Featured
รีวิว OnePlus 10 Pro 5G เรือธงกล้องขั้นสุด พัฒนาร่วมกับ Hasselblad พร้อมถ่ายได้ทุกสถานการณ์
มาแล้วครับสำหรับ รีวิว OnePlus อย่าง OnePlus 10 Pro 5G เรือธงที่สเปคจัดเต็มขั้นสุดที่ชูโรงในเรื่องกล้องหลังที่พัฒนาร่วมกับ Hasselblad แบรนด์กล้องชั้นนำของโลกที่ได้เอกลักษณ์ของ Hasselblad ไปด้วย รวมถึงชิปเซ็ตที่ใช้ Snapdragon 8 Gen 1 ที่เร็วแรงที่สุดในฝั่ง Android ตอนนี้ด้วย ใครที่กำลังเล็งเอาไว้ ทีมงาน iphone-droid.net จะมารีวิวแบบละเอียดให้ได้ชมกันครับ
สรุปสเปค OnePlus 10 Pro 5G
- ขนาดตัวเครื่อง : 163.0 x 73.9 x 8.55 มม.
- น้ำหนัก : 200.5 กรัม
- หน้าจอแสดงผล 120Hz Fluid AMOLED พร้อม LTPO 2.0 ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด QHD+ (3216 x 1440 พิกเซล), 525 PPI, อัตราส่วน 20.1:9, รองรับ Refresh Rate 1-120Hz, แสดงผลสี 10-bit และครอบทับด้วย Corning Gorilla Glass Victus
- หน่วยประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 Octa-core ความเร็ว 3.0GHz
- GPU : Adreno 730
- RAM : 12GB LPDDR5
- ROM : 1256GB UFS 3.1 2-LANE
- กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 3 เลนส์ที่พัฒนาร่วมกับ Hasselblad ดังนี้
- เลนส์หลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 รองรับเทคโนโลยีกันสั่น OIS เซ็นเซอร์ Sony IMX789
- เลนส์ Ultra-Wide Angle ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล มุมกว้าง 150 องศา, เซ็นเซอร์ JN1
- เลนส์ Telephoto 3.3x ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 รองรับเทคโนโลยีกันสั่น OIS
- กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รองรับเทคโนโลยีกันสั่น EIS และเซ็นเซอร์ IMX615
- ระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย OxygenOS 12
- รองรับ 5G SA/NSA
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2, ลำโพงคู่ระบบ Dolby ATMOS, NFC และพอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh รองรับ 80W SUPERVOOC, 50W AIRVOOC และชาร์จย้อนกลับ
แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล
ตัวกล่องพร้อมอุปกรณ์ที่ให้มาครบถ้วน
ตัวกล่องของ OnePlus 10 Pro 5G มาแบบสีแดงแรงฤทธิ์ตามสไตล์ของ OnePlus พร้อมตัดด้วยตัวอักษรสีดำเป็นชื่อรุ่น “OnePlus 10 Pro 5G” และสัญลักษณ์ “Co-developed with Hasselblad” ทั้งนี้หากสังเกตดีๆ ที่มุมด้านข้างของแต่ละฝั่งจะมีโลโก้ของทั้ง OnePlus และ Hasselblad อีกด้วย ถือว่าใส่ใจในรายละเอียพอสมควรเลยครับ
สำหรับอุปกรณ์ภายในกล่องของ OnePlus 10 Pro 5G ให้มาครบถ้วนไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่มแล้วจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวเครื่อง OnePlus 10 Pro 5G ที่ติดฟิลม์ติดหน้าจอมาให้แล้ว, อะแดปเตอร์ SUPERVOOC 80W, สาย USB Type-A to Type-C, เคสซิลิโคนสีดำ, อุปกรณ์เปิดถาดซิม, สติ๊กเกอร์โลโก้ OnePlus, จดหมายต้อนรับ, มือการใช้งานเบื้องต้น และข้อมูลความปลอดภัยพร้อมใบรับประกัน
ดีไซน์สุดพรีเมี่ยมพร้อมความแปลกใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม
สัมผัสแรกที่ได้จับ รีวิว OnePlus 10 Pro 5G รู้สึกเลยว่าเป็นหนึ่งในดีไซน์ของสมาร์ทโฟนที่พรีเมียมมากสมกับการเป็นเรือธงจริงๆ สิ่งที่โดดเด่นขึ้นมาทันทีคือโมดูลกลองหลัง 3 มิติที่มีการโค้งมนแบบไร้รอยต่อกับตัวเครื่อง ซึ่งจุดนี้ทำให้มีความสวยงามและแปลกใหม่มากๆ ครับ
ความพิเศษของโมดูกล้องหลังของรุ่นนี้ ทาง OnePlus ได้ใช้กระบวนการผลิตแบบ 3D Nano-Microcrystalline มีความมันเงาให้สัมผัสในระดับพรนีเมียมเลยครับ ทั้งยังมีความทนทานถึง 8.5 Mohs ทั้งยังทนทานมากกว่าแบบสแตนเลสถึง 30%
ที่สำคัญแม้ว่ารุ่นนี้จะให้แบตมาใหญ่ถึง 5000mAh แต่ความเพรียวบางเพียง 8.55 มม. เท่านั้น และน้ำหนักไม่ได้รู้สึกว่าหนักเกินไปเลยครับ การจับถือสะดวกมากๆ ใช้งานได้ถนัดมือทั้งผู้หญิงและผู้ชายเลย
นอกจากนี้ สีสันที่เราได้มาเป็นสีดำ Volcanic Black ที่ผิวสัมผัสของฝาหลังเป็นแบบด้าน ไม่ติดรอยนิ้วมือพร้อมความรู้สึกที่มีกริตเตอร์เล็กๆ ครับ ซึ่งจุดนี้ทางแบรนด์เผยว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากภูมิทัศน์ทางธรรมชาติที่ดึงดูสายตา
หน้าจอสมเป็นเรือธงด้วยจอ QHD+ LTPO 2.0 แบบ AMOLED
OnePlus 10 Pro 5G ได้จัดเต็มในส่วนของหน้าจอแสดงผลที่มาแบบโค้ง โดยใช้พาเนลแบบ Fluid MOLED ขนาดใหญ่ถึง 6.7 นิ้ว ความละเอียด QHD+ (3216 x 1440 พิกเซล) พร้อมด้วย 525PPI และแสดงผลสีแบบ 10-bit ซึ่งสเปคเหล่านี้บอกเลยว่าเราได้ความคมชัด รับชมสิ่งต่างๆ ได้เต็มตา ใครที่ชอบดูซีรี่ส์ในแอปพลิเคชั่นต่างๆ ต้องชอบมากแน่นอนครับ
สิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลยคือ Refresh Rate 120Hz ที่มาแบบ LPTO 2.0 ระหว่าง 1-120Hz ช่วยให้ประหยัดพลังงานได้เพราะมีการปรับค่าความถี่หน้าจอตามเนื้อหาโดยอัตโนมัติครับ ทั้งยังครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus ที่มีความแข็งแรงมากที่สุดในตอนนี้ด้วย
