Featured

รีวิว OnePlus Nord CE 2 5G รุ่นเล็กที่ให้ได้มากกว่าด้วยจอ Fluid AMOLED แบบ 90Hz ชาร์จเร็ว 65W และกล้อง 3 ตัวพร้อม AI สุดฉลาด

Published

3 ปี ago

8 เม.ย. 2022

Shine

รีวิว OnePlus Nord CE 2 5G สมาร์ทโฟนรุ่นเล็กที่ให้มากกว่าที่คิดตามสโลแกน “A little more than you’d expect” ไม่ว่าจะเป็นชาร์จเร็ว 65W SUPERVOOC, กล้องหลัง 3 ตัวผสานด้วย AI, จอ Fluid AMOLED แบบ 90Hz และอื่นๆ อีกเพียบ ซึ่งทั้งหมกจะคุ้มค่าขนาดไหน ทีมงาน iphone-droid.net จัดมาให้แล้วครับ

สรุปสเปค OnePlus Nord CE 2 5G

ขนาดตัวเครื่อง : 160.6 x 73.2 x 7.8 มม.
น้ำหนัก : 173 กรัม
หน้าจอแสดงผล Fluid AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080 พิกเซล), 409ppi, อัตราส่วน 20:9 รองรับ Refresh rate 90Hz, HDR10+ และครอบทับด้วย Corning Gorilla Glass 5
หน่วยประมวลผล : MediaTek Dimensity 900 Octa-core
RAM : 8GB LPDDR4X
ROM : 128GB UFS2.2 เพิ่ม MicroSD Card สูงสุด 1 TB
กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 3 เลนส์ ดังนี้
- เลนส์หลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.79
- เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 มุมกว้าง 119
- เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 ระยะโฟกัส 4 ซม.
กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
ระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย OxygenOS 11.3
รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/ax, 2.4G/5G, Bluetooth 5.2, NFC และพอร์ต USB Type-C
รองรับ 5G
แบตเตอรี่ความจุ 4500mAh รองรับชาร์จไว 65W SUPERVOOC

แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล

อุปกรณ์ภายในกล่อง

สิ่งที่ให้มาในกล่องของ OnePlus Nord CE 2 5G ยังให้มาครบถ้วนเหมือนเดิมโดยไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่มแล้ว ดังนี้

ตัวเครื่อง OnePlus Nord CE 2 5G พร้อมติดฟิล์มกันรอย
อะแดปเตอร์ 65W SUPERVOOC
สายชาร์จ (รองรับ USB 2.0)
เคสโทรศัพท์แบบซิลิโคน
อุปกรณ์เปิดถาดซิม
จดหมายต้อนรับ
สติกเกอร์
การ์ดสมาชิกคลับ Red Cable
คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
ข้อมูลความปลอดภัยและใบรับประกัน

ทั้งนี้ OnePlus Nord CE 2 5G ยังมีเคสแบบแข็งให้เลือกอีก 2 สี ได้แก่ สีฟ้าและสีดำ ใครที่ชอบสีสันแนวไหนก็เลือกได้เพิ่มเติมตามใจชอบเลยครับ สวยทั้งคู่เลย !

หนึ่งในดีไซน์ที่บางสุดของ OnePlus

การออกแบบของ OnePlus Nord CE 2 5G ถือว่าทำได้ดีมากและดูพรีเมียมเกินราคาเลยทีเดียวครับ โดยฝาหลังสีเทา Gray Mirror จะเป็นแบบสะท้อนเหมือนกระจกจริงๆ ตามชื่อเลย แถมยังมีความโค้งในเพื่อความสะดวกในการใช้งานมากขึ้น และตัวโมดูลกล้องก็ยังนูนเป็นหนึ่งเดียวกับตัวฝาหลังอีกด้วย

ที่สำคัญ OnePlus Nord CE 2 5G เป็นหนึ่งในรุ่นที่บางที่สุดของ OnePlus ด้วยความบางเพียง 7.8 มม. เท่านั้นแม้ว่าตัวเครื่องจะมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. มาให้อยู่ก็ตาม

หน้าจอไหลลื่นแบบไดนามิก

จริงๆ เรื่องหน้าจอแสดงผลก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว โดย OnePlus Nord CE 2 5G จัดเต็มด้วยหน้าจอแบบ Fluid AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ รองรับการแสดงผล HDR10+ และอัตราส่วน 20:9 มาให้ ใครที่มาสายชอบดูหนังฟังเพลง ต้องหลงรักหน้าจอขนาดใหญ่แบบนี้แน่นอนครับ

และที่ขาดไปไม่ได้เลยคือความไหลลื่นของหน้าจอที่มาแบบ Refresh Rate สูงสุดที่ 90Hz ใช้งานได้แบบติดนิ้วและเสถียรมากๆ ซึ่งหากแอปไหนที่ใช้งานแบบ 60Hz อยู่ก็จะมีการปรับลดลงมาเพื่อประหยัดพลังงานที่มากขึ้นด้วยครับ

ต่อกันที่รอบเครื่องกันครับ เริ่มกันด้วยหน้าจอส่วนบนจะมีกล้องหน้า Punch Hole ที่มุมซ้ายบน และลำโพงสำหรับการสนทนาเท่านั้น

ทางซ้ายตัวเครื่องจะมีถาดใส่ซิมการ์ดแบบ NanoSIM ให้ 2 ช่อง และเมื่อพลิกไปอีกด้านจะมีช่องใส่ MicroSD Card ให้อีก 1 ช่องเลยครับ รวมทั้งหมดเป็น 3 Slot ไม่ต้องมาคอยเลือกหรือตัดอะไรทิ้งไป

ส่วนปุ่ม Power จะอยู่ที่ด้านขวา

ที่ด้านล่างตัวเครื่องจะมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม., ไมโครโฟนตัวที่ 1, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวหลัก

ด้านบนจะมีเพียงไมโครโฟนตัวที่ 2 เท่านั้นครับ

สุดท้ายที่ด้านหลังจะมีกล้องหลัง 3 เลนส์ โดยมีเลนส์หลักและเลนส์ Ultra-Wide Angle ที่มาในขนาดใหญ่ และเลนส์ Macro ขนาดเล็กที่ด้านข้าง พร้อมด้วยไฟแฟลช LED 1 ดวง

ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน

OnePlus Nord CE 2 5G แกะกล่องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 11 ที่ครอบทับด้วย OxygenOS 11.3 แต่การันตีอัปเดทเป็น Android 12 และ Android 13 แน่นอน รวมถึงจะได้อัปเดทแพทช์ความปลอดภัยนาน 3 ปี ใครที่กลัวโดนลอยแพก็หายห่วงได้เลยครับ

รองรับ 5G ทั้งแบบ SA และ NSA

สำหรับรุ่นนี้รองรับการใช้งานผ่านเครือข่าย 5G ที่รองรับทั้งแบบ SA (Standalone) ที่เป็นการใช้งานผ่าน 5G เพียงอย่างเดียว และ NSA (Non-Standalone) ที่ใช้พื้นฐาน 4G อยู่แต่การส่งสัญญาณจะเป็นแบบ 5G ครับ ทำให้ OnePlus Nord CE 2 5G เข้าถึงการใช้งานได้หลากหลายและมีการปรับไปตามสถานการณ์

ระบบความปลอดภัย

OnePlus Nord CE 2 5G รองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ ซึ่งการใช้งานจัดว่ารวดเร็วและจากที่ลองใช้ยังไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ ให้เห็นเลยครับ

ส่วนการสแกนใบหน้าก็ทำได้รวดเร็วมากๆ ตั้งแต่การสแกนเพื่อจดจำใบหน้าและใช้เพื่อปลดล็อกจริงๆ

รองรับ Always-on Display หลายรูปแบบ

ด้วยการที่รุ่นนี้ใช้หน้าจอพาเนล AMOLED ก็ทำให้รองรับ Always-On Display ไปในตัวครับ โดยจะเป็นการแสดงข้อมูลเครื่องเบื้องต้น

ทั้งนี้ก็ยังมีรูปแบบของ AOD ให้เลือกหลายแบบ ซึ่งแบบที่ไม่เหมือนใครคือแบบ Insight ที่จะแสดงเป็นเส้นตรงที่บอกข้อมูลเชิงลึกการใช้งานของเราได้ด้วย หากเราไม่ได้ใช้งาน ระบบจะแสดงเป็นสีส้มตามปกติ แต่หากมีการใช้งานหรือปลดล็อกเครื่อง ก็จะเกิดช่องว่างระหว่างเส้นครับ

โหมดกลางคืนใช้งานได้ดี

แม้ว่าจะใช้ Android 11 รุ่นนี้ก็ยังรองรับโหมดกลางคืนเพื่อใช้ในที่แสงน้อยและเพิ่มคาวมสบายตาระหว่างการใช้งานดีมากๆ ครับ ซึ่งการเปิดโหมดกลางคืนจะทำให้แอประบบและแอปที่รองรับเปลี่ยนธีมตามไปด้วยครับ

ใช้งาน 2 บัญชีได้ด้วยโคลนแอพ

ใครที่ต้องการใช้แอพโซเชียลเป็น 2 บัญชีแบบแยกกันโดยสมบูรณ์ เช่น LINE เป็นต้น ก็สามารถโคลยได้ง่ายๆ เลยครับ ให้เข้าไปที่ การตั้งค่า > การจัดการแอพ > ตัวโคลนแอพ และเลือกแอพที่ต้องการได้เลย

ปรับแต่งรูปแบบได้ตามใจชอบ

OxygenOS 11.3 ให้เราสามารถปรับแต่งรูปแบบ UI ต้องเราเองได้ตามความชอบเลยครