Smart Review
รีวิว Meizu m2 note สเปคดี ราคาย่อมเยา
Meizu m2 note สมาร์ทโฟนหน้าจอ 5.5 นิ้ว IGZO ดีไซน์สวยงาม มาพร้อมปุ่มโฮมที่ใช้งานได้หลายฟังก์ชั่น เป็นได้ทั้งปุ่มย้อนกลับ ปุ่มโฮม และปุ่มปิด/เปิดหน้าจอ โดดเด่นด้วยกล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล แฟลช Dual-LED แบบ True tone ในราคาย่อมเยา
สรุปข้อมูลและสเปค Meizu m2 note
- ราคาเปิดตัว 5,990 บาท (กันยายน 2558)
- ขนาดตัวเครื่อง 150.9 x 75.2 x 8.7 มม.
- น้ำหนัก 149 กรัม
- 2G : GSM 900 / 1800 / 1900 MHz
- 3G : HSDPA 850 / 900 / 2100 MHz
- 4G :LTE band 1(2100), 3(1800), 7(2600)
- รองรับ 2 ซิม (nano SIM + nano SIM)
- หน้าจอแสดงผลขนาด 5.5 นิ้ว IGZO ความละเอียด 1080 x 1920 พิกเซล
- ระบบปฏิบัติการ Flyme OS 4.5.3 (Android 5.1 Lollipop)
- ชิปเซ็ต Mediatek MT6753
- ซีพียู 64 บิต Octa-core 1.3 GHz
- กราฟิก (GPU) Mali-T720
- หน่วยความจำ RAM 2 GB
- หน่วยความจำ ROM 16 GB เพิ่มความจำภายนอกได้ด้วย microSD สูงสุด 128 GB
- กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล แฟลช Dual-LED
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล
- รองรับ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n, Bluetooth 4.0
- GPS/ A-GPS
- แบตเตอรี่ Li-Po 3,100 mAh
แกะกล่อง
Meizu m2 note มาในกล่องกระดาษสีขาว เรียบ ๆ และมีชื่อระบุรุ่นที่ฝากล่อง อุปกรณ์ที่มาในกล่องได้แก่ ตัวเครื่อง m2 note รุ่นความจุ 16GB มีแบตเตอรี่ในตัว, อะแดปเตอร์, สายเคเบิล microUSB, เข็มสำหรับจิ้มถาดใส่ซิมการ์ด และคู่มือใช้งาน โดยในกล่องไม่มีหูฟังแถมมาให้
ข้างกล่องระบุว่ารองรับ 3G ความถี่ 900 / 2100 MHz แต่จากการทดสอบพบว่ารองรับ 3G ความถี่ 850 MHz ด้วย
ตัวเครื่อง ดีไซน์ และหน้าจอแสดงผล
Meizu m2 note สมาร์ทโฟนจากแบรนด์สัญชาติจีน มีขนาดตัวเครื่อง 150.9 x 75.2 x 8.7 มม. ซึ่งไม่หนาและไม่บางจนเกินไป ขอบรอบตัวเครื่องและมุมเครื่องโค้งมน ช่วยให้การจับถนัดมือ วัสดุหลักเป็นพลาสติกโพลีคาร์บอเนตทั้งตัว (Unibody) แต่ให้ความรู้สึกที่เรียบหรู ด้วยการดีไซน์ผิวให้เรียบและมีความมันวาว
หน้าจอแสดงผลมีขนาด 5.5 นิ้ว เทคโนโลยีหน้าจอ IPS LCD ซึ่งเป็นแผงหน้าจอ IGZO จาก Sharp ให้สัดส่วนหน้าจอค่อนข้างมากประมาณ 72.8% หรือพูดง่าย ๆ ก็คือหน้าจอใหญ่แต่ตัวเครื่องไม่ใหญ่จนเกินไป ไม่เทอะทะ มีความละเอียด Full HD ความหนาแน่นพิกเซลประมาณ 403 พิกเซลต่อนิ้ว ปกป้องหน้าจอด้วยกระจก Dragontrail จาก Asahi Glass Co.