นอกจากนี้ OnePlus 10 Pro 5G ยังมีเทคโนโลยี Dual Color Calibration เพื่อเพิ่มความแม่นยำของสีระดับชั้นนำในการตั้งค่าความสว่าง รวมถึงการเปิดฟีเจอร์การปรับวิดีโอคุณภาพต่ำให้คมชัดได้มากขึ้น หรือจะปรับสีสันของวิดีโอให้มีความจัดจ้านมากขึ้นก็ได้เช่นกันครับ และที่ชอบที่สุดเลยคือ AI Dimming Curve ที่จะปรับความสว่างได้แบบอัตโนมัติตามที่เราต้องการได้เลย
พาชมรอบเครื่อง
มาดูรอบเครื่องกันบ้างครับ ที่เหนือนหน้าจอแสดงผลจะมีเพียงกล้องหน้าที่ฝังในหน้าจอฝั่งซ้ายบน และมีลำโพงตัวที่ 2 อยู่ตรงกลาง
ส่วนฝั่งซ้ายตัวเครื่องจะเป้นที่อยู่ของปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงครับ
ขณะที่ฝั่งขวายังคงให้ปุ่ม Alert Slider เพื่อเลื่อนปรับโหมดเสียงได้อยู่ครับ (โดยปรับบน, กลาง และล่าง จะเป็นโหมดเงียบ, สั่น, ดัง ตามลำดับ) และถัดลงมาเป็นปุ่ม Power ครับ
ที่ด้านล่างเครื่องจะมีช่องใส่ซิมการ์ดแบบ NanoSIM 2 ช่อง ไม่สามารถใส่ MicroSD ได้ครับ, ไมโครโฟนตัวที่ 1, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวที่ 1
ส่วนด้านบนมีไมโครโฟนตัวที่ 2 ครับ
ด้านหลังจะมีโมดูลกล้องหลัง 3 เลนส์ พร้อมไฟแฟลช 2 ดวง ที่ตรงกลางจะเป็นโค้ด “P2D 50T” ซึ่งก็คือ “กล้องสมาร์ทโฟน Hasselblad รุ่นที่ 2 พร้อมความละเอียด 50 ล้านพิกเซล” และท้ายสุดที่ขอบของกรอบเลนส์ยังมีสัญลักษณ์จาก Hasselblad อีกด้วย
ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน
ระบบปฏิบัติการ
แกะกล่องออกมา OnePlus 10 Pro 5G มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 12 ที่ครอบทับด้วย OxygenOS 12 ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุดของแบรนด์แล้วครับ ความเสถียรและการใช้งานไหลลื่นมากๆ แถมยังไม่ได้ติดตั้งแอป Third Party มาให้เยอะวุ่นวายด้วย หากเราจะใช้แอปไหนเพิ่มก็โหลดมาได้เองเลยครับ ไม่เองมาไล่ลบแอปที่ไม่ได้ใช้ออกไป
ใช้งาน 5G ได้แบบ Dual Mode
ใครที่ใช้งาน 5G บ่อย OnePlus 10 Pro 5G ยังคงเป็นรุ่นที่ตอบโจทย์ได้ดีเลยครับ เพราะรองรับการใช้งาน 5G ทั้งแบบ SA และ NSA แถมการจับสัญญาณก็ทำได้ดีด้วยครับ
ลำโพงสเตอริโอแบบคู่ Dolby ATMOS
ใครที่ชอบฟังเพลง ดูภาพยนตร์ หรือเล่นเกมต้องหลงรักแน่นอนด้วยลำโพงสเตอริโอที่มาแบบคู่ เสียงดังกระหึ่มแบบ Dolby ATMOS เลยทีเดียว ซึ่งระบบจะมีการปรับค่าเสียงโดยอัตโนมัติตามเนื้อหาที่เราเล่นเลย
ระบบความปลอดภัยจัดมาให้ครบ
สำหรับ OnePlus 10 Pro 5G มาพร้อมกับเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่ครบถ้วนเลยครับ ตั้งแต่การสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอที่ทำได้รวดเร็วและเสถียรเลยทีเดียว ซึ่งสิ่งที่ชอบมากๆ เลยคือตำแหน่งของตัวเซ็นเซอร์ที่ไม่ได้อยู่ชิดด้านล่างเกินไปครับ ทำให้ไม่ต้องกดนิ้วลงมาเพื่อสแกนเลย
