IT News
สุดยอดมือถือขายดีตลอดกาลตั้งแต่ปี 1992 จนถึงปัจจุบัน เคยใช้รุ่นใดบ้าง มาดูกันเลย
นับตั้งแต่ปี 1992 จนถึงปัจจุบัน มีมือถือเปิดตัวและวางขายไปแล้วนับหมื่นล้านเครื่อง หลากหลายดีไซน์ และจนมาเป็นสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน มาดูกันว่าในแต่ละปีที่ผ่านมา มีมือถือรุ่นใดครองแชมป์ยอดขายดีที่สุดประจำปีบ้าง
10 อันดับมือถือขายดีตลอดกาล
อันดับ | รุ่น | เริ่มวางขายปี | ยอดขาย (ล้านเครื่อง) |
---|---|---|---|
1 | Nokia 1100 | 2003 | 250 |
2 | Nokia 1110 | 2005 | 250 |
3 | Apple iPhone 6 และ 6 Plus | 2014–16 | 220 |
4 | Nokia 3210 | 1999 | 150 |
5 | Nokia 1200 | 2007 | 150 |
6 | Nokia 6600 | 2003 | 150 |
7 | Nokia 5230 | 2009 | 150 |
8 | Samsung E1100 | 2009–12 | 150 |
9 | Nokia 2600 (2610/2626/2630) | 2004 | 135 |
10 | Motorola RAZR V3 | 2004 | 130 |
11 | Nokia 1600 (1650/1661) | 2006 | 130 |
12 | Nokia 3310 (3330) | 2000 | 126 |
13 | Nokia 1208 (1209) | 2007 | 100 |
14 | Samsung Galaxy S4 | 2013 | 80 |
15 | Nokia 6010 (6020/6030) | 2004 | 75 |
16 | Apple iPhone 5 | 2012–13 | 70 |
17 | Nokia 5130 (5220/5310) | 2007 | 65 |
18 | Apple iPhone 4S | 2011–14 | 60 |
19 | Motorola StarTAC | 1996 | 60 |
20 | Motorola C200 | 2003–06 | 60 |
รุ่นมือถือขายดีในแต่ละปี
ในปี 1992
- Motorola Personal Phone ยอดขาย 8 ล้านเครื่อง มือถือขนาดใหญ่ที่หลายคนอาจตั้งฉายาว่ารุ่นกระดูกหมา
ในปี 1996
- Motorola StarTAC ยอดขายสูงถึง 60 ล้านเครื่อง เปิดตัวและวางขายครั้งแรกเมื่อเดือนมกราคมปี 1996
ในปี 1997
- Motorola d160 ไม่ระบุยอดขาย แต่เป็นมือถือยอดนิยมมากที่สุดในปีนั้น ตัวเครื่องรองรับ GSM 900 สามารถบันทึกประวัติการโทรได้สูงสุด 10 รายการล่าสุด
ในปี 1998
- Nokia 6120 ทำยอดได้ขายได้มากถึง 21 ล้านเครื่อง มาพร้อม 4 เกมกดในตัว และมีฟังก์ชั่นพื้นฐาน ได้แก่ เครื่องคิดเลข นาฬิกาปลุก และปฏิทิน
ในปี 1999
- Nokia 3210 ทำยอดขายได้มากถึง 150 ล้านเครื่อง มือถือ 900 / 1800 ที่ตัวเครื่องมีระบบสั่นเตือน และปุ่มโทรด่วน
ในปี 2000
- Nokia 3310 ยอดขาย 126 ล้านเครื่อง มือถือรุ่นยอดฮิตและหลายคนคุ้นตัวเลขรุ่นที่สุดรุ่นหนึ่ง ด้วยการส่งภาพขาวดำเป็น SMS และตั้งเป็นภาพพักหน้าจอได้
ในปี 2002
- Nokia 6100, Nokia 6610, Nokia 3510 และ Siemens A50 ทำยอดขายแต่ละรุ่นได้เท่ากันที่ 15 ล้านเครื่อง
ในปี 2003
- Nokia 1100 ทำยอดขายได้มากถึง 250 ล้านเครื่อง มาพร้อมนาฬิกาจับเวลา บันทึกเบอร์ลงเครื่องได้สูงสุด 50 รายชื่อ และบันทึก SMS เอาไว้ได้สูงสุด 50 รายการ
ในปี 2004
- Nokia 2600/2610/2626/2630 มือถือซีรีส์นี้ทำยอดขายรวมได้มากถึง 135 ล้านเครื่อง ตามมาด้วย Motorola RAZR V3 ที่ทำยอดขายได้ 130 ล้านเครื่อง
ในปี 2005
- Nokia 1110 ทำยอดขายได้สูงถึง 250 ล้านเครื่อง มือถือ 2G รองรับ GSM 900 / 1800 และมี 3 เกมยอดฮิตอยู่ในตัวเครื่อง
