Smart Review
รีวิว Surface Pro 8 จาก Microsoft พีซีแบบแล็ปท็อปและแท็บเล็ตในเครื่องเดียว, CPU 11th Gen Intel พร้อม Windows 11
รีวิว Surface Pro 8 จาก Microsoft อุปกรณ์ PC ที่มาในรูปแบบลูกผสมระหว่างแท็บเล็ตและแล็ปท็อปในเครื่องเดียว ใช้งานได้เต็มที่ด้วย CPU Intel i5 หรือ i7 Gen 11 พร้อมรองรับมาตรฐาน Intel Evo และได้ Windows 11 รุ่นใหม่ล่าสุดตั้งแต่แกะกล่อง
สรุปสเปค Microsoft Surface Pro 8
- ขนาด : 287 x 208 x 9.3 มม. (11.3 x 8.2 x 0.37 นิ้ว)
- น้ำหนัก : 891 กรัม
- หน้าจอแสดงผล : PixelSense Flow ขนาด 13 นิ้ว ความละเอียด 2880 × 1920 พิกเซล, 267PPI, Refresh Rate 120Hz, อัตราส่วน 3:2 และรองรับ Dolby Vision
- CPU : Intel Core i5-1135G7 แบบ Quad-core (11th Gen) หรือ Intel Core i7-1185G7 (11th Gen)
- GPU : Intel Iris Xe Graphics (i5, i7)
- RAM : 8/16/32GB แบบ LPDDR4x
- ความจุ : 128/256/512GB และ 1TB แบบ SSD
- ระบบปฏิบัติการ : Windows 11 Home
- พอร์ต
- USB Type-C 2 ช่อง พร้อม USB 4.0 / Thunderbolt 4
- แจ็คหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
- พอร์ต Surface Connect 1 ช่อง
- พอร์ต Surface Type Cover
- กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมวิดีโอ Full HD 1080p
- กล้องหลังความละเอียด 10 ล้านพิกเซล โฟกัสอัตโนมัติ พร้อมวิดีโอ HD 1080p และ 4K
- รองรับลำโพงสเตอริโอ 2W ระบบเสียง Dolby Atmos
- รอบรับการเชื่อมต่อ WiFi 6 และ Bluetooth 5.1
- แบตเตอรี่ : 51.5Wh ใช้งานอุปกรณ์ตามปกตินานถึง 16 ชั่วโมง
อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่อง
- ตัวเครื่อง Microsoft Surface Pro 8
- สายชาร์จพอร์ต Surface Connect
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
ดีไซน์พิเศษพกพาได้เสมือนแท็บเล็ตเครื่องหนึ่ง
Microsoft Surface Pro 8 ที่แม้ว่าจะมีความสามารถที่เหมือนแล็ปท็อปแต่ดีไซน์ของตัวเครื่องมีความเล็กและบางเสมือนกับแท็บเล็ตเครื่องหนึ่งเท่านั้นครับ พกพาไปได้อย่างสะดวกทุกที่แน่นอน โดยน้ำหนักจะมีเพียง 891 กรัม และบางเพียง 9.3 มม. ทำให้ใส่กระเป๋าเป้ได้สบายๆ
ทั้งนี้ตัวเครื่อง Surface Pro 8 ยังใช้วัสดุอะลูมิเนียมชุบผิวอันเป็นเอกลักษณ์ที่มีการป้องกันรอยขุดข่วนหรือคราบมันจากนิ้วมือได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียวครับ หรือถ้ามีฝุ่นหรือคราบมันเกาะก็สามารถเช็ดออกได้ง่ายๆ เหมือนกัน
มีขาตั้ง Kickstand ใช้งานได้หลากหลายขึ้น
