Featured
รีวิว Nubia M2 สมาร์ทโฟนดีไซน์สวยหรู กล้องหลังคู่ และโหมด Portrait หน้าชัดหลังเบลอ
Nubia M2 สมาร์ทโฟนที่มีดีไซน์สวยหรู ด้วยตัวเครื่องอะลูมิเนียมสีดำตัดกับสอบสีทองเงางาม และมาพร้อมกล้องหลังคู่ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล โฟกัสเร็วด้วยระบบ Hybrid Focus PDAF และ Contrast
สรุปข้อมูลและสเปค Nubia M2
- ราคาเปิดตัว 11,990 บาท (พฤษภาคม 2017)
- ตัวเครื่องบาง 7 มิลลิเมตร
- ใช้งานได้ 2 ซิมการ์ด 2G/3G/4G LTE
- หน้าจอ 5.5 นิ้ว AMOLED ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล
- รันระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow กับ Nubia 4.0
- ชิปเซ็ต Qualcomm MSM8953 Snapdragon 625
- ซีพียู Octa-core 2.0GHz Cortex-A53
- จีพียู Adreno 506
- แรม 4 GB
- ความจำภายในตัวเครื่อง 64 GB เพิ่มได้ด้วย microSD card สูงสุด 256 GB (ใส่ช่องซิม 2)
- กล้องหลังคู่ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล (RGB) + 13 ล้านพิกเซล (Monochrome) ค่ารูรับแสง f/2.2 ระบบออโต้โฟกัสแบบ PDAF และแพลช Dual LED
- กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.0
- รองรับ Wi-Fi 802.11 b/g/n/ac, Bluetooth 4.1
- รองรับ GPS, A-GPS
- แบตเตอรี่ 3,630 mAh รองรับชาร์จเร็ว NeoCharge
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ที่ปุ่มโฮมด้านหน้าตัวเครื่อง
แกะกล่อง Nubia M2
Nubia M2 มาในกล่องกระดาษสีขาว มีโลโก้แบรนด์ Nubia อยู่ด้านหน้าของฝากล่อง เมื่อแกะฝากล่องออกมาจะพบกับตัวเครื่อง Nubia M2 ที่มีแบตเตอรี่อยู่ในตัว
อุปกรณ์ที่มีในกล่อง ได้แก่
- ตัวเครื่อง Nubia M2 ในรีวิวนี้จะเป็นสีดำทอง (Black Gold) มีแบตเตอรี่ในตัว
- อะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว QC 3.0
- สายเคเบิลพอร์ต USB Type-C สำหรับชาร์จไฟหรือถ่ายโอนข้อมูล
- เข็มจิ้มถาดใส่ซิม
- คู่มือการใช้งานฉบับย่อ
สำหรับอะแดปเตอร์ชาร์จไฟที่มาในกล่องของ Nubia M2 เป็นแบบ 2 ขากลมยาว รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว มาตรฐาน QC 3.0 และเทคโนโลยี NeoCharge ที่มีอยู่ในตัวเครื่อง ช่วยปรับกระแสไฟแบบเรียลไลม์ตลอดการชาร์จ ทำให้การชาร์จไฟทำได้อย่างรวดเร็วด้วยอะแดปเตอร์ขนาด 18 วัตต์ และมีความปลอดภัยด้วย
ดีไซน์ตัวเครื่องและหน้าจอแสดงผล
Nubia M2 มีรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงาม ด้วยการเลือกใช้วัสดุหลักตัวเครื่องเป็นอะลูมิเนียมทั้งตัว ให้ผิวสัมผัสที่เรียบหรู ซึ่งตัวเครื่องสีดำจะมีขอบสีทองที่งามเงา จึงทำให้ตัวเครื่องมีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร อีกทั้งเส้นเสาอากาศที่คาดอยู่บริเวณส่วนบนกับส่วนล่างของฝาหลังก็กลมกลืนไปกับสีตัวเครื่อง
หน้าจอของ Nubia M2 มีขนาด 5.5 นิ้ว ความคมชัดระดับ Full HD 1080p ซึ่งหน้าจอเป็นแบบ AMOLED เรื่องของการแสดงผลนั้นมีสีสันสดใสมากด้วยอัตราส่วนคอนทราสต์ที่สูงของหน้าจอชนิดนี้ และปกป้องหน้าจอด้วยกระจกกันรอย Gorilla Glass ขอบโค้งมน 2.5D ซึ่งผสานลงตัวไปกับกรอบตัวเครื่องที่มีการตัดขอบให้โค้งเล็กน้อย และตัวเครื่องมีความบางเพียง 7 มิลลิเมตร ทำให้การหยิบจับใช้งานกระชับกับอุ้งมือยิ่งขึ้น
ขนาดตัวเครื่องของ Nubia M2 กับ Nubia M2 Lite ใกล้เคียงกันมาก อีกทั้งดีไซน์ก็ยังเหมือนกันจนแทบจะแยกไม่ออก ถ้าหากดูภายนอก็จะมีเพียงเลนส์กล้องหลังคู่เท่านั้นที่บอกได้ว่าเป็นรุ่น M2
เหนือหน้าจอมีเลนส์กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล และลำโพงสำหรับเสียงสนทนา
บริเวณล่างหน้าจอมีปุ่มโฮมที่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และปุ่มเมนู (ซ้าย) กับปุ่มย้อนกลับ (ขวา) ซึ่งปุ่มซ้ายขวาทั้ง 2 ปุ่มนี้สามารถตั้งค่าสลับตำแหน่งการใช้งานได้ตามความถนัด ในขณะที่ไฟสีแดงของปุ่มโฮม (ปุ่มกลาง) เป็นไฟแสดงสถานะการแจ้งเตือนต่าง ๆ ได้ด้วย เช่น กระพริบเมื่อมีรายการแจ้งเตือน หรือขณะชาร์จแบตเตอรี่ เป็นต้น
ขอบด้านบนตัวเครื่องจะมีรูเล็ก ๆ ซึ่งเป็นไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน
ขอบด้านล่างตัวเครื่องจะมีไมโครโฟน, ช่องลำโพงของตัวเครื่อง, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C และช่องหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5mm
ด้านข้างซ้ายมีปุ่มปรับระดับเสียง
ด้านข้างขวาจะมีปุ่ม Power สำหรับปิด/เปิดตัวเครื่อง หรือกดปิด/เปิดหน้าจอ และช่องถาดใส่ขนาด Nano SIM จำนวน 2 ช่อง หรือจะเลือกใส่ microSD card ในช่องซิม 2 ก็ได้
ด้านหลังของ Nubia M2 มีพื้นผิวราบเรียบแบบพ่นทราย ทำให้เวลาจับใช้งานไม่ลื่นมือ ซึ่งฝาหลังไม่สามารถแกะเปิดได้ ภายในจะมีแบตเตอรี่ขนาด 3,630 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว NeoCharge
เลนส์กล้องหลังของ Nubia M2 เป็นเลนส์คู่ความละเอียด 13 ล้านพิกเซลทั้ง 2 ตัว โดยกรอบเลนส์จะนูนขึ้นมาเหนือฝาหลังเล็กน้อย มีขอบสีแดงที่เพิ่มความโดดเด่นให้กับตัวเลนส์ และมีไฟแฟลชแบบ Dual LED
อินเตอร์เฟซและฟังก์ชั่นการใช้งาน
Nubia M2 รันระบบปฏิบัติการ nubia UI 4.0 ปรับแต่งบนพื้นฐานระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow ปลดล็อคหน้าจอโดยการปัดหน้าจอเพื่อเข้าสู่หน้าจอหลักหรือหน้าจอโฮม ซึ่งในหน้าโฮมจะไม่มีในส่วนของ App Drawer ดังนั้นแอพพลิเคชั่นทุกตัวที่ติดตั้งบนตัวเครื่องจะถูกนำมาจัดเรียงไว้ในหน้าโฮม