ในปี 2006
- Nokia 1600/1650/1661 มือถือซีรีส์นี้ทำยอดขายได้ราว 130 ล้านเครื่อง มาพร้อม 14 ภาพวอลเปเปอร์ขาวดำ หน้าจอแสดงผล LCD แบบขาวดำ และพื้นที่จัดเก็บตัวเครื่องขนาด 4MB
ในปี 2007
- Nokia 2600 classic, Nokia 2760, Nokia 5610, Nokia 3110 classic, Nokia 6500 Slide, Nokia 3500, Nokia 6500 classic ซึ่งแต่ละรุ่นทำยอดขายได้เท่ากันคือ 15 ล้านเครื่อง นับเป็นอีกปีแห่งความรุ่งเรืองของ Nokia
ในปี 2008
- Apple iPhone 3G ทำยอดขายได้ 25 ล้านเครื่อง เป็น iPhone รุ่นแรกที่รองรับ 3G เปิดตัวในปี 2008 มีหน้าจอขนาด 3.5 นิ้ว (เท่ากันกับ iPhone 2G) มาพร้อมระบบปฏิบัติการ iOS 2.0 (อัปเดทได้สูงสุดเป็น iOS 4.2.1) ตัวเครื่องมีความหนาขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ 12.3 มม. ส่วนกล้องมีความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ความจุตัวเครื่องเริ่มต้นที่ 8GB กับแรม 128MB และรองรับการเชื่อมต่อผ่าน GPRS, Edge, 3G, Wi-Fi และ Bluetooth 2.0 นอกจากนี้ก็รองรับ A-GPS แล้ว
ในปี 2009
- Nokia 5230 ยอดขาย 150 ล้านเครื่อง มือถือหน้าจอสัมผัสระบบปฏิบัติการ Symbian OS มีช่องใส่ microSD card และพอร์ตเชื่อมต่อที่ตัวเครื่องแบบ micro USB
ในปี 2010
- Apple iPhone 4 ยอดขาย 40 ล้านเครื่อง สมาร์ทโฟนหน้าจอ 3.5 นิ้ว ความละเอียด 640 x 960 พิกเซล Retina Display มาพร้อมระบบปฏิบัติการ iOS 4 รองรับมัลติทาสกิ้ง ระบบเช็คคำผิด และ iBooks ใช้ชิปประมวลผล Apple A4 กับแรม 512MB โดยมีกล้องหลังความละเอียดอยู่ที่ 5 ล้านพิกเซล เป็น iPhone รุ่นแรกที่กล้องหลังมีแฟลช รองรับการบันทึกวิดีโอ 720p และมีกล้องหน้า VGA นอกจากนี้ก็มีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนเพิ่มเข้ามา
ในปี 2011
- iPhone ทุกรุ่นมียอดขายรวมกันมากถึง 140 ล้านเครื่อง ตามมาด้วย Samsung Galaxy S II ที่ทำยอดขายได้มากถึง 20 ล้านเครื่อง
ในปี 2012
- iPhone ทุกรุ่นมียอดขายรวมกัน 110 ล้านเครื่อง และเป็นปีของการเปิดตัว iPhone 5 เป็นรุ่นแรกที่รองรับเครือข่าย 4G LTE มีหน้าจอใหญ่ขึ้นเป็น 4 นิ้ว ความละเอียด 640 x 1136 พิกเซล ตัวเครื่องบางลง 18% และเบากว่าเดิม 20% เป็นการดีไซน์ด้วยอลูมิเนียมกับกระจกอย่างลงตัว มาพร้อมระบบปฏิบัติการ iOS 6 ใช้ชิปประมวลผล Apple A6 แบบ Dual-core ความเร็ว 1.3GHz กับแรม 1GB โดยมีกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซลเท่าเดิม แต่กล้องหน้าขยับไปเป็น 1.2 ล้านพิกเซล รองรับ FaceTime ผ่าน Wi-Fi และ Cellular นอกจากนี้ก็เป็นรุ่นแรกที่รองรับการแชร์ไฟล์ผ่าน AirDrop, ชาร์จเร็วขึ้นในช่วง 0-80% เป็นรุ่นแรกด้วยพอร์ต Lightning Connector อีกทั้งยังมีไมโครโฟนมากถึง 3 ตัว และเริ่มใช้ซิมขนาด Nano SIM
- Samsung Galaxy S III มียอดขายมากถึง 50 ล้านเครื่อง
ในปี 2013
- Samsung ทุกรุ่นมียอดขายรวมกันมากถึง 444 ล้านเครื่อง ในตัวเลขนี้เป็นยอดขายของ Galaxy S4 ราว 40 ล้านเครื่อง
ในปี 2014