นอกจากจะใช้งานแบบถือทั่วไปแล้ว ด้านหลังของ Surface Pro 8 ยังสามารถกางออกมาเพื่อเป็นขาตั้งที่ปรับได้เกือบ 180 องศา เหมาะมากกับคนที่ต้องการชมวิดีโอหรือต้องใช้ในการประชุมงานทันที
หน้าจอ 3:2 แสดงผลได้มากกว่าที่เคยเป็น
Surface Pro 8 มาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ PixelSense Flow ขนาด 13 นิ้ว พร้อมด้วยมีอัตราส่วนกว้างยาว 3:2 ช่วยให้การแสดงผลบนหน้าจทำได้กว้างขึ้น และมีพื้นที่หน้าจอแนวตั้งมากกว่าแล็ปท็อปทั่วไปที่มีอัตราส่วน 16:10 หรือ 16:9 ถึง 18% ที่สำคัญยังรองรับการแสดงผลแบบ Dolby Vision เพิ่มความสวยงามของสีสันเพื่อทำงานด้านกราฟิก
ที่สำคัญหน้าจอยังใช้งานแบบสัมผัสได้ รองรับ Multi-Touch ครบ 10 จุด และมีความไหลลื่นแบบ Refresh Rate 120Hz
ยลโฉมรอบเครื่อง
พามาดูรอบเครื่องกันครับ ขอเริ่มด้วยที่ด้านหน้าจอที่วางเป็นแนวนอนครับ ด้านบนหน้าจอจะมีไมโครโฟน Studio Mics คู่ขนาบข้างรอบนอก, ระบบจดจำใบหน้า และกล้องหน้า 5 ล้านพิกเซลตรงกลางครับ
ด้านล่างตัวเครื่องมีพอร์ต Surface Type Cover เพื่อเชื่อมต่อคีย์บอร์ดอยู่
ทางขวาจะมีทั้งปุ่ม Power เพื่อใช้ในการเปิด-ปิดเครื่อง, พอร์ต Thunderbolt 4, พอร์ต Surface Connect สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ และลำโพงตัว 1
ส่วนทางขวาเครื่องจะมีปุ่มเพิ่มและลดเสียง, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และลำโพงตัวที่ 2
และที่ด้านหลังตัวเครื่องจะมีโลโก้ Microsoft สีเงิน ที่สามารถกางออกมาเพื่อเป็นขาตั้งได้ พร้อมด้วยกล้องหลัง 10 ล้านพิกเซลด้านบน
CPU ใช้งานด้านกราฟิกได้สบาย
รีวิว Surface Pro 8 จะมี 2 เวอร์ชั่นให้เลือกด้วยกันตาม CPU ที่ต้องการเลยครับ ได้แก่ Intel Core i5-1135G7 และ Intel Core i7-1185G7 โดยทั้งคู่จะมี 4 คอร์ 8 เธรดทั้งคู่ ช่วยให้การทำงานหลายอย่างไปพร้อมกันทำได้ไหลลื่นเลยทีเดียวครับ เช่น การเปิด Edge หลายแท็บ พร้อมวิดีโอคอลไปด้วย และเปิด Microsoft Office ไปพร้อมกันหลายหน้า เป็นต้น
ทั้งนี้ Surface Pro 8 เป็น Surface Pro รุ่นแรกของ Microsoft ที่มาพร้อมแพลตฟอร์ม Intel Evo ซึ่งเป็นคล้ายกับมาตรฐานที่การันตีเรื่องประสิทธิภาพที่ทำได้อย่างเร็วแรง คล่องตัว และใช้งานได้อย่างยาวนานแน่นอนครับ
ความปลอดภัยขั้นสูงระดับองค์กร
Surface Pro 8 ยังมาพร้อมกับชิป TPM (Trusted Platform Module) เวอร์ชั่น 2.0 เพื่อความปลอดภัยระดับองค์กรและการเข้าถึงข้อมูลหรือรหัสต่างๆ ให้ปลอดภัยจากภายนอก ที่สำคัญยังรองรับกับ BitLocker ที่คอยปกป้องข้อมูลภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้อย่างเราด้วยเช่นกันครับ