หรือหากใครสะดวกแบบสแกนหน้าก็ทำได้เช่นกันครับ
ใช้งาน Always-On Display ประหยัดพลังงงานขั้นสุดแบบ 1Hz
รีวิว OnePlus 10 Pro 5G รองรับหน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED จะมีฟีเจอร์ Always-On Display (AOD) ที่จะแสดงข้อมูลต่างๆ เช่น เวลา, วันที่, แบตเตอรี่คงเหลือ และการแจ้งเตือนต่างๆ ซึ่งตรงนี้ก็เป็นปกติของหน้าจอที่ใช้ AMOLED ครับ แต่สิ่งที่ทำให้รุ่นนี้แตกต่างคือการเคลื่อนไหวของจอ AOD ลดลงไปเหลือเพียง 1Hz เท่านั้น ทำให้การใช้งานฟีเจอร์นี้ที่ปกติจะกินแบตเยอะกลับลดลงอย่างเห็นได้ชัดเลยครับ
ทั้งนี้ ในส่วนของ AOD เราสามารถปรับแต่งได้ว่าจะให้มีข้อมูลอะไรแสดงบ้าง รวมถึงการเปลี่ยนรูปแบบของนาฬิกาได้ด้วย
ที่สำคัญก็ยังมีความพิเศษของลวดลายแบบ Canvas ที่จะใช้รูปแบบของวอลเปเปอร์หน้าจอหลักเป็นพื้นหลังของ AOD โดยอัตโนมัติด้วย
OnePlus Shelf แบบใหม่ เข้าถึงง่าย รับรู้ข้อมูลต่างๆ ได้รวดเร็ว
ใน OnePlus 10 Pro 5G จะมีฟีเจอร์ Shelf แบบใหม่ที่ให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้นเพียงปัดลงจากเหนือหน้าจอฝั่งขวาครับ ซึ่งจะเป็นการแสดงข้อมูลของแอปพลิเคชั่นต่างๆ เช่น การค้นหาไฟล์, การตั้งค่า, ฟังเพลง, หรือวิดเจ็ตต่างๆ ก็สามารถดูได้ทันทีครับ โดยการปรับเปลี่ยนต่างๆ ให้เข้าไปได้ที่ การตั้งค่า > ฟีเจอร์พิเศษ > ชั้นวาง
ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่
ในเรื่องประสิทธิภาพของ OnePlus 10 Pro 5G ต้องจัดเต็มจากการใช้ขุมพลัง Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 ที่เร็วแรงที่สุดในฝั่ง Android ณ ปัจจุบัน แล้วยิ่งใช้งานร่วมกับ OxygenOS 12 ก็ยิ่งดูลื่นขึ้นไปอีกขั้นเลยครับ ที่สำคัญ ยังมาควบคู่กับ RAM แบบ LPDDR5 และ ROM แบบ UFS3.1 ทำให้การเปิดแอปและโหลดแอปทำได้เร็วมากขึ้นกว่าปกติด้วยครับ
ผลคะแนนการทดสอบด้านประสิทธิภาพด้าน CPU, GPU และหน่วยความจำบน AnTuTu ได้มาที่ 884,478 คะแนน
ส่วนผลคะแนนด้าน CPU บน Geekbench ทำ Single-Core ไปที่ 964 คะแนน และ Multi-Core ที่ 3,353 คะแนน
เทคโนโลยี HyperBoost ก้าวข้ามขีดจำกัดของการเล่นเกม
OnePlus 10 Pro 5G มาพร้อมกับเทคโนโลยี HyperBoost ที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพความเร็วแรงของการเล่นเกมในสมาร์ทโฟน OnePlus มากที่สุดแล้วครับ เพราะมีการเพิ่มความเร็ว Clock ทั้ง CPU และ GPU ไม่ว่าเกมที่มีกราฟิกสวยขนาดไหน รุ่นนี้ก็รับได้อยู่สบายๆ เลยด้วย (เดี๋ยวจะมีทดสอบการเล่นเกมด้านล่าง) ที่สำคัญยังมีฟีเจอร์ GPA Frame Stabilizer ที่ช่วยให้เฟรมเรทของการเล่นเกมไหลลื่นและไม่เหวี่ยงเกินไป