- ยอดขายสมาร์ทโฟนจาก Apple ทำเอาไว้ราว 169.2 ล้านเครื่อง เรียกได้ว่าเป็นปีแห่งการเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ของดีไซน์ iPhone เลยก็ว่าได้ ครั้งแรกที่หลายคนได้เห็นต่างบอกว่ามันไม่สวย โดยเฉพาะเส้นคาดสีขาวที่เป็นตำแหน่งของเสาอากาศรับสัญญาณ แต่หลังจากนั้นไม่นานหน้าตาการดีไซน์แบบนี้ก็เต็มตลาดไปหมด!นอกจากดีไซน์ที่เปลี่ยนไปแล้ว ตัวเครื่องยังบางลงกว่าเดิมมาก ขนาดหน้าจอก็ใหญ่ขึ้นเป็น 4.7 นิ้ว และ 5.5 นิ้ว รองรับ Display Zoom ทั้งคู่ใช้ชิปประมวลผล Apple A8 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ iOS 8 และเป็นรุ่นสุดท้ายที่ยังคงมีกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล นับตั้งแต่ iPhone 4s โดยมาพร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ Touch ID และรองรับ NFC รุ่นแรกเพื่อใช้งานกับระบบชำระเงิน Apple Pay นอกจากนี้ก็รองรับ Wi-Fi a/b/g/n/ac และมีเซ็นเซอร์วัดความดันบรรยากาศ (Barometer)
ในปี 2015
- ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับรุ่นที่ขายดีที่สุด แต่มีแบรนด์ที่ครองยอดขายสูงสุดในปีนี้คือ Samsung อยู่ที่ 320.2 ล้านเครื่อง ครองส่วนแบ่งทางการตลาด 22.5%
ไตรมาส 1 ของปี 2016
- Samsung ยอดขายรวม 81.18 ล้านเครื่อง (ส่วนแบ่งทางการตลาด 23.5%)
- Apple ยอดขายรวม 51.62 ล้านเครื่อง (ส่วนแบ่งทางการตลาด 14.8%)
- Huawei ยอดขายรวม 28.86 ล้านเครื่อง (ส่วนแบ่งทางการตลาด 8.3%)
- Oppo ยอดขายรวม 16.11 ล้านเครื่อง (ส่วนแบ่งทางการตลาด 4.6%)
- Xiaomi ยอดขายรวม 15.04 ล้านเครื่อง (ส่วนแบ่งทางการตลาด 4.3%)
- อื่น ๆ ยอดขายรวม 156.41 ล้านเครื่อง (ส่วนแบ่งทางการตลาด 44.8%)
- รวมยอดขายทั้งหมด 349.25 ล้านเครื่อง
ไตรมาส 2 ของปี 2016
- Samsung ยอดขายรวม 76.74 ล้านเครื่อง (ส่วนแบ่งทางการตลาด 22.3%)
- Apple ยอดขายรวม 44.39 ล้านเครื่อง (ส่วนแบ่งทางการตลาด 12.9%)
- Huawei ยอดขายรวม 30.67 ล้านเครื่อง (ส่วนแบ่งทางการตลาด 8.9%)
- Oppo ยอดขายรวม 18.49 ล้านเครื่อง (ส่วนแบ่งทางการตลาด 5.4%)
- Xiaomi ยอดขายรวม 15.53 ล้านเครื่อง (ส่วนแบ่งทางการตลาด 4.5%)
- อื่น ๆ ยอดขายรวม158.53 ล้านเครื่อง (ส่วนแบ่งทางการตลาด 46.0%)
- ยอดขายรวมทั้งหมด 344.36 ล้านเครื่อง
ไตรมาส 3 ของปี 2016
- Samsung ยอดขายรวม 71.73 ล้านเครื่อง (ส่วนแบ่งทางการตลาด 19.2%)
- Apple ยอดขายรวม 43.00 ล้านเครื่อง (ส่วนแบ่งทางการตลาด 11.5%)
- Huawei ยอดขายรวม 32.49 ล้านเครื่อง (ส่วนแบ่งทางการตลาด 8.7%)
- Oppo ยอดขายรวม 24.93 ล้านเครื่อง (ส่วนแบ่งทางการตลาด 6.7%)
- BBK Communication Equipment ยอดขายรวม 19.88 ล้านเครื่อง (ส่วนแบ่งทางการตลาด 5.3%)
- อื่น ๆ ยอดขายรวม 181.25 ล้านเครื่อง (ส่วนแบ่งทางการตลาด 48.6%)
- ยอดขายรวมทั้งหมด 373.29 ล้านเครื่อง
เป็นยังไงกันบ้างกับรุ่นมือถือขายดีตลอดระยะเวลาที่ผ่าน เพื่อนทันรุ่นไหน และตอนนี้ยังเก็บรุ่นไหนเอาไว้บ้าง มาแชร์กันได้นะ ^^