Featured
รีวิว OnePlus 9 | 9 Pro 5G สองเรือธงกล้องเทพที่มีชื่อของ Hasselblad การันตี !
OnePlus 9 Series 5G เดินทางมาถึงมือทีมงาน iphone-droid.net เรียบร้อย รุ่นนี้มาพร้อมจุดเด่นมากมาย ทั้งหน้าจอระดับท็อปสุด สเปค Snapdragon 888 ที่ไม่เป็นรองใคร ดีไซน์พรีเมี่ยม แต่ที่เด็ดที่สุดก็คงเป็นกล้องที่พัฒนาร่วมกับ Hasselblad แบรนด์กล้องชื่อดัง
การใช้งานเป็นอย่างไร กล้องเจ๋งสมคำร่ำลือไหม มีจุดไหนที่ชอบหรือไม่ชอบรึเปล่า หลังจากใช้งานมากว่า 2 สัปดาห์เต็ม วันนี้ทีมงาน iphone-droid.net เราขอมารีวิวกันแบบจัดเต็มให้ชมกันครับ ถ้าพร้อมแล้ว มาเริ่มกันเลย !
สรุปสเปค OnePlus 9 5G
- ขนาดตัวเครื่อง : 160 x 74.2 x 8.7 มม.
- น้ำหนัก : 192 กรัม
- หน้าจอ : Fluid Display ขนาด 6.55″ ความละเอียด FHD+ refresh rate120Hz
- CPU : Snapdragon 888 (5nm) Octa-core 2.84GHz
- GPU : Adreno 660
- RAM : 8GB
- ROM : 128GB
- แบตเตอรี่ : 4500mAh
- ระบบชาร์จ : ชาร์จไว Warp Charge 65T (แบบสาย) 15W (ไร้สาย)
- กล้องหน้า : 16MP f/2.4
- กล้องหลัก : 3 ตัว
- กล้องหลัก 48MP f/1.8
- กล้อง Ultra Wide Angle 50MP f/2.2
- กล้อง Monochrome 2MP
- ระบบปฏิบัติการ : Android 11 ครอบทับด้วย OxygenOS 11
- การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac/6, Bluetooth 5.2 และพอร์ต USB Type-C
สรุปสเปค OnePlus 9 Pro 5G
- ขนาดตัวเครื่อง : 163.2 x 73.6 x 8.7 มม.
- น้ำหนัก : 197 กรัม
- หน้าจอ : Fluid Display 2.0 (จอโค้ง) ขนาด 6.7” ความละเอียด QHD+ refresh rate 120Hz LTPO
- CPU : Snapdragon 888 (5nm) Octa-core 2.84GHz
- GPU : Adreno 660
- RAM : 12GB
- ROM : 256GB
- แบตเตอรี่ : 4500mAh
- ระบบชาร์จ : ชาร์จไว Warp Charge 65T (แบบสาย) 50W Warp Charge (ไร้สาย)
- กล้องหน้า : 16MP f/2.4
- กล้องหลัก : 4 ตัว
- กล้องหลัก 48MP f/1.8
- กล้อง Ultra Wide Angle 50MP f/2.2
- กล้อง Tele 3.3x 8MP f/2.4
- กล้อง Monochrome 2MP
- ระบบปฏิบัติการ : Android 11 ครอบทับด้วย OxygenOS 11
- การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac/6, Bluetooth 5.2 และพอร์ต USB Type-C
แกะกล่อง
ก่อนอื่นเรามาแกะกล่องกันก่อนดีกว่า OnePlus 9 Series ยังใช้กล่องทรงยาวขนาดใหญ่สีแดงเหมือนเดิม ที่หน้ากล่องจะมีชื่อรุ่นระบุไว้ชัดเจนครับ OnePlus 9 5G หรือ OnePlus 9 Pro 5G ซื้อไม่ผิดแน่นอน
แต่ที่พิเศษกว่าเดิมก็คือรอบนี้มีสกรีนว่า Co-engineered with Hasselblad อยู่ด้วย เพื่อเป็นการยืนยันว่ารุ่นนี้มีการร่วมมือกับแบรนด์กล้องใหญ่นะจ๊ะ
อุปกรณ์ภายในกล่องที่ให้มาก็คล้ายเดิมครับ มีทั้งเคส ที่ชาร์จ สายชาร์จมาหมด ที่ตัวเครื่องเองก็มีติดฟิล์มกันรอยมาให้ตั้งแต่ในกล่องเลย คือพร้อมใช้เลยล่ะครับ แต่น่าเสียดายที่รอบนี้ตัดเอาสติกเกอร์ OnePlus ออกไปแล้ว
ตัวเคสของทั้ง 2 รุ่นจะแตกต่างกันนิดหน่อย โดยรุ่น OnePlus 9 5G นั้นจะเป็นเคสใสแบบที่เราคุ้นเคยมี Never Settle สกรีนอยู่ด้วย ส่วนของ OnePlus 9 Pro 5G จะเป็นเคสซิลิโคนสีทึบตามสีตัวเครื่องมาให้แทนครับ
ดีไซน์สุดพรีเมี่ยม
เอาล่ะ ! มาเริ่มกันที่เรื่องดีไซน์เลย OnePlus 9 5G และ OnePlus 9 Pro 5G นั้นมาพร้อมดีไซน์ที่พรีเมี่ยมสมกับที่เป็นเรือธงของค่ายนี้ งานประกอบดูดีเอามาก ๆ ฝาหลังของทั้ง 2 รุ่นจะใช้เป็นกระจกโค้ง 3D ที่ให้ความรู้สึกพรีเมี่ยมเวลาจับถือ ฝาหลังของ 2 สีที่เราได้มาจะเป็นแบบมันวาวที่มีการไล่เฉดสีจากบนลงล่างได้อย่างลงตัวคือ ส่วนบนจะมีความทึบ ๆ ไล่ไปที่ส่วนล่างที่มีความสะท้อนเหมือนกระจกเลย
ในเรื่องขนาดและน้ำหนักก็กระจายได้ดีทีเดียว จับถือได้อย่างไม่อึดอัด ตัวเครื่องมีขนาดและน้ำหนักใกล้เคียงกันระหว่างรุ่นปกติและรุ่น Pro ด้วยความบางที่กำลังดี 8.7 มม. และหนัก 192 (OnePlus 9 5G) กับ 197 กรัม (OnePlus 9 Pro 5G) ทำให้ถือใช้งานได้พอดีมือไม่บางจนจับยากหรือเบาจนเผลอหลุดมือครับ
หน้าจอ Fluid Display ทั้งคู่ลื่น ๆ ที่ 120Hz
พลิกกลับมาดูที่ด้านหน้ากันบ้าง ตรงนี้จะเป็นจุดที่ 2 รุ่นแตกต่างกันชัดเจนครับ โดย OnePlus 9 5G จะมาพร้อมหน้าจอแบบแบนขนาด 6.55″ ส่วน OnePlus 9 Pro 5G จะเป็นจอโค้งขนาด 6.7″ ก็สวยงามและโดดเด่นกันคนละแบบ ใครที่อยากเห็นการแสดงผลเต็ม ๆ ส่งมาจากด้านหน้าก็คงชอบ OnePlus 5G แต่ถ้าอยากได้ความพรีเมี่ยมในการสัมผัสร่วมกับ Gesture Navigation บน OnePlus 9 Pro 5G ก็จะสมูทกว่า
ทั้งคู่รอบรับ refresh rate สูง 120Hz เหมือนกัน แต่บน OnePlus 9 Pro 5G จะใช้จอ LTPO ซึ่งดีกว่าเพราะสามารถปรับ refresh rate อัจฉริยะขึ้น-ลงตั้งแต่ 1Hz – 120Hz ได้เลย ทำให้การใช้งานทั่วไปแล้วจะประหยัดพลังงานมากกว่า แต่ในเรื่องความลื่นไหลเวลาไถหน้าจอตรงนี้บอกเลยว่าลื่น ๆ ทั้งคู่ครับ
ในเรื่องการแสดงผลทั้งคู่ใช้จอ AMOLED เหมือนกัน แต่ก็ยังมีจุดแตกต่างกันอยู่ลึก ๆ คือความละเอียดหน้าจอและคุณภาพของจอที่ OnePlus 9 5G จะได้ความละเอียด FHD+ แบบ 8-bit (16.7 ล้านสี) เทียบกับ OnePlus 9 Pro 5G ที่เป็นจอ QHD+ แบบ 10-bit สว่างได้สูงสุด 1300nits แล้วบอกเลยว่าถ้าดูคอนเทนต์ความละเอียดสูง ๆ ตัว Pro จะโดดเด่นเด้งเข้าตาเรากว่าครับ แต่บนรุ่นปกติก็ทำได้ดีในแง่การแสดงผลใช่ย่อยครับยังรองรับ HDR10+ และสว่างได้ถึง 1100nits เลย
แต่สิ่งที่รุ่นปกติไม่มีเหมือนรุ่น Pro ก็คือเทคโนโลยี MEMC และ Motion Reduce ที่ช่วยปรับภาพให้สมูทขึ้นบนหน้าจอ 120Hz ครับ เอาจริง ๆ ถ้าเปิดเทียบกับปิดจะเห็นความต่างของความสมูทเลยล่ะ ซึ่งใครที่ชอบความนุ่มลื่นของหน้าจอแม้เวลาดูคอนเทนต์วิดีโอ ตรงนี้ OnePlus 9 Pro 5G จะตอบโจทย์กว่าชัดเจนเลย
กรอบเครื่องที่แตกต่างกันนิดหน่อย
อีกอย่างที่แตกต่างกันระหว่าง OnePlus 9 5G กับ OnePlus 9 Pro 5G ก็คือกรอบเครื่องที่วัสดุแตกต่างกันนิดหน่อย โดยบนรุ่นปกติจะใช้กรอบเครื่องเป็น Polycarbonate (พลาสติก) ส่วนของรุ่น Pro จะใช้เป็นอลูมิเนียม ซึ่งถ้าเราใช้งานแบบไม่ใส่เคสก็จะสัมผัสได้ถึงความพรีเมี่ยมที่แตกต่างกันอยู่ครับ
