Android News
แกะกล่องพรีวิว OnePlus 11 5G ปลุกพลังนักฆ่าเรือธง สเปคระดับท็อปและทรงพลังโดยไม่ต้องมีคำว่า “Pro”
กลับมาอีกครั้งกับสมาร์ทโฟนเรือธงจาก OnePlus อย่าง OnePlus 11 5G ที่มาแบบเดี่ยวๆ เพราะสเปคขั้นสุดได้อัดแน่นแบบครบถ้วนไว้หมดแล้วโดยไม่ต้องมีคำว่า “Pro” ในรุ่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นขุมพลัง Snapdragon 8 Gen 2, หน้าจอ AMOLED 2K+ พร้อมชูโรงด้วยกล้องที่ร่วมพัฒนากับทาง Hasselblad เช่นเคย และสเปคอื่นๆ ที่วันนี้เราจะมาแกะกล่องให้ยลโฉมกันแบบเรียกน้ำย่อยกันครับ
มาเริ่มแกะกล่องกัน !!
ต้องบอกก่อนว่าตัวกล่องที่เราได้มาเป็นกล่อง Media Kit ของทาง OnePlus แบบจุกๆ โดยจะมีอุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่ให้ใช้งานร่วมกับ OnePlus 11 5G กันแบบครบถ้วนครับ โดยเราจะไปดูกันทีละส่วนกันครับ
ตัวกล่องยังคงเอกลักษณ์ของ OnePlus ที่เน้นสีแดง ตัดด้วยตัวอักษรสีแดงที่เพิ่มความเงาให้มองได้เด่นชัดมาขึ้น ขณะที่ด้านล่างจะมีโลโก้ “Co-developed with Hasselblad” ที่ทาง OnePlus ก็ยังร่วมกับ Hasselblad ที่พัฒนาในเรื่องกล้องกันต่ออีกปีครับ
เมื่อเปิดออกมาจะมีอุปกรณ์ 2 ชิ้นหลัก เป็นกล่องของ OnePlus 11 5G สีแดงพร้อมตัวอักษรสีดำที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน ขณะที่ข้างๆ กันจะเป็นหูฟังรุ่นใหม่อย่าง OnePlus Buds Pro 2 ในสี Arbor Green (แต่หูฟังไว้เราจะมารีวิวเต็มๆ ให้ชมกันอีกรอบเนาะ)
เรามาดูกันต่อที่กล่องของ OnePlus 11 5G ที่เป็นพระเอกของ Media kit นี้กันก่อนเลยครับ เมื่อเปิดออกมาจะเจอกับกล่องสีดำที่ใส่อุปกรณ์เสริมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเอกสารต้อนรับจาก Pete Lau ที่มาในทุกปี, เข็มเปิดถาดซิม, คู่มือการใช้งานเบื่องต้น และสติ๊กเกอร์ของ OnePlus และสัญลักษณ์ต่างๆ ที่นำมาติดกันได้เลยครับ
ชั้นต่อมาก็จะเป็นตัวเครื่องของ OnePlus 11 5G
และชั้นล่างสุดในกล่องก็จะเป็นอะแดปเตอร์ 100W SUPERVOOC ที่แถมมาให้ ไม่ต้องซื้อเพิ่มแล้วครับ และมาคู่กับสาย USB Type-C สีแดงแรงฤทธิ์กันเลยทีเดียว
จบตัวกล่องของ OnePlus 11 5G ไปแล้ว ก็กลับมาดู Media Kit กันอีกนิดครับ โดยที่ด้านล่างจะเป็นลิ้นชักที่ดึงออกมาได้ ซึ่งชั้นแรกที่เจอจะเป็นใบ “Welcome to Cloud 11” ซึ่งเป็นชื่องานเปิดตัว OnePlus 11 5G ในฝั่งของ Global รวมถึงใบโปสเตอร์สเปคของเรือธงรุ่นนี้เป็น “Dolby Vision and Dolby Atmos” และ “Accu-sprctrum Natural-color Identifier”
สุดท้ายในชั้นล่างจะเป็นช่องใส่เคสเสริม OnePlus 11 5G Aramid Fiber Bumper สีดำ ที่เมื่อใส่แล้วนอกจากจะช่วยป้องกันตัวเลนส์กล้องด้านหลังที่นูนออกมาได้แล้ว ยังได้ความสวยงาม เพิ่มความทันสมัยและความพรีเมียมได้ดีมากๆ ครับ
เมื่อลองใส่แล้วเพิ่มความขึ้นไปอีกเท่าตัวเลยทีเดียวครับ
ดีไซน์พรีเมียม ดั่งความหรูหราของนาฬิกาสวิส
ในเรื่องการดีไซน์ OnePlus ยังคงทำได้ดีใน OnePlus 11 5G ที่ให้ความพรีเมียมมาจัดเต็มเช่นเคย ใช้วัสดุกระจกที่เป็นผิวมันเงาและได้ความสะท้อนคล้ายกระจกเล็กๆ ไม่ใช่แบบผิวด้านครับ ซึ่งสีที่เห็นกันอยู่นี้เป็นสีเขียว Eternal Green ที่แอบให้ความลึกลับเบาๆ
ขณะที่โมดูกล้องหลังจะมีความนูนออกมาจากตัวเครื่องเล็กๆ และใช้การเชื่อมต่อไปยังขอบตัวเครื่องครับ
หน้าจอแสดงผลคมชัดระดับ QHD+
OnePlus 11 5G จัดเต็มในระดับโปรด้วยหน้าจอแสดงผลแบบโค้ง ใช้พาเนล AMOLED แบบ LTPO 3.0 ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด QHD+ อัตราส่วน 20.1:9 ทั้งยังรองรับ Refresh Rate 1-120Hz ที่จะปรับตามเนื้อหาบนหน้าจอครับ และยังแสดงผลสีแบบ 10-bit หรือ 1 พันล้ายสีอีกด้วย
พาชมรอบเครื่อง
เริ่มกันด้วยที่ส่วนบนหน้าจอแสดงผลจะมีกล้องหน้า Punch Hole ที่อยู่มุมซ้ายบน และจะมีการซ่อนลำโพงที่ 2 ไว้ตรงกลางด้านบนอีกด้วย
ทางซ้ายเครื่องจะมีปุ่มเพิ่มและลดเสียงเท่านั้นครับ
ส่วนทางขวาจะมีปุ่ม Alert Slider เพื่อไว้ปรับโหมดเสียง (ดัง, สั่น, เงียบ) เอาไว้ให้ ถัดลงมาจะเป็นปุ่ม Power ตามปกติครับ
ที่ด้านล่างตัวเครื่องจะมีช่องใส่ซิมการ์ดแบบ NanoSIM 2 ช่อง (ไม่มีช่องใส่ MicroSD มาให้) ถัดไปทางขวาจะเป็นไมโครโฟนตัวที่ 1, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวที่ 1 ครับ
ด้านบนตัวเครื่องจะมีไมโครโฟนตัวที่ 2 มาให้
และที่ด้านหลังจะมีกล้อง 3 เลนส์ พร้อมไฟแฟลช Dual LED มาให้ 2 ดวง และยังมีสัญลักษณ์ “Hasselblad” ตรงกลางแบบเด่นๆ
ฟีเจอร์ระดับ “Pro” ที่น่าสนใจ
ขุมพลัง Snapdragon 8 Gen 2 รองรับ Ray-Tracing ในตัว !!
