Smart Review
รีวิว Microsoft Surface Laptop 5 แล็ปท็อปสุดพรีเมี่ยม เรียบง่าย ความเร็วสูงและสไตล์หรู
รีวิว Surface Laptop 5 แล็ปท็อปสุดไฮเอนด์รุ่นล่าสุดจาก Microsoft ที่มาพร้อมสโลแกน “ความเร็วสูง สไตล์หรู” รุ่นนี้ยังคงจุดเด่นในเรื่องความพรีเมี่ยมของวัสดุงานประกอบ ความเรียบง่ายของดีไซน์ และก็ซอฟต์แวร์ที่เสถียรในสเปคที่พร้อมใช้งานเหมือนเดิม การใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร น่าโดนแค่ไหน ติดตามได้จากรีวิวฉบับเต็มนี้เลยครับ!
สรุปสเปค Microsoft Surface Laptop 5 (15″)
- ขนาดตัวเครื่อง: 340 x 244 x 14.7 มม.
- น้ำหนัก: 1.56 กก.
- หน้าจอ: PixelSense แบบ Touchscreen ขนาด 15″
- ความละเอียด: 2496 × 1664 พิกเซล, อัตราส่วน 3:2
- หน่วยประมวลผล: Intel Core i7-1255U
- กราฟิก: Intel Iris Xᵉ Graphics
- RAM: 8GB/16GB/32GB (LPDDR5x)
- SSD: 256GB/512GB/1TB
- แบตเตอรี่: ใช้งานสูงสุด 17 ชม.
- กล้อง: Webcam 720P HD
- ระบบเสียง : ลำโพง Omnisonic พร้อม Dolby Atmos
- ไมโครโฟน : ไมโครโฟนสตูดิโอคู่แบบรับเสียงจากระยะไกล
- พอร์ตการเชื่อมต่อ
- USB-A 3.1 x 1
- Thunderbolt 4 x 1
- พอร์ตหูฟัง 3.5 มม.
- พอร์ต Surface Connect 1 ช่อง
- เซ็นเซอร์: เซ็นเซอร์วัดแสง
- การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 6(802.11ax) + Bluetooth 5.1
- ระบบปฏิบัติการ: Windows 11 Home
- ซอฟต์แวร์ที่แถมมาให้ : Microsoft 365 Apps, ทดลองใช้งาน Microsoft 365 Family ฟรี 30 วัน
- สีสัน: สีดำ Mattle Black, สีเงิน Platinum
แกะกล่อง Microsoft Surface Laptop 5
ก่อนจะไปถึงตัวเครื่องเราขอแกะกล่องเช็กอุปกรณ์ที่ให้มาสักนิดว่ารุ่นนี้มีอะไรบ้างเนาะ ที่หน้ากล่องเราจะเห็นภาพประกอบของ Surface Laptop 5 ในด้านหลังอย่างชัดเจน เครื่องที่เราได้มาก็เป็นสีดำด้าน Matte Black โชว์ความคมเข้มหรู ๆ ตั้งแต่หน้ากล่องกันเลย
เปิดกล่องออกมาเราจะเจอกับตัวเครื่องที่อยู่ในซองกระดาษอย่างดี วางพื้นที่ได้เต็มตัวกล่องกันเลย เดี๋ยวไว้เรามาดูตัวเครื่องกันอีกทีละกันเนาะ
ถัดลงไปเราจะเจอกับกล่องอุปกรณ์เสริม 2 กล่อง ในกล่องแรกจะมีเอกสารคู่มือการใช้งานต่าง ๆ ส่วนอีกกล่องจะเป็นที่ชาร์จที่ให้มาเป็นพอร์ต Surface Connect นั่นเองครับ
เบ็ดเสร็จแล้วอุปกรณ์ในกล่องของ Microsoft Surface Laptop 5 ก็ให้มาแบบมาตรฐาน มีตัวเครื่อง, เอกสารแนะนำการใช้งานและสายชาร์จเท่านั้นครับ!
ดีไซน์เรียบหรู สมกับเป็นแบรนด์ Microsoft
ได้เวลายลโฉมตัวเครื่องกันแล้วครับ อย่างที่บอกไปว่าสีของ Surface Laptop 5 ที่เรามาได้รีวิวนั้นเป็นสี Matte Black หรือดำด้านที่มีได้ทั้งความคมเข้มและหรูหราในคราวเดียวกัน ใครมองก็ต้องรู้สึกถึงความพรีเมี่ยมที่กระจายออกมาได้เลย แม้จะยังไม่ได้สัมผัสก็ตามครับ
และบาลานซ์ของ Surface Laptop 5 ก็ยังยอดเยี่ยมเหมือนเคย เราสามารถเปิดหน้าจอขึ้นด้วยการใช้มือเดียวดันขึ้นโดยไม่ต้องจับ 2 มือ มอบความพรีเมี่ยมและสะดวกในการใช้งานขึ้นไปอีก ว่าไหมล่ะครับ
หน้าจอ PixelSense รองรับ Touchscreen ด้วย
หน้าจอของ Surface Laptop 5 จะใช้จอ PixelSense แบบ IPS LCD รุ่นที่เราได้มาเป็นขนาด 15″ จอใหญ่เต็มตา แสดงผลที่ความละเอียด 2496 × 1664 พิกเซล บนอัตราส่วนแบบ 3:2 ให้พื้นที่ครบครันได้พื้นที่ไปทางสูงกว่าแล็ปท็อปทั่วไป ยิ่งงานเอกสารหรือหน้าเว็บไซต์คือเหมาะมาก ๆ ครับ
ส่วนการแสดงผลก็มอบสีสันที่คมชัดและรายละเอียดได้ดีเลย คอนเทนต์สายกราฟิกหรือความบันเทิงอยู่ในเกณฑ์โอเค รองรับมาตรฐาน Dolby Vision IQ ด้วยครับ
ตัวหน้าจอของ Surface Laptop 5 จะเป็นจอ Touchscreen รองรับการสัมผัสด้วย ซึ่งเมื่อใช้งานคู่กับ Windows 11 ที่ออกแบบให้ตอบสนองกัลการสัมผัสได้ดีขึ้นก็ยิ่งใช้งานได้คล่องตัว รองรับ Multi-Touch ถึง 10 จุด แถบยังใช้กระจกกันรอย Gorilla Glass 5 ด้วย มั่นใจว่าจอไม่เป็นรอยง่าย ๆ แน่
ขอบจอหนาไปหน่อย น่าเสียดายตรงนี้
แต่จุดสังเกตก็มีอยู่บ้างคือขอบหน้าจอของ Surface Laptop 5 นั้นยังมีความหนาที่มากไปสักหน่อยสำหรับแล็ปท็อปในปี 2023 แบบนี้ สังเกตจากด้านข้างและด้ายล่างนี่เรียกว่าไม่บางเอาซะเลย
กล้องหน้า 720p
เหนือหน้าจอเราจะเห็นกล้องหน้าของ Surface Laptop 5 ที่วางอยู่ระหว่างเซ็นเซอร์วัดแสงรอบ ๆ ความละเอียดของกล้องหน้ายังอยู่ที่ 720p ตรงนี้ก็แอบน่าเสียดายเหมือนกัน น่าจะให้มาสัก 1080p ได้แล้วเนาะ
พื้นผิวที่เรียบหรู ไม่มีอะไรมากวนใจ
ความหรูของ Surface Laptop 5 ไม่ได้อยู่ที่แค่ฝาหลังหรือบอดี้เรียบ ๆ เท่านั้น แต่เมื่อเรากางหน้าจอขึ้นมาก็จะเห็นแป้นคีย์บอร์ดและ TouchPad เท่านั้น ที่ตัวเครื่องนไม่มีสติกเกอร์สเปคหรือข้อมูลต่าง ๆ มากวนใจเลย ทำให้ดูคลีนสบายตาไปหมด ต่างจากแล็ปท็อปแบรนด์อื่น ๆ ที่มักเน้นสเปคจนทำให้ดูรกไปหมดครับ
คีย์บอร์ดสัมผัสดีเยี่ยม เว้นระยะได้พอดิบพอดี
