Connect with us

Featured

รีวิว OnePlus 7T สมาร์ทโฟนตอบโจทย์ทุกการใช้งาน จอลื่น 90Hz แบบ Fluid Display, ขุมพลังตัวท็อป S855+ และกล้อง 3 เลนส์พร้อมทุกสถานการณ์

Published

on

OnePlus 7T สมาร์ทโฟนรุ่นน้องที่สเปคยังจัดเต็มเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอสุดลื่นอย่าง Fluid Display ที่มี Refresh Rate ถึง 90Hz, Snapdragon 855+ Octa Core ขุมพลังที่แรงสุดในตอนนี้ พร้อมด้วยกล้องหลัง 3 เลนส์ที่จัดเรียงในทรงกลมอย่างสวยงามไม่เหมือนใครด้วย

 

สรุปสเปค OnePlus 7T

  • ขนาดตัวเครื่อง : 160.94 × 74.44 × 8.13 มม.
  • น้ำหนัก : 190 กรัม
  • หน้าจอแสดงผล Fluid Display ชนิด AMOLED ขนาด 6.55 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080 พิกเซล) มี Refresh rate 90Hz, อัตราส่วน 20:9 และรองรับ HDR10+
  • หน่วยประมวลผล : Snapdragon 855+ Octa Core ความเร็ว 2.96 GHz
  • GPU : Adreno 640
  • ความจุ RAM 8GB + ROM 128GB (UFS 3.0)
  • กล้องถ่ายรูปหลัง 3 เลนส์ แบ่งเป็น
    • เลนส์หลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.6 เซ็นเซอร์ Sony IMX586 รองรับ OIS + EIS
    • เลนส์ Ultra Wide Angle 117 องศา ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
    • เลนส์ Telephoto 2x ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
  • กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 เซ็นเซอร์ Sony IMX471
  • ระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย OxygenOS 10
  • รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.0 และพอร์ต USB Type-C
  • แบตเตอรี่ความจุ 3800mAh รองรับ Warp Charge 30T

 

แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล

ตัวกล่องของ OnePlus 7T มาในรูปทรงสี่เหลี่ยมทางยาวสีแดงแบบจัดจ้านมากๆ โดยภายในกล่องจะมีอุปกรณ์ต่างๆ ให้ดังนี้ครับ

  • ตัวเครื่อง OnePlus 7T ที่ติดฟิล์มกันรอยมาให้เรียบร้อย
  • อะแดปเตอร์
  • อุปกรณ์เปิดถาดซิม
  • สายชาร์จพอร์ต USB Type-C
  • คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
  • ข้อความจากซีอีโอ Pete Lau
  • สติ๊กเกอร์โลโก้ OnePlus

 

ดีไซน์ตัวเครื่องของ OnePlus 7T จะมีความแตกต่างจาก OnePlus 7T Pro ไปพอสมควรที่ฝาหลัง ซึ่งจะมาเป็นกล้องหลัง 3 เลนส์ที่จัดเรียงเป็นแนวนอนอยู่ในทรงกลม และมีไฟแฟลช Dual LED อยู่ด้านล่างถัดลงมาจากเลนส์ตัวกลาง ทำให้ดูลงตัวสุดๆ

 

ขณะที่ความสวยงามของวัสดุด้านหลังจะยังเป็นกระจกแบบด้าน โดยสีที่เราได้มาคือสีเงิน Frosted Silver ให้ความรู้สึกที่ดูพรีเมี่ยมมากขึ้น และการจับถือก็ไม่ลื่นหลุดออกจากมือง่ายๆ แน่นอน เพราะมีความโค้งมนแบบกระจก 3D Corning Gorilla Glass

 

ด้านหน้าจอแสดงผลก็อย่างที่เราบอกไปว่า OnePlus 7T นั้นเน้นเรื่องความไหลลื่นของหน้าจอเป็นพิเศษ โดยใช้เป็นหน้าจอ Fluid Display ชนิด AMOLED ขนาด 6.55 นิ้ว คมชัดระดับ FHD+ (2400 x 1080 พิกเซล) และที่สำคัญคือมี Refresh Rate 90Hz ที่ช่วยให้ทุกอย่างสมูทไปหมด เวลาเลื่อนหน้าจอไปมา เราจะแทบไม่เห็นเรื่องความไม่ต่อเนื่องหรือไอคอนที่จะเบลอเลยครับ

 

มาดูที่เหนือหน้าจอแสดงผลกันบ้าง จะมีหยดน้ำที่ฝังกล้องหน้าลงไป ถัดขึ้นไปเล็กน้อยจะมีลำโพงตัวที่ 2 ซึ่งจะเป็นอีก 1 ลำโพงที่ช่วยให้เสียงเป็นระบบสเตอริโอครับ

 

ด้านซ้ายจะมีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงเท่านั้น

 

ส่วนฝั่งขวาจะมีปุ่มเลื่อนสำหรับสลับโหมดเสียงแบบเงียบ, สั่น หรือเสียงเข้า

 

ด้านล่างจะมีช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดแบบ NanoSIM จำนวน 2 ช่อง, ไมโครโฟนตัวที่ 1, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวที่ 1

 

ส่วนด้านบนจะมีเพียงไมโครโฟนตัวที่ 2 แบบโดดๆ ครับ

 

และสุดท้ายที่ด้านหลังจะเป็นกล้องหลัง 3 เลนส์ในโมดูลทรงกลม พร้อมไฟแฟลช Dual LED ครับ โดยจะมีโลโก้ OnePlus เป็นสัญลักษณ์ตรงกลาง

 

ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน

ระบบปฎิบัติการตั้งแต่แกะกล่อง

แน่นอนว่า OnePlus 7T ถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่แกะกล่องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการตัวล่าสุดอย่าง Android 10 โดยครอบทับด้วย UI ของตัวเองที่ได้รับการตกแต่งมาให้ใช้งานได้อย่างไหลลื่นเหมือนกับหน้าจอแสดงผลคือ OxygenOS 10

 

 

โดยไอคอนและหน้าตาทั่วไปจะคุ้นชินกันดีหากใครที่ใช้ OnePlus มาก่อนครับ จะเป็นไอคอนทรงกลม มีหน้าจอหลักหากปัดขึ้นจะเป็นหน้าจอแอปพลิเคชั่นทั้งหมด ส่วนการปัดลงจากหน้าจอจะเป็นการใช้งานตั้งค่าด่วนและการแจ้งเตือนต่างๆ

 

 

ถนอมสายตาด้วย Reading Mode

ใครที่ชอบอ่านอะไรตอนกลางคืนหรือในที่แสงน้อยต้องเปิดโหมดการอ่านถึงจะดีครับ โดยจะเป็นการลดแสงสีฟ้าลงเพื่อให้เราใช้งานได้สบายตามากขึ้นนั่นเอง หรือใครจะปรับเป็นโทนสีเอฟเฟกต์ขาวดำก็ได้เช่นกันครับ แล้วแต่ถนัดเลย

 

ใช้งานธีมเข้มหรือ Dark Mode

ใครที่ไม่อยากใช้โหมดการอ่านตามข้างบนก็สามารถปรับเป็นธีมเข้มหรือ Dark Mode ได้เหมือนกัน โดยให้ไปที่การตั้งค่า > การกำหนดเอง > ธีมที่ตั้งค่าไว้ล่วงหน้า และเลือก “สีเข้ม” ซึ่งนอกจากจะถนอมสายตาแล้ว โหมดนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องการประหยัดแบตเตอรี่ให้กับหน้าจอ AMOLED อีกด้วย เรียกว่าได้แบบ 2 ต่อเลย

 

ระบบเสียงสุดกระหึ่มด้วยลำโพงเสียงสเตอริโอคู่ Dolby Atmos

ส่วนสำคัญนอกจากจะมีหน้าจอแสดงผล Refresh Rate 90Hz แล้ว OnePlus 7T ยังมีระบบเสียงลำโพงคู่สเตอริโอแบบ Dolby Atmos ใช้งานกันแบบกระหึ่มไปเลยครับ ไม่ว่าจะเล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง ทั้งหมดจะมีการแยกเสียงซ้าย-ขวาให้อย่างชัดเจน เพิ่มอรรถรสความรู้สึกขึ้นไปอีกขั้นได้ดีเลย

 

ระบบความปลอดภัยขั้นสูง

OnePlus 7T ก็มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยขั้นสูงถึง 2 แบบ ได้แก่ เทคโนโลยีการสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ ที่ทำงานได้รวดเร็วและเสถียรมากๆ ครับ เพียงแค่แตะแล้วปล่อยก็ใช้งานได้ทันที และการจดจำลายนิ้วมือยังจดจำได้มากสุด 5 ลายนิ้วมือด้วยครับ

นอกจากการสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอแล้ว ยังมีระบบสแกนใบหน้าเหมือนกัน โดยเมื่อเราลงทะเบียนใบหน้าไปแล้ว เราต้องกดปุ่มปลดล็อคก่อนครับ ซึ่งทำงานได้รวดเร็วมากๆ ยังไม่ทันเห็นหน้าวอลเปเปอร์จอล็อคก็ระบุตัวตนได้เรียบร้อย

 

เพิ่มความสงบให้ตัวเองด้วย Zen Mode

สำหรับ Zen Mode จะเป็นการให้เราได้ใช้งานสมาร์ทโฟนน้อยลงเพื่อดูแลสุขภาพในด้านอื่นบ้างครับ โดยจะมีการปรับได้ตั้งแต่ 20 นาที ถึง 60 นาทีในการงดใช้สมาร์ทโฟน แถมเมื่อเปิดใช้งานแล้วจะไม่สามารถยกเลิกได้อีกด้วย ใครอยากทดสอบจิตใจก็ลองดูได้เลย

 

ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่

ขึ้นชื่อเป็นสมาร์ทโฟนระดับท็อปขนาดนี้ OnePlus 7T ก็ต้องมาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 855+ Octa core ผนวกกับการใช้งานผ่าน RAM 8GB + ROM 128GB ชนิด UFS 3.0 ก็ยิ่งทำให้การใช้งานนั้นลื่นขึ้นไปอีกขั้น รวมไปถึงการสลับแอปพลิเคชั่นไปมาก็แทบไม่ต้องรอโหลดใหม่ด้วย

 

สำหรับผลการทดสอบทดสอบประสิทธิภาพโดยรวมตั้งแต่หน่วยประมวลผล, การ์ดจอ และหน่วยความจำด้วยโปรแกรม AnTuTu Benchmark ทำไปได้ที่คะแนน 472,908

 

ส่วนผลการทดสอบด้วยโปรแกรม Geekbench 5 ทำคะแนนฝั่ง Single-Core ไปที่ 789 และคะแนน Multi-Core ที่ 2,677

 

ฟีเจอร์และทดสอบด้านการเล่นเกม

ก่อนอื่นเลย OnePlus 7T มาพร้อมกับฟีเจอร์ Game Space ที่เป็นการรวบรวมเกมทั้งหมดที่เราติดตั้งไว้ให้อยู่ในที่เดียวกันครับ ไม่ต้องวุ่นวายกับการหา ทั้งยังสามารถปิดกั้นการแจ้งเตือนได้เพื่อไม่ให้มีอะไรมาบดบังสายตาตอนเล่นครับ โดยเราสามารถตั้งการปิดกั้นได้ 3 แบบ ได้แก่ การแจ้งเตือนล่วงหน้า (ขึ้นเป็นแถบด้านบน), ข้อความเท่านั้น และปิดกั้น (ยกเว้นการโทรและปลุก)

 

นอกจากนี้ เราก็สามารถเปิด Fnatic Mode เพื่อให้การเล่นเกมที่ลื่นอยู่แล้ว ให้ลื่นขึ้นไปอีกขั้น โดยจะมีการปรับ CPU, GPU และ RAM ให้เหมาะมากที่สุดเพื่อใช้ในการเล่นเกมโดยเฉพาะเลยครับ แต่จริงๆ ไม่ต้องเปิดก็เล่นลื่นอยู่แล้วนะ คอนเฟิร์ม!

 

Call Of Duty: Mobile

เริ่มกันที่เกม Call Of Duty: Mobile เราตั้งค่าให้มีกราฟิกระดับสูงที่สุด และเฟรมเรทระดับ MAX โดยเราเล่นในโหมด Battle Royale 100 คน แน่นอนว่าจากการที่ใช้ Snapdragon 855+ ก็ต้องเล่นได้ลื่นไหลมากๆ ไม่มีสะดุดเลยครับ แถมเรื่องของการสัมผัสหน้าจอ 90Hz ก็เคลื่อนตามนิ้วได้ดีมากๆ เวลากดยิงแล้วจะแทบไม่มีการดีเลย์เลยด้วยซ้ำ

 

ROV

ต่อกันที่เกมสุดฮิตอย่าง ROV เราเปิดกราฟิกทุกอย่างสูงสุด รวมไปถึงเฟรมเรทสูงด้วยเช่นกัน โดยการเล่นในโหมด Grand Battle หรือ 5 VS 5 ก็จัดอยู่ในความยอดเยี่ยมเช่นกันครับ เฟรมเรทจะวิ่งคงที่ระหว่าง 59-60fps ตลอดทั้งเกม ซึ่งเฟรมเรทที่บอกมาจะคงที่ไม่ว่าจะอยู่ในการใช้สกิลหมู่ การตีป้อม และอื่นๆ

