Android News
แกะกล่องพรีวิว OnePlus 10T 5G การกลับมาของ “Flagship Killer” ที่แฟน ๆ OnePlus รอคอย!
OnePlus 10T 5G เตรียมเปิดตัวในบ้านเราวันที่ 2 กันยายนนี้แล้ว ซึ่งรุ่นนี้ถือเป็นความหวังใหม่ของแฟน ๆ OnePlus เพราะจะเป็นการกลับมาของเรือธงสเปคแรงในราคาที่จับต้องได้หรือฉายาที่เราได้ยินกันคุ้นหู “Flagship Killer” นั่นเอง!
ซึ่งก่อนจะถึงวันเปิดตัว วันนี้เราก็มีบทความแกะกล่องมาให้ยลโฉมตัวเครื่องแบบชัด ๆ พร้อมสรุปสเปคและความนาสนใจของรุ่นนี้มาเป็นน้ำจิ้มกันสักหน่อย อย่ามัวแต่เสียเวลาเลยไปพบการแกะกล่อง OnePlus 10T 5G เลยดีกว่าครับ ลุย!
แกะกล่อง OnePlus 10T 5G Media Kit
ก่อนอื่นเราต้องบอกก่อนว่าชุดที่เราได้มานั้นเป็น Media Kit ที่มีตัวเครื่องและอุปกรณ์สำหรับใช้รีวิวติดมาให้ด้วย กล่องเลยแอบใหญ่หน่อยเนาะ ตัวกล่องยังใช้สีแดงแบบที่เราคุ้ยเคยตัดกับตัวอักษรสีดำให้อารมณ์ OnePlus มาก ๆ ที่หน้ากล่องจะมีระบุชื่อรุ่น OnePlus 10T 5G และสโลแกน Evolve Beyond Speed เท่านั้นเลยครับ!
เปิดกล่องออกมาเจอกับกล่อง OnePlus 10T 5G วางอยู่กล่องแบบเด่น ๆ ตัวกล่องนี่แหละครับคือกล่องที่จะใช้วางจำหน่ายจริง มีเลข 10 เด่น ๆ กล่องไซซ์มาตรฐานไม่เว่อวังเกินไปเนาะ
อะ…แน่นอนว่าให้กล่องมาซะใหญ่เป็น Media Kit ทั้งทีจะมีแค่กล่องเดียววางไว้เท่ ๆ ไม่ได้ ที่ส่วนล่างของกล่องจะมีลิ้นชักให้เราดึงเอาอุปกรณ์เสริมออกมาเพิ่มด้วย
และ…ท้าดา~ ในนี้เราจะเจอกับ Official Case 2 ชิ้นที่ OnePlus จะมีวางจำหน่ายแยก ประกอบด้วย 2 แบบคือ Glacier Mat Case Grey และ Sandstone Case นั่นเอง อันนี้ไว้เรามาดูกันอีกทีละกันครับ
วกกลับมาดูที่กล่องหลักของเรากันต่อดีกว่า OnePlus 10T 5G มาพร้อมกล่องสีแดงพร้อมตัวเลข 10T ที่ด้านหน้าชัดเจน เปิดกล่องออกมาเราจะเจอกับกล่องเล็กที่ใส่พวกเอกสารอยู่ภายในประกอบด้วย
เอกสารคู่มือ, สติกเกอร์ OnePlus ที่รอบนี้แถมมาให้แบบพอดิบพอดีแค่ 2 แบบคือสีดำและสีแดงเท่านั้น นอกจากนี้ในกล่องนี้ยังมีเข็มจิ้มถาดซิมติดมาให้ด้วย แต่สิ่งที่หายไปก็คือเคสซิลิโคนที่ไม่มีมาให้เหมือนรุ่นก่อน ๆ แล้วครับ
ถัดลงไปจะเป็นตัวเครื่องที่อยู่ในซองกระดาษอย่างเรียบร้อยและรักษ์โลกมากขึ้น ซึ่งเดี๋ยวเราจะมาดูตัวเครื่องกันแบบชัด ๆ อีกทีว่าสวยแค่ไหนเนาะ
ถัดลงไปชั้นล่างสุดจะมีสายชาร์จและอะแดปเตอร์ที่ OnePlus ยังใจดีแถมมาให้สวนกระแสเรือธงรุ่นใหม่ ๆ ที่ไม่ค่อยแถมกันแล้ว ตัวสายเป็นสีขาว-แดงอันเป็นเอกลักษณ์ของ OnePlus แถมเป็นแบบ USB-C to C ซะด้วย ส่วนอะแดปเตอร์บอกเลยว่าจัดหนักด้วยเรตติ้งสูงถึง 160W ขนาดเลยค่อนข้างใหญ่และน้ำหนักเยอะพอสมควรเลยครับ
