Smart Review
รีวิว Lenovo Vibe X3 ที่สุดแห่งความบันเทิงในโลก VR ทั้งภาพและเสียง
Lenovo Vibe X3 สมาร์ทโฟนอะลูมิเนียม ดีไซน์โค้งเว้าสวยงาม หน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว Full HD ตอบโจทย์คนรักความบันเทิง เน้นการดูหนัง ฟังเพลง ด้วยระบบเสียง Dolby ATMOS และแว่น VR เข้าถึงโลกเสมือนจริง อีกทั้งมีกล้องหลังขนาดความละเอียดมากถึง 21 ล้านพิกเซล รองรับการบันทึกวิดีโอ 4K พร้อมระบบความปลอดภัยด้วยเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
สรุปข้อมูล และสเปค Lenovo Vibe X3 (Lenovo X3a40)
- ราคาเปิดตัว 15,990 บาท และราคาพร้อมแว่น VR เริ่มต้นที่ 16,690 บาท (กุมภาพันธ์ 2559)
- ขนาดตัวเครื่อง 154 x 76.5 x 9.3 มม.
- น้ำหนัก 175 กรัม
- 3G : 850/900/2100 MHz
- 4G LTE Cat.6 ดาวน์โหลด 300Mbps / อัปโหลด 50Mbps
- GSM : 900/1800 MHz
- 2 ซิมการ์ด (Nano SIM + Nano SIM)
- หน้าจอแสดงผล 5.5 นิ้ว Full HD 1080p
- รันระบบปฏิบัติการ Android 5.1.1 Lollipop
- ชิปเซ็ต Qualcomm MSM8992 Snapdragon 808
- ซีพียู Hexa-core (Quad-core 1.2 GHz Cortex-A53 และ Dual-core 1.8 GHz Cortex-A57)
- จีพียู Adreno 418
- แรม 3 GB
- ความจำภายในตัวเครื่อง 32 GB เพิ่มได้ด้วย microSD card สูงสุด 128 GB (ใส่ช่องซิม 2)
- กล้องหลังความละเอียด 21 ล้านพิกเซล ระบบโฟกัส PDAF, รองรับการบันทึกวิดีโอ 4K และแฟลช Dual LED (Dual tone)
- กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
- รองรับ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 4.1 LE
- รองรับระบบ GPS, A-GPS
- แบตเตอรี่ 3,500 mAh ถอดเปลี่ยนเองไม่ได้
แกะกล่อง (Unboxing)
Lenovo มาในกล่องกระดาษสีขาวค่อนข้างยาว พร้อมลายเพ้นท์โทนสีฟ้า ภายในกล่องประกอบไปด้วย
- ตัวเครื่อง Lenovo Vibe X3 พร้อมแบตเตอรี่ฝังมากับตัวเครื่อง
- อะแดปเตอร์แปลงไฟบ้าน
- สายเคเบิลขนาด micro USB
- หูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มม.
- ฟิล์มกันรอยแบบใส
- เคสพลาสติกแข็งแบบใส
- เข็มสำหรับจิ้มถาดใส่ซิม และคู่มือการใช้งาน
สำหรับอะแดปเตอร์ที่มากับในกล่องจะมี Output สูงสุด 2.0A ซึ่งถือว่าจ่ายไฟออกมาชาร์จตัวเครื่องโทรศัพท์ได้เร็ว อีกทั้ง Lenovo Vibe X3 ก็รองรับระบบชาร์จเร็ว Quick Charge 2.0 ด้วย
ดีไซน์ ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล
Lenovo Vibe X3 เป็นรุ่นพรีเมียมที่มีกรอบตัวเครื่องเป็นอะลูมิเนียม มุมตัวเครื่องโว้งมน มาพร้อมลำโพงสเตอริโอคู่ด้านหน้า และฝาหลังโค้งเว้าเข้าหาขอบ จึงทำให้รุ่นนี้มีขอบที่บางกว่าตรงกลางตัวเครื่อง นอกจากนี้ความโค้งเว้ายังช่วยให้การจับใช้งานกระชับมือยิ่งขึ้นด้วย
หน้าจอของ Vibe X3 มีขนาด 5.5 นิ้ว ขอบหน้าจอมีการดีไซน์ให้มีความบางมาก คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 70.8% ของตัวเครื่อง ส่วนความคมชัดของหน้าจอระดับ Full HD ความละเอียด 1080 x 1920 พิกเซล หรือประมาณ 401 พิกเซลต่อนิ้ว และเป็นแผงหน้าจอแบบ IPS LCD ครอบด้วยกระจกกันรอยขีดข่วน Gorilla Glass 3