ตัวคีย์บอร์ดก็เว้นระยะของปุ่มกดได้ดีเยี่ยม ห่างกันแบบพอดีให้เราพิมพ์ได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งการดีดกลับของปุ่มเมื่อเราพิมพ์ยังทำได้เหมาะสม ทำให้เวลาเราพิมพ์นั้นสนุกไม่แข็งทื่อเลยล่ะครับ ที่คีย์บอร์ดจะมีไฟ Backlit อยู่ด้านล่างด้วย เวลาใช้งานในที่แสงน้อยหรือกลางคืนหายห่วงครับ
ตัวปุ่ม Power ของ Surface Laptop 5 ก็วางตำแหน่งได้ดี ไม่ได้แยกออกไปโดด ๆ แต่อยู่ก่อนหน้าปุ่ม Delete ทำให้เราไม่เผลอไปกดล็อกจอเอาง่าย ๆ และเวลาจะใช้ก็เอื้อมไปกดได้พอดีอีกต่างหากครับ
TouchPad รองรับ Force Touch แตะก็ได้ กดก็ดี
TouchPad ของ Surface Laptop 5 นั้นรองรับ Force Touch ด้วยให้เรากดโดยใช้แรงลงไปนิดหน่อยได้ เหมาะสำหรับคนที่ชอบกดแบบลงแรงหน่อย หรือจะแตะแบบปกติก็ได้เหมือนกัน ตัว TouchPad รองรับการใช้งาน Multi-Touch และ Gesture แบบสมบูรณ์ด้วย
แต่จุดที่เราคิดว่าถ้าปรับอีกหน่อยจะดีขึ้นมากก็คือขนาดของ TouchPad ที่รู้สึกว่ายังแอบเล็กไปนิด ยิ่งรุ่น 15″ ที่เราได้มานั้นมีพื้นที่เหลือเฟือ พอ TouchPad ขยายขึ้นมานิดหน่อยก็แอบเสียดายพื้นที่เหมือนกัน ถ้าใช้แบบจุใจน่าจะใช้งานได้คล่องตัวอีกเยอะเลยล่ะครับ
พอร์ตการเชื่อมต่อเพียงพออยู่
ส่วนพอร์ตการเชื่อมต่อ Surface Laptop 5 ก็ให้มาพร้อมใช้งานอยู่ครับ ที่ฝั่งขวามือของตัวเครื่องจะมีพอร์ต Surface Connect พอร์ตชาร์จแบบแม่เหล็กที่ประกอบ “กรึ๊บ” ก็ชาร์จได้ทันที รองรับชาร์จไวด้วยนะ
ส่วนอีกฝั่งจะมีพอร์ต USB-A 3.1, USB-C (thunderbolt 4) และช่องหูฟัง 3.5 มม. ซึ่งพอฝั่งขวามีพอร์ต Surface Connect แล้วฝั่งซ้ายเราก็สามารถใช้งานได้เต็มที่หากต้องชาร์จแบตฯก็ไม่ต้องเสียพอร์ตไปนั่นเองครับ
ส่วนองศาการกางหน้าจอก็จะกว้างประมาณในภาพด้านล่างนี้เลยครับ อาจจะไม่สามารถกางได้สุดแต่ก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานไม่น้อยแล้วล่ะครับ
พลิกกลับมาดูที่ด้านล่างตัวเครื่องเราก็ยังเห็นความเรียบเนียนของตัวเครื่องเหมือนเดิม ไร้สติกเกอร์มากวนใจมีเพียงโลโก้ของ Microsoft และเลขรหัสนิดหน่อยเท่านั้น ตัวแผ่นยางกันลื่นจะวางไว้ที่ 4 มุมพอดีและนูนขึ้นมาจากตัวเครื่องเล็กน้อย ช่วยให้เครื่องไม่สัมผัสโดนพื้นเต็ม ๆ เวลาวางครับ
ขนาดและน้ำหนักที่ลงตัว
ปิดท้ายด้วยเรื่องน้ำหนัก Surface Laptop 5 รุ่น 15″ จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 1.56 กก. ถือว่ากำลังดี หากเทียบกับขนาดหน้าจอระดับนี้ สามารถพกพาติดกระเป๋าไปได้แบบไม่เป็นภาระกับหลังจนเกินไป แถมความเพรียวบางของตัวเครื่องก็ยังใส่ในช่องกระเป๋าได้แบบไม่เทอะทะเพราะจุดที่หนาที่สุดของรุ่นนี้อยู่ที่ 14.7 ซม.เท่านั้นครับ
โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ Surface Laptop 5 ก็ได้ความเรียบง่ายแต่หรูตามฉบับของ Microsoft ไปเต็ม ๆ ไร้สติกเกอร์บอกสเปค แผ่นระบุข้อมูลต่าง ๆ ทุกอย่างคลีนสะอาดตา งานประกอบก็คุณภาพมาก บอดี้เป็นอลูมิเนียมคุณภาพสูงและแข็งแกร่ง มีหน้าจอขนาดใหญ่พร้อมรองรับ Touchscreen อย่างดี แต่จุดที่เรายังแอบเห็นเป็นจุดสังเกตอยู่บ้างก็คือตัวขอบหน้าจอที่ดูจะหนาเกินไปหน่อยสำหรับแล็ปท็อปยุคใหม่แบบนี้น่ะนะ
สเปคจัดเต็มด้วยชิป Intel Gen 12th มาตรฐาน Intel Evo
สำหรับสเปค Surface Laptop 5 ก็จัดเต็มมาพร้อมกับชิปเซ็ตตัวล่าสุด Intel Core i7-1255U บนมาตรฐาน Intel Evo มั่นใจได้ในเรื่องความแรงและการประหยัดพลังงาน ประสิทธิภาพครอบคลุมการทำงานเอกสารทั่วไปจนถึงการทำงานกราฟิกระดับกลางได้เลยทีเดียวครับ
อย่างในการทดสอบของเราก็ใช้งานทั่วไปในการเขียนบทความลงเว็บไซต์หรือจะใช้งานด้านกราฟิกตัดต่อ ตกแต่งภาพผ่านโปรแกรม Photoshop ก็เอาอยู่สบาย ๆ ไม่เจออาการค้างหรือกระตุก แม้จะเปิดหลาย ๆ หน้าต่างก็ตามครับ
รันด้วย Windows 11 Home ตั้งแต่แกะกล่องเลย
มาต่อในเรื่องซอฟต์แวร์ แน่นอนว่าแล็ปท็อปของ Microsoft แบบนี้ก็ต้องมาพร้อม Windows แท้มาให้อยู่แล้ว โดยใช้เป็น Windows 11 Home ตั้งแต่แกะกล่องเลย พร้อมใช้งานและอัปเดตต่าง ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง หน้าตาของซอฟต์แวร์ก็คลีน ๆ แบบเดียวกับรูปลักษณ์ของฮาร์ดแวร์เลยล่ะครับ
ในเรื่องแอปต่าง ๆ ก็ถือว่าใช้งานได้อย่างคล่องตัว ดาวน์โหลดได้ผ่าน Windows Store มากมาย ยิ่งบน Windows 11 ที่รองรับแอปจากฝั่ง Android มากขึ้น ก็ทำให้เราสามารถใช้งานแอปบางตัวที่คุ้นชินบนสมาร์ทโฟนบน Surface Laptop 5 เครื่องนี้ได้อย่างสะดวก
อย่างในที่นี้เราโหลด Tiktok กับ Instagram มาใช้งานก็ทำให้สะดวกเวลาอยากดูคอนเทนต์คลายเครียดก็ไม่ต้องไปหยิบสมาร์ทโฟนมาไถ เปิดบนจอใหญ่ได้เลย จะแบ่ง 2 จอดู 2 คอนเทนต์ไปพร้อม ๆ กันก็ได้ แถมความเป็นหน้าจอ Touchscreen เวลาเราใช้งานก็จะได้ประสบการณ์เหมือนเปิดแท็บเล็ตจอ 15″ ไปเลยครับ
แบ่งหน้าจอสะดวกก็จอใหญ่เต็มตาขนาดนี้
หรือถ้าใครที่ชอบใช้งานแบบหลาย ๆ แอปพร้อมกัน Windows 11 ก็มีฟีเจอร์แบ่งหน้าจอได้อย่างหลากหลายและยืดหยุ่น และด้วยความที่หน้าจอของ Surface Laptop 5 นั้นใหญ่ถึง 15″ ก็มีพื้นที่มากขึ้นในการทำอะไรพร้อม ๆ กัน แถมอัตราส่วนก็เป็น 3:2 แบบที่บอกไปจัดสรรหน้าต่างได้อย่างง่ายดาย และแน่นอนว่าขุมพลังภายในก็แรงพอที่เราจะเปิด 4 แอปทำงานได้พร้อม ๆ กันได้อย่างไม่มีกระตุกอีกด้วย