OnePlus 11 5G ขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผล Snapdragon 8 Gen 2 ที่เป็นชิปเรือธงของ Android ที่เร็ว แรง และทรงประสิทธิภาพที่สุดในตอนนี้ครับ ทั้งยังรองรับเทคโนโลยี Ray Tracing ที่สายเกมเมอร์ต้องรู้จักกันเป็นอย่างดีแน่นอนที่จะเป็นการช่วยให้เกมสะท้อนแสงและเงาที่สมจริงมากขึ้นและประมวลผลแบบเรียลไทม์ด้วยนั่นเองครับ
RAM พื้นฐานสูงสุด 16GB และเพิ่มได้อีก 12GB
ไม่ใช่แค่ชิปที่แรงเท่านั้น เพราะ RAM ที่ให้มาก็สูงสุดถึง 16GB และยังเพิ่ม Visual RAM ได้สูงสุดถึง 12GB รวมเป็น 28GB กันไปเลย จุดนี้เองจะช่วยให้การสลับแอปพลิเคชั่นต่างๆ ไหลลื่นมากขึ้น และไม่ต้องมาคอยโหลดใหม่ตลอด
กล้อง Hasselblad ระดับมืออาชีพ
OnePlus 11 5G ยังคงร่วมพัฒนาเรื่องกล้องกับทาง Hasselblad ที่เน้นเรื่องสีสันที่สมจริงตามสไตล์ของ Hasselblad ให้ยิ่งขึ้นไปอีก รวมถึงการได้ฟิลเตอร์และความละมุนที่เสมือนได้จากกล้อง DSLR ของทาง Hasselblad มาแบบเต็มๆ แต่อัดแน่นให้อยู่ในสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ครับ
ทรงพลังด้วยการชาร์จไว 100W SUPERVOOC
อีกจุดที่น่าสนใจของ OnePlus 11 5G คือเทคโนโลยีการชาร์จ 100W SUPERVOOC ที่ชาร์จจาก 0-100% ในเวลาเพียง 25 นาทีเท่านั้นครับ
สรุปสเปค OnePlus 11 5G
- ขนาดตัวเครื่อง : 163.1 x 74.1 x 8.53 มม.
- น้ำหนัก : 205 กรัม
- หน้าจอแสดงผลหลัก Super Fluid AMOLED พร้อม LTPO 3.0 ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด 2K+ (3216 x 1440 พิกเซล) อัตราส่วน 20.1:9, 525PPI รองรับ Refresh Rate 1-120Hz, HDR10+, แสดงผลสี 10-bit, Contrast Ratio 5000000:1 และความสว่างสูงสุด 1300 นิต
- หน่วยประมวลผล : Snapdragon 8 Gen 2 Octa Core ความเร็ว 3.2GHz
- RAM : 8/16GB LPDDR5X
- ROM : 128GB UFS 3.1 / 256GB UFS 4.0
- กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 3 เลนส์ ดังนี้
- เลนส์หลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 เซ็นเซอร์ Sony IMX890 รองรับระบบกันสั่นไหว OIS
- เลนส์ Ultra-Wide Angle ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 เซ็นเซอร์ IMX581 มุมกว้าง 115 องศา รองรับการถ่าย Macro ระยะ 3.5 ซม.
- เลนส์ Telephoto 2x ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 เซ็นเซอร์ IMX709
- กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- ระบบปฏิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย OxygenOS 13
- การเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 (ax), 5G, NFC, Bluetooth 5.3 และพอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh ชาร์จเร็ว 100W SUPERVOOC
OnePlus 11 5G เตรียมจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ 66 พร้อมกับการเปิดตัว OnePlus Buds Pro 2 หัวฟังตัวท็อปรุ่นใหม่สุดพรีเมียมที่ใช้โทนสีเดียวกันกับสมาร์ทโฟนเพื่อการจับคู่อย่างลงตัวแน่นอนครับ ส่วนใครที่รอรีวิวฉบับเต็ม ก็อดใจรอกันได้เลยครับ เรามีมาฝากกันแน่นอน