เหนือหน้าจอมีเลนส์กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, ช่องลำโพงเสียงมัลติมีเดีย ใช้เป็นลำโพงเสียงสำหรับสนทนาการโทรด้วย นอกจากนี้ยังมีไมโครโฟน 1 ตัวซ่อนอยู่ในนี้ด้วย และมีไฟ LED กระพริบแจ้งเตือนบริเวณมุมขวา
ล่างหน้าจอมีปุ่มนำทาง 3 ปุ่ม ได้แก่ ปุ่ม App Switcher (ซ้าย), ปุ่มโฮม (กลาง) และปุ่มย้อนกลับ (ขวา) ซึ่งทั้ง 3 ปุ่มไม่มีไฟส่องสว่าง (Backlight) อาจมองไม่เห็นเมื่อใช้งานในที่มืด ถัดลงมาก็จะมีช่องลำโพงเสียงมัลติมีเดีย และมีไมโครโฟน 1 ตัวซ่อนอยู่ในนี้ด้วย
ขอบด้านบนมีช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มม. และอินฟราเรด
ขอบด้านล่างมีมีพอร์ตเชื่อมต่อขนาด micro USB สำหรับชาร์จไฟแบตเตอรี่หรือถ่ายโอนข้อมูลผ่านสายเคเบิล และรองรับ OTG
ขอบด้านขวามีปุ่มปรับระดับเสียงเป็นปุ่มยาวติดกัน และปุ่ม Power สำหรับปิด/เปิดตัวเครื่อง หรือกดปิด/เปิดหน้าจอ
ขอบด้านซ้ายมีช่องถาดใส่ซิมขนาด Nano SIM จำนวน 2 ช่อง หรือเลือกใส่ microSD card แทนในช่องซิม 2 ก็ได้
ด้านหลังมีลักษะผิวเรียบ โค้งเว้าเข้าหาขอบตัวเครื่อง ภายในมีแบตเตอรี่ขนาด 3,500 mAh
เลนส์กล้องหลังความละเอียด 21 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX230 ตัวเดียวกันกับรุ่น Sony Xperia Z3+, Xperia M5, Huawei Honor 7 และ Meizu Pro 5 และมาพร้อมไฟแฟลชแบบ Dual tone ถัดลงมาเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ซึ่งตัวโมดูลกล้องจะนูนขึ้นเหนือฝาหลังเล็กน้อย
นอกจากนี้บริเวณด้านบนเกือบชิดขอบตัวเครื่องยังมีไมโครโฟนตัวที่ 3 สำหรับตัดเสียงรบกวนด้วย ซึ่งรวมแล้วรุ่นนี้มีไมโครโฟนทั้งหมด 3 ตัว
อินเตอร์เฟซและฟังก์ชั่นการใช้งาน
Lenovo Vibe X3 รันระบบปฏิบัติการ Android 5.1.1 Lollipop ปรับแต่งหน้าตาใหม่จาก Lenovo ที่เรียกว่า Vibe UI รองรับการแสดงรายการแจ้งเตือนในหน้าล็อคสกรีน และมีแยกส่วนของ App Drawer ให้ด้วย จัดเรียงไอคอนแบบ 4 x 6 แถว
ในหน้าจอหลักหรือหน้าโอม สามารถปรับแต่งวอลเปเปอร์, วิดเจ็ต และลักษณะต่าง ๆ ได้ หรือจะเป็นธีมใหม่ก็ได้เช่นกัน ซึ่งบน Vibe X3 ก็มีระบบธีมให้เลือกมาใช้งานได้แบบฟรี ๆ
ภาพรวมหน้าตา UI จะคล้ายกับ Android เดิม ๆโดยเฉพาะในส่วนของ Notification Center และแผงควบคุม Control Panel
Vibe X3 รองรับทุกเครือข่ายในไทยทั้ง 2G/3G และ 4G LTE โดยใส่ซิมในช่องซิมใดก็ได้ แล้วมาเลือกว่าต้องการให้ช่องซิมใดใช้งาน 3G/4G ส่วนอีกซิมก็จะสลับไปใช้งาน 2G สำหรับการโทรอัตโนมัติ สำหรับการเชื่อมต่อไร้สายอื่น ๆ ได้แก่ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Wi-Fi Direct, เป็นจุด Hotspot, NFC, อินฟราเรด, Bluetooth เวอร์ชั่น 4.1 รองรับทั้ง A2DP และประหยัดพลังงาน (LE) นอกจากนี้ก็รองรับระบบ GPS/A-GPS, GLONASS ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อรองรับ microUSB เวอร์ชั่น 2.0
การแจ้งเตือนในหน้าจอล็อคสกรีนสามารถปิดการแสดงได้เพื่อความเป็นส่วนตัว รวมไปถึงการตั้งค่าแถบการแจ้งเตือนต่าง ๆ เช่น เปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่, ความเร็วเครือข่าย เป็นต้น
ระบบสแกนลายนิ้วมือ รองรับการจดจำลายนิ้วมือได้สูงสุด 2 ลายนิ้วมือ ใช้สำหรับปลดล็อคหน้าจอ ซึ่งสามารถแตะสแกนปลดล็อกหน้าจอได้แม้หน้าจอปิดอยู่ และอาจดูเหมือนน้อย แต่ในการใช้งานจริงแล้วเราก็ใช้เพียงนิ้วชี้ของมือซ้ายกับมือขวาในการแตะสแกน ซึ่งถือว่าสะดวกที่สุดสำหรับเซ็นเซอร์ด้านหลังตัวเครื่อง จึงเป็นเหตุผลที่ Lenovo กำหนดให้จดจำได้เพียง 2 ลายนิ้วมือนั่นเอง ต่างไปจากตัวเซ็นเซอร์ที่อยู่บริเวณปุ่มโฮมด้านหน้าที่การใช้งานจริงแล้วนิ้วที่สะดวกสุดก็คือนิ้วหัวแม่มือหรือนิ้วโป้งนั่นเอง
ฟีเจอร์อัจฉริยะ
- จับภาพด่วน (Quick snap) : ในหน้าจอปิดอยู่ สามารถกดปุ่มเพิ่มเสียงหรือลดเสียงติดต่อกัน 2 ครั้งเพื่อเปิดกล้องพร้อมกับถ่ายรูปได้ทันที
- เพิ่มความสว่างหน้าจอ (Knock to light) : เป็นการเคาะหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อเปิดหน้าจอ
- ไวด์ทัช (Wide touch): ปุ่มตัวเลือกเมนูที่ลอยอยู่เหนือหน้าจอ
- พลิกเพื่อปิดหน้าจอ (Flip to sleep) : เป็นการคว่ำหน้าจอเพื่อปิดหน้าจอ
- ถ่ายภาพโดยใช้ลายนิ้วมือ (Fingerprint snap)
- สลับโหมดหน้าจอเพื่อใช้งานกับแว่น VR
การใช้งานร่วมกับหน้าจอแว่น VR
แว่น VR ที่ทาง Lenovo นำมาวางจำหน่ายร่วมกับสมาร์ทโฟน วัสดุหลักของแว่นเป็นพลาสติก มีฐานวางสมาร์ทโฟนที่มีตัวหนีบเป็นตัวออกแรงยึดไม่ให้สมาร์ทโฟนขยับ โดยตัวสายสำหรับสวมกับศรีษะสามารถปรับความยาวได้ตามขนาดของศรีษะแต่ละคน
- การเริ่มใช้งานให้ทำการเปิดโหมด VR ในเมนูการตั้งค่า >> คุณลักษณะ >> สลับโหมดหน้าจอแยกกระจก VR
- จากนั้นให้กดปุ่ม Power ค้างไว้ จะมีเมนูขึ้นมา ให้เลือกที่เมนู “โหมดหน้าจอแยกกระจก VR” เพื่อเปิดใช้งานหน้าจอแบ่งเป็น 2 หน้าจอ ซ้าย-ขวา สำหรับการมองผ่านเลนส์แว่น VR และถ้าต้องการออกจากโหมดนี้ก็ทำตามขั้นตอนเดิมอีกครั้ง คือ กดปุ่ม Power ค้างไว้ แล้วเลือกที่เมนู “โหมดหน้าจอแยกกระจก VR”
Lenovo Vibe X3 มาพร้อมกับเทคโนโลยีระบบเสียงทรงพลัง Dolby Atmos สามารถเปิดใช้งานได้ทันที โดยการลากแถบบาร์ด้านบนลงมา จะอยู่ในส่วนของไอคอนควบคุมในแผง Control Panel (หรือเข้าไปตั้งค่าในเมนูการตั้งค่า >> เสียง) นอกจากนี้ยังมีระบบเสียง Hi-Fi Audio สำหรับเล่นเพลงให้เสียงสมจริงผ่านการฟังด้วยหูฟัง
โดยรวมแล้วในส่วนของระบบเสียง มัลติมีเดียด้านความบันเทิงของ Vibe X3 ทำออกมาได้ดีมาก โดยเฉพาะลำโพงเสียงสเตอริโอที่ช่วยการดูหนังนั้นสนุกขึ้น
ผลทดสอบคะแนน Benchmark และประสิทธิภาพการทำงาน
Lenovo Vibe X3 รันระบบปฏิบัติการ Android 5.1.1 Lollipop ซึ่งเป็น 64-bit ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Qualcomm MSM8992 Snapdragon 808 Hexa-core (Quad-core 1.2 GHz Cortex-A53 และ Dual-core 1.8 GHz Cortex-A57) ซึ่งเป็นซีพียู 64-bit ตัวเดียวกับเรือธงหลาย ๆ รุ่น โดยตัวระบบและซีพียูต่างก็เป็น 64-bit ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุด กับแรม 3GB และจีพียู Adreno 418