ความบันเทิงจัดเต็มทั้งภาพและเสียงด้วย Dolby Vision และ Dolby Atmos
ส่วนเรื่องความบันเทิง Surface Laptop 5 ก็จัดเต็มอย่างที่บอกไปว่าหน้าจอนั้นใหญ่และสวยงามรองรับมาตรฐาน Dolby Vision IQ ให้ภาพคมชัดกว่า รายละเอียดดีกว่า ส่วนเสียงก็ได้ลำโพง Omnisonic ที่ซ่อนอยู่ใต้คีย์บอร์ดให้เสียงที่สมจริงและไม่มีช่องลำโพงมากวนสายตา พร้อมระบบเสียง Dolby Atmos รอบทิศทางอีกต่างหากครับ
แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 17 ชม.
ปิดท้ายที่เรื่องแบตเตอรี่ Microsoft เคลมว่า Surface Laptop 5 นั้นสามารถใช้งานได้นานสูงสุดถึง 17 ชม. กันเลย ซึ่งแน่นอนว่าในการใช้งานจริงถ้ามีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไปด้วย ใช้แอปที่ประมวลผลหนักหน่อยก็คงไม่ถึง แต่เท่าที่เราลองใช้งานเล่นเว็บ เขียนบทความรวมถึงใช้พวก Photoshop ไปด้วยก็อยู่ได้ประมาณ 5 – 6 ชม.อยู่ครับ เพียงพอต่อการพกแต่เครื่องไปทำงานตามร้านกาแฟโดยไม่ต้องพกที่ชาร์จไปด้วยแล้วล่ะระดับนี้
ราคาเริ่มต้น 50,900 บาท
Surface Laptop 5 รุ่น 15″ จะมีให้เลือกชิปเดียวคือ Intel Core i7-1255U แต่มีหลายโมเดลความจุแบ่งเป็นราคาดังนี้ครับ
- รุ่นความจุ 8GB + 256GB ราคา 50,900 บาท
- รุ่นความจุ 16GB + 512GB ราคา 69,900 บาท
ซึ่งตอนนี้ก็เปิดวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการเรียบร้อย ใครที่สนใจก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดพร้อมสั่งซื้อได้ที่นี่เลยครับ
สรุปแล้ว “นี่คือแล็ปท็อปสุดเรียบหรู ที่ให้คุณได้ทั้งความเร็วและสไตล์”
สรุปแล้ว Microsoft Surface Laptop 5 ก็ถือเป็นแล็ปท็อปไฮเอนด์ที่มีจุดเด่นในเรื่องความเรียบหรู ตั้งแต่ดีไซน์ภายนอกไปจนถึงซอฟต์แวร์ภายใน ด้วยบอดี้อลูมิเนียมอันแข็งแกร่ง งานประกอบพิถีพิถัน ความเรียบหรูสะอาดตาที่มอบให้ตามฉบับของผลิตภัณฑ์จาก Microsoft ลงตัวในแบบที่สายธุรกิจที่ต้องการความ Minimal มองหา สเปคภายในที่ตอบโจทย์ในทุกการใช้งานตั้งแต่เอกสารทั่วไปจนถึงกราฟิกระดับกลาง-สูง ใครที่กำลังมองหาแล็ปท็อป Windows สุดหรูในสไตล์ที่เฉพาะตัวอยู่แล้วมีงบแบบไม่จำกัด เราว่า Surface Laptop 5 รุ่นนี้ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยจริง ๆ ครับ