และเมื่อพูดถึงชิป TPM แล้ว แน่นอนว่า Surface Pro 8 รันบนระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home ตั้งแต่แกะกล่องเลยครับ ซึ่งฟีเจอร์ใหม่และหน้าตา UI นั้นดูสะอาดตามากขึ้น หากใครที่ใช้ Windows 10 อยู่ก่อนแล้ว แทบไม่ต้องปรับตัวอะไรเลยครับ
Windows Hello สแกนใบหน้าปลดล็อกเครื่องได้ทันที
Windows Hello เป็นอีกฟีเจอร์ที่ใช้งานได้สะดวกเพราะเป็นจดจำใบหน้าของผู้ใช้งานเพื่อทำการปลดล็อกหน้าให้ทันที ทั้งยังมีความแม่นยำมากๆ ครับ
วาดเขียนได้อย่างอิสระด้วยการใช้งานร่วมกับ Microsoft Surface Slim Pen 2 และ Surface Pro Signature Keyboard
Surface Pro 8 ยังรองรับการใช้งานร่วมกับคีย์บอร์ด Microsoft Surface Pro Signature Keyboard ที่มาพร้อมกับปากกา Microsoft Surface Slim Pen 2 (ต้องซื้อแยก) ครับ โดยขอพูดถึงเจ้าตัวปากกากันก่อนครับ ที่จะรองรับแรงกดได้ 4,096 ระดับ ช่วยให้เราเขียนหรือวาดภาพได้ทันทีที่ต้องการและมีความแม่นยำในการใช้งานมากๆ อย่างใครที่วาดรูปตัดขอบต่างๆ น่าจะต้องชอบแน่นอนครับ
ทั้งนี้เราสามารถกดปุ่มด้านบนเพื่อเปิด Microsoft Whiteboard ได้อย่างรวดเร็ว หรือจะเปลี่ยนเป็นเปิดฟังก์ชันอื่นก็ได้เช่นกันครับ
ส่วนการชาร์จและเก็บก็เพียงแค่วางไว้ที่ด้านบนของตัว Microsoft Surface Pro Signature Keyboard ซึ่งตรงนี้ทำให้เราได้ทั้งชาร์จและเก็บได้อย่างปลอดภัยไม่ต้องกลัวหาย เพราะตรงแท่นวางจะมีแม่เหล็กดูดที่แน่นพอสมควรเลยครับ
ส่วนคีย์บอร์ด Microsoft Surface Pro Signature Keyboard จะเป็นแบบ Full-Size พิมพ์ได้สะดวก และเสียงจะไม่ค่อยดังมากเวลาพิมพ์ครับ ทั้งนี้ตัวแป้นพิมพ์ยังเรืองแสงได้ ทำให้เราใช้งานในตอนกลางคืนหรือที่มืดได้สบายๆ ครับ
ตัวคีย์บอร์ดสามารถปรับองศาได้ 2 ระดับครับ โดยแบบแรกจะเป็นแบบเรียบไปกับพื้นทั้งหมดเลย ส่วนอีกแบบจะเป็นการให้ตัวปากกาเก็บไปไว้ด้านใน ซึ่งจะเป็นการปรับให้ปิดขอบด้านล่างหน้าจอพอดีครับ
Multi Windows ใช้งานเต็มที่สุดถึง 4 โปรแกรม
สำหรับ Windows 11 Home จะให้เราสามารถเปิดโปรแกรมแบบ Multi Windows ได้ง่ายขึ้นมากถึง 4 จอพร้อมกันเลยครับ เพียงแค่เราเปิดหน้าต่างหนึ่งมาก่อน จากนั้นให้เราเมาส์ลากไปวางตรงปุ่มปรับขนาด และก็สามารถเลือกรูปแบบของ Multi Windows ได้ทันทีครับ
ระบบเสียง Dolby Atmos สายบันเทิงก็ใช้ได้จุใจ
Surface Pro 8 มีระบบเสียงสเตอริโอแบบ Dolby Atmos บอกเลยว่าคุณภาพเสียงที่ได้นั้นดังกระหึ่ม คมชัดและมีมิติมากๆ ครับ ใครที่มาสายซีรี่ย์ ภาพยนตร์ หรือเล่นเกมเบาๆ จะต้องหลงรักระบบเสียงนี้แน่นอน
รับเสียงได้คมชัดด้วย Studio Mics คู่
ส่วนใครที่ใช้เพื่อทำงานหรือประชุมงานประจำ Surface Pro 8 จะมีไมโครโฟน Studio Mics จำนวน 2 ตัวมาให้ ซึ่งการรับเสียงถือว่าทำได้ดีมาก เสียงของเรามีความชัดเจนแม้ในระยะที่ไกลพอสมควรครับ
กล้องหน้าคมชัดระดับ Full HD 1080p
กล้องหน้าให้ความคมชัดมาที่ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ซึ่งเราสามารถใช้งานเพื่อวิดีโอคอลหรือประชุมงานต่างๆ ได้ชัดเจนระดับ Full HD 1080p
กล้องหลังคมชัดสุดที่ 4K
ไม่ได้มาแค่กล้องหน้าครับ Surface Pro 8 ยังมาพร้อมกล้องหลังความละเอียด 10 ล้านพิกเซล โดยที่เราสามารถถ่ายรูปหรือถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดระดับสูงสุด 4K ได้
พอร์ตเชื่อมต่อใช้ได้อย่างเร็วแรง
ใครที่อยากเชื่อมต่อออกหน้าจออื่นๆ Surface Pro 8 ได้จัดพอร์ต USB Type-C Thunderbolt 4 จำนวน 2 ช่อง โดยสามารถต่อมอนิเตอร์คมชัดสูงสุด 4K ได้ถึง 2 จอเลยครับ
แบตเตอรี่ใช้ได้ครบวัน
บอกก่อนว่าใครที่นำ Surface Pro 8 ไปใช้งานทั่วไป ไม่ได้ดูวิดีโอหรือใช้งานด้านกราฟิกหนักๆ บอกเลยว่าการใช้งานข้างนอกก็ทำได้ครบวันแน่นอน โดยใช้งานได้นานสุดถึง 16 ชั่วโมง รวมถึงการชาร์จที่หากเราชาร์จผ่านพอร์ต Surface Connect จะรองรับการชาร์จสะเร็วด้วย
สรุปการใช้งาน
จากที่ได้ลองใช้งาน Microsoft Surface Pro 8 มาสักพัก นับว่าเป็น PC ที่ผสมผสานความเป็นแล็ปท็อปและแท็บเล็ตได้ดีมากๆ ครับ ใครชอบใช้แบบพกพาง่ายพกไปแค่ตัวเครื่องได้ หรือใครอยากใช้แบบมืออาชีพขึ้นมาหน่อยก็เชื่อมต่อกับคีย์บอร์ด Microsoft Surface Pro Signature Keyboard ควบคู่กับการใช้งานร่วมกับปากกา Surface Slim Pen 2 ได้อย่างสะดวกสบายสุดๆ ครับ ใครที่ต้องใช้เพื่อวาดเขียนควรค่าแก่การซื้อมากๆ ส่วนการใช้งาน, ทำงานหรือแต่งภาพทั่วไปก็ทำไหลลื่นมากๆ CPU Core i5-1135G7 หรือ Core i7-1185G7 ก็เพียงพอครับ และที่ชอบมากๆ เลยคือแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ค่อนข้างอึดเลยทีเดียวครับ ชาร์จครั้งเดียวช่วงสายๆ ก็อยู่ถึงเย็นๆ ได้แบบสบายเลย
ราคาวางจำหน่าย
Microsoft Surface Pro 8 เริ่มวางจำหน่ายแล้วบน Shopee, Lazada, JD Central โดยมีหลายรุ่นให้เลือก ดังนี้
- Surface Pro 8 CPU Core i5 (RAM 8GB + ความจุ 128GB) : 39,590 บาท
- Surface Pro 8 CPU Core i5 (RAM 8GB + ความจุ 256GB) : 42,790 บาท
- Surface Pro 8 CPU Core i5 (RAM 16GB + ความจุ 256GB) : 52,190 บาท
- Surface Pro 8 CPU Core i7 (RAM 16GB + ความจุ 256GB) : 59,190 บาท
- Surface Pro 8 CPU Core i7 (RAM 16GB + ความจุ 512GB) : 69,900 บาท