เบ็ดเสร็จแล้วอุปกรณ์ในกล่องของ OnePlus 10T 5G เครื่องขายจริงก็จะประกอบไปด้วย 6 อย่างดังนี้
- ตัวเครื่อง OnePlus 10T 5G
- สายชาร์จ USB-C to C
- อะแดปเตอร์ 160W SUPERVOOC
- เอกสารคู่มือ
- สติกเกอร์ OnePlus
- เข็มจิ้มถาดซิม
ดีไซน์ OnePlus 10T 5G
เอาล่ะ! ได้เวลาชมตัวเครื่องเต็ม ๆ สักที ก่อนอื่นต้องบอกว่า OnePlus 10T 5G ที่วางจำหน่ายในบ้านเราจะมีให้เลือก 2 สีมีผิวสัมผัสที่ฝาหลังแตกต่างกันประกอบด้วย สีเขียว Jade Green (ฝาหลังกระจกมันวาว) และสีดำ Moonstone Black (ฝาหลังผิวด้านพร้อมลวดลาย) ซึ่งสีที่เราได้มารีวิวคือสีเขียว Jade Green
ในสี Jade Green จะมาพร้อมฝาหลังกระจกผิวเรียบที่ให้ความรู้สึกพรีเมี่ยมและแวววาว เป็นสีที่ได้แรงบันดาลใจจากหยกเพื่อสร้างลุคเซรามิกและสัมผัสลื่นมือ โทนสีจะเป็นเขียวอ่อนอมเทา ให้ความรู้สึกที่อ่อนโยนและนุ่มนวล ที่เราว่าสวยลงตัวดีมาก ๆ เป็นเขียวที่กำลังดีไม่สดหรือจืดจนเกินไป มีคลาสสุด ๆ ครับ
ดีไซน์ของกล้องหลังก็อิงมาจากรุ่นพี่ OnePlus 10 Pro 5G เลยด้วยกรอบเลนส์กล้องขนาดใหญ่ พร้อมกล้องหลัง 3 ตัวและไฟแฟลชอีกหนึ่งตัวที่เสริมให้กล้องดูทรงพลังอย่างมาก ตัวฐานกล้องก็จะมีความแวววาวสะท้อนแสงได้ดีอีกด้วย แต่…จุดที่หายไปจากรุ่นก่อนก็คือโลโก้ Hasselblad ที่เป็นเครื่องหมายของการร่วมมือกันกับแบรนด์กล้องระดับโลก บนรุ่นนี้ไม่มีแล้วครับ น่าเสียดายเหมือนกันเนาะ
พลิกกลับมาดูที่หน้าจอกันหน่อย OnePlus 10T 5G มาพร้อมกับหน้าจอแบบ Flat ที่หลายคนชอบ และคราวนี้วางตำแหน่งกล้องไว้ตรงกลางแล้วด้วย ให้ความสมมาตรมากขึ้นเวลาใช้งานต่าง ๆ รวมถึงจะเซลฟี่ก็ให้ตำแหน่งในการมองที่ดีขึ้นด้วย
ในเรื่องการแสดงผล OnePlus 10T 5G ได้จอ Fluid AMOLED ขนาด 6.7″ ความละเอียด FHD+ รองรับการแสดงผลแบบ 10bit พร้อม Refresh rate สูง 120Hz ด้วย เรียกว่าทำได้ยอดเยี่ยมสมกับเป็น OnePlus ครับ ทั้งความสวยคมชัดของหน้าจอและลื่นไหล ตอบโจทย์การใช้งานมาก ๆ
มาดูกรอบเครื่องกันบ้าง OnePlus 10T 5G นั้นเป็นพลาสติกที่เคลือบโครเมี่ยมมันวาวมาให้ ก็ได้ลุคพรีเมี่ยมไม่น้อย เราชอบที่กรอบเครื่องมีความโค้งนิด ๆ ให้จับถือได้อย่างสบายมือความบางของตัวเครื่องก็ทำได้ดีแค่ 8.75 มม.เท่านั้น ส่วนน้ำหนักก็ 203.5 กรัมอยู่ในระดับที่ถือแล้วแน่นมือไม่เบาหวิวจนเกินไปครับ
ตำแหน่งปุ่มกดของ OnePlus 10T 5G ก็ยังอยู่ที่มุมมาตรฐานเหมือนเดิมคือปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงอยู่ฝั่งซ้ายมือและปุ่ม Power อยู่ฝั่งขวามือ มองเผิน ๆ ก็เหมือนว่าคล้ายกับรุ่นก่อนแหละ แต่…ถ้าสังเกตดี ๆ เราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นั่นก็คือ Alert Slider ตัวปรับโปรไฟล์เสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของ OnePlus มาตั้งแต่แรกเริ่มนั้นได้หายไปจากรุ่นนี้แล้วครับ ทำเอาแฟน OnePlus เสียใจแน่นอนตรงจุดนี้