สมาร์ทโฟนที่เปิดตัวมาใหม่ในช่วงหลัง ๆ นี้ จะเห็นว่าแอพพลิเคชั่นที่ติดตั้งมากับตัวเครื่องมีเฉพาะแอพพื้นฐาน และไม่มีแอพขยะติตตั้งมาให้รกเครื่อง ซึ่งทำให้ไม่เปลืองพื้นที่จัดเก็บตัวเครื่องโดยไม่จำเป็น
เมื่อลากแถบบาร์ด้านบนลงมาจะเป็นในส่วน Quick Settings และ Notification Center บนพื้นหลังโทนสีเทาดำ ตัวอักษรสีขาว ทำให้ดูเรียบง่าย สบายตามากกว่าการดีไซน์ที่มีสีสันมากจนเกินไป
Nubia M2 รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด ใช้งานบนเครือข่าย 3G ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม และเลือกสลับใช้งาน 3G/4G ไปยังซิมใดซิมหนึ่งได้ในเมนูการตั้งค่า แล้วอีกซิมก็จะถูกใช้งานบนเครือข่าย 2G/3G อัตโนมัติ
Nubia M2 มีฟีเจอร์สำหรับการใช้งานด้วยขอบจอได้หลากหลายรูปแบบที่เรียกว่า เลื่อนไปยังขอบจอ (Edge gestures) เริ่มจากฟีเจอร์แรก Hold the edge and swipe inward เป็นการกดค้างที่ขอบจอเพื่อเลือกหน้าจอใช้งานอื่น ๆ ที่เพิ่งเปิดใช้งานไปก่อนหน้านี้
Swipe up/down from the edge เป็นการลากขอบจอขึ้นหรือลง เพื่อไปยังหน้าจอก่อนหน้าหรือหน้าจอถัดไปที่เพิ่งเปิดใช้งานไปก่อนหน้า
Slide repeatedly on edge เป็นการลากขอบจอติดต่อกัน 2 ครั้งเพื่อปิดการทำงานของแอพพลิเคชั่นที่เปิดค้างไว้เบื้องหลัง ยกเว้นหน้าจอที่กำลังใช้งานอยู่
Swipe from both edges เป็นลากขอบจอทั้ง 2 ข้างขึ้นหรือลง เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอแสดงผล ลากขึ้นจะเป็นการปรับความสว่างขึ้น และลากลงจะเป็นการลดความสว่างหน้าจอ
Double click edge เป็นการเคาะที่ขอบจอติดกัน 2 ครั้งเพื่อย้อนกลับไปยังหน้าจอก่อนหน้า
ฟีเจอร์ Screen split-up เป็นการเปิดใช้งานพร้อมกัน 2 หน้าจอ โดยการลากจากขอบด้านล่างหน้าจอขึ้นมา ซึ่งจุดเด่นของฟีเจอร์นี้คือไม่เพียงแค่เปิดแอพทั่วไปได้พร้อมกัน แต่ยังสามารถเปิดเล่นเกมได้พร้อมกัน 2 เกมด้วย ในขณะที่สมาร์ทโฟนรุ่นอื่น ๆ แม้จะมีฟีเจอร์ลักษณะเดียวกันนี้ แต่มีข้อจำกัดเรื่องของแอพที่รองรับและไม่สามารถเปิดเกมได้พร้อมกัน 2 หน้าจอ
ปุ่มนำทางบริเวณล่างหน้าจอที่ทาง Nubia ดีไซน์ให้มีเฉพาะไฟจุดสีแดง ก็เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกสลับปุ่มได้เองระหว่างปุ่มย้อนกลับและปุ่มเมนูได้ตามความถนัด
Touch gestures ฟีเจอร์ท่าทางการสัมผัสบนหน้าจอ ได้แก่
- Double click to light up เป็นการเคาะหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อเปิดหน้าจอ หากหน้าจอดับอยู่
- Palm screen lock เป็นการใช้ฝ่ามือวางบนหน้าจอเพื่อปิดล็อคหน้าจอ
- Tri finger screenshot เป็นการใช้ 3 นิ้วลากบนขึ้นหรือลงบนหน้าจอ เพื่อจับภาพหน้าจอ
- Tri finger switch app เป็นการใช้ 3 นิ้วปัดไปทางซ้ายหรือขวา เพื่อสลับไปใช้งานแอพก่อนหน้า
Smart sensing หรือการตอบรับอัจฉริยะ เป็นฟีเจอร์สำหรับสั่งงานด้วยเซ็นเซอร์ที่มีในตัวเครื่อง Nubia M2 ได้แก่
- Motion sensing dial เมื่ออยู่ในหน้าจอรายชื่อติดต่อ ยกมือถือขึ้นมาแนบหูเพื่อโทรออกได้ทันที
- Motion sensing answer เมื่อมีสายโทรเข้า ยกมือถือแนบหูเพื่อรับสายได้ทันที ไม่ต้องกดปุ่มรับสาย
- Flip to mute/pause คว่ำหน้าจอเพื่อปิดเสียงสายโทรเข้าหรือหยุดเล่นไฟล์มีเดียชั่วคราว
- Shake to clear เป็นการเขย่าตัวเครื่องเพื่อเคลียร์รายการแจ้งเตือน, ปิดการทำงานแอพ และเคลียร์หน่วยความจำแรม
Dual instance อีกหนึ่งฟีเจอร์เด่นของ Nubia M2 สำหรับโคลนแอพพลิเคชั่นประเภทโซเชียลให้สามารถใช้งานได้พร้อมกัน 2 บัญชีในเครื่องเดียว ซึ่งขณะนี้รองรับแอพ LINE แล้ว เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานในแถบเอเชียโดยเฉพาะผู้ใช้งานในไทยที่มีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก จากเดิมฟีเจอร์นี้จะรองรับเฉพาะแอพ WeChat และ Facebook
Supersnap ฟีเจอร์สำหรับการจับภาพหน้าจอที่ทำได้มากกว่าการจับภาพหน้าจอทั่วไป ด้วยลูกเล่นที่มากขึ้น ได้แก่ บันทึกหน้าจอเป็นภาพปกติ, เลือกภาพหน้าจอเป็นวงกลม, เลือกภาพหน้าจอเป็นรูปหัวใจ หรือเลือกภาพหน้าจอเป็นรูปร่างต่าง ๆ โดยการวาดลายเส้นเพื่อเลือกพื้นที่ได้ตามต้องการ
นอกจากนี้ยังสามารถเลือกจับภาพหน้าจอแบบยาวต่อเนื่องกันเป็นภาพเดียวได้ เช่น จับภาพหน้าจอแชทที่ยาว ๆ เป็นภาพเดียวได้โดยไม่ต้องมาเรียงต่อภาพเอง หรือจะเลือกบันทึกหน้าจอเป็นไฟล์วิดีโอก็ทำได้เช่นกัน ซึ่งสามารถเลือกความละเอียดของไฟล์วิดีโอระดับ HD ได้ด้วย
ระบบเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint) เพิ่มได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือ สามารถใช้ปลดล็อคหน้าจอ แตะสแกนนิ้วเพื่อปลดล็อคหน้าจอได้โดยไม่กดเปิดหน้าจอก่อน และใช้ล็อคแอพพลิเคชั่นเพื่อความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้นได้ด้วย
ตรวจสอบเซ็นเซอร์ด้วย Sensor Box for Android
- Accelerometer Sensor ช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้
- Light Sensor สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอและแผงปุ่มกดให้เหมาะสม
- Orientation Sensor ระบบปรับมุมมองการแสดงผลหน้าจออัตโนมัติ
- Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน
- Gyro Sensor ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวแบบ 3 แกน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และ
ความยืดหยุ่นหลากหลายในการควบคุม - Sound Sensor ตรวจวัดระดับเสียง
- Magnetic Sensor ตรวจวัดความเข้มสนามแม่เหล็ก
- รองรับมัลติทัชพร้อมกันสุงสุด 10 จุด
ผลทดสอบคะแนน Benchmark ประสิทธิภาพการทำงาน
Nubia M2 รันระบบปฏิบัติการ Android 6.0.1 Marshmallow ครอบด้วย nubia UI 4.0 ใช้ชิปเซ็ต Qualcomm MSM8953 Snapdragon 625 ซีพียู Octa-core 2.0GHz Cortex-A53 กับจีพียู Adreno 506 และแรม 4GB
ผลการทดสอบ AnTuTu V6.2.6 เป็นการทดสอบการเข้าถึงการทำงานของแรม (RAM) และประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือจีพียู (GPU) ทำคะแนนรวมได้ 62,874 คะแนน
ผลการทดสอบด้วย Geekbench 4 เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานและการประมวลผลและหน่วยความจำแรม การทดสอบนี้จะทำการประมวลออกมาเป็นตัวเลขแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ Single-Core และ Multi-Core หากได้คะแนนยิ่งสูงประสิทธิภาพการทำงานจะยิ่งดี โดยผลทดสอบของ Nubia M2 ทำคะแนน Single-Core ได้ 864 และ Multi-Core ทำได้ 4,265 คะแนน
ทดสอบเล่นเกม Yokai Saga ซึ่งเป็นเกม Mobile RPG แบบแอคชั่นเรียลไทม์ที่มีกราฟิกสวยงาม พบว่าเล่นได้อย่างลื่นไหล
ทดสอบเล่นเกม Asphalt 8: Airborne ซึ่งเป็นเกมแข่งรถที่มีภาพสวยงาม และต้องอาศัยเซ็นเซอร์ตัวเครื่องสำหรับควบคุมทิศทางการเล่น ควบคุมการขับรถ ก็สามารถเล่นเกมนี้ได้อย่างลื่นไหล
สำหรับแบตเตอรี่ของ Nubia M2 มีขนาด 3,630 mAh ถือว่ามีปริมาณความจุเยอะพอสมควร จากการทดสอบใช้งานพบว่าอยู่ได้ทั้งวันตั้งแต่เช้าจนถึงเย็นๆ สำหรับการใช้งานทั่วไป ด้วยตัวระบบปฏิบัติการที่มีการจัดการพลังงานได้ดีมาก และส่วนหนึ่งก็มาจากการเลือกใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 625 ที่ใช้เทคโนโลยีกระบวนการผลิตที่ 14nm และซีพียู Cortex-A53 เน้นการประหยัดพลังงาน
กล้องถ่ายรูป
Nubia M2 มีกล้องหลังเลนส์คู่ความละเอียด 13 ล้านพิกเซลจาก Sony โดยเลนส์หนึ่งเป็นเซ็นเซอร์ RGB และอีกตัวเป็น Monochrome มาพร้อมระบบโฟกัสแบบ PDAF แลค่ารูรับแสง f/2.0
กล้องหลังเลนส์คู่ของ Nubia M2 สามารถถ่ายภาพได้ขนาดความละเอียดสูงสุด 4160 x 3120 พิกเซล ทั้งภาพสีและภาพขาวดำ โดยในรุ่นนี้เพิ่มความสามารถในการถ่ายภาพบุคคลแบบหน้าชัดหลังเบลอหรือโบเก้ด้วยโหมด Portrait ที่ใช้ซอฟต์แวร์เข้ามาช่วยปรับค่ารูรับแสงได้ตั้งแต่ f/1.0 ไปจนถึง f/16
การถ่ายภาพในโหมด Portrait อาจต้องมีแบบที่มีสีสันแตกต่างไปจากฉากหลังเพื่อให้ตัวกล้องสามารถตรวจจับได้แม่นยำขึ้น สามารถเบลอได้เนียนมากขึ้น และจากการใช้งานพบว่าหากต้องการให้แสงไฟฉากหลังเป็นโบเก้วงกลม ตั้งค่ารูรับแสงอยู่ในช่วง f/1.4 ถึง /f/2.0 ซึ่งจะเบลอได้เนียนที่สุด เนื่องจากตัวเครื่องที่ใช้ในการรีวิวนี้ ตัวซอฟต์แวร์เป็นเวอร์ชั่นทดสอบ ต้องรออัปเดทเวอร์ชั่นอีกครั้งในเครื่องที่วางขายจริง
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด Portrait
โหมดขาวดำหรือ Monochome ในรุ่น Nubia M2 ถือว่าทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว ระบบโฟกัสทำได้รวดเร็ว และเก็บรายละเอียดของภาพได้ดีทั้งแสงและเงา แม้จะเป็นโทนภาพสีขาวดำก็ตาม
โหมด HDR สำหรับการถ่ายภาพในที่สภาพแสงต่างกันมากๆ ต้องยอมรับเลยว่า Nubia M2 ทำออกมาได้ดีมาก จากตัวอย่างภาพถ่ายในช่วงเวลาใกล้อาทิตย์ตกดิน บริเวณพื้นที่ที่มีความมืดก็มีการปรับให้มีความสว่างขึ้น ในขณะเดียวกันพื้นที่ที่มีแสงสว่างมากก็มีการปรับความสว่างลงเพื่อให้เห็นรายละเอียดของพื้นที่บริเวณนั้น
การถ่ายภาพในที่แสงน้อยและในกลางคืน กล้องของ Nubia M2 ทำออกมาได้ดีเช่นเดียวกัน แม้จะเลือกถ่ายในโหมดอัตโนมัติหรือ Auto ภาพที่ออกมาก็พบว่าเกิดนอยซ์น้อยลง
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง Nubia M2
สรุปจุดเด่น
- Nubia M2 เป็นสมาร์ทโฟนที่มีดีไซน์ระดับพรีเมียม รูปลักษณ์สวยงาม และมีโดดเด่นในเรื่องของสีตัวเครื่อง โดยเฉพาะสีดำทอง (Black Gold)
- กล้องคู่ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ทำให้ความสามารถด้านการถ่ายภาพทำได้มากกว่าเดิม โดยเฉพาะในโหมด Portrait (แต่ยังเบลอได้ไม่เนียนมากนักสำหรับตัวเครื่องทดสอบที่ใช้ในรีวิวนี้ ต้องรอดูหลังจากอัปเดทเวอร์ชั่นใหม่) และมีระบบโฟกัสที่ทำได้รวดเร็วมาก ไม่มีหน่วงหรือดึงภาพก่อนการชัตเตอร์
- ระบบปฏิบัติการและอินเตอร์เฟซการใช้งาน ทำงานได้อย่างลื่นไหน สลับแอพไปมาได้ไม่หน่วง และเล่นเกมที่มีกราฟิกสวยๆ ได้อย่างไม่มีปัญหา
- แบตเตอรี่ 3,630 mAh ใช้งานได้ยาวนานทั้งวันสำหรับการใช้งานทั่วไป เช่น เล่นเกมบ้าง ถ่ายรูป เล่นโซเชียล เป็นต้น และรองรับชาร์จเร็ว
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- ในกล่องไม่แถมหูฟัง
โปรโมชั่น
ห้ามพลาด! ราคาพิเศษใน Thailand Mobile Expo เพียง 10,990 บาท ระหว่างวันที่ 18 – 21 พฤษภาคม 2560 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พร้อมลุ้นร่วมกิจกรรม Starhunter และ Workshop สุดพิเศษที่ลาลามูก้า รีสอร์ทเขาใหญ่