Smart Review
รีวิว Nextbit Robin สมาร์ทโฟนดีไซน์โดดเด่น และเก็บข้อมูลไว้บน Cloud ฟรี 100GB
Nextbit Robin เป็นสมาร์ทโฟนจากโครงระดมทุน Kickstarter ที่มาพร้อมพื้นที่จ้ดเก็บข้อมูลไว้บน Cloud เต็มรูปแบบรุ่นแรกด้วยขนาดพื้นที่ให้มาฟรีถึง 100GB และรองรับการใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE ทุกเครือข่ายในไทย
สรุปข้อมูลและสเปค Nextbit Robin
- ราคาเปิดตัว 12,900 บาท (กันยายน 2016)
- ขนาดตัวเครื่อง 149 x 72 x 7 มม.
- รองรับเครือข่าย 2G/3G/4G LTE ทุกเครือข่ายในไทย
- ซิมการ์ด Nano SIM
- หน้าจอแสดงผล 5.2 นิ้ว IPS LCD Full HD 1080p
- รันระบบปฏิบัติการ Android 6.0.1 Marshmallow
- ชิปเซ็ต Snapdragon 808
- ซีพียู Hexa-core ความเร็วสูงสุด 2.0GHz
- จีพียู Adreno 418
- แรม 3 GB
- ความจำภายในตัวเครื่อง 32 GB และฟรีพื้นที่บน Cloud ขนาด 100 GB (ไม่ช่องใส่ microSD card)
- กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และแฟลช Dual-LED
- กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
- รองรับ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 4.0 LE, NFC
- พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C
- รองรับระบบ GPS, A-GPS
- แบตเตอรี่ 2,680 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว QC 2.0
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ปุ่ม Power
- ลำโพงคู่ด้านหน้า
ดีไซน์ ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล
Nextbit Robin มาในกล่องกระดาษแท่งยาว ๆ ภายในจะมีตัวเครื่อง Nextbit Robin, สายเคเบิลแบบ USB Type-C และเข็มจิ้มซิม ซึ่งไม่มีหัวชาร์จอะแดปเตอร์มาให้ แต่สามารถใช้ร่วมกับหัวชาร์จทั่วไปได้
ดีไซน์ของ Nextbit Robin มีความโดดเด่นเฉพาะตัว ทั้งสีตัวเครื่องที่เป็นแบบ 2 โทนสีตัดกันระว่างส่วนบนและส่วนล่างของตัวเครื่อง ซึ่งในรีวิวนี้เป็นตัวเครื่องสีมิ้นท์ที่ตัดกับสีขาว โดยจะมีอีกหนึ่งสีที่เป็นสีดำทั้งตัว
รูปทรงของ Nextbit Robin เป็นแท่งสีเหลี่ยม มีความบางเพียง 7 มม. และมีหน้าจอแสดงผลขนาด 5.2 นิ้ว เป็นแผงหน้าจอแบบ IPS LCD ความละเอียด 1080p โดยขอบจอไม่ได้บางจนชิดขอบเหมือนสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ ๆ ทำให้มีพื้นที่เหลือขอบจอให้เห็นเป็นสีดำ ๆ
ด้านหน้าตัวเครื่องจะมีช่องลำโพงคู่อยู่บริเวณเหนือหน้าจอและล่างหน้าจอ ซึ่งมีการดีไซน์ช่องลำโพงเป็นรูเล็ก ๆ เรียงกันเป็นวงกลม นอกจากนี้แล้วเหนือหน้าจอก็จะมีเลนส์กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และจุดเซ็นเซอร์ Proximity สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนาเพื่อประหยัดพลังงาน ที่ดีไซน์ให้มีขนาดใหญ่เท่าเลนส์กล้อง ทำให้มองดูคล้ายกับว่ามีกล้องหน้าคู่
ขอบด้านบนตัวเครื่องมีช่องสำหรับเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มม. และไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน
ขอบด้านล่างมีพอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C (ไม่รองรับ OTG) และไมโครโฟน
ขอบด้านซ้ายมีปุ่มปรับระดับเสียง ซึ่งเป็นปุ่มกลม ๆ แยกออกจากกัน
ขอบด้านขวามีปุ่ม Power สำหรับปิด/เปิดเครื่อง โดยมีตัวอ่านลายนิ้วมือฝังอยู่ที่ปุ่มนี้ด้วย และมีช่องถาดใส่ซิมที่รองรับขนาด Nano SIM
ด้านหลังมีเลนส์กล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และแฟลช Dual LED (Dual tone) โดยถัดลงมาจะมีรูปก้อนเมฆและไฟ LED ดวงเล็ก ๆ จำนวน 4 ดวง ซึ่งจะสว่างเมื่อระบบกำลังการซิงค์ข้อมูลระหว่าง Cloud
ฝาหลังของ Nextbit Robin ไม่สามารถแกะเปิดเองได้ ภายในจะมีแบตเตอรี่ขนาดความจุ 2,680 mAh และรองรับระบบชาร์จเร็ว QC 2.0
อินเตอร์เฟซและฟังก์ชั่นการใช้งาน
Nextbit Robin รันระบบปฏิบัติการที่เรียกว่า Nextbit OS บนพื้นฐานระบบปฏิบัติการ Android 6.0.1 Marshmallow ที่แทบจะไม่มีการปรับแต่งอะไรเพิ่มเติมเลย จึงทำให้ตัวอินเตอร์เฟซหรือ UI คล้ายกับ Pure Android ซึ่งจะมีฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาเป็นจุดเด่นคือระบบ Cloud
พื้นที่จัดเก็บตัวเครื่องจะเหลือใช้งานจริงประมาณ 24.9GB และมีระบบ Cloud หรือ Smart storage สำหรับจัดเก็บข้อมูลไว้บน Cloud ด้วยพื้นที่ขนาด 100GB ซึ่งผู้ใช้งาน Nextbit Robin ทุกคนสามารถล็อกอินเข้าใช้งานได้ด้วยอีเมลใดอีเมลหนึ่งที่ล็อกอินใช้งานบนเครื่องขณะนั้น
เมื่อความจำตัวเครื่องใกล้เต็ม Smart storage จะทำการย้ายข้อมูลไฟล์รูปภาพหรือแอพพลิเคชั่นที่ไม่ค่อยมีการเรียกใช้งานไปเก็บไว้บน Cloud อัตโนมัติ โดยสามารถตั้งค่าได้ว่าจะให้ทำการซิงค์ข้อมูลเมื่อใด เช่น Wi-Fi เท่านั้น หรือขณะชาร์จแบต เป็นต้น
3 ฟังก์ชั่นหลักของ Smart storage
- Archived apps : สำหรับเข้าไปดูว่ามีแอพตัวใดบ้างถูกย้ายไปจัดเก็บไว้บน Cloud
- Pinned apps : เลือกแอพพลิเคชั่นที่ไม่ต้องการให้ย้ายไปจัดเก็บไว้บน Cloud ได้ ซึ่งการเลือก Pin แอพทำได้ง่าย ๆ โดยการแตะที่ไอคอนแอพในหน้าโฮมสกรีนแล้วลากลง จะมีไอคอนเครื่องหมายถูกและข้อความแจ้งว่าได้ทำการ Pin แอพตัวนั้นเอาไว้แล้ว
- All apps : สำหรับเข้าไปดูแอพพลิเคชั่นทุกตัว เรียงลำดับตามตัวอักษร
เมื่อแอพพลิเคชั่นตัวใดถูกย้ายไปจัดเก็บไว้บน Cloud แล้ว ไอคอนของแอพพลิเคชั่นนั้นจะเป็นสีเทา ถ้าต้องการดึงข้อมูลกลับมาใช้งานก็แตะที่ไอคอนแอพพลิเคชั่นนั้นเพื่อดาวน์โหลดกลับมาได้เลย ข้อมูลทุกอย่างยังอยู่ครบเหมือนเดิม
ในส่วนของรูปภาพที่ถูกเก็บไว้บน Cloud เมื่อกดดูในตัวเครื่องก็จะเห็นเป็นรูปภาพตัวอย่างที่ไม่ค่อยชัด (ขนาดไฟล์ประมาณ 0.3MB) และเมื่อแตะซูมดูที่รูปขนาดใหญ่ ระบบก็จะทำการ Restore ดาวน์โหลดรูปภาพนั้นในขนาดความละเอียดเดิมกลับมาที่เครื่องได้
ในหน้าแกลเลอรี่ยังไม่มีเมนูสำหรับการ Restore ดาวน์โหลดรูปภาพพร้อมกันทั้งหมด แต่ก็พอมีวิธีแก้ขัดกันไปก่อน โดยการเลือกรูปภาพทั้งหมด แล้วแตะที่ไอคอนแชร์ ซึ่งในหน้าแชร์นี้เองที่จะมีเมนูให้เราสามารถเลือก Restore All ได้ อาจต้องรอดูกันต่อไปว่าทาง Nextbit จะมีการอัปเดทซอฟต์แวร์ให้สามารถทำงานได้มากกว่านี้หรือไม่
