Featured
รีวิว OnePlus 7 Pro การเปลี่ยนครั้งใหญ่ของ Super Flagship จัดเต็มทุกฟีเจอร์
OnePlus 7 Pro สมาร์ทโฟนที่มาพร้อมสโลแกน Super Flagship ด้วยสเปคที่จัดเต็มที่สุดทุกด้าน มาพร้อมหน้าจอที่เรียกว่า Fluid AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว QHD+ และเฟรมเรตหน้าจอ 90Hz ซึ่งรองรับการเรนเดอร์ภาพระดับสูง HDR10+ และเป็นรุ่นแรกของ OnePlus ที่มีกล้องหลัง 3 ตัวแบบ Triple Camera
สรุปสเปค OnePlus 7 Pro
- ขนาดตัวเครื่อง 162.5 x 75.9 x 8.8 มิลลิเมตร
- หน้าจอแสดงผลขนาด 6.67 นิ้ว เป็นแผงหน้าจอ Fluid AMOLED ความละเอียด 3120 x 1440 พิกเซล
- ระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie ครอบทับด้วย OxygenOS
- ซีพียู Snapdragon 855
- แรม 6/8/12GB
- ความจุตัวเครื่อง 128/256GB
- กล้องหลัง 3 ตัวแบบ Triple Camera
- กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล f/1.6 SONY IMX586
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f/2.4 ซูมออปติคอลได้ 3 เท่า
- กล้อง Ultra Wide Angle ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/2.2 มุมกว้าง 117 องศา
- กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล f/2.0 SONY IMX471
- แบตเตอรี่ 4000mAh Warp Charge 30W (5V/6A)
- สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และปลดล็อคด้วยใบหน้า
แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล
OnePlus 7 Pro มาในกล่องสีขาวที่ดูเรียบง่าย และมีตัวเลข 7 ขนาดใหญ่อยู่บนฝากล่อง ซึ่งก็หมายถึงชื่อรุ่นนี้นั่นเอง โดยภายในกล่องจะมีอุปกรณ์ดังนี้
- ตัวเครื่อง OnePlus 7 Pro และแบตเตอรี่ในตัว
- อะแดปเตอร์ชาร์จไว Warp Charge 30
- สายเคเบิล USB Type-C สำหรับชาร์จไฟหรือใช้ถ่ายโอนข้อมูล
- คู่มือการใช้งาน ใบรับประกัน
- เข็มจิ้มถาดใส่ซิม
- เคส
สำหรับอะแดปเตอร์ชาร์จไว Warp Charge 30 รองรับการจ่ายไฟเข้าไปชาร์จสมาร์ทโฟน OnePlus 7 Pro สูงสุด 5V/6A หรือ 30W ซึ่งถือว่าเป็นระบบการชาร์จที่รวดเร็วมากๆ และไม่ต้องซื้ออุปกรณ์ชาร์จไวเพิ่มด้วย เพราะให้มาในกล่องเลย
ด้านการดีไซน์ตัวเครื่องของ OnePlus 7 Pro เป็นกระจกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งเป็นกระจกโค้งแบบ 3D Glass ในขณะที่กรอบตัวเครื่องเป็นโลหะอะลูมิเนียม ทำให้เวลาจับใช้งานรู้สึกได้ถึงความแข็งแรงทนทานของตัวเครื่อง
หน้าจอแสดงผลถูกออกแบบมาให้มีความโค้งทั้ง 2 ข้าง ทำให้เห็นเป็นพื้นที่แสดงผลทั้งหมด มีความพรีเมียมมากขึ้น แล้วครอบด้วยกระจกกันรอย Gorilla Glass โดยตัวเครื่องเมื่อแกะออกจากกล่องจะได้รับการติดฟิล์มกันรอยมาให้แล้ว
OnePlus 7 Pro ใช้หน้าจอแบบใหม่ที่เรียกว่า Fluid AMOLED ซึ่งการแสดงผลภาพบนหน้าจอมีสีสันสดใสสวยงามมากๆ โดยมีขนาดหน้าจอใหญ่ถึง 6.67 นิ้ว อัตราส่วนแบบ 19.5:9 ทำให้มุมมองของภาพมีความกว้าง เห็นได้เต็มตามากขึ้น และที่สำคัญไม่มีรอยบากให้รบกวนสายตาอีกต่อไปแล้ว
