์ได้รวดเร็วทันใจภายใน 3 นาที และสามารถเข้าถึงบริการสนับสนุนอื่นๆ เพิ่มเติมฟรี
- ใช้ประโยชน์จากทราฟฟิกและเครื่องมือทางการตลาดที่ลาซาด้ามอบให้โดยเฉพาะ อาทิ LazLive ฟังก์ชั่นไลฟ์สตรีมบนแอปพลิเคชันลาซาด้า
- O2O Promoter & Affiliate Program: ลาซาด้าเปิดโอกาสให้พนักงานขายของแบรนด์ต่างๆ ในห้างสรรพสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ได้เข้ามาขายของผ่านสื่อโซเชียลมีเดียของตนเอง ลาซาด้าจะทำการติด Tracking link ให้ และมีระบบตรวจสอบข้อมูลยอดขายจาก Link ของแต่ละคน อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ใช้ฟังก์ชั่น LazLive ไลฟ์สตรีมบนแอปพลิเคชันลาซาด้าฟรีอีกด้วย โดยพนักงานจะได้รับค่าคอมมิชชั่นจากแบรนด์และลาซาด้า
- ขณะนี้มีแบรนด์ชั้นนำบน LazMall ตอบรับเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 20 แบรนด์ อาทิ Samsung, OPPO, Vivo, L’Oréal, Garnier, Maybelline, Huawei, Philips Avent, SHISEIDO และ EVEANDBOY
- มีพนักงานขายเข้าร่วมโครงการมากถึง 15,000 คน
- สามารถสร้างจำนวนคนเข้าร้านค้าได้มากขึ้นกว่า 100% มีจำนวนลูกค้าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นกว่า 37%
และยอดขายโดยรวมพุ่งขึ้นกว่า 42%
โดย ‘LazLive’ ถือเป็นฮับไลฟ์สตรีมครองใจผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุด ผ่านการมอบประสบการณ์ Shoppertainment มีคอนเทนต์ที่หลากหลายให้ได้รับชมกว่า 500 คอนเทนต์ต่อสัปดาห์ และเป็นหนึ่งเครื่องมือหลักในการต่อยอดธุรกิจและช่วยเหลือ SME ปัจจุบันมีผู้ขายกว่า 2,500 รายลงทะเบียนทำคอนเทนต์ LazLive โดยผู้ขายมากกว่า 150 ราย ทำคอนเทนต์ผ่าน LazLive เป็นประจำทุกวัน ซึ่งลาซาด้ามอบคูปองส่วนลด 20% ให้ผู้ขายที่เริ่มไลฟ์สตรีมบน LazLive โดยปัจจุบันมีจำนวนยอดการรับชมรวมกว่า 10 ล้านครั้งใน 2 เดือนที่ผ่านมา และสามารถสร้างคำสั่งซื้อได้มากกว่า 20,000 รายการ
‘LazLive’ ไม่เพียงแต่สนับสนุนผู้ขายเท่านั้น แต่ลาซาด้ายังมี ‘LazTalent’ ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าทำไลฟ์สตรีมรีวิวสินค้าที่ชื่นชอบ และสามารถเปลี่ยนความชอบเป็นรายได้ในช่วงวิกฤตนี้ได้ โดยปัจจุบันมีผู้ใช้งานกว่า 240 รายที่หันมาสร้างคอนเทนต์มากกว่า 450 คอนเทนต์ต่อสัปดาห์ และล่าสุดลาซาด้าได้เสริมคอนเทนต์ใหม่เกาะติดเทรนด์ ให้กับ LazLive ตามแนวคิด ‘LazLive 7Day StayConnect’ คอนเทนต์หลากหลายตลอด 7 วันที่จะทำให้การเก็บตัวอยู่บ้านไม่น่าเบื่ออีกต่อไป ซึ่งนอกจากจะสร้างความบันเทิงให้กับลูกค้าแล้ว ยังช่วยให้ร้านค้าสามารถขายสินค้า และสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นอีกเครื่องมือสำคัญที่ธุรกิจสามารถนำมาใช้ในการสร้างรายได้และต่อยอดให้กับธุรกิจได้ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ลาซาด้าตั้งเป้าจำนวนผู้ขายและผู้บริโภคทำคอนเทนต์บน LazLive มากขึ้นเฉลี่ย 40% ต่อเดือน มีจำนวนคอนเทนต์เพิ่มขึ้น 1.5 เท่า หรือประมาณ 1,800 คอนเทนต์ต่อสัปดาห์ และเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจ SME ได้ถึง 20%
แผนสนับสนุน “ลูกค้า” อัดแคมเปญและมาตรการเข้มหนุนช้อปอยู่บ้านได้อย่างคุ้มค่าสบายใจ
ลาซาด้าอัดแคมเปญโดนใจรับมาตรการรัฐ สนับสนุนให้คนช้อปอยู่บ้าน ผ่านแคมเปญต่างๆ อย่างต่อเนื่อง พร้อมจัดมาตรการเข้มส่งสินค้าถึงหน้าบ้านได้แบบไร้กังวล อาทิ
- แคมเปญ ‘Happy at Home อยู่บ้านก็แฮปปี้ ช้อปดีลดี๊ดีได้ทุกวัน’ ลาซาด้าจัดขบวนสินค้าที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิตอยู่บ้าน มาจัดดีลเด็ดพิเศษส่งตรงถึงหน้าบ้าน ตั้งแต่วันที่ 7 – 27 เมษายนนี้
- แคมเปญ ‘ส่งฟรีตลอดเดือนเมษายน’ เพราะลาซาด้าเข้าใจว่า ช่วงนี้การช้อปปิ้งผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด จึงไม่ฉวยโอกาสในการขึ้นราคาสินค้า และค่าขนส่ง
- ลาซาด้ายึดมั่นในความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงาน จึงมีมาตรการที่เข้มงวดในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 และรักษามาตรฐานความสะอาดทั้งในคลังสินค้า รวมไปถึงพนักงานส่งสินค้าทุกคน
แผนสนับสนุน ‘สังคมไทย’ แม้ต้องเว้นระห่างทางสังคม แต่ลาซาด้าเชื่อ ‘ใจส่งต่อถึงใจ’ ได้
ลาซาด้าไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญกับผู้ค้าและลูกค้า แต่ยังเล็งเห็นถึงความสำคัญและปัญหาต่างๆ ในสังคมไทย โดยลาซาด้าพร้อมให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ผ่านแคมเปญและกิจกรรมต่างๆ อาทิ
- ลาซาด้ามอบเงินบริจาครวม 3 ล้านบาท ให้แก่โรงพยาบาลศิริราช และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพื่อการจัดซื้อเวชภัณฑ์ เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นในการรักษาผู้ป่วย และร่วมแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาด
ของไวรัสโควิด-19 - โครงการ ‘LazadaForGood ให้ทุกใจได้ทำดี’ เปิดช่องทางการบริจาคออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มลาซาด้า เพื่อสนับสนุนองค์กรไม่แสวงกำไร ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส และองค์กรสาธารณกุศลต่างๆ
- แคมเปญ #LazHappyHeart สนันสนุนให้คนอยู่บ้าน เว้นระยะห่างทางสังคม แต่ยังสามารถส่งต่อความรักให้แก่กันได้ ผ่านการโพสต์ภาพท่ามินิฮาร์ทขณะ Video Call กับเพื่อนๆ พร้อมติดแฮชแท็ก #LazHappyHeart ผ่านทางโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram หรือ Twitter ระหว่างวันที่ 17 เมษายน – 1 พฤษภาคมนี้ ทุกๆ หนึ่งแฮชแท็ก ลาซาด้าจะนำเงินไปจัดซื้อของใช้ที่จำเป็นในการดำรงชีวิต เพื่อบริจาคให้คนไร้บ้านผ่านทางมูลนิธิอิสระชน และหากโพสต์ใดไอเดียโดนใจคณะกรรมการ รับเงิน 1,000 บาท จำนวน 3 รางวัล แจกรางวัลทุกสัปดาห์ เข้าบัญชีลาซาด้าวอลเล็ตไปช้อปต่อได้เลย
“วิกฤตโควิด-19 นับเป็นช่วงเวลาแห่งความท้าทาย ลาซาด้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการทั้งหมดของเราจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยร้านค้า ผู้ประกอบการ ผู้บริโภค และสังคมไทยให้ก้าวผ่านวิกฤตในครั้งนี้ไปด้วยกัน ลาซาด้าจะไม่หยุดยั้งในการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ เพื่อสังคม และขอเป็นกำลังใจให้ทุกภาคส่วนก้าวข้ามสถานการณ์ความยากลำบากและการทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยในวิกฤตครั้งนี้ไปได้” นางสาวธนิดา กล่าวทิ้งท้าย