ทดสอบการเล่นเกม
Genshin Impact
ขอเริ่มด้วยเกม Genshin Impact ที่น่าจะเป็นหนึ่งในเกมที่กราฟิกหนักสุดในสมาร์ทโฟนแล้วครับ เราสามารถปรับกราฟิกระดับสูงสุดพร้อมเฟรมเรท 60fps ได้เลย ซึ่งการเล่นประมาณ 30 นาที ยังไม่เจออาการกระตุกหรือเฟรมเรทเหวี่ยงครับ
PUBG Mobile
ต่อด้วยเกม FPS อย่าง PUBG Mobile ที่สามารถเปิดภาพได้สูงสุดทั้งหมด และเราก็ลองเล่นในแผนที่ใหญ่สุดที่ 8 x 8 km ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยครับ การสัมผัสหน้าจอทำได้ดีมาก ติดนิ้วสุดๆ และที่ชอบมากที่สุดคือการได้ประโยชน์จากลำโพง Dolby Atmos ที่แยกเสียงฝั่งซ้าย-ขวาได้ชัดเจนมากๆ แทบจะรู้ระยะการเคลื่อนไหวของคนอื่นในเกมเลยทีเดียว
ROV
และสุดท้ายกับ ROV ที่ก็เปิดภาพสูงสุดทุกอย่างได้เหมือนกัน ซึ่งการเล่นโหมดปกติ 5 VS 5 ก็ทำเฟรมเรทได้นิ่งมาก อยู่ที่ 59-61fps ตลอดทั้งเกม ไม่ว่าในเกมจะมีเอฟเฟ็กต์อะไรออกมามากขนาดไหนก็ยังเอาอยู่ครับ
ระบบสั่น 4D Haptics เพิ่มอรรถรสในการเล่นได้เป็นอย่างดี
ระหว่างที่เล่นเกมที่รองรับระบบสั่น 4 มิติ (4D Haptics) แบบเส้นตรงแกน X อย่าง PUBG Mobile ตัวเครื่องจะมีการสั่นไปตามจังหวะของการยิงปืน เราจะรู้สึกได้ชัดเจนมากครับ โดยการปรับปรุงครั้งนี้ใน OnePlus 10 Pro 5G ถือว่า OnePlus ทำออกมาได้ดีมากเพราะมีการปรับให้มอเตอร์ใหญ่ขึ้น 14%, สัมผัสการสั่นสะเทือนมากขึ้น 47%, การปรับปรุงความไว 100% และความหน่วงน้อยลงถึง 50%
เล่นเกมร้อนตามปกติ แต่ระบายไอร้อนได้เร็วมาก
OnePlus 10 Pro 5G เป็นหนึ่งในรุ่นที่ทำเรื่องการระบายความร้อนออกมาได้ดีมากๆ ซึ่งการเล่นเกมหนักๆ และนานๆ ยังไงก็ต้องเจอความร้อนเป็นธรรมดาอยู่แล้วครับ แต่พอเราเลิกเล่นไปครู่หนึ่งประมาณ 3-4 นาที และกลับมาใช้งานปกติอีกรอบ รู้สึกเลยว่าตัวเครื่องแทบไม่ร้อนแล้วครับ จุดนี้ถือเป็นอีกสิ่งที่เกมเมอร์ต้องเอามาพิจารณาเลยครับ
แบตพลังอึดมาก พร้อมชาร์จเร็วแบบ 80W SUPERVOOC
OnePlus 10 Pro 5G จัดแบตเตอรี่มาถึง 5000mAh ซึ่งการใช้งานทั่วไปอยู่รอดได้ครบวันครับ
แต่ถ้าจะเล่นเกมก็ต้องได้ชาร์จกันบ้างครับ ซึ่งรุ่นนี้ก็รองรับเทคโนโลยี 80W SUPERVOOC ที่ชาร์จเพียง 15 นาทีก็ใช้งานต่อได้ตลอดวัน ทั้งนี้เราก็ได้ลองชาร์จจากแบตเตอรี่เหลือ 21% ไปถึง 100% จะใช้เวลาประมาณ 35 เท่านั้น หรือหากใครที่มีแท่นชาร์จไร้สาย 50W AirVOOC ก็ใช้ได้เหมือนกันครับ
นอกจากนี้ OnePlus 10 Pro 5G ยังรองรับ Reverse Charging หรือชาร์จย้อนกลับไปให้อุปกรณ์หรือสมาร์ทโฟนที่รองรับชาร์จไร้สายเช่นกันครับ
กล้องพลิกโฉมการถ่ายภาพอีกครั้งด้วยการร่วมพัฒนากับ Hasselblad