ความคมชัดของหน้าจออยู่ในระดับ Quad HD+ และยังรองรับ HDR10 และ HDR10+ ทำให้วิดีโอที่เห็นบนหน้าจอมีสีสันสวยสมจริง โดยหน้าจอของ OnePlus 7 Pro ได้รับคะแนน A+ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดจาก DisplayMate ผู้เชี่ยวชาญด้านการทดสอบจอภาพแสดงผลชั้นนำของโลก เป็นข้อยืนยันว่านี่คือหนึ่งในหน้าจอสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดในท้องตลาด ณ ตอนนี้
กล้องหน้าของ OnePlus 7 Pro เป็นแบบเลื่อนขึ้นอัตโนมัติ จึงทำให้ไม่ต้องมีรอยบากที่หน้าจอ และช่องลำโพงยังถูกซ่อนไว้ช่องระหว่างกระจกหน้าจอและกรอบตัวเครื่อง ทำให้พื้นที่ด้านหน้าดูสะอาดตาสวยงามอีกด้วย
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือถูกฝังไว้ใต้กระจกกหน้าจอ สามารถแตะสแกนนิ้วได้บนหน้าจอได้เลย
ขอบด้านล่างตัวเครื่องมีช่องใส่ซิม, ไมโครโฟน, พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C และลำโพง
ถาดใส่ซิมรองรับซิมการ์ดขนาด Nano SIM จำนวน 2 ช่อง (ไม่รองรับ microSD card)
ขอบด้านซ้ายมีปุ่มปรับระดับเสียง
ขอบด้านขวามีปุ่ม Power และปุ่มปิดเสียงแจ้งเตือน (Alert Slider)
ขอบด้านบนมีไมโครโฟน และกล้องหน้าที่เลื่อนขึ้นได้อัตโนมัติ
ตัวเครื่องที่ใช้ในรีวิวครั้งนี้เป็นสีเทา (Mirror Gray) มีความมันวาวด้วยวัสดุที่เป็นกระจก และมีความเรียบหรูในทุกมุมมอง
กล้องหลัง 3 ตัวแบบ Triple Camera ถูกจัดเรียงในแนวตั้ง ประกอบด้วยกล้อง Ultra Wide Angle, กล้องหลัก และกล้อง Telephoto มีระบบ Laser Autofocus และไฟแฟลช Dual LED
ซอฟต์แวร์และฟังก์ชั่นการใช้งาน
OnePlus 7 Pro รันระบบปฏิบัติการ OxygenOS เวอร์ชั่น 9.5.4 ซึ่งมีความโดดเด่นเฉพาะตัว อินเตอร์เฟซที่ดูเรียบง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน โดยครอบทับอยู่บน Stock Android รองรับการทำงานบนหน้าจอแบบ Full Screen ได้เต็มประสิทธิภาพ และไม่มีการติดตั้งแอปพลิเคชั่นที่ไม่จำเป็นหรือแอปขยะมาให้รกตัวเครื่อง
ในหน้าจอหลักเมื่อปัดลงจะเป็นในส่วนของ Quick Setting แผงสำหรับเปิด/ปิดใช้งานเมนูต่างๆ และ Notification รายการแจ้งเตือนทั้งหมดจะถูกแสดงไว้ในส่วนนี้ และเมื่อปัดหน้าจอขึ้นจะเป็นในส่วนของ App Drawer โดยมีปุ่มค้นหาอยู่ด้านบนหน้าของหน้าจอ
ความประทับใจอย่างหนึ่งของ OxygenOS แม้จะมีหน้าตาและฟังก์ชั่นไม่ได้เยอะแยะเหมือนค่ายอื่น แต่ทุกฟังก์ชั่นคือทุกคนต้องได้ใช้งานจริงๆ โดยเราสามารถเลือก Icon Pack และปรับแต่งขนาดไอคอนที่แสดงบนหน้าจอได้
เมื่อเลื่อนไปดูหน้าจอด้านซ้ายจะเป็นในส่วนของ OnePlus Shelf ที่จะรวมการแสดงข้อมูลต่างๆ ที่เป็นประโยชน์หรือตามความสนใจในการใช้งานไว้ในที่เดียว เช่น เขียนบันทึก แอพที่ใช้งานบ่อย ตำแหน่งที่จอดรถ เป็นต้น
ฟีเจอร์ใหม่ Zen Mode เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สร้างสมดุลระหว่างการใช้อุปกรณ์ดิจิทัลและชีวิตส่วนตัวได้ดีขึ้น ถ้าพูดง่ายๆ ก็เหมือนเป็นการฝึกที่จะหยุดพักการมองหน้าจอมือถือ แล้วกันไปคุยกับคนใกล้ตัวหรือพักสายตาเป็นเวลา 20 นาที เพราะว่าเมื่อเปิดใช้งานโหมดนี้ จะไม่สามารถใช้งานอะไรได้เลย แต่ยังสามารถใช้งานการโทรฉุกเฉินและรับสายได้