แต่ถ้าใช้งานจริง ๆ เราใส่เคสก็คงได้สัมผัสที่ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่เนาะ การวางตำแหน่งของ OnePlus 9 5G และ OnePlus 9 Pro 5G ยังทำได้ดีเหมือนรุ่นก่อน ๆ ครับ ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงไว้ด้านซ้าย วางปุ่ม Power ไว้ด้านขวาพร้อมปุ่ม Alert Slider ที่เราชื่นชอบ เพราะสามารถสลับโหมดเสียงได้แบบง่าย ๆ เพียงแค่เลื่อนไม่ต้องไปเข้าหน้าตั้งค่าในระบบ
พอร์ตการเชื่อมต่อของรุ่นนี้จะอยู่ที่ด้านล่างตัวเครื่องพร้อม ไมโครโฟนและลำโพงหลักของตัวเครื่อง มีการทำมุมโค้ง ๆ ให้เครื่องดูโค้งมนไม่เหลี่ยมจนเกินไป ถาดซิมของรุ่นนี้ยังรองรับ Dual-SIM เหมือนเดิมและก็ไม่สามารถเพิ่ม micro-SD ได้ตามระเบียบครับ
ลำโพงของทั้ง OnePlus 9 5G และ OnePlus 9 Pro 5G จะเป็นลำโพงคู่ที่สามารถใช้คู่กับลำโพงสนทนาเพื่อให้เสียงแบบ Stereo ได้ด้วย คุณภาพเสียงก็ดีตามสไตล์ OnePlus ครับ
ระบบรักษาความปลอดภัยครบ
OnePlus 9 5G และ OnePlus 9 Pro 5G มาพร้อมระบบรักษาความปลอดภัยทั้งสแกนใบหน้าและสแกนลายนิ้วมือ ซึ่งทั้งคู่ทำงานได้อย่างรวดเร็วมาก ถ้าต้องใส่แมสก์ก็ใช้สแกนนิ้วได้ไม่มีปัญหา แต่เราแอบติดใจในเรื่องตำแหน่งนิดหน่อย เพราะวางไว้ต่ำไปหน่อย เวลาใช้งานมือเดียวอาจจะต้องปรับตัวนิดหน่อย แต่ถ้าใช้งาน 2 มือก็คงไม่มีปัญหานั้นเท่าไหร่ครับ
โดยรวมในเรื่องดีไซน์นี่ทำได้ดีสมกับเป็น OnePlus ครับ จับถือแล้วรู้ถึงความพรีเมี่ยม แม้รอบนี้รุ่นปกติจะไม่ใช่ขอบโลหะแล้วก็ตาม ขนาดน้ำหนักที่กำลังพอดี ไม่บางจนถือยากหรือหนักจนปวดข้อมือ จะมีจุดที่ไม่ถูกใจอยู่บ้างก็คงเป็นเรื่องฝาหลังที่รอบนี้สีไฮไลท์อย่าง Morning Mist และ Winter Mist ที่เราได้มานั้นใช้เป็นผิวแบบมันวาวนี่แหละ ถ้าเป็นผิวด้านคงเยี่ยมไปเลย
กล้องที่พัฒนาร่วมกับ Hasselblad
มาต่อกันกับไฮไลท์ของรุ่นนี้อย่างเรื่องกล้องกันเลย OnePlus ประกาศความร่วมมือกับ Hasselblad แบรนด์กล้องชื่อดังเป็นเวลาอย่างน้อย 3 ปี เสริมความแข็งแกร่งในเรื่องการถ่ายภาพให้สมาร์ทโฟน OnePlus ไปอีกขั้น โดยในปีแรกนี้จะเป็นการจูนสีโดย Hasselblad หรือ Natural Color Calibration with Hasselblad ครับ
สำหรับสเปคกล้องของ OnePlus 9 5G และ OnePlus 9 Pro 5G จะแตกต่างกันนิดหน่อย โดยรุ่นปกติจะมีกล้องหลังมาให้ 3 ตัว ส่วนรุ่น Pro กล้องหลัง 4 ตัวมีสเปคกล้องคร่าว ๆ ดังนี้ครับ
สเปคกล้อง OnePlus 9 5G
- กล้องหลัก 48MP เซ็นเซอร์ Sony IMX689 ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.43″ f/1.8
- กล้อง Ultra Wide 50MP เซ็นเซอร์ Sony IMX766 ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.56″ f/2.2 Freeform Lens
- กล้อง Monochrome 2MP
สเปคกล้อง OnePlus 9 Pro 5G
- กล้องหลัก 48MP เซ็นเซอร์ Sony IMX789 ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.43″ f/1.8 OIS