 

Asphalt 9: Legends

สำหรับเกมแข่งรถเบอร์หนึ่งอย่าง Asphalt 9: Legends ภายในเกมไม่มีการตั้งค่าในกราฟิกระดับสูงแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรครับ เพราะเราลองเล่นติดๆ กันในโหมดอาชีพก็เล่นได้ไหลลื่นทุกการแข่งขัน ไม่ว่าจะตอนเร่งเครื่อง ตอนเร่งสปีดด้วยไนโตร หรือตอนชน ทุกอย่างดูสมูทไปหมดครับ

 

จากประสบการณ์การเล่นทั้ง 3 เกมข้างต้น ต้องบอกเลยว่าสิ่งที่ชอบเลย คือ Haptic Vibration หรือการสั่นไหวตามสถานการณ์ครับ ซึ่งการสั่นจะมีความเงียบมากๆ มีระดับการสั่นที่ค่อนข้างดี โดยกับเกม Asphalt 9: Legends ที่จะมีระดับการสั่นตามการเร่งและการชน เหมือนกับจอยเกมของ PlayStation เลย

 

นอกจากนี้ ยิ่งได้ระบบเสียงสเตอริโอคู่แบบ Dolby Atmos ยิ่งทำให้อรรถรสการเล่นเกมนั้นยิ่งดีขึ้นไปอีกครับ เพราะการที่เสียงออกมาจากลำโพงทั้ง 2 ด้าน ทำให้มีมิติมากขึ้น มีการแยกซ้าย-ขวาชัดเจน และหากเป็นเกมที่ต้องแยกประสาทอย่าง Call Of Duty: Mobile ก็เล่นได้โดยไม่ต้องใส่หูฟังเลย

 

แบตอึด 3800mAh พร้อมชาร์จไว Warp Charge 30T

แม้จะเป็นตัวรองจาก OnePlus 7T Pro แต่เรื่องเทคโนโลยีของแบตเตอรี่ก็มีมาให้เหมือนกันด้วย โดย OnePlus 7T มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 3800mAh ซึ่งใครที่ใช้หน้าจอแสดงผล 90Hz และเล่นแค่โซเชียลทั่วไป ไม่ได้เน้นเกมเป็นหลักก็อยู่ได้ทั้งวันถึงช่วงค่ำๆ แน่นอนครับ ส่วนใครที่เน้นเกมก็ต้องการชาร์จแบตเตอรี่แน่นอน แต่หายห่วงเรื่องการรอระหว่างชาร์จแบบนานๆ ได้เลย เพราะเทคโนโลยี Warp Charge 30T นั้นมีความเร็วและความปลอดภัยในตอนที่ชาร์จ ซึ่งจากที่เราลองแบตเตอรี่ 0% (ระหว่างเปิดเครื่องชาร์จเข้าไปแล้ว 3% ตามภาพครับ) ถึง 100% จะอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้นครับ (0% – 53% ใช้เวลา 28 นาที) แถมยังสามารถเล่นไปชาร์จไปได้แน่นอนด้วย

 

กล้องถ่ายรูป

ระบบกล้องของ OnePlus 7T ก็ถือว่าจัดเต็มในระดับสูงเลยทีเดียว เพราะมี 3 เลนส์ที่เกือบเหมือนกับ OnePlus 7T Pro เลย (ต่างที่เลนส์ Telephoto ซูม ได้ 2 เท่า) ได้แก่

  • เลนส์หลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.6 เซ็นเซอร์ Sony IMX586 รองรับ OIS + EIS
  • เลนส์ Ultra Wide Angle 117 องศา ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
  • เลนส์ Telephoto 2x ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2

ขณะที่กล้องหน้ากล้องหน้าในหยดน้ำความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 และใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX471 ซึ่งฟีเจอร์ในแต่ละกล้องนั้นเป็นอย่างไร เรามาชมกันเลยดีกว่าครับ

 

ปรับความงามอัตโนมัติด้วย AI Scene Detection

สำหรับ AI Scene Detection ใน OnePlus 7T จะเป็นการใช้โหมดถ่ายภาพปกติที่เราแทบไม่ต้องไปเลือกโหมดอื่นให้เสียเวลา เพราะแค่โหมดปกติควบคู่กับ AI ก็มีการปรับแสงและสีให้เหมาะสมกับวัตถุเรียบร้อยแล้วครับ