สำหรับธีมบนหน้าจอสามารถเลือกเปลี่ยนได้ 3 โหมดหลักๆ ได้แก่ สีสัน สว่าง และมืด
อัตราการรีเฟรชหน้าจอของ OnePlus 7 Pro สามารถเลือกได้ระหว่าง 90Hz เพื่อการแสดงผลที่ลื่นไหลราบรื่น หรือ 60Hz เพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้ยาวนานมากขึ้น รวมไปถึงการกำหนดความละเอียดหน้าจอ QHD+ ตามสเปคตัวเครื่อง หรือ FHD+ เพื่อลดการใช้งานพลังงาน ก็สามารถทำได้เช่นกัน
ด้านการเชื่อมต่อไร้สาย OnePlus 7 Pro รองรับเครือข่าย LTE-A (5CA) Cat18 ความเร็วดาวน์โหลด 1200Mbps และอัปโหลด 150Mbps, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.0 และ NFC ส่วนการเชื่อมต่อผ่านสายรองรับ USB Type-C และ USB OTG
OnePlus 7 Pro ถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของค่ายที่มีลำโพงสเตอริโอคู่ โดยอยู่ที่ขอบด้านบนตัวและด้านล่างของเครื่อง พร้อมเทคโนโลยีเสียง Dolby Atmos ที่ให้มิติเสียงซ้ายขวา ทำให้เวลาฟังเสียงมิติรอบทิศทางเหมือนอยู่ในโรงภาพยนตร์ อีกทั้งความดังของลำโพงถือว่าให้เสียงที่ดังมาก ซึ่งเสียงสเตอริโอของรุ่นนี้ไม่ได้ทำงานเฉพาะเวลาดูหนังเท่านั้น แต่เวลาเล่นเกม หรือฟังเพลง ก็ให้ระบบเสียงสเตอริโอด้วย ทำให้การเล่นเกมมีความสนุกสมจริงมากขึ้น
ปุ่มเลื่อนปิดเสียงด้านข้าง สามารถกำหนดการตั้งค่าได้ว่าจะให้ทำงานเป็นโหมดใด ได้แก่ เงียบ การสั่น หรือเสียงเข้า และรูปของแถบนำทางบนหน้าจอสามารถเลือกใช้แบบปุ่มเสมือนหรือใช้ท่าทางเพื่อซ่อนปุ่มไม่ให้บดบังหน้าจอได้
การสั่งงานด้วยท่าทาง ได้แก่ พลิกเพื่อปิดเสียง, ใช้ 3 นิ้วกวาดบนหน้าจอเพื่อบันทึกภาพหน้าจอ, รับสายโดยการยกมาแนบหู, แตะหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อเปิดหน้าจอ, วาดนิ้วบนหน้าจอเพื่อควบคุมการเล่นเพลง หรือตั้งค่าการวัดอักษรสำหรับเรียกใช้งานแอพต่างๆ ได้
Game Mode ได้รับการพัฒนาให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยมีการเพิ่มโหมดใหม่ที่เรียกว่า Fnatic Mode ที่ช่วยให้การเล่นเกมทำได้เต็มที่ โดยการปิดการแจ้งเตือน ดึงประสิทธิภาพของซีพียูและจีพียู รวมไปถึงปรับปรุงเครือข่ายให้มีความแรงของสัญญาณ
RAM Boost อีกหนึ่งฟีเจอร์ใหม่ที่สามารถเรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้และจัดสรรหน่วยความจำ RAM อย่างชาญฉลาดให้กับแอปที่ต้องใช้พื้นที่หน่วยความจำมาก ช่วยให้โหลดแอปและเปิดเล่นเกมได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น และสามารถเปิดแอปต่าง ๆ ค้างไว้ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมของเครื่อง
ในเรื่องของความปลอดภัย OnePlus สามารถแตะสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอได้ และใช้ใบหน้าในการปลดล็อคหน้าจอได้ด้วย ซึ่งการจำแนกใบหน้าจอถือว่าทำได้ดีมาก ปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว
ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่
OnePlus 7 Pro ใช้ชิพประมวลผล Qualcomm Snapdragon 855 ที่มีกระบวนการผลิตขนาด 7 นาโนเมตร โดยซีพียู Octa-core แบ่งการทำงานออกเป็น 3 ตามการใช้งาน คือ Single-core 2.84GHz Kryo 485 เมื่อต้องการประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด + Triple-core 2.42GHz Kryo 485 และ Quad-core 1.80GHz Kryo 485 พร้อมกราฟิกหรือจีพียู Adreno 640 และรุ่นที่ใช้ทดสอบในครั้งนี้เป็นรุ่นที่มีแรม 8GB ความจุ 256GB โดยผลการทดสอบ AnTuTu เป็นการทดสอบภาพรวมของการทำงานในส่วนของหน่วยความจำแรม และประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือจีพียู ทำคะแนนรวมได้ 371,189 คะแนน ซึ่งถือว่าสูงมากๆ
ผลการทดสอบด้วย Geekbench 4 เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานและการประมวลผล การทดสอบนี้จะทำการประมวลออกมาเป็นตัวเลขแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ Single-Core และ Multi-Core หากได้คะแนนยิ่งสูงประสิทธิภาพการทำงานจะยิ่งดี โดยผลทดสอบของ OnePlus 7 Pro ทำคะแนน Single-Core ได้ 3,459 คะแนน และ Multi-Core ทำได้ 11,031 คะแนน ซึ่งเป็นคะแนนที่สูงมาก
ในการเล่นเกมสามารถจะมี Game Mode เพื่อเรียกใช้งานซีพียูและปรับจีพียูให้จัดลำดับความสำคัญให้มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับการเล่นเกม และมีฟีเจอร์ใหม่ Fnatic Mode ไม่ให้มีการรบกวนระหว่างเล่นเกมได้สำหรับการเล่นที่สำคัญ อีกทั้งตัวจีพียู Adreno 640 ยังช่วยให้การประมวลผลในการมองเห็นชัดยิ่งขึ้น รองรับภาพเกมแบบสามมิติ และเอฟเฟ็กต์กราฟิกต่างๆ ได้อย่างคมชัด ซึ่งเป็นการประมวลผลกราฟิกที่ดีที่สุดในตอนนี้
สำหรับเกม RoV ตัวเครื่องรองรับโหมดเฟรมเรตสูง ภาพระดับ HD สามารถได้ลื่นไหล ไม่มีปัญหา เฟรมเรตนิ่งมากระหว่าง 59-60 fps บางจังหวะวิ่งทะลุไปที่ 61fps อีกทั้งหน้าจอที่กว้างยังช่วยให้เห็นสภาพแวดล้อมรอบๆ ขอบจอได้ดีมากขึ้น โอกาสมองเห็นศัตรูที่อยู่ขอบจอก็มีมากขึ้นด้วย
ทดสอบเล่นเกม Asphalt 9 : Legends เกมแข่งรถจาก Gameloft ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ประสบการณ์เกมคอนโซลที่สมจริงและภาพกราฟิกที่สวยงามมากขึ้นด้วยเทคนิค HDR พร้อมรถจากหลายค่ายดัง ก็สามารถเล่นบน OnePlus 7 Pro ได้ลื่นไหล และไม่มีกระตุกเลยแม้แต่นิดเดียว
ถ้าเป็นเกมที่มีระบบเสียงจังหวะตื่นเต้นเร้าใจอย่างเกม Asphalt 9 : Legends ต้องบอกเลยว่าลำโพงสเตอริโอของ OnePlus 7 Pro ทำให้การเล่นมันขึ้นเยอะมาก เสียงกระหึ่มตลอดการเล่น
ทดสอบเล่นเกม PUBG Mobile สุดยอดเกมแอ็คชั่นใหม่ล่าสุดที่พัฒนาด้วย Unreal Engine 4 เป็นเกมที่มีภาพและกราฟิกที่สวยงามมาก ต้องใช้การควบคุมทิศทาง และความแม่นยำในการระบุเป้ายิง สามารถเล่นได้ เล็งเป้าได้นิ่งๆ