เหนือหน้าจอมีเลนส์กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และลำโพงสำหรับเสียงสนทนา
ด้านล่างหน้าจอมีปุ่มโฮม mBack เพียงแตะสัมผัสเบา ๆ เพื่อย้อนกลับ, กดเพื่อเข้าหน้าจอหลัก หรือแตะค้างไว้สักพักเพื่อปิดล็อคหน้าจอ
ขอบด้านบนตัวเครื่องมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. และไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน
ขอบด้านล่างมีพอร์ตเชื่อมต่อ microUSB, ไมโครโฟน และลำโพง
ขอบด้านข้างขวามีช่องถาดใส่ซิมขนาด nano SIM จำนวน 2 ช่อง หรือถ้าใส่ซิมเดียวก็สามารถเลือกใส่ microSD card ได้อีก 128GB
ขอบด้านข้างซ้ายมีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มปิด/เปิดเครื่อง
ด้านหลังมีเลนส์กล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช Dual-LED แบบ True tone โดยฝาหลังไม่สามารถแกะเปิดได้ ภายในมีแบตเตอรี่ขนาด 3,100 mAh ซึ่งผลิตโดย Sony
อินเตอร์เฟซและฟังก์ชั่นการใช้งาน
Meizu m2 note รันระบบปฏิบัติการ Android 5.1 Lollipop โดยปรับแต่งใหม่ใช้ชื่อว่า Flyme OS เวอร์ชั่น 4.5 ซึ่งมีหน้าตาอินเตอร์เฟซตามสไตล์ของ Meizu ที่ดูเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน
หน้าจอหลักหรือหน้าโฮมรวมถึงไอคอนต่าง ๆ ดูเรียบ ๆ ซึ่งแอพพลิเคชั่นทุกตัวจะถูกจัดเรียงไว้ในหน้าโฮมทั้งหมด เพราะไม่มีในส่วนของ App Drawer โดยรุ่นนี้ไม่มีปุ่มย้อนกลับแยกแต่ละปุ่ม มาดูวิธีเรียกใช้งานเหล่านี้กันครับ
- ย้อนกลับ : ให้แตะปุ่มโฮมเบา ๆ เพียงครั้งเดียวเพื่อย้อนกลับทีละหน้า (แตะเบา ๆ ไม่ใช่กดนะครับ)
- กลับหน้าโฮม : ให้กดปุ่มโฮมหนึ่งครั้งเพื่อกลับหน้าโฮมได้ทันที
- ปิดหน้าจอ : ให้กดปุ่มโฮมค้างไว้สักพัก
นอกจากจะไม่มีปุ่มย้อนกลับแยกแล้ว ปุ่มสำหรับเรียกใช้งาน Multitasking หรือ Recent apps ก็ไม่มีด้วย โดยสามารถเรียกใช้งานผ่านการลากจากขอบหน้าจอด้านล่างขึ้นมา แล้วแตะค้างไอคอนแอพฯปัดขึ้นเพื่อปิดการทำงาน หรือแตะเข้าใช้งานต่อก็ได้
เมื่อลากจากขอบด้านบนลงมาจะเป็นในส่วนของรายการแจ้งเตือนต่าง ๆ และแผงไอคอนควบคุมการปิด/เปิดการทำงานหรือ Control panel
หน้าจอแสดงผลสามารถปรับโทนสีอุณหภูมิได้ เข้าไปที่เมนูตั้งค่า >> การแสดงผล >> อุณหภูมิสี
ฟีเจอร์ด้านการใช้ท่าทางหรือ Gesture ขณะหน้าจอดับ ที่มีให้ใช้งานจาก Meizu ได้แก่
- ขณะหน้าจอดับ เคาะหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อเปิดหน้าจอ
- แตะหน้าจอขณะหน้าจอดับ แล้วลากนิ้วขึ้นเพื่อเข้าสู่หน้าโฮมได้ทันที
- แตะหน้าจอขณะหน้าจอดับ แล้วลากนิ้วลงเพื่อเข้าดูรายการแจ้งเตือน
- ตั้งค่าการวาดตัวอักษรต่าง ๆ เพื่อเรียกใช้งานแอพพลิเคชั่นได้ทันทีขณะหน้าจอดับ เช่นวาดตัวอักษร V เพื่อเริ่มใช้งานกล้องถ่ายรูป เป็นต้น
นอกจากนี้ก็จะมี SmartTouch ซึ่งเป็นปุ่มมัลติฟังก์ชั่นที่ลอยอยู่เหนือหน้าจอ