- กล้อง Ultra Wide 50MP เซ็นเซอร์ Sony IMX766 ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.56″ f/2.2 Freeform Lens
- กล้อง Tele 8MP Optical Zoom 3.3x f/2.4 OIS
- กล้อง Monochrome 2MP
ถ้าดูจากสเปคแล้วจะเห็นว่ากล้องของทั้ง 2 รุ่นนั้นใกล้เคียงกันเลย ความละเอียดของกล้องหลักได้มาที่ 48MP เท่ากัน แต่เซ็นเซอร์คนละตัวของ OnePlus 9 5G จะใช้ตัวเดียวกับปีที่ (IMX689) แล้ว ส่วนของ OnePlus 9 Pro 5G จะใช้ตัวล่าสุด (IMX789) และมี OIS ด้วย ส่วนเลนส์ Ultra Wide เป็นตัวเดียวกันคือ Sony IMX766 ที่เป็น Freeform Lens ความละเอียด 50MP มีกล้อง Monochrome ขาว-ดำเหมือนกัน แต่รุ่น Pro จะเพิ่มกล้อง Tele เข้ามาด้วย
เทียบกล้อง OnePlus 9 Pro 5G vs OnePlus 9 5G
สเปคที่ให้มาใกล้เคียงกันมาก แล้วถ้าเทียบกันจริง ๆ จะต่างกันแค่ไหน เราเลยถ่ายเปรียบเทียบมาให้ชมสักชุดครับ ระหว่าง OnePlus 9 Pro 5G vs OnePlus 9 5G ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ต้องบอกเลยว่าใกล้เคียงกันมาก คือรอบนี้ทำมาดีทั้งคู่จริง ๆ โดยเฉพาะกล้อง Ultra Wide ที่ใช้ตัวเดียวกันเลย เป็นเลนส์ Freeform ที่คุณภาพสูงมาก ถ่ายได้ใกล้เคียงกับกล้องหลักเลย โทนสีที่พัฒนาร่วมกับ Hasselblad ก็เห็นภาพว่าดีสมชื่อจริง ๆ
UI ที่ปรับแต่งมาพิเศษพร้อม เสียงชัตเตอร์สุดไพเราะ
UI กล้องของ OnePlus 9 5G และ OnePlus 9 Pro 5G จะถูกปรับใหม่ด้วยปุ่มชัตเตอร์สีส้มอันเป็นเอกลักษณ์ของ Hasselblad พร้อมเสียงชัตเตอร์สุดไพเราะของ Hasselblad ด้วย ให้อารมณ์กล้องสุดคลาสสิคเวลากดชัตเตอร์แต่ละทีแล้วได้ยินเสียง “แกร็ก” ขึ้นมามันช่างฟินจริง ๆ ให้ตายสิ
กล้องหลักที่ทำให้เราประทับใจ
ในบทความนี้เราขอเน้นไปที่กล้องของ OnePlus 9 Pro 5G เป็นหลักด้วยสเปคกล้องที่จัดเต็มที่สุด แต่โดยรวมการใช้งานไม่ต่างกันมากระหว่างรุ่นปกติกับรุ่น Pro อย่างที่เราได้เทียบให้เห็นคร่าว ๆ ไปแล้ว สำหรับ OnePlus 9 Pro 5G จะมาพร้อมระบบ Smart Scene Recognition ที่คอยวิเคราะห์ภาพและปรับแต่งภาพเพิ่มเติมให้เข้ากับซีนนั้น ๆ ด้วย
คุณภาพของกล้องหลักต้องบอกเลยว่ายอดเยี่ยมจริง ๆ การเก็บรายละเอียดและสีสันนั้นทำได้ครบถ้วน โทนจะออกไปทางคอนทราสจัดและมีความคมเข้มที่ดี ส่วนเรื่องสีสันที่ปรับแต่งกันมากับ Hasselblad ก็ลงตัวมาก ๆ ถ่ายพวกธรรมชาตินี่สวยและไม่หลอกตา Dynamic Range กว้างเก็บรายละเอียดได้ดี
กล้อง Ultra Wide ที่ดีที่สุดอยู่ที่นี่แล้ว
ส่วนกล้อง Ultra Wide ของ OnePlus 9 5G และ OnePlus 9 Pro 5G จะใช้ตัวเดียวกันเป็นเซ็นเซอร์ Sony IMX766 ขนาดใหญ่ 1/1.56″ ความละเอียดสูง 50MP แบบ Freeform Lens ที่ช่วยลดความบิดเบี้ยวของภาพได้เป็นอย่างดี ซึ่งหากดูจากสเปคก็เรียกว่าเป็นกล้อง Ultra Wide ที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ
และผลลัพธ์ที่เราถ่ายมาจริง ๆ ก็ยอมรับเลยว่านี่คือกล้อง Ultra Wide บนมือถือที่ดีที่สุดตอนนี้เลย คุณภาพใกล้เคียงกับกล้องหลักอย่างมาก ใช้แทนที่กันได้แบบไม่แปลกใจ เก็บแสงได้ดี ความคมชัดไม่ต้องพูดถึงเลยก็ด้วยขนาดเซ็นเซอร์ที่ใหญ่ขนาดนี้ จะถ่ายกลางวันหรือกลางคืนนี่แจ่มมาก ๆ ความบิดเบี้ยวของภาพนี่แทบไม่มีเลยด้วย แต่ก็แลกมากับความกว้างที่อาจจะไม่มากเท่ากับกล้อง Ultra Wide ทั่ว ๆ ไป
นอกจากนี้กล้อง Ultra Wide ของ OnePlus 9 5G และ OnePlus 9 Pro 5G ยังสามารถใช้งานเป็นเลนส์ macro ได้ด้วย ซึ่งตัวกล้องจะเก่งพอที่เวลาเราเล็งอะไรใกล้ ๆ ก็จะสลับโหมดไปให้เองโดยที่เราไม่ต้องกดสลับกล้องแต่อย่างใด และคุณภาพจากกล้อง 50MP ที่ใช้ macro ได้ตัวนี้ต้องบอกเลยว่าสุดจริง ๆ
กล้อง Tele 3.3x เข้าใกล้ได้ดี
สำหรับกล้อง Tele ของ OnePlus 9 Pro 5G นั้นจะมาพร้อมระยะ 3.3x ก็ถือว่าเป็นระยะที่เข้าใกล้ได้ดี เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป จะซูมเข้าไปอีกระดับ 4x – 5x ก็ยังคมชัดใช้ได้เลย
Monochrome ถ่ายภาพขาว-ดำได้อาร์ต ๆ หน่อย
อีกกล้องที่มีมาให้ทั้ง 2 รุ่นก็คือกล้อง Monochrome ที่จะใช้งานควบคู่กับกล้องหลักในการทำงาน เปลี่ยนโทนภาพให้ออกมาเป็นขาว-ดำแบบอาร์ต ๆ ก็พอใช้งานได้แบบสวย ๆ เปลี่ยนอารมณ์ของภาพไปได้อีก วิธีการใช้กล้องตัวนี้ก็ให้เลือกไปที่ฟิลเตอร์แล้วไปที่ฟิลเตอร์ Mono อันสุดท้ายครับผม
Portrait มีระดับกับ 2 ระยะที่ถูกใจ
มาพูดถึงโหมด Portrait หรือโหมดถ่ายบุคคลกันบ้าง OnePlus 9 5G และ OnePlus 9 Pro 5G สามารถเลือกระยะได้ 2 แบบคือ 1x หรือ 2x ซึ่งทั้งคู่จะใช้กล้องหลักในการถ่ายทั้งหมด แต่ด้วยความที่กล้องหลักให้ความละเอียดมาถึง 48MP อยู่แล้วการครอปเข้าไปแบบ Digital ก็ไม่ได้เสียรายละเอียดเท่าไหร่
ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาก็ต้องบอกเลยว่ายอดเยี่ยม การตัดขอบทำได้ดี ละลายฉากหลังสวยเป็นธรรมชาติ การปรับ HDR ในบางภาพยังคงเอกลักษณ์ของ OnePlus ที่มักจะเร่งใบหน้าของแบบให้เด่นขึ้นมาจนโอเวอร์ไปหน่อย แต่ถ้าภาพที่มีแสงเพียงพอปัญหานี้จะไม่เกิดขึ้นครับ
Nightscape กลางคืนยอดเยี่ยมพร้อมฟิลเตอร์กว่า 6 แบบ
อีกเรื่องที่ OnePlus พัฒนาขึ้นมาได้อย่างดีในรุ่นหลัง ๆ ก็คือ Nightscape รอบนี้มีลูกเล่นมาให้เลือกใช้มากมายทั้ง Starburst ถ่ายดาวได้ มีโหมด Tripod ที่ใช้งานคู่กับขาตั้งถ่ายได้นานกว่าเดิม หรือฟิลเตอร์ที่ช่วยเปลี่ยนโทนของภาพก็มีให้เลือกมากถึง 6 แบบประกอบด้วย Matte, Vivid, Classic Black & Gold, Graceful Warm & Cool, Scenic Pink & Teal และ Night City Cyberpunk 2077 ครับ
ซึ่งผลลัพธ์ก็ยังยอดเยี่ยมเหมือนเดิม การเก็บภาพใช้เวลาเพียง 1 – 2 วินาทีเท่านั้น ประมวลผลเพิ่มไม่นานได้ภาพกลางคืนคมชัด ตัวฟิลเตอร์ที่เพิ่มเข้ามาก็ช่วยให้เราได้ภาพแนวใหม่ ๆ ทั้งสีสันชวนฝัน สีสันแนว ๆ เลือกได้หมดเลย
Vivid Classic Black & Gold
Graceful Warm & Cool Scenic Pink & Teal
มีโหมด Pro ถ่าย RAW ได้ 12-bit
โหมด Pro ของ OnePlus 9 5G และ OnePlus 9 Pro 5G จะให้เราปรับค่ากล้องต่าง ๆ ได้ครบถ้วนทั้ง ISO, White Balance, Shutter Speed, EV รวมถึงระยะโฟกัสด้วย นอกจากนี้เรายังสามารถถ่ายภาพเป็นไฟล์ RAW ได้ด้วยและบน 2 รุ่นนี้รองรับไฟล์ RAW แบบ 12-bit เลยเชียวล่ะครับ
กล้องหน้า 16MP เซลฟี่ดีเลย
กล้องหน้าของ OnePlus 9 5G กับ OnePlus 9 Pro 5G ใช้ตัวเดียวกันความละเอียด 16MP จริง ๆ ก็คือตัวเดียวกับที่เคยใช้อยู่บน OnePlus 8 Series นั่นแหละครับ คุณภาพโดยรวมถือว่าทำได้ดี อาจจะไม่ได้หน้าเนียนมาก แต่ก็ให้คุณภาพที่ดีเพียงพอต่อการใช้งานในโซเชี่ยลครับ
วิดีโอ 8K ได้ 4K 120fps ก็มี
ส่วนเรื่องวิดีโอ OnePlus 9 5G และ OnePlus 9 Pro 5G นั้นรองรับความละเอียดสูงสุดถึง 8K 30fps ทั้งคู่ ถ่ายได้คมชัดสุด ๆ ส่วนรุ่น Pro จะมีตัวเลือก 4K 120fps มาให้เลือกด้วย จะถ่ายวิดีโอแบบ Slow Motion บนความละเอียดสูงแบบนี้ น้อยรุ่นที่จะทำได้แต่ OnePlus 9 Pro 5G นั้นทำได้ถือว่าไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ
ปัญหาที่เจอ
โดยรวมในเรื่องการใช้งานกล้องทำได้ดีสมกับที่เป็นเรือธงครับ อัปเกรดในเรื่องคุณภาพขึ้นมาจากปีที่แล้วเยอะ การร่วมมือกับ Hasselblad ทำได้ลงตัว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีปัญหาซะทีเดียว ที่เราเจอจากการใช้งานจริงก็คือเรื่องความร้อนที่หากใช้งานหนัก ๆ ถ่ายรูปแบบต่อเนื่องในอากาศบ้านเราที่ไม่ได้เย็นชื่นใจเท่าไหร่ ถ่ายไปสักพักกล้องจะร้อน และจะมีการแจ้งเตือนขึ้นมา ตัวหน้าจอจะลดแสงลง ทำให้อาจถ่ายรูปต่อเนื่องไม่ได้เต็มที่เท่าไหร่ครับ
และอีกอย่างที่ OnePlus ยังไม่แก้ในเรื่องกล้องก็คือการกลับหัวถ่ายรูปครับ ใช่ครับ ถ้าใครที่เคยใช้กล้องของ OnePlus มาก่อน ถ้าเรากลับกล้องเพื่อถ่ายมุมเสยตัวระบบจะไม่รู้ว่าเรากำลังจะถ่ายแนวตั้งแบบกลับหัวอยู่ ภาพที่ได้ออกมาจะเป็นภาพแนวนอนไปแทน ตรงนี้อาจจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่นักถ้าเราไม่เปิดลายน้ำ แต่ถ้าเปิดลายน้ำ ตำแหน่งมันจะไม่ตรงเอาแทนที่จะอยู่ด้านล่างจะไปโผล่ที่มุมขวาแทนอะนะ ตรงนี้อยากให้แก้สักทีเถอะ
ใช้ OxygenOS ทำงานลื่นไหล
มาต่อในเรื่องการใช้งานทั่วไป OnePlus 9 5G และ OnePlus 9 Pro 5G ใช้ OxygenOS 11 ทำงานได้อย่างลื่นไหลมากบนหน้าจอ 120Hz ของทั้งคู่ ตอบสนองได้ดีการปรับแต่งมีให้เลือกพอสมควรตามสไตล์ของ OnePlus จะปรับรูปแบบไอคอน ปรับโทนสีหรืออื่น ๆ ก็ทำได้
มี AOD ให้ใช้งาน
ด้วยความที่หน้าจอของทั้งคู่เป็น AMOLED การใช้งานฟีเจอร์ Always On Display หรือ AOD ก็มีมาให้ด้วย มีให้เลือกหลากหลายตามการใช้งาน อย่างที่เราใช้ในรีวิวนี้เป็น Insight จะบอกข้อมูลการใช้งานของเราด้วยว่าในวันนี้เราปลดล็อคหน้าจอไปแล้วกี่ครั้งครับ
ระบบสั่นที่นุ่มนวล
อีกเรื่องที่เราชอบมาก ๆ ในการใช้งานของ OnePlus 9 5G และ OnePlus 9 Pro 5G ก็คือการสั่นตอบสนองหรือระบบ Haptic ที่ทำได้ดีมาก ทุกการใช้งานจะนุ่มนวลไปหมด ทำให้รู้สึกถึงความพรีเมี่ยมในการใช้งานเข้าไปอีก ใครที่ชอบการพิมพ์บนสมาร์ทโฟนฟิลพรีเมี่ยมถูกใจแน่นอน