 

ถ่ายคมชัดขั้นสูงด้วยความละเอียด 48 ล้านพิกเซล

ในโหมดความละเอียดสูง 48 ล้านพิกเซล เราจะไม่ได้ได้แค่ภาพที่คมชัดสุดๆ เท่านั้น แต่เรื่องของรายละเอียดก็เก็บได้ครบเช่นกัน เราสามารถซูมไปไกลๆ หรือครอปภาพเพื่อดูวัตถุที่อยู่ไกลได้ชัดเจนมากๆ ครับ ซึ่งจุดนี้ใครที่ทำบิลบอร์ดป้ายใหญ่ก็ถ่ายจากโหมดนี้ได้เช่นกัน

 

ถ่ายมุมกว้างเก็บได้ครบด้วย Ultra Wide Angle 117 องศา

ใครที่เป็นสายชอบเที่ยว แน่นอนว่าต้องใช้เลนส์ Ultra Wide Angle ในการเก็บภาพอยู่แล้ว โดย OnePlus 7T ก็มีให้เช่นกัน ซึ่งเรื่องรายละเอียดและสีสันหรือเฉดสีต่างๆ ก็มาเต็มมาก ทดแทนกับเลนส์หลักได้ดีเลย

เทียบปิด Ultra Wide Angle และเปิด Ultra Wide Angle

หรือจะใช้เลนส์Ultra Wide Angle ถ่ายบุคคลก็ได้เหมือนกันครับ ให้มิติที่เพิ่มขึ้นมาชัดเจน

 

ปรับกลางคืนให้สว่างขึ้นด้วย Nightscape 2.0

สำหรับ Nightscape 2.0 จะเป็นการปรับภาพในตอนกลางคืนให้สว่างขึ้น และมีรายละเอียดที่คมชัดมากๆ โดยระบบจะทำการประมวลผลภาพที่ประมาณ 2-3 วินาทีเท่านั้นครับ ไม่ได้ถือแช่ไว้นาน ซึ่งภาพที่ได้จะยังคงเก็บรายละเอียดได้ดี เรื่องแสงหรือสีที่ได้ออกมาไม่ได้จัดจ้านเกินไปจนมองไม่ออกว่าเป็นกลางคืน

 

Nightscape 2.0 ไม่ได้มีดีแค่เลนส์หลักเท่านั้นครับ แต่ในเลนส์ Ultra Wide Angle เครื่องนี้ก็ถ่ายได้เหมือนกัน ซึ่งความละเอียดต่างๆ ก็ทำได้ดีเหมือนกับเลนส์หลักเลยครับ

 

Portrait เบลอได้แบบธรรมชาติ

สำหรับการเบลอฉากหลังหรือที่เรียกว่าการถ่าย Portrait ในรุ่นนี้ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียวครับมีการตัดขอบได้เนียน มีการเบลอแบบไล่ระดับเล็กน้อย โดยเราต้องอยู่ใกล้กับวัตถุประมาณ 0.5 – 2 เมตรครับ เพื่อให้ระบบตรวจจับการเบลอได้

เทียบปิด Portrait และเปิด Portrait

 

เจาะลึกถึงรายละเอียดด้วยฟีเจอร์ Macro

อีก 1 ฟีเจอร์ใหม่ใน OnePlus คือการถ่ายใกล้สุดๆ ถึง 2.5 เซนติเมตรด้วย Macro ทำให้เราเห็นรายละเอียดของวัตถุเล็กๆ ได้ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งการโฟกัสและเฉดสีต่างๆ ก็ยังคงสมบูรณ์แบบครับ โฟกัสเร็วและสีสันคล้ายเดิมเลย

 

กล้องหลังที่ฟีเจอร์เยอะพอสมควร มาที่กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซลกันบ้างครับ โดยเราสามารถถ่ายโหมดใบหน้าสวยได้ 3 ระดับ ซึ่งแม้จะปรับเป็นระดับ 3 ก็ยังให้ความเป็นธรรมชาติอยู่ ไม่ได้เนียนเกินไปครับ ซึ่งเราจะได้ความเบลอจากการใช้โหมดหน้าสวยด้วย

บิวตี้ระดับที่ 1


บิวตี้ระดับที่ 2


บิวตี้ระดับที่ 3

 

