Smart Review
รีวิว OnePlus Buds Pro หูฟัง True Wireless เพื่อประสบการณ์แห่งเสียงที่ดีกว่ากับการใช้งานระดับโปร
รีวิว OnePlus Buds Pro หูฟังไร้สายแบบ True Wireless ที่มาในสโลแกน “Hear the Unheard” ประสบการณ์แห่งเสียงที่ดีกว่า จัดเต็มด้วยฟีเจอร์ระดับโปร ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มองหาหูฟังไร้สายระดับท็อปพร้อมประสิทธิภาพแบบเต็มที่ไว้สักคู่ และบอกเลยว่าคุ้มค่ากับราคาแน่นอน
สเปค OnePlus Buds Pro
- ขนาดตัวเคส : 60.1 x 49 x 24.9 มิลลิเมตร
- น้ำหนักตัวเคส : 52 กรัม (รวมหูฟัง)
- ขนาดหูฟัง (ข้างละ) : 32 x 23.2 กรัม
- น้ำหนักหูฟัง (ข้างละ) : 4.35 กรัม
- สี : Matte Black, Glossy White
- การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.2
- ระยะการเชื่อมต่อ : สูงสุด 10 เมตร
- ไดรเวอร์เบส : 11 มม.
- คลื่นความถี่ : 20Hz – 20,000Hz
- การชาร์จ (เคส) : USB Type-C
- กันน้ำ/ฝุ่น (หูฟัง) : IP55
- กันน้ำ/ฝุ่น (เคสชาร์จ) : IPX4
- แบตเตอรี่ (หูฟังข้างละ) : 40mAh
- แบตเตอรี่ (เคส) : 520mAh รองรับ Warp charge และชาร์จไร้สาย
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- หูฟัง OnePlus Buds Pro
- เคสชาร์จ
- สาย USB Type-C
- จุกหูฟังซิลิโคน 3 ขนาด (S, M, L)
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
- คู่มือความปลอดภัยและใบรับประกันสินค้า
ดีไซน์เรียบหรู
มาดูกันที่ดีไซน์ของตัวเคสชาร์จกันก่อนเลยครับ บอกเลยว่ามีความพรีเมียมพอตัวเลยทีเดียว ด้วยความบางของตัวเคสที่ทำให้พกพาได้สะดวกมากๆ ใส่ประเป๋ากางเกงได้สบายและไม่รู้สึกหนักจนเกินไป โดยตัวฝาปิดก็มีความคงทนแข็งแรงอีกด้วยครับ
ซึ่งสีที่เราได้มาเป็นสีขาว Glossy White ที่ให้ดูความสะอาด เรียบร้อย และดูพรีเมี่ยมมากๆ ขณะที่อีกสีที่ให้เลือกอย่างสีดำ Matte Black จะดูมีความคลาสสิกและคมเข้มเวลาใส่แน่นอน
สำหรับตัวเคสจะมีพอร์ต USB Type-C สำหรับชาร์จที่ด้านหลัง ซึ่งจริงๆ จะรองรับการชาร์จไร้สายด้วยเช่นกันจ้า
ส่วนด้านหน้าจอจะมีไฟ LED บอกสถานะแบตเตอรี่อีกด้วย
เมื่อเปิดออกมาก็จะเจอกับตัวหูฟัง OnePlus Buds Pro ที่จัดเรียงอย่างสวยงาม
น้ำหนักเบา ใส่สบาย
สำหรับตัวหูฟังมีดีไซน์โค้งมนเพื่อให้ใส่ได้อย่างเหมาะสมกับสรีระของใบหู ทำให้ใส่ได้ไม่รู้สึกเจ็บหูและไม่หลุดง่ายๆ
ซึ่งใครที่ใบหูเล็กก็สามารถเลือกเปลี่ยนขนาดของซิลิโคนให้เป็นขนาด S ได้ หรือใครที่มีใบหูใหญ่ขึ้นมาก็สามารถเปลี่ยนเป็นขนาด L ได้ครับ (ขนาดที่มากับตัวหูฟังเป็นขนาด M)
ทั้งนี้ วัสดุที่ใช้ในตัวหูฟังมีพื้นผิวที่ด้าน ทำให้ฝุ่นไม่จับง่ายๆ และป้องกันเหงื่อได้ดีอีกด้วย
สำหรับการควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆ จะสามารถทำได้ทันทีผ่านตัวก้านที่เคลือบด้วยเลเซอร์ NCL ผิวโลหะทำให้มีความแวววาวและดูสวยงามขึ้นไปอีกขั้นครับ