5G รองรับเลยใช้งานได้ตั้งแต่แกะกล่อง
แน่นอนชื่อรุ่นระบุ 5G ชัดเจนแบบนี้ ทั้ง OnePlus 9 และ OnePlus 9 Pro 5G ใช้งาน 5G ได้ทันทีตั้งแต่แกะกล่องครับ เพิ่มความเร็วในการใช้งานได้เป็นอย่างดี ตอบโจทย์ยุคที่ทุกอย่างต้องรวดเร็วไปหมดได้อย่างดี
ประสิทธิภาพสูงด้วย Snapdragon 888
สเปคภายในของ OnePlus 9 5G และ OnePlus 9 Pro 5G ก็บอกเลยว่าไม่ต้องห่วงทั้งคู่ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 888 เหมือนกัน มอบความเร็ว CPU ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน 25% และ GPU แรงขึ้น 35% พร้อมสถาปัตยกรรมแบบ 5nm ที่จัดการพลังงานได้ดีขึ้นอีก เราทดสอบคะแนนคร่าว ๆ ผ่านแอป AnTuTu Benchmark แล้วคะแนนก็สูงมาก
- OnePlus 9 5G = 746313
- OnePlus 9 Pro 5G = 785011
ส่วนของ GeekBench 5.0 ก็ออกมาน่าประทับใจเช่นกันดังนี้ครับ
- OnePlus 9 5G = Single-Core 1118, Multi-Core 3402
- OnePlus 9 Pro 5G = Single-Core 1084, Multi-Core 3247
เล่นเกมยอดเยี่ยมสเปคนี้
คะแนนสูงขนาดนี้การเล่นเกมก็หายห่วงครับ บน OxygenOS จะมีฟีเจอร์ Game mode มาด้วย ในนี้จะมีการปรับแต่งประสิทธิภาพให้การเล่นเกมได้อย่างเต็มที่ รวมถึงความสามารถอื่น ๆ อย่าง การปรับกราฟิก ปรับระบบการสั่น รวมถึงการจัดการเครือข่ายด้วย
สำหรับเกมที่เราจะทดสอบกับ OnePlus 9 Pro 5G มี 4 เกมกราฟิกจัดเต็ม Asphalt 9 , Call of Duty Mobile, Invictus: Lost Soul และ Genshin Impact ครับ
เล่น Asphalt 9 บน OnePlus 9 Pro 5G
เริ่มที่เกมแข่งรถกราฟิกเยี่ยมอย่าง Asphalt 9 ก่อนเลย เราสามารถปรับกราฟิกได้ที่ระดับสูงสุด เปิด 60fps ได้ด้วย ตัวเกมทำได้อย่างลื่นไหล บนหน้าจอขนาดใหญ่ของ OnePlus 9 Pro 5G ครับ เอฟเฟกต์มาเต็ม ความลื่นก็ไม่ต้องห่วงจัดเต็มมาที่ 60fps แบบไม่มีตก
เล่น Call of Duty Mobile บน OnePlus 9 Pro 5G
ส่วนเกมยิงอย่าง Call of Duty Mobile ก็เช่นกัน ปรับคุณภาพกราฟิกได้ที่สูงสุด Very High และเฟรมเรตที่ Max ตัวเกมทำได้ดีมากครับ การตอบสนองการสัมผัสที่ลื่นไหลและทันนิ้วมากด้วย Touch Sampling rate 360Hz จะแตะยิง หมุนมุมกล้องก็ไม่มีติดขัด เฟรมเรตในเกมลื่นไหลไม่เจออาการกระตุกเลยล่ะครับ
เล่น Invictus: Lost Soul บน OnePlus 9 Pro 5G
ต่อมาเป็นเกมต่อสู้กราฟิกสวยอย่าง Invictus ครับ เราสามารถเลือกกราฟิกได้ที่ระดับสูงสุดพร้อมเปิด 60fps เช่นกัน ตัวเกมทำได้ลื่นไหลมาก เท่าที่ลองเล่นเกมนี้มา ถ้าสเปคที่ไม่สูงพอจะเจออาการกระตุกหรือเฟรมเรตดรอปในจังหวะที่เอฟเฟกต์เยอะ ๆ อยู่บ้าง แต่บน OnePlus 9 Pro 5G เราไม่เจออาการนั้นเลย
เล่น Genshin Impact บน OnePlus 9 Pro 5G
ปิดท้ายที่เกมสุดกินสเปคอย่าง Genshin Impact เราเลือกปรับกราฟิกและเฟรมเรต 60fps สูงสุดทั้งหมด แน่นอนว่าเล่นได้อย่างลื่นไหลด้วยสเปคระดับนี้ครับ เฟรมเรตนิ่ง ๆ การตอบสนองของหน้าจอและลำโพงทำได้ดี เสียงที่ได้ออกมาเป็น Stereo ให้มิติของเสียงได้กว้างครับ