นอกจากนี้ จะมีโหมดหน้าสวยแล้ว เรื่องการเบลอฉากหลังด้วยกล้องหน้าก็ทำได้ดีเช่นเดียวกัน ตัดขอบได้เนียน ใบหน้าเราจะดูโดดเด่นขึ้นมา ไม่มีวัตถุอะไรมาแย่งซีนเราแน่นอน

 

สรุปจุดเด่น

  • หน้าจอแสดงผล Fluid Display ที่มี Refresh Rate 90Hz ทำให้สัมผัสที่ไหลลื่นมากๆ
  • กล้องหลัง 3 เลนส์ความละเอียดสูงสุด 48 ล้านพิกเซล ถ่ายได้คมชัด มีหลายฟีเจอร์ทั้ง Nightscape 2.0, Ultra Wide Angle และ Macro 2.5 ซม.
  • ใช้งานได้ไหลลื่นด้วยขุมพลัง Snapdragon 855+ ควบคู่กับ RAM 8GB และ ROM 128GB (UFS 3.0)
  • มีแบตเตอรี่ความจุเยอะที่ 3800mAh พร้อมเทคโนโลยี Warp Charge 30T ที่ชาร์จได้รวดเร็วและปลอดภัย
  • มีระบบเสียงผ่านลำโพงสเตอริโอคู่แบบ Dolby Atmos
  • แกะกล่องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 10 รุ่นแรกของโลก

จุดสังเกตเพิ่มเติม

  • ไม่สามารถเพิ่ม MicroSD Card ได้
  • ไม่มีหูฟังแถมมาในกล่อง

 

สำหรับ OnePlus 7T มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน Glacier Blue และสีเงิน Frosted Silver (เครื่องที่ใช้รีวิวครั้งนี้) โดยสนนราคาอยู่ที่ 17,990 บาทเท่านั้น สามารถซื้อผ่านทาง AIS, JD Central และ LAZADA ได้เลยครับ รายละเอียดเพิ่มเติม http://oneplus7tseries.onlineoneplus.com/

Funtouch OS 15 All new features you need to know Funtouch OS 15 All new features you need to know
Android News11 ชั่วโมง ago

Funtouch OS 15 มีอะไรใหม่ ระบบปฏิบัติการอัปเกรดใหม่จาก vivo บน Android 15

ในยุคสมัยที่ผู้คนพึ่...

IT News1 วัน ago

AIS รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567

AIS รายงานผลประกอบกา...

IT News1 วัน ago

สรุปข่าวรอบสัปดาห์ระหว่างวันที่ 26 ต.ค. – 1 พ.ย. 67

ข่าวเด่นช่วงระหว่างว...

HUAWEI MatePad Pro 12.2 Jubilee Diamond HUAWEI MatePad Pro 12.2 Jubilee Diamond
News1 วัน ago

กุญแจแห่งความสำเร็จ! เมื่อผู้บริหาร JUBILEE DIAMOND เลือก HUAWEI MatePad Pro 12.2 ตัวช่วยทำงานที่ครบครัน พร้อมมอบสิทธิพิเศษเครื่องประดับเพชรแท้ JUBILEE DIAMOND

ในโลกธุรกิจที่เปลี่ย...

News1 วัน ago

AIS eSports ปิดฉากทัวร์นาเมนต์อีสปอร์ต ระดับมัธยมศึกษาที่ใหญ่ที่สุดในไทย ปีที่ 4

AIS eSports ปิดฉากทั...

Infinix HOT 50 Pro+ Smartphone gaming Infinix HOT 50 Pro+ Smartphone gaming
Android News1 วัน ago

Infinix เปิดตัว HOT 50 Pro+ เกมมิ่งสมาร์ทโฟน 6,499 บาท

Infinix เปิดตัว HOT ...

Apple News1 วัน ago

ลือต่อ !! ชิปโมเด็ม 5G และ Wi-Fi บน iPhone รุ่นปี 2025 จะเป็นชิปแยก 2 ตัว

ไม่นานนี้มีข้อมูลจาก...

Samsung Galaxy Immersive Gardena Samsung Galaxy Immersive Gardena
News1 วัน ago

ครั้งแรก! ของการนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัยจากซัมซุง SAMSUNG GALAXY IMMERSIVE GARDENA ในงานดอกไม้ประจำปี ที่เซ็นทรัลชิดลม วันนี้-15 พ.ย. 67

ซัมซุง ร่วมเฉลิมฉลอง...

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก