IT News
ไมโครซอฟท์ ตอกย้ำพันธสัญญา ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการต่อสู้กับอาชญากรรมบนโลกออนไลน์
ไมโครซอฟท์ ตอกย้ำพันธสัญญา การสร้างความไว้วางใจในการใช้เทคโนโลยี ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการต่อสู้กับอาชญากรรมบนโลกออนไลน์
การเพิ่มจำนวนขึ้นของซอฟท์แวร์ที่ไม่ปลอดภัยและภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ทวีความรุนแรงกำลังเป็นประเด็นสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวในโลกออนไลน์ทั้งในระดับปัจเจกชนและระดับองค์กรทั่วโลก ภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้ตกอยู่ในความสนใจของชาวโลกอีกครั้งเมื่อมีข่าวคราวเกี่ยวกับกองบัญชาการทหารส่วนกลางของสหรัฐฯ (US Central Command) และ บริษัท โซนี่ พิคเจอร์(Sony Pictures Entertainment) ได้ถูกกลุ่มแฮ็คเกอร์จารกรรมข้อมูล ทำให้เห็นว่าแม้แต่ในประเทศที่พัฒนาแล้วยังคงต้องเผชิญกับภัยคุกคามด้านไซเบอร์ ซึ่งประเทศไทยเองก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ปรากฏการณ์ดังกล่าวได้ถูกนำเสนอในงานเสวนา Microsoft Thailand Cyber Trust Experience ที่จัดขึ้นโดยบริษัทไมโครซอฟท์ ประเทศไทย โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยในเทคโนโลยีสารสนเทศ ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับประเทศได้มาร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูล ซึ่งงานเสวนาในครั้งนี้จัดขึ้นควบคู่กับงานประชุมที่ยิ่งใหญ่ประจำปีด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ 2015 (Cyber Defense Initiative Conference 2015) ที่จัดขึ้น ณ ไบเทค บางนา ระหว่างวันที่ 28 – 29 ตุลาคม 2558
จากการสำรวจโดย หน่วยอาชญากรรมดิจิทัลของไมโครซอฟท์ (Microsoft Digital Crimes Unit-DCU) มีการประเมินว่าในทวีปเอเชียนั้น มีมากกว่า 5 ล้านไอพีแอดเดรส ที่ถูกเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ที่มีซอฟท์แวร์ที่ไม่น่าปลอดภัยจำนวนหลายล้านเครื่อง และประเทศไทยเองก็ติดอยู่ในระดับท็อป 25 ของประเทศที่มีอัตราเสี่ยงต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์สูงที่สุดในโลก จากผลการศึกษาและสถิติจากหน่วยงานภายนอกล่าสุด ในขณะนี้เอเชียแปซิฟิก คือ ภูมิภาคที่เป็นเป้าหมายในการโจมตีทางอาชญากรรมทางไซเบอร์มากที่สุด1
จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจว่า 79% ของผู้บริหารด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (ซีไอโอ) ในองค์กรขนาดใหญ่ของเอเชีย จึงมีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย (security) ความเป็นส่วนตัว(privacy) ความโปร่งใส (transparency) และกฏระเบียบมาตรฐานของโซลูชั่นระบบคลาวด์2(compliance) และจากเอกสารเผยแพร่ที่ถูกตีพิมพ์โดยมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (National University of Singapore) และบริษัทวิจัยตลาด อินเตอร์เนชั่นแนล ดาต้า คอร์ปอร์เรชั่น คาดการณ์ไว้ว่า ในปี 2014 ผู้บริโภคในภูมิภาค เอเชีย แปซิฟิก อาจใช้เงินมากถึง 10.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (มากกว่าค่าใช้จ่ายทั่วโลกถึง 40%) ในการระบุตัวตน แก้ไข และ กู้คืนข้อมูล และจัดการกับนักจารกรรมข้อมูลที่มาจากซอฟท์แวร์ผิดกฎหมาย และในรายงานการศึกษาฉบับเดียวกัน ยังแสดงให้เห็นด้วยว่าความเสียหายจากซอฟท์แวร์ผิดกฎหมายและข้อมูลที่สูญหายสามารถทำให้บริษัทต่างๆ ในภูมิภาคสูญเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 229 พันล้านเหรียญสหรัฐ (มากกว่าค่าใช้จ่ายทั่วโลก 45%) ในปีเดียวกัน
ตัวเลขที่น่าตกใจเหล่านี้เป็นตัวกระตุ้นให้ไมโครซอฟท์ก้าวขึ้นมามีบทบาทในเอเชียมากขึ้น รวมถึงในประเทศไทยด้วย ในฐานะที่เป็นหนึ่งในบริษัทด้านเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ไมโครซอฟท์ได้พยายามสร้างความแข็งแกร่งและปกป้องแพลตฟอร์ม รวมทั้งผลิตภัณฑ์และบริการของตนเองที่มีมาหลายทศวรรษ แต่สิ่งที่ทำให้ไมโครซอฟท์แตกต่าง คือ ความสามารถในการต่อต้านอาชญากรรมด้านไซเบอร์แบบ “เชิงรุก”