โดยรวมในเรื่องประสิทธิภาพของ OnePlus 9 Pro 5G ถือว่ายอดเยี่ยมครับ ส่วนเรื่องความร้อนก็มีให้เห็นบ้างเมื่อเล่นไปนาน ๆ แบบต่อเนื่อง และหากเครื่องร้อนมาก ๆ ตัวหน้าจอจะมีการแจ้งเตือนขึ้นมาคล้ายตอนถ่ายภาพและลดเสียงหน้าจอลงเพื่อลดอุณหภูมิเช่นกันครับ
แบตเตอรี่ 4500mAh
ปิดท้ายด้วยแบตเตอรี่ ทั้ง 2 รุ่นได้แบตเตอรี่มาที่ 4500mAh เท่ากัน ในการใช้งานทั่วไปถือว่าทำได้ดีครับ ใช้งานคู่กับ Smart 5G ยังใช้งานได้ทั้งวันในการใช้งานทั่วไป ถ้าแต่มีการเล่นเกมหนัก ๆ หรือถ่ายรูปแบบเต็มที่อันนี้อาจต้องหาเวลาชาร์จระหว่างวันสักหน่อยครับ
มีชาร์จไว Warp Charge 65T
ซึ่งระบบชาร์จของ OnePlus 9 5G และ OnePlus 9 Pro 5G ก็ให้มาแบบ Warp Charge 65T หรือชาร์จไวที่ 65W กันเลย ช่วยให้เราชาร์จได้ไวมาก ชาร์จจาก 0 – 100% ในเวลาแค่ 29 นาทีเท่านั้น หรือจะชาร์จเวลาสั้น ๆ แค่ 15 นาทีก็ใช้งานต่อเนื่องได้อีกยาวแล้วล่ะครับ
ชาร์จไร้สายก็เร็วด้วย Warp Charge 50 Wireless
ไม่ใช่แค่ชาร์จแบบสายที่เร็วเพราะ OnePlus 9 Pro 5G นั้นรองรับชาร์จไร้สาย Warp Charge 50 Wireless ด้วย ใช่แล้วครับชาร์จไร้สายก็เร็วถึง 50W เร็วที่สุดเท่าที่ OnePlus เคยทำมา ชาร์จ 0 – 100% ในเวลาแค่ 43 นาทีเท่านั้น เร็วแบบที่เร็วกว่าชาร์จมีสายของบางแบรนด์อีก แต่ต้องบอกก่อนว่าฟีเจอร์นี้มีให้เฉพาะ OnePlus 9 Pro 5G เท่านั้น ถ้าเป็น OnePlus 9 5G จะเร็วสูงสุดที่ 15W ครับ
สรุป “นี่คือก้าวแรกที่ยิ่งใหญ่ของสมาร์ทโฟนกล้องเทพจาก OnePlus”
สรุปแล้ว OnePlus 9 5G และ OnePlus 9 Pro 5G ก็ถือว่าเป็นสองเรือธงสุดพรีเมี่ยมที่เน้นเรื่องกล้องได้จริงจังขึ้นด้วยการร่วมมือกับ Hasselblad ยกระดับกล้องของ OnePlus จากรุ่นก่อน ๆ ขึ้นเยอะ แม้นี่จะเป็นปีแรกที่พัฒนาร่วมกันแต่ก็เป็นก้าวแรกที่ยิ่งใหญ่ของ OnePlus ที่จะกลายเป็นสมาร์ทโฟนกล้องเทพในอนาคต ส่วนอื่น ๆ ที่ไม่ใช่กล้อง OnePlus 9 5G และ OnePlus 9 Pro 5G ก็ทำได้ดีมากทั้งงานประกอบที่พรีเมี่ยม สเปคที่ดุดันตอบโจทย์การใช้งานทั้งสาย Entertainment และสาย Gaming เป็นสองเรือธงที่ทำได้ประทับใจอย่างมาก ส่วนจุดสังเกตของรุ่นนี้ที่เจอจริง ๆ คงเป็นเรื่องความร้อนที่พบบ้างเวลาใช้งานหนัก ๆ อย่างถ่ายรูปต่อเนื่องหรือเล่นเกมแบบจัดเต็ม นอกนั้นถือว่าเป็นเกณฑ์ที่รับได้ครับ
การวางจำหน่าย
สำหรับราคาและวันวางจำหน่ายตอนนี้ยังไม่มีประกาศทางการในไทยครับ รอติดตามเพิ่มเติมจากทาง OnePlus ประเทศไทยได้เร็ว ๆ นี้อดใจรอกันอีกนิดครับ
จุดเด่น
- หน้าจอ Fluid Display ที่ยอดเยี่ยม ลื่นไหลด้วย 120Hz
- กล้องหลังที่อัปเกรด พัฒนาร่วมกับ Hasselblad
- สเปคเร็วแรง Snapdragon 888
- ดีไซน์ตัวเครื่องสวยงามและพรีเมี่ยม
- รองรับระบบชาร์จไว Warp Charge 65T
- มีชาร์จไร้สาย Warp Charge 50 Wireless (เฉพาะรุ่น 9 Pro)
จุดสังเกต
- ตัวเครื่องร้อนพอสมควรเมื่อใช้งานหนัก ๆ
- ฝาหลังสี Morning Mist และ Winter Mist เก็บรอยนิ้วมือง่าย