สำหรับระบบ Cloud ของตัว Nextbin Robin อาจจะไม่มีปัญหาในขั้นตอนของการย้ายไปเก็บไว้บน Cloud เนื่องจากระบบจะรอเฉพาะการเชื่อมต่อ Wi-Fi หรือขณะชาร์จแบตเตอรี่ ตามที่เราได้ตั้งค่าเอาไว้ แต่ถ้าจำเป็นต้องดึงแอพหรือรูปภาพที่อยู่บน Cloud กลับมาใช้งาน หากไม่ได้อยู่ในจุดที่มี Wi-Fi ก็อาจจะต้องใช้เน็ตมือถือในการดาวน์โหลดกลับมา ซึ่งก็อาจจะเปลืองเน็ตมือถือ
อีกหนึ่งจุดที่พบเมื่อระบบย้ายรูปภาพไปเก็บไว้บน Cloud แล้วเราทำการ Restore ดาวน์โหลดรูปภาพกลับมาที่เครื่อง สามารถดูรูปภาพและมองเห็นได้ในแกลเลอรี่บนตัวเครื่อง Nextbit แต่เมื่อเชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์กลับมองไม่เห็นไฟล์ดังกล่าวในโฟลเดอร์ DCIM
ซึ่งตรงนี้ทาง Nextbit บอกว่าเป็นการป้องกันไม่เกิดการซ้ำซ้อนรูปภาพในการซิงค์ระหว่างตัวเครื่องกับ Cloud โดยการแก้ไขเบื้องต้นคือให้กดแชร์รูปภาพในแกลเลอรี่บนตัวเครื่อง Nextbit ไปยังบริการอื่น ๆ เช่น ส่งเข้าเมล, ส่งผ่าน Bluetooth เป็นต้น สำหรับตัวช่วย WebClient ที่จะมาแก้ปัญหานี้จากทาง Nextbit กำลังจะปล่อยออกมาให้ใช้งานในเร็ว ๆ นี้ (รายละเอียด)
ตรวจสอบเซ็นเซอร์ด้วย Android Sensor Box และมัลติทัช
- Accelerometer Sensor ช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้
- Light Sensor สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอและแผงปุ่มกดให้เหมาะสม
- Orientation Sensor ระบบปรับมุมมองการแสดงผลหน้าจออัตโนมัติ
- Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน
- Gyro Sensor ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวแบบ 3 แกน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และ
ความยืดหยุ่นหลากหลายในการควบคุม - Sound Sensor ตรวจวัดระดับเสียง
- Magnetic Sensor ตรวจวัดความเข้มสนามแม่เหล็ก
- รองรับมัลติทัชสูงสุด 10 จุด
ผลทดสอบคะแนน Benchmark และประสิทธิภาพการทำงาน
Nextbit Robin รันระบบปฏิบัติการ Android 6.0.1 Marshmallow ใช้ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 808 ซีพียู Hexa-core กับจีพียู Adreno 418 โดยมีความจำแรมขนาด 3GB และความจำภายในตัวเครื่อง 32 GB
ผลการทดสอบ AnTuTu 6.2.1 ในโหมด 64-bit ซึ่งเป็นการทดสอบการเข้าถึงการทำงานของแรม และประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือจีพียู ทำคะแนนรวมได้ 72,741 คะแนน
ผลการทดสอบด้วย Geekbench 4 เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานและการประมวลผลและหน่วยความจำแรม การทดสอบนี้จะทำการประมวลออกมาเป็นตัวเลขแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ Single-Core และ Multi-Core หากได้คะแนนยิ่งสูงประสิทธิภาพการทำงานจะยิ่งดี โดยผลทดสอบของ Nextbit Robin ทำคะแนน Single-Core ได้ 1,174 และ Multi-Core ทำได้ 2,915 คะแนน คะแนนถือว่าอยู่ในระดับค่อนข้างดี
สำหรับการเล่นเกมต่าง ๆ ก็ลื่นไหลดี โดยตัวเครื่องมีเซ็นเซอร์สำหรับเล่นเกมครบทุกตัว แต่จะมีอาการเครื่องร้อนค่อนข้างเร็วเมื่อเล่นเกมได้สัก 10 นาทีหรือเปิดใช้งานหลายแอพก็จะพบเครื่องร้อนบริเวณกลางเครื่องด้านหลัง และแบตเตอรี่หมดค่อนข้างเร็ว
กล้องถ่ายรูป
Nextbit Robin มีกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ระบบโฟกัสแบบ PDAF ซึ่งตัวแอพกล้องถ่ายรูปก็เรียบง่าย มีโหมดถ่ายภาพนิ่งให้ใช้งานเพียง 2 โหมดเท่านั้น ได้แก่ โหมดอัตโนมัติ (Auto) กับโหมดปรับค่ากล้องได้เอง (Manual) และสามารถเปิดถ่ายรูปแบบ HDR ได้ด้วย
สำหรับโหมดปรับค่ากล้องได้เอง (Manual) สามารถปรับระยะโฟกัส, สมดุลแสงสีขาว (White Balance), ชดเชยแสง +/-2 และ ISO 100-3200
การบันทึกวิดีโอด้วยกล้องหลังรองรับความละเอียดสูงสุด 4K และกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียด Full HD 1080p
ตัวอย่างภาพถ่าย
กล้องของ Nextbit Robin ถือว่าโฟกัสได้เร็ว เก็บรายละเอียดภาพได้ดีมากสำหรับการถ่ายภาพในที่สภาพแสงเพียงพอหรือตอนกลางวัน แต่เมื่อถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยหรือกลางคืนจะโฟกัสค่อนข้างช้า
สรุปจุดเด่น
- ดีไซน์ของ Nextbit Robin มีความโดดเด่นเฉพาะตัว หน้าจอขนาดกำลังดี 5.2 นิ้ว เป็นแผงหน้าจอแบบ IPS LCD Full HD ให้สีสันสดใส ตัวเครื่องรองรับการใช้งานได้ทุกเครือข่ายในไทยทั้ง 3G และ 4G LTE
- รันระบบปฏิบัติการ Android 6.0.1 Marshmallow ที่มีการปรับแต่งน้อยมาก ทำให้อินเตอร์เฟซดูเบาสบาย ไม่มีแอพขยะติดตั้งมาให้รกตัวเครื่อง และฟรีพื้นที่บน Cloud ขนาด 100GB
- ชิปเซ็ต Snapdragon 808 ซีพียู Hexa-core กับจีพียู Adreno 418 และแรม 3GB เพียงต่อการใช้งานหรือเล่นเกมกราฟิกสวย ๆ ได้สบาย ๆ
- กล้องถ่ายรูปโฟกัสได้เร็ว เก็บรายละเอียดภาพได้ดี ตัวกล้องใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน หากต้องการใช้งานฟังก์ชั่นอื่นเพิ่มเติมสามารถดาวน์โหลดแอพกล้องตัวอื่นจาก Play Store มาใช้งานได้
- รองรับ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 4.0 LE, NFC และพอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C รวมถึงรองรับระบบชาร์จเร็ว QC 2.0
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- ระบบ Cloud ยังอยู่ในเวอร์ชั่น Beta ทำให้บางฟังก์ชั่นที่ควรมีก็ยังไม่มี เช่น ยังไม่มีฟังก์ชั่น Restore รูปภาพกลับมาที่เครื่องพร้อมกันทั้งหมด และเมื่อ Restore กลับมาแล้วไม่สามารถถ่ายโอนไฟล์ผ่านสายเคเบิลกับเครื่องอื่น ต้องใช้บริการจากตัวอื่นไปก่อน หรือไม่ก็รอ WebClient ที่จะปล่อยออกมาในเร็ว ๆ นี้
- แบตเตอรี่ค่อนข้างหมดเร็ว ต้องดูว่าจะมีการอัปเดทซอฟต์แวร์เพื่อจัดการพลังงานให้ดีกว่าเดิมหรือไม่ และแม้จะรองรับระบบชาร์จเร็ว แต่ก็ไม่มีหัวชาร์จอะแดปเตอร์แถมมาให้ ดังนั้นหากต้องการใช้ฟีเจอร์นี้ก็ต้องหาตัวชาร์จเร็วมาใช้เอง