พอร์ตการเชื่อมต่อของ OnePlus 10T 5G จะอยู่ที่ด้านล่างเป็น USB-C มาตรฐานพร้อมลำโพงกับไมโครโฟนประกบคู่กันอยู่ และมีช่องใส่ซิมอยู่ที่มุมซ้ายตัวถาดซิมของรุ่นนี้ก็จะเป็นแบบ Dual-SIM มาตรฐานไม่สามารถเพิ่ม microSD ได้เนาะ
โดยรวมแล้วในเรื่องดีไซน์ OnePlus 10T 5G ก็ถือว่าทำได้ดีเลย Look & Feel ยังมีกลิ่นอายของ OnePlus อยู่เต็มเปี่ยมทั้งความหรูหราของวัสดุและงานประกอบ ฝาหลังที่มีเอกลักษณ์โดยเฉพาะสี…ที่เราชอบมาก ๆ ให้ความรู้สึกพรีเมี่ยมทั้งรูปลักษณ์และความรู้สึกในการจับถือได้เป็นอย่างดี หน้าจอที่ปรับกล้องหน้าไว้ตรงกลางอันนี้เราถูกใจเลย แต่จะมีจุดสังเกตหลักเลยก็คือปุ่ม Alert Slider ที่เคยเป็นเอกลักษณ์ของ OnePlus ที่ถูกตัดออกไป อันนี้แอบผิดหวังเล็ก ๆ แม้จะด้วยเหตุผลบางอย่างแต่ก็น่าจะหาวิธีที่จะใส่มาให้ได้อยู่นี่นา
กล้อง OnePlus 10T 5G
ในเรื่องกล้อง เอาจริง ๆ รุ่นนี้ไม่ได้เน้นเท่ากับรุ่น Pro อย่างที่เห็นว่าไม่มีโลโก้ Hasselblad เพื่อเสริมความจัดเต็มแล้ว แต่สเปคกล้องที่ให้มาก็ไม่ได้ขี้เหร่ครับ ให้กล้องหลังมา 3 ตัวที่เพียงพอต่การใช้งานทั่วไปแล้วประกอบด้วย…
- กล้องหลัก 50MP เซ็นเซอร์ Sony IMX766 พร้อม OIS
- กล้อง Ultra Wide 8MP มุมกว้าง 119º
- กล้อง Macro 2MP เข้าใกล้วัตถุได้ 4 ซม.
จุดที่ขาดไปเลยเมื่อเทียบกับรุ่น Pro เดิมก็คือกล้อง Ultra Wide ความละเอียดลดลงเหลือ 8MP มุมกว้าง 119º (รุ่น Pro ได้ 50MP มุมกว้างสุด 150º) และกล้อง Tele 3.3X ที่หายไปเหลือเป็นกล้อง Macro แทน ก็อย่างที่บอกว่ารุ่นนี้ไม่ได้เน้นเรื่องกล้องสำคัญที่สุดอยู่แล้ว ยังดีที่มีเซ็นเซอร์หลัก 50MP IMX766 มาแบกไว้อยู่เนาะ ส่วนเรื่องคุณภาพเดี๋ยวไว้เล่าเต็ม ๆ ในรีวิวดีกว่า
สเปค OnePlus 10T 5G
กล้องไม่ได้เน้นมากแล้วเน้นไปที่อะไร! แน่นอนว่าซีรีส์ T (Turbo) ของ OnePlus ก็จะเป็นการอัปเกรดสเปคให้สุดท้ายจากรุ่นหลักอีกที รอบนี้ OnePlus 10T 5G เลยอัปเกรดชิปเซ็ตเป็น Snapdragon 8+ Gen 1 ที่แรงขึ้นกว่ารุ่น Pro อีก 10% และประหยัดพลังงานได้ดีกว่าเดิม
ในเรื่องความก็ไม่น้อยหน้ารุ่นอื่น ๆ มีตัวเลือก RAM มากสุดถึง 16GB (แบบ LPDDR5) และความจุภายใน 256GB (แบบ UFS 3.1)
แบตเตอรี่ OnePlus 10T 5G ได้ความจุมาที่ 4800mAh และยังมีระบบชาร์จไว SUPERVOOC 150W มาตรฐานใหม่ของเรือธงจาก OnePlus เลยก็ว่าได้ตรงนี้เคลมว่าสามารถชาร์จเต็ม 100% ได้ในเวลาเพียง 19 นาทีเท่านั้น ใช่แล้วครับอ่านไม่ผิด 0 -100% ในเวลาแค่ 19 นาที!
นอกจากนี้ยังหายห่วงในเรื่องความร้อน เพราะ OnePlus 10T 5G มากับเทคโนโลยีระบายความร้อนแบบ Cryo-velocity VC เป็นระบบระบายความร้อนที่ใหญ่ที่สุดและล้ำหน้าที่สุดเท่าที่เคยมีมาของ OnePlus โดยมี cooling area รวมกว่า 37,000 มม. ช่วยปรับลดอุณหภูมิเครื่องได้ดีมากขึ้นถึง 5º C
Official Case ที่จะวางจำหน่ายแยก
ปิดท้ายที่อุปกรณ์เสริมที่เราพูดถึงตั้งแต่ต้นบทความ รอบนี้ OnePlus มีเคสใหม่ที่หน้าตาเกมเมอร์ขึ้นหนึ่งชิ้นมีชื่อว่า Glacier Mat Case เคสตัวนี้นอกจากจะเท่แล้ว ยังเอาใจสายเกมด้วยความสามารถในการจัดการความร้อนของตัวเครื่องในระหว่างการเล่นเกม ที่สามารถลดอุณหภูมิได้อีกถึง 2.3ºC สายเกมน่าจะถูกใจตัวนี้มาก ๆ แน่นอน (มีวางจัดจำหน่ายภายหลังงานเปิดตัว)
ส่วนอีกชิ้นก็จะเป็น Sandstone Case เคสด้านผิวทรายที่อยู่คู่กับสมาร์ทโฟน OnePlus มาตลอด ตัวนี้ก็จะได้ความเรียบหรูที่เนียนไปกับตัวเครื่องใส่แล้วปกป้องได้อย่างมั่นใจ แต่ก็ไม่ลดทอนความสวยงามของดีไซน์ดั้งเดิมของตัวเครื่องไปนั่นเองครับ
สรุปสเปค OnePlus 10T 5G
- หน้าจอ : Fluid AMOLED ขนาด 6.7″ ความละเอียด FHD+
- Refresh rate : 120Hz
- CPU : Snapdragon 8+ Gen 1 (4nm)
- RAM : 8GB/16GB (+ 7GB RAM Expansion)
- ROM : 128GB/256GB
- แบตเตอรี่ : 4800mAh
- ระบบชาร์จ : ชาร์จไว 150W SUPERVOOC
- กล้องหน้า : 16MP
- กล้องหลัก : 3 ตัว
- กล้องหลัก 50MP
- กล้อง Ultra Wide 8MP
- กล้อง macro 2MP
- ระบบปฏิบัติการ : Android 12 ครอบทับด้วย OxygenOS 12
- สีสัน : Jade Green, Moonstone Black
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงพรีวิวคร่าว ๆ ของ OnePlus 10T 5G จากชุด Media Kit ที่เราได้มาเท่านั้นเนาะ ของจริงยังมีอีกหลายอย่างให้ทดสอบทั้งประสิทธิภาพการเล่นเกมว่าจะสมกับที่ชูจุดเด่นมาแค่ไหน ? กล้องที่ปรับสเปคมาใหม่พอใช้จริงแล้วจะสวยแค่ไหน ? หรือระบบชาร์จไวใหม่ 150W SUPERVOOC ที่เคลมว่าเร็วแค่ 19 นาทีเต็มช่วยให้เราทำอะไรได้มากขึ้นไหม นี่คือสิ่งที่คงต้องใช้เวลากันอีกสักหน่อย แล้วจะมาบอกเล่าให้รูปแบบรีวิวฉบับเต็มเร็ว ๆ นี้ครับ แต่เท่าที่ได้สัมผัสนี้บอกเลยว่าสมกับความเป็น “Flagship Killer” จริง ๆ และแอบบอกไว้ตรงนี้เลยว่าราคาของรุ่นนี้ทำได้ถูกใจแฟน ๆ แน่นอน รอติดตามกันเลย!