แอพฯที่น่าสนใจที่มากับเครื่องอย่างแอพฯศูนย์ความปลอดภัย ซึ่งอาจดูคล้ายกับแอพฯจัดการระบบทั่ว ๆ ไปที่มีอยู่บนมือถือ Android หลาย ๆ รุ่น แต่ในตัวนี้จะมีในส่วนของการจัดการปริมาณการเชื่อมต่อข้อมูลด้วย ซึ่งสามารถปิดไม่ให้แอพฯบางตัวเชื่อมต่อข้อมูลหรืออินเตอร์เน็ตได้นั่นเอง เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่มีปริมาณการใช้ข้อมูล 3G ที่ค่อนข้างจำกัด เพื่อป้องกันแอพฯบางตัวแอบทำเน็ตรั่ว เช่น ถ้าหากปิดไม่ให้แอพฯ Instagram เชื่อมต่อข้อมูล เวลาเข้าใช้งาน Instagram ก็จะพบว่าโหมดข้อมูลอะไรไม่ได้เลย
โหมดประหยัดพลังงานขั้นสูง สำหรับยืดระยะเวลาให้แบตเตอรี่อยู่ได้นานมากขึ้น โดยการเปลี่ยนหน้าจอเป็นขาว-ดำ และปิดการทำงานระบบทุกอย่าง จะสามารถใช้งานได้เพียงเมนูการโทรและข้อความเท่านั้น
การดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นเพิ่มเติม นอกจากจะดาวน์โหลดผ่าน Play Store แล้ว ก็ยังสามารถดาวน์โหลดผ่าน App Center ของ Meizu ซึ่งเข้าไปก็จะมีภาษาจีนทั้งหมด อาจดูยากหน่อย และก็มีธีมให้ดาวน์โหลดมาใช้งานจากในนี้ด้วยเช่นกัน อีกอย่างหนึ่งที่ชอบมากเลยก็คือรุ่นนี้ไม่ได้ติดตั้งแอพฯขยะมาให้รกเครื่อง มีเพียงแอพฯ Google ไม่กี่ตัว เช่น YouTube, Google Maps
ตรวจสอบเซ็นเซอร์ด้วย Android Sensor Box และมัลติทัช
- Accelerometer Sensor ช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้
- Light Sensor สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอและแผงปุ่มกดให้เหมาะสม
- Orientation Sensor ระบบปรับมุมมองการแสดงผลหน้าจออัตโนมัติ
- Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน
- Gyro Sensor ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวแบบ 3 แกน ซึ่งเป็นตัวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและ
ความยืดหยุ่นหลากหลายในการควบคุม - Sound Sensor ตรวจวัดระดับเสียง
- Magnetic Sensor ตรวจวัดความเข้มสนามแม่เหล็ก
- รองรับมัลติทัชสูงสุด 10 จุด
ทดสอบประสิทธิภาพการทำงาน
Meizu m2 note รันระบบปฏิบัติการ Android 5.1 Lollipop ซึ่งเป็น 64 บิต, ชิปเซ็ต Mediatek MT6753 ซีพียู 64 บิต Octa-core กับจีพียู Mali-T720 และแรม 2 GB
ผลการทดสอบ AnTuTu ในโหมด 64 บิต ซึ่งเป็นการทดสอบการเข้าถึงการทำงานของแรมและประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือจีพียู ทำคะแนนรวมได้ 31,942 คะแนน ระดับคะแนนถือว่าอยู่ในระดับที่ดีมากเทียบได้กับรุ่นในระดับกลาง ๆ ส่วนผลทดสอบคะแนนรวมจาก Quadrant Standard ได้ 16,137 คะแนน
ผลการทดสอบด้วย Geekbench 3 เพื่อวัดประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลโดยรวม ผลทดสอบ Single-core ทำได้ 553 คะแนน และ Multi-core ทำได้ 2,667 คะแนน
กล้องถ่ายรูป
Meizu m2 note มีกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ขนาดเซ็นเซอร์ 1/3.06 นิ้ว ระบบออโต้โฟกัส และแฟลช True tone รองรับการแนบตำแหน่งแผนที่ลงในภาพถ่าย (Geo-tagging), แตะหน้าจอเพื่อเลือกจุดโฟกัส (Touch focus), ตรวจจับใบหน้า (Face detection), HDR, พาโนรามา และบันทึกวิดีโอ Full HD 1080p
โหมดออโต้หรืออัตโนมัติ
สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปแล้วโหมดออโต้หรืออัตโนมัติน่าจะเป็นที่ใช้งานกันบ่อยและง่ายที่สุด เพียงหยิบมือถือขึ้นมาแล้วเปิดกล้อง เลือกจุดโฟกัส ก็ถ่ายภาพได้ทันที ซึ่งในโหมดนี้ตัว m2 note ก็ยังใส่ฟีเจอร์แยกจุดวัดแสงจากจุดโฟกัสได้ด้วย เพราะในบางครั้งจุดที่เราโฟกัสแสงอาจมืดหรือสว่างเกินไป ก็สามารถลากจุดวัดแสงไปยังจุดอื่นได้
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดออโต้
โหมด Light Field
การเลือกโหมดถ่ายภาพบน m2 note ใช้การปัดหน้าจอขึ้นหรือลงขณะเปิดกล้อง ซึ่งมีโหมด Light Field ให้ได้ใช้งานกันด้วย เป็นการถ่ายภาพในระยะโฟกัสที่ต่างกันออกมาก่อน แล้วสามารถมาเลือกจุดโฟกัสภาพภายหลังจากการถ่ายได้
จากจำนวนภาพที่ถ่ายด้วยโหมดนี้พบว่าจะถูกเก็บมาทั้งหมด 7 ช็อตในระยะโฟกัสที่แตกต่างกัน จึงทำให้เราสามารถมาเลือกจุดโฟกัสภายหลังได้นั่นเอง
โหมดพาโนรามา
โหมดนี้เป็นการแพนกล้องในแนวนอนหรือแนวตั้งเพื่อเก็บภาพหลายภาพเป็นภาพเดียวกัน เหมาะกับการถ่ายวิว แต่พบว่าไม่สามารถถือมือถือในแนวนอนได้เมื่อถ่ายด้วยโหมดนี้ ต้องถือมือถือแนวตั้งแล้วแพนกล้องไปทางซ้ายหรือขวา
โหมด Manual
โหมดแบบปรับเองหรือ Manual Mode ซึ่งบน m2 note แปลชื่อโหมดนี้ได้ตรงตัวมากนั่นก็คือ “โหมดคู่มือ” (ฮา) สำหรับโหมดนี้สามารถปรับค่าความเร็วชัตเตอร์ได้นานสุด 10 วินาที, ISO 100-1600, การชดเชยแสง +/-3 และระยะโฟกัส ทำให้มีอิสระในการถ่ายภาพมากขึ้นนั่นเอง แต่โหมดนี้กลับไม่มีให้กำหนดค่า White Balance
ภาพข้างบนนี้เป็นตัวอย่างถ่ายภาพแสงไฟขณะรถวิ่งบนท้องถนน โดยตั้งค่าชัตเตอร์สปีดหรือเปิดหน้าเลนส์นาน 5 วินาที และ ISO 100
เซลฟี่โหมดหน้าสวย
กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล OV5670 ค่ารูรับแสง f/2.0 ให้มุมกว้าง 69 องศา และโหมดปรับความสวยงามที่พรีวิวให้เห็นก่อนกดเซลฟี่อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นปรับขนาดดวงตา, หน้าเรียว, ผิวเนียน และผิวขาว
สรุปจุดเด่น
- รองรับ 2 ซิม 4G
- หน้าจอแสดงผลขนาด 5.5 นิ้ว IPS Full HD
- ระบบปฏิบัติการ Android 5.1 Lollipop
- ซีพียู 64 บิต Octa-core
- หน่วยความจำ RAM 2 GB
- หน่วยความจำ ROM 16 GB เพิ่มความจำภายนอกได้ด้วย microSD สูงสุด 128 GB
- กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล แฟลช Dual-LED
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล
- แบตเตอรี่ 3,100 mAh
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- ไม่มีปุ่มเมนูแยก อาจใช้งานเมนูในบางแอพฯไม่ได้
- เปิดแอพฯพร้อมกันหลายตัวแล้วเกิดอาการช้าและค้างนาน
ขอบคุณ Meizu Thailand