ผลการทดสอบ AnTuTu 6.0 ในโหมด 64-bit ซึ่งเป็นการทดสอบการเข้าถึงการทำงานของแรม และประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือจีพียู ทำคะแนนรวมได้ 45,408 คะแนน
ทดสอบด้วย Geekbench 3 เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานและการประมวลผลและหน่วยความจำแรม การทดสอบนี้จะทำการประมวลออกมาเป็นตัวเลขแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ Single-Core และ Multi-Core หากได้คะแนนยิ่งสูงประสิทธิภาพการทำงานจะยิ่งดี โดยผลทดสอบของ Vibe X3 ทำคะแนน Single-Core ได้ 657 และ Multi-Core ทำได้ 1,210 คะแนน
กล้องถ่ายรูป
Lenovo Vibe X3 มีเลนส์กล้องหลังความละเอียด 21 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX230 มาพร้อมระบบโฟกัสแบบไฮบริด PDAF พร้อมแฟลช Dual tone
ตัวแอพกล้องถ่ายรูปรองรับการแนบตำแหน่งแผนที่ลงในภาพถ่าย (Geo-tagging), แตะหน้าจอเพื่อโฟกัส (Touch focus), ระบบตรวจจับใบหน้า (Face detection), โหมดถ่ายภาพแบบพาโนรามา (Panorama) และการถ่ายภาพด้วยการเปิดโหมด HDR ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มีโหมดหน้าสวยปรับได้ 7 ระดับ
โหมดโปร เป็นโหมดที่สามารถปรับค่าต่าง ๆ ของกล้องได้เอง ได้แก่ ค่าชดเชยแสง +/-2, ISO 100-1600, ความเร็วชัดเตอร์ได้นานสุด 2/3 วินาที, ระยะโฟกัส และ White Balance
กล้องหลังรองรับการบันทึกวิดีโอระดับ 4K และมีโหมด Slow-mo กับโหมด Time Lapse ให้ใช้งานด้วย
ตัวอย่างภาพถ่าย
การถ่ายภาพด้วยกล้องหลังทำออกได้ในระดับที่ดีมากสำหรับการถ่ายภาพในที่แสงสว่างเพียงพอ ส่วนการถ่ายในที่แสงน้อยจะพบว่าการโฟกัสอาจจะช้าลง แต่โดยรวมแล้วถือว่าอยู่ในระดับที่ดี
สรุปจุดเด่น
- ดีไซน์สวยงามด้วยกรอบอะลูมิเนียม หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ 5.5 นิ้ว Full HD 1080p อีกทั้งยังมีลำโพงแบบสเตอริโอด้านหน้าคู่ ระบบเสียง Dolby Atmos เหมาะมากกับการดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกม
- รันระบบปฏิบัติการ Android 5.1.1 Lollipop ซึ่งมีหน้าตาอินเตอร์เฟซหรือ UI ที่เรียบ ๆ ใช้งานง่าย
- ชิปประมวลผล Qualcomm MSM8992 Snapdragon 808 Hexa-core ถือว่าเป็นชิปที่มีประสิทธิภาพในการใช้งานหลากหลายฟังก์ชั่น พร้อมจีพียู Adreno 418 กับแรม 3GB ช่วยให้เล่นเกมที่มีกราฟิกสวย ๆ ได้ ซึ่งจากากการทดสอบเล่นเกมพบกว่าเครื่องจะค่อนข้างร้อนเมื่อเล่นไปได้ประมาณ 30 นาที
- ความจำภายในตัวเครื่อง 32 GB เพิ่มได้ด้วย microSD card สูงสุด 128 GB (ใส่ช่องซิม 2)
- กล้องหลังความละเอียด 21 ล้านพิกเซล ระบบโฟกัส PDAF, รองรับการบันทึกวิดีโอ 4K และแฟลช Dual tone โดยตัวกล้องไม่มีระบบกันสั่น OIS และกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซลพร้อมโหมดหน้าสวยสำหรับคนชอบเซลฟี่
- รองรับ 3G/4G, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 4.1 LE
- แบตเตอรี่ 3,500 mAh ใช้งานทั่วไปได้เกือบทั้งวัน
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- ตัวเครื่องค่อนข้างหนัก
- หากใส่ microSD card จะใช้งานได้เพียงซิมเดียว
ขอบคุณ Lenovo ประเทศไทย