มาถึงฟีเจอร์และเทคโนโลยีของ OnePlus 10 Pro 5G ที่หลายคนรอคอยกันอย่างกล้องหลังที่ร่วมพัฒนาร่วมกับทาง Hasselblad ถึง 3 เลนส์ รวมถึงการใช้เซ็นเซอร์กล้อง Sony IMX789 ทื่มีการปรับปรุงในการเพิ่มค่าไดนามิกและลด Noise ลงอย่างมาก ช่วยให้การถ่ายภาพเป็นไปได้อย่างใจนึก โดยความพิเศษที่ OnePlus และ Hasselblad มอบให้เราในรุ่นนี้เป็นอย่างไร มาชมกันเลยครับ
สีสันเป็นธรรมชาติ Natural Color Calibration รุ่นที่ 2 จาก Hasselblad
ในโหมดปกติของ OnePlus 10 Pro 5G รองรับการใช้งานร่วมกับ AI เพื่อให้ปรับแต่งสีสันให้สดใสแบบธรรมชาติรังสรรค์มาเลยทีเดียว ที่สำคัญเรื่องไดนามิกในภาพ แสง และเงาที่ได้มาจากการถ่ายโหมดปกติร่วมกับ AI ทำได้ดีมาก มีความสมจริงสุดๆ เสมือนกับการใช้กล้องจาก Hasselblad ถ่ายออกมาเลยครับ
ทั้งนี้ ใครที่ใช้อุปกรณ์ที่รองรับการแสดงผลสี 10-bit ใน OnePlus 10 Pro 5G ก็รองรับการถ่ายในโหมดนี้ด้วยเช่นกันครับ ซึ่งจะถ่ายออกมาเป็นไฟล์ HEIF คุณภาพสูง
แค่ปุ่มชัตเตอร์ก็บ่งบอกความเป็น Hasselblad แล้ว
ใครที่เป็นสาวกกล้อง Hasselblad ต้องหลงใหลในการใช้งาน OnePlus 10 Pro 5G แบบ 100% ครับ เพราะได้เอกลักษณ์ของ Hasselblad ที่ชัตเตอร์กล้องสีส้ม รวมถึงเสียงในการกดชัตเตอร์ที่คุ้นหูมากๆ ถ้าหลับตาอยู่ ภาพของกล้อง Hasselblad ก็ลอยขึ้นมาทันที
เพิ่มผลงานชิ้นเอกแบบหลายสไตล์ด้วย Master Style
อีกความพิเศษใน OnePlus 10 Pro 5G คือฟีเจอร์ Master Style ที่เป็นฟิลเตอร์ที่ร่วมพัฒนากับทางผู้ชนะ Hasselblad Ambassador และผู้ชนะ Hasselblad Masters ทำให้เราสามารถถ่ายทอดสิ่งต่างๆ ออกมาได้ชัดเจนและแตกต่างกว่าเดิม โดย Master Style จะมี 3 แบบ ด้วยกัน ได้แก่ ประกาย (Radiance) ที่เหมาะกับถ่ายภาพที่สีสันเยอะๆ, ละมุน (Serenity) ที่เหมาะกับการถ่ายภาพบุคคลที่ได้ความสดใสเข้ามา และมรกต (Emerald) ที่ให้ความลึกลับ เหมาะกับการถ่ายภาพบรรยากาศ ต้นไม้ หรือทิวทัศน์ต่างๆ
มรกต (Emerald) มรกต (Emerald) มรกต (Emerald) ประกาย (Radiance) มรกต (Emerald) มรกต (Emerald)
Hasselblad Pro เวอร์ชัน 2 บันทึกไฟล์ RAW 12-bit ได้
ใครที่ชอบการถ่ายภาพสมบูรณ์แบบเพื่อนำไปปรับแต่งสีสันให้มากขึ้น OnePlus 10 Pro 5G ก็รองรับการถ่ายภาพด้วยโหมด Hasselblad Pro ที่ถ่ายภาพ RAW 12-bit ได้ผ่านทั้ง 3 เลนส์ในกล้องหลัง
XPAN เอกลักษณ์กล้องฟิล์มจาก Hasselblad ที่มาอยู่บนสมาร์ทโฟน