และที่ขาดไปไม่ได้เพื่อให้พร้อมทุกสถานการณ์คือมาตรฐานป้องกันน้ำและฝุ่น IP55 ใครจะใช้เพื่อออกกำลังกายในยิมหรือกลางแจ้งก็ไม่ต้องกลัวเหงื่อจะส่งผลอะไรกับตัวหูฟัง หรือยิ่งช่วงนี้ฝนตกบ่อยๆ ก็ยังคงใช้งานเพื่อฟังเพลงได้ตลอดไม่ต้องกังวลอะไรเลยครับ
ที่สำคัญตัวเคสยังมีมาตรฐานทนน้ำระดับ IPX4 ด้วยเช่นกัน
เชื่อมต่อทันทีเมื่อใช้ร่วมกับสมาร์ทโฟน OnePlus
หากใครที่ใช้งานสมาร์ทโฟน OnePlus อยู่แล้ว เมื่อเปิดบลูทูธในตัวเครื่อง และเปิดฝาเคสหูฟังออกมา ระบบก็จะเจอตัวหูฟังเพื่อให้เชื่อมต่อกันทันที เรียกว่าเป็นการเชื่อมต่อแบบ “Fast and Smooth Pairing” จริงๆ ครับ
หากใครใช้งานกับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ก็จะต้องกดปุ่มเชื่อมต่อที่ตัวเคสค้างไว้เพื่อให้ระบบตรวจเจอหูฟังครับ
วิธีการควบคุม (บีบที่ตัวก้าน)
- กด 1 ครั้ง : เล่น/หยุดเพลง หรือรับ/วางสาย
- กด 2 ครั้ง : เล่นเพลงถัดไป หรือปฏิเสธสาย
- กด 3 ครั้ง : เล่นเพลงก่อนหน้า
ตัดเสียงรบกวนสุดอัจฉริยะ (Smart Adaptive Noise Cancellation)
ใครที่มาสายฟังเพลงและต้องการเข้าไปอยู่ในโลกของเสียงเพลงแบบไม่มีใครรบกวน หูฟังสามารถช่วยได้เป็นอย่างดีผ่านเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแบบอัจฉริยะ ที่ให้เราสามารถปรับการควบคุมได้ 3 แบบ ได้แก่ ‘อัจฉริยะ (Smart)’ ที่ตัดเสียงรบกวนอัตโนมัติตามเสียงของสภาพแวดล้อม ซึ่งตัดได้ตั้งแต่ 15 – 40 เดซิเบล บอกเลยว่าเงียบสุดจริงๆ ครับ, ‘การลดเสียงรบกวน‘ ที่จะลดเสียงรบกวน 15 เดซิเบล และ ‘การลดเสียงรบกวนขั้นสุด‘ ที่จะลดแบบคงที่ 40 เดซิเบลตลอดเวลา
ส่วนใครอยากได้ยินเสียงภายนอกไปด้วยก็สามารถเลือกโหมด “ความโปร่งใส” ได้ครับ ซึ่งเสียงภายนอกจะเข้ามาในหูฟังแบบเต็มที เหมาะกับตอนที่เดินบนถนนหรือช่วงที่ต้องคุยกับคนอื่นครับ
เสียงแน่นพร้อมไดรเวอร์ไดนามิก 11 มม. และระบบเสียง LHDC
จัดเต็มด้านระบบเสียงสำหรับที่ชอบฟังเพลง ด้วยไดรเวอร์ไดนามิกขนาด 11 มิลลิเมตร รับรองเลยว่าเสียงเบสหนักแน่นสะใจแน่นอนครับ โดยเฉพาะกับเพลงแนว Electronic Pop หรือเพลงร็อคแบบเสียงกล้องหนักๆ
ตัวหูฟังยังรองรับระบบเสียง LHDC (Low latency HD audio Codec) ช่วยให้ความหน่วงต่ำแต่ยังคงให้คุณภาพเสียงระดับสูงไว้ครับ ทำให้เสียงและภาพนั้นตรงกันมากที่สุด ซึ่งจุดนี้จะมีมากหากใครที่ชอบดูวิดีโอสตรมมิ่ง, ภาพยนตร์ หรือเล่นเกมแนว FPS บ่อยๆ
เมื่อพูดถึงเรื่องการใช้งานด้านเล่นเกมแล้วนิดๆ ใครที่เล่นแบบจริงจัง เจ้าตัวหูฟังมีความหน่วงต่ำมากๆ แบบ Ultra-Low Latency เพียง 94ms เท่านั้น แถมใครที่ใช้งานร่วมกับ OnePlus Nord 2 5G จะยิ่งได้ประสบการณ์ที่ดีมากขึ้นไปอีกครับ อย่างเวลาเราเล่น PUBG Mobile เวลากดยิงก็จะได้ยินเสียงที่แทบจะเรียลไทม์ทันที แทบไม่ต่างจากการเล่นด้วยลำโพงปกติเลย
คุยโทรศัพท์ได้ชัดเจนด้วยเทคโนโลยี Calibrated Voice Isolation