“ไมโครซอฟท์ให้สัญญาว่าเราจะขยายขอบข่ายการต่อสู้กับอาชญากรรมไซเบอร์ทั่วโลก เพื่อปกป้องผู้ใช้คอมพิวเตอร์ ลูกค้าและภาครัฐ ผ่านความร่วมมือการแบ่งปันข่าวกรองด้านภัยคุกคามไซเบอร์กับทั้งภาครัฐและเอกชน ในฐานะที่เราเป็นบริษัทที่ช่วยสร้างประสิทธิภาพในการทำงานและให้บริการแพลตฟอร์มในยุคโมบายและคลาวด์ เรามีความเชื่อมั่นในแอพพลิเคชั่น อุปกรณ์และการให้บริการคลาวด์ที่ไว้วางใจได้ เราต้องการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ลูกค้าและพันธมิตรของเรา โดยเฉพาะด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ ความเป็นส่วนตัว การปฎิบัติตามกฎระเบียบและความโปร่งใส ทำให้ลูกค้าที่ใช้งานเทคโนโลยีและบริการด้านคลาวด์ของเรามั่นใจได้ว่า ไมโครซอฟท์มอบบริการเทคโนโลยีที่ไว้วางใจให้กับผู้ใช้งาน”มร. คีชาว์ฟ ดาห์คาด นักกฎหมายอาวุโสและผู้อำนวยการด้านการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาและหน่วยอาชญากรรมดิจิทัล ระดับภูมิภาคเอเชีย ไมโครซอฟท์ เอเชีย กล่าว
นายสมศักดิ์ มุกดาวรรณกร ผู้อำนวยการฝ่ายภาครัฐและการศึกษา บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในขณะที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล การสร้างความไว้วางใจในโลกของดิจิทัลนั้นมีความสำคัญมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนเป็นอย่างมากเพื่อรับประกันว่าบุคคลและองค์กรจะสามารถใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ได้อย่างมั่นใจ เนื่องจากบุคคลและองค์กรในประเทศไทยนั้น มีการติดต่อกันผ่านอุปกรณ์และระบบสารสนเทศกันมากขึ้น จึงมีความเสี่ยงที่จะถูกอาชญากรด้านไซเบอร์หาผลประโยชน์โดยการจารกรรมข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลด้านการเงิน หรือข้อมูลที่เป็นความลับต่างๆ”
เพิ่มความปลอดภัยด้านไซเบอร์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของลูกค้า
การเตรียมพร้อมต่อสู้กับอาชญากรรมด้านไซเบอร์และป้องกันภัยจากซอฟท์แวร์ที่ไม่ปลอดภัยต่างๆ ทำให้ไมโครซอฟท์ได้เพิ่มความแข็งแกร่งแก่ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของไมโครซอฟท์อยู่เสมอ ทำให้ไมโครซอฟท์เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่มีความปลอดภัยที่สุดในปัจจุบัน ยกตัวอย่างเช่น System Center Endpoint Protection ของไมโครซอฟท์ ซึ่งเป็นโซลูชั่นด้านความปลอดภัยและต่อต้านซอฟท์แวร์ที่เป็นอันตรายสำหรับองค์กรธุรกิจ และ Windows Defender ที่อัปเดทอยู่เสมอ นี่คือตัวอย่างบางส่วนของความปลอดภัยด้านไซเบอร์ระดับโลกที่ไมโครซอฟท์มอบให้แก่ลูกค้า
ไมโครซอฟท์ยังมีความมุ่งมั่นในการมอบแพลตฟอร์มที่ผู้ใช้งานสามารถไว้วางใจได้ นอกจากนี้ไมโครซอฟท์ยังได้มีการลงทุนอย่างมหาศาลและต่อเนื่องเพื่อความปลอดภัยสำหรับองค์กรธุรกิจ ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ จะได้รับการพัฒนาด้วยการใช้ Security Development Lifecycle ของไมโครซอฟท์ ซึ่งเป็นกระบวนการพัฒนาซอฟแวร์สำหรับนักพัฒนาแอปพลิเคชั่น ที่จะช่วยลดจำนวนและความรุนแรงของความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และลดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการแสวงหาผลประโยชน์
ไมโครซอฟท์ยังเน้นย้ำว่าไม่เพียงแต่ผู้จัดการด้านไอทีหรือผู้บริหารด้านสารสนเทศของบริษัทเท่านั้น ที่มีหน้าที่รับผิดชอบต่อความปลอดภัยด้านไซเบอร์ แต่ทุกคนในบริษัท ตั้งแต่ผู้บริหารระดับสูงลงมาจนถึงพนักงานระดับล่างต่างมีความรับผิดชอบในการลดความเสี่ยงด้านไซเบอร์ในองค์กรเช่นเดียวกัน และก้าวแรกของการไปสู่การสร้างองค์กรที่มีความปลอดภัยด้านไซเบอร์นั้น คือการใช้เทคโนโลยีของแท้และถูกต้อง
ด้วยความเสี่ยงในโลกออนไลน์ที่เพิ่มมากขึ้น และเหตุการณ์ความเสี่ยงต่อภัยด้านไซเบอร์ที่มีให้เห็นบ่อยมากขึ้น อาจทำให้ผู้ใช้งานเทคโนโลยีเกิดความลังเลในคุณภาพและความไว้วางใจ ไมโครซอฟท์มีจุดมุ่งหมายในการสร้างความไว้วางใจในเทคโนโลยี โดยให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวเป็นอันดับสูงสุด