เมื่อได้พัฒนาร่วมกับ Hasselblad สิ่งที่เข้ารวมด้วยคือโหมด XPAN ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะในกล้อง Hasselblad XPan เสมือนกับการใส่กล้องฟิล์ม 2 ตัวมาต่อเข้าด้วยกันเป็นภาพแนวนอน ซึ่งจะได้อัตราส่วนอยู่ที่ 65:24 โดยโหมดนี้จะเน้นการถ่ายภาพในมุมมองที่กว้างในแนวนอนและแตกต่างจากสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นครับ
เมื่อเรากดถ่ายภาพ ระบบจะถ่ายออกมาเป็น Negative และเปลี่ยนเป็นภาพสีปกติหรือขาวดำ (เลือกได้) คล้ายกับการถ่ายจากกล้องฟิล์มจริงๆ แล้วรอให้ภาพปรากฏขึ้นมานั่นเองครับ
เลนส์ Ultra-Wide Angle จัดเต็มด้วยความกว้างสูงสุด 150 องศา
OnePlus 10 Pro 5G จัดเต็มในเลนส์ Ultra-Wide Angle ที่กว้างขั้นสุดถึง 150 องศามาให้เรา ซึ่งก่อนจะไปดูมุมกว้าง 150 องศา เราก็ยังคงมีโหมดมุมกว้างปกติให้ถ่ายอยู่เหมือนเดิม ซึ่งจะอยู่ที่ประมาณ 110 องศามาให้ใช้งานกัน ซึ่งในโหมดกว้างปกติวัตถุที่เราจะถ่ายยังคงความสมจริงไว้อยู่ ยังไม่มีการบิดเบี้ยวของขอบภาพเลยครับ ทั้งนี้ สีสันต่างๆ ยังได้มาแบบเต็มที่ สีสด ค่าความอิ่มสีมาเต็มเลยครับ
ส่วนในโหมดมุมกว้าง 150° จะอยู่แยกออกมาให้ใช้งานกัน ถ่ายออกมาได้กว้างมากๆ แต่ต้องแลกกับความบิดเบี้ยวของขอบภาพครับ และบางครั้งอาจถ่ายติดนิ้วไปบ้างแม้ว่าจะถือปกติก็ตาม (จุดนี้ต้องระวังนะครับ) อย่างไรก็ตาม การถ่ายด้วยโหมดนี้ให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่มากๆ ครับ รวมถึงการเก็บองค์ประกอบในภาพได้แบบครบถ้วนไม่มีขาดแน่นอน
เลนส์หลัก / Ultra-Wide Angle มุมปกติ / Ultra-Wide Angle 150 องศา
โหมด Fish Eye ที่แปลกใหม่สุดบนสมาร์ทโฟน
ประโยชน์ของเลนส์ Ultra-Wide Angle ที่ให้มากว้างสุด 150 องศานั้น ไม่ได้มีดีแค่ถ่ายมุมกว้างได้เท่านั้น แต่ก็ทำให้เราได้ฟีเจอร์ Fish Eye มาด้วย ช่วยให้ได้มุมมองที่แปลกใหม่ ซึ่งเป็นเรือธงเพียงไม่กี่รุ่นที่มีฟีเจอร์นี้ครับ
เพิ่มระยะให้ไกลขึ้นเลนส์ Telephoto 3.3x
อีกเลนส์ที่ OnePlus 10 Pro 5G มีมาให้คือเลนส์ Telephoto ที่รองรับการซูมแบบออติคอลได้ 3.3x การเก็บภาพในที่แสงตอนกลางวันทำได้คมชัดมากๆ ซึ่งจุดที่ทำให้ถ่ายได้ชัดส่วนหนึ่งเป็นเพราะการได้ระบบกันสั่นไหว OIS ช่วยเอาไว้ครับ เวลาซูมจะช่วยให้นิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนเลยทีเดียว
เลนส์หลัก / เลนส์ Telephoto 3.3x
Night Mode ทำได้คมชัดสมการเป็นเรือธงที่พัฒนาร่วมกับ Hasselblad
การถ่ายภาพในตอนกลางคืน OnePlus 10 Pro 5G ไม่เป็นสองรองใครเลย ผลลัพธ์ของภาพมีควาคมชัดสูง สีสันในวัตถุมีความสว่างและชัดเจนมากขึ้น ทั้งยังประมวลผลได้รวดเร็ว เพียง 3-4 วินาทีก็ได้ภาพออกมาแล้วครับ ทั้งนี้ การถ่ายในโหมดกลางคืนยังรองรับกล้องหลังครบทั้ง 3 เลนส์เลยด้วย