นอกจากที่เราจะได้ใช้งานด้านความบันเทิงเต็มรูปแบบอย่างเต็มอรรถรสไปแล้ว ใน่สวนการคุยโทรศัพท์ก็ทำได้เป็นอย่างดี ช่วยตัดเสียงรบกวนภายนอกของปลายสายออกไป ทำให้เราได้ยินเสียงที่ชัดเจน และในทางกลับกันปลายสายก็ยังได้ยินเสียงของเราอย่างชัดเจนเช่นกันครับ
ฟังเสียงธรรมชาติแสนสงบผ่าน Zen Mode Air
หากใครที่ใช้สมาร์ทโฟน OnePlus สามารถเข้าถึงฟีเจอร์ Zen Mode Air ได้ทันที เพียงแค่เข้าไปที่บลูทูธ > เลือก “OnePlus Buds Pro” > ฟังก์ชันของหูฟังเอียร์บัด > Zen Mode Air ซึ่งในโหมดนี้เราสามารถฟังเสียงธรรมชาติต่างๆ เพิ่มความสงบและสมาธิในจิตใจได้ถึง 5 แบบ ได้แก่ แสงแดดอุ่นยามเช้า, การทำสมาธิ, ชายฝั่งฤดูร้อน, พักแรมยามค่ำคืน และไอซ์แลนด์ ทั้งนี้ หากใครที่ใช้งานบ่อยๆ ก็เพียงบีบค้างที่ก้านไว้ 3 วินาทีก็จะเริ่มใช้งานฟีเจอร์นี้ได้เหมือนกันครับ
บันทึกค่าเสียงได้ตามใจชอบด้วย OnePlus Audio ID
สำหรับ OnePlus Audio ID ก็เป็นหนึ่งในฟีเจอร์พิเศษ สามารถออกแบบและปรับแต่งการตั้งค่าเสียงได้ละเอียดมากขึ้น และบันทึกไว้ได้เลยครับ โดยใครที่ใช้สมาร์ทโฟน OnePlus จะเจอกับตัวเลือกนี้ในส่วนเดียวกับฟีเจอร์ Zen Mode Air ครับ แต่ถ้าใครใช้สมาร์ทโฟนรุ่นอื่นต้องโหลดแอป HeyMelody บน Google Play Store หรือ App Store มาเพื่อใช้ฟีเจอร์นี้ครับ
แบตเตอรี่ใช้ได้นานเกินวัน!
เป็นหูฟัง True Wireless ที่มีระยะการใช้งานที่ยาวนานมากๆ ครับ โดยการชาร์จ 1 ครั้งใช้งานได้นานสูงสุดถึง 7 ชั่วโมง หรือเกินครึ่งวันแน่นอน ถ้าเปิดโหมดลดเสียงรบกวนได้จะลดเวลาใช้งานลงมาเล็กน้อยที่ราวๆ 5 ชั่วโมงครับ แต่ก็ยังถือว่านานอยู่ดี
แต่ถ้าใช้ร่วมกับเคสชาร์จ จะใช้ได้นานสุดถึง 38 ชั่วโมงไปเลยจ้า
นอกจากนี้ หากตัวเคสชาร์จและตัวหูฟังแบตเตอรี่หมดพร้อมกันก็สามารถชาร์จได้ 2 แบบ ได้แก่ ผ่านสาย USB Type-C ที่รองรับ Wrap Charge ที่ชาร์จแค่ 10 นาที ก็ใช้งานได้นานถึง 10 ชั่วโมง (ใช้งานร่วมกับเคสชาร์จ) แต่ถ้าไม่ใช้เคสชาร์จร่วมจะใช้ได้ประมาณ 2 ชั่วโมง
และแบบที่ 2 จะเป็นการชาร์จไร้สายก็วางเอาไว้เวลาไม่รีบใช้งานครับ
สรุปการใช้งาน
OnePlus Buds Pro เป็นหูฟังไร้สายแบบ True Wireless ที่ใช้งานได้ระดับโปร ตั้งแต่ดีไซน์ที่สวยงาม การเชื่อมต่อที่รวดเร็วและเสถียรมากๆ โดยมีจุดเด่นในเรื่องการตัดเสียงรบกวนอัจฉริยะที่ตัดเสียงรอบข้างได้ดีมากจริงๆ ครับ ทำให้เราโฟกัสกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ได้ดีเลยทีเดียว รวมไปถึงระบบเสียงแบบ LHDC ที่ยังเหมาะสำหรับการเล่นเกมหรือการรับชมวิดีโอต่างๆ อีกด้วยเพราะการรับ-ส่งเสียงทำได้แทบจะเรียลไทม์เลย
ราคาอย่างเป็นทางการ
OnePlus Buds Pro มีทั้งหมด 2 สี ได้แก่ Matte Black และ Glossy White วางจำหน่ายในราคา 4,999 บาท โดยจะเปิดขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 10 ตุลาคม 2564 ผ่านทางช่องทางการจำหน่ายออนไลน์ ได้ที่ Shopee และ Lazada