อีกหนึ่งความเร้าในและทำให้การเล่นเกม PUBG Mobile หรือเกมแนวเดียวกันนี้มีความสนุกมากขึ้นไปอีกคือ Haptic Vibration ซึ่งเป็นระบบสั่นที่มีหลายระดับ ทุกครั้งที่ยิงจะมีการสั่นสะเทือนเพื่อประสบการณ์ที่สมจริง และถ้ามีเสียงปืนหรือเสียงเดินจากทางด้านซ้าย ลำโพงทางซ้ายก็จะดัง และถ้าอยู่ทางด้านขวา ลำโพงทางขวาก็จะดัง
นอกจากนี้แล้ว จาการทดสอบเล่นเกมต่อเนื่องกันเป็นชั่วโมงพบว่าตัวเครื่องแทบไม่รู้ว่าร้อนเลย มีเพียงอุ่นๆ เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งส่วนหนึ่งคาดว่ามาจากระบบระบายความร้อนที่พัฒนาให้ดียิ่งขึ้นด้วยการออกแบบ 10-layer liquid cooling ตัวเครื่องจึงไม่ร้อนแม้ใช้งานต่อเนื่องยาวนานและหนักหน่วง
แบตเตอรี่ของรุ่นนี้มีความจุมากถึง 4000mAh จากการทดสอบใช้งานเปิดกล้องถ่ายรูป, เล่นเกมต่อเนื่องชั่วโมงกว่าๆ และเข้าเล่นโซเชียลทั่วไป พบว่าแบตเตอรี่ยังเหลือมาถึงบ้านโดยไม่ได้ต้องชาร์จระหว่างวัน จัดการพลังงานได้ดีมากๆ
OnePlus 7 Pro รองรับระบบชาร์จไว Warp Charge 30 ซึ่งเป็นการชาร์จโดยจ่ายกำลังไฟสูงสุดถึง 30W ทำให้ได้แบตเตอรี่ที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
จากการทดสอบชาร์จเริ่มจาก 16% ไปจนถึง 74% ใช้เวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น และเมื่อผ่านไป 40 นาที ได้แบตเตอรี่มากถึง 85% ซึ่งรวดเร็วมากจริงๆ ไม่ต้องรอนานอีกต่อไปแล้ว
กล้องถ่ายรูป
OnePlus 7 Pro มีกล้องหลัง 3 ตัวแบบ Triple Camera ประกอบด้วยกล้องหลักเซ็นเซอร์ IMX586 ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด f/1.6 และขนาดพิกเซลที่ใหญ่ถึง 1.6 ไมครอน ในขณะที่กล้อง Telephoto มีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ขนาด 78 มม. พร้อมรูรับแสงขนาด f/2.4 มีระบบกันภาพสั่นไหว Optical Zoom ได้ 3x และกล้องมุมกว้าง Ultra Wide-angle 117 องศา ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด f/2.2
กล้อง Telephoto ซูมได้ 3 เท่า
กล้อง Telephoto มีระบบกันภาพสั่นไหว และ Optical Zoom ได้ 3x ซึ่งเป็นการซูมด้วยฮาร์ดแวร์กล้อง ทำให้ภาพที่ได้มีความคมชัด และเก็บรายละเอียดได้ค่อนข้างดีมากๆ
กล้อง Ultra Wide-angle กว้างขนาดไหนก็เก็บได้ครบ
สำหรับเลนส์ Ultra Wide Angle ที่มีมุมกว้างพิเศษ ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เป็นฟีเจอร์กล้องที่เข้ามาเติมเต็มความสามารถของกล้องถ่ายรูปบนมือถือได้เป็นอย่างดี ระยะใกล้แค่ไหนก็สามารถเก็บภาพได้ครบโดยไม่ต้องถอยห่างอีกต่อไป
Auto Mode กล้องหลังมี AI Scene Recognition
ในโหมดอัตโนมัติหรือ Auto Mode มี AI Scene Recognition ที่ช่วยระบุฉากที่กำลังถ่าย เช่น ดอกไม้ ต้นไม้ วิว ดวงอาทิตย์กำลังตก เป็นต้น แล้วปรับค่ากล้องให้เหมาะสมกับการถ่ายภาพนั้นๆ โดยที่ผู้ใช้งานไม่ต้องตั้งค่ากล้องให้ยุ่งยาก
จะเห็นว่าภาพที่ถ่าย Auto Mode แล้วเปิดใช้งาน AI Scene Recognition ภาพแต่ละฉากจะมีความสวยงาม และสีสันโดดเด่นไม่เหมือนกัน โดยเป็นการปรับค่าต่างๆ ให้เหมาะกับการถ่ายภาพแต่ละฉากนั่นเอง ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งานมากๆ ทำให้ทุกคนสามารถถ่ายภาพออกมาสวยได้ทันที
Portrait Mode ถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้สวยโดดเด่น
โหมด Portrait ของ OnePlus 7 Pro มีระบบตรวจจับใบหน้าเพื่อทำการโฟกัสให้อัตโนมัติด้วย และระบบโฟกัสถือว่าทำงานได้รวดเร็วมาก
จะเห็นว่าการตัดขอบตัวบุคคลนั้นทำได้เนียน เส้นผมเห็นเป็นเส้นๆ โดยที่ไม่ถูกเบลอออกไป ทำเอฟเฟ็กต์ละลายฉากหลังได้สวยเป็นธรรมชาติ ซึ่งเป็นการทำงานของกล้องหลักที่มีรูรับแสงกว้าง และพิกเซลที่มีขนาดใหญ่ช่วยให้การถ่ายภาพออกมาสวยและง่ายมากขึ้น
Nightscape 2.0 ถ่ายกลางคืนได้สว่างกว่าที่ตาเห็น
Nightscape 2.0 การถ่ายภาพในที่แสงน้อยหรือในเวลากลางคืน ต้องยอมรับว่ากล้องของ OnePlus 7 Pro ถ่ายภาพออกมาได้สว่างคมชัดมากๆ และยังสามารถลดนอยซ์ของภาพได้ดีอีกด้วย ซึ่งในโหมดนี้ไม่ต้องใช้ขาตั้งช่วย โดยกล้องที่มีรูรับแสงกว้าง พิกเซลขนาดใหญ่ และมีระบบกันภาพสั่นไหว ทำให้ได้ภาพกลางคืนที่สวยงาม
กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล เลื่อนได้อัตโนมัติ
สำหรับกล้องหน้าที่เลื่อนได้อัตโนมัติของ OnePlus 7 Pro ได้รับการยืนยันว่าหากทำการเซลฟี่โดยเลื่อนกล้องขึ้นมา 150 ครั้งต่อวัน ใช้งานได้ยาวนานถึง 5.5 ปี ซึ่งถือว่านานมากๆ โดยไม่ต้องกังวลว่ากล้องจะพัง
กล้องหน้าที่มีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พิกเซลมีขนาดใหญ่ 1 ไมครอน เก็บแสงได้สว่างและคมชัดด้วยรูรับแสง f/2.0 ช่วยทำให้ภาพถ่ายเซลฟี่ออกมาสวยเป็นธรรมชาติ และแม้ว่ากล้องหน้าจะมีเพียงเลนส์เดียว แต่ก็ฟีเจอร์การถ่ายแบบหน้าชัดหลังเบลอได้ ทำให้ภาพเซลฟี่ออกมาโดดเด่น และละลายฉากหลังได้ค่อนข้างเนียนมากๆ
สรุปจุดเด่น
- OnePlus 7 Pro เป็นสมาร์ทโฟนที่มีดีไซน์ระดับพรีเมี่ยม และหน้าจอใหญ่ 6.67 นิ้ว Fluid AMOLED สีสันสวยงามมากๆ
- รันระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie ครอบทับด้วย OxygenOS มีฟีเจอร์ใหม่ๆ เพียบ
- ซีพียู Snapdragon 855 และแรมสูงสุดถึง 12GB ใช้งานได้ลื่นไหลดีมากๆ
- ความจุตัวเครื่องสูงสุด 256GB เพียงต่อการใช้งานแม้จะไม่มีช่องใส่ microSD card
- กล้องหลัง 3 ตัวแบบ Triple Camera ครบทุกการถ่ายรูปในระยะต่างๆ โดยกล้องหลักมีความละเอียด 48 ล้านพิกเซล f/1.6 SONY IMX586
- แบตเตอรี่ 4000mAh Warp Charge 30W (5V/6A)
- สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และปลดล็อคด้วยใบหน้าได้รวดเร็ว
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- ไม่มีรูหูฟัง 3.5 mm.
- ไม่รองรับ microSD card
OnePlus 7 Pro รุ่นแรม 6/128GB ราคา 24,990 บาท, รุ่นแรม 8/256GB ราคา 26,990 บาท และรุ่นแรม 12/256GB ราคา 29,990 บาท มีให้ 2 สีคือ Nebula Blue และ Mirror Gray สามารถหาซื้อได้ที่ AIS Shop 13 สาขาที่ร่วมรายการ และสั่งซื้อทางออนไลน์ได้ที่
- AIS Online Store : https://bit.ly/2K1C3Hj
- JD Central : http://bit.ly/2YIwu4K
- Lazada : http://bit.ly/OnePlus7Lazada