นอกจากนี้ ก็ยังมีฟิลเตอร์ในโหมดกลางคืนมาให้เล่นสีสันต่างๆ อีก 4 แบบหลัก ไม่ว่าจะเป็นทองคำ, อบอุ่นและเย็น, ชมพูและฟ้าอมเขียว และ Night City
ทองคำ อบอุ่นและเย็น ชมพูและฟ้าอมเขียว Night City
Portrait เบลอฉากหลังได้คมกริบ
อีกอย่างที่ OnePlus 10 Pro 5G ทำออกมาได้เป็นอย่างดีเลยคือการถ่ายภาพบุคคลหรือ Portrait ที่บอกเลยว่าการตัดขอบรอบตัวบุคคลทำได้คมและเนียนตามากครับ ซึ่งจะสังเกตได้เลยว่าตรงที่เป็นช่องว่างเล็กๆ อย่างระหว่างลำตัวและแขน หรือเส้นผมไม่ได้ถูกเบลอไปด้วย
นอกจากนี้เรายังสามารถเพิ่มมิติและอารมณ์ให้มากขึ้นด้วย Portrait Master Style ด้วยฟิลเตอร์ละมุน (Serenity) ที่มีอยู่ในโหมดปกติตามที่บอกไปข้างต้นครับ
กล้องหน้า AI ปรับบิวตี้ได้ 100 ระดับ
ปกติแล้วสมาร์ทโฟนเรือธงของ OnePlus มักจะไม่ค่อยมีให้เลือกการปรับบิวตี้ได้มากขนาดนี้ครับ แต่ใน OnePlus 10 Pro 5G ให้เราได้รีทัชใบหน้าได้สูงสุดถึง 100 ระดับ ขึ้นอยู่กับคาวมชอบของแต่ละคนเลยครับ โดยใบหน้ายังคงให้ความเป็นธรรมชาติอยู่แต่เพิ่มความเนียนมาให้ ช่วยให้หน้าไม่ลอยด้วย
สรุปการใช้งาน
OnePlus 10 Pro 5G จัดว่าเป็นหนึ่งสมาร์ทโฟนเรือธงที่ลงตัวมากจากที่เคยใช้งานมา ดีไซน์ทำได้พรีเมี่ยมควบคู่กับการได้สัมผัสฝาหลังที่แตกต่างแบบชัดเจน มีความเบาบางแม้ตัวเครื่องจะได้หน้าจอใหญ่ก็ตามครับ ส่วนเทคโนโลยีที่ได้ในรุ่นนี้ก็ครบถ้วนสุดๆ แล้ว ทั้งหน้าจอ Fluid AMOLED แบบ 120Hz ที่มาแบบ LTPO 2.0 ปรับได้เองเพื่อประหยัดพลังงาน คมชัดระดับ QHD+ ไปอีก, ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 1 ที่เรื่องความแรงนั้นเป็นที่ 1 ใน Android อยู่แล้ว และที่ขาดไม่ได้เลยคือกล้องหลัง 3 เลนส์ที่มีการพัฒนาร่วมกับทาง Hasselblad ที่ไม่ว่าจะเป็นคุณที่ชอบถ่ายรูปอยู่แล้วหรือผู้ใช้งานทั่วไปจะต้องหลงรักกับเอกลักษณ์นี้แน่นอน
อย่างไรก็ตาม ก็มีข้อควรระวังอยู่คือ OnePlus 10 Pro 5G ไม่ได้รองรับมาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP68 มาให้เหมือนเดิมครับ
ราคาและโปรโมชัน
OnePlus 10 Pro 5G (RAM 12 + ROM 256GB) มีราคาอยู่ที่ 35,990 บาท โดยมีให้เลือกสีเดียว คือ สีดำ Volcanic Black โดยเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 7 พฤษภาคม 2565 และพิเศษหากสั่งซื้อระหว่างวันที่ 7 – 15 พฤษภาคม 2565 รับของสมนาคุณ OnePlus E-VIP Card, OnePlus Sandstone Case และ NeverSettle Luggage ไปเลยทันที
พิเศษ!! โปรโมชั่นเมื่อสั่งซื้อผ่านช่องทางผู้ให้บริการเครือข่ายอย่าง AIS พร้อมแพ็คเกจรายเดือน Hot Deal 5G Max Speed Exclusive เฉพาะช่องทาง AIS ในราคาเริ่มต้นเพียง 24,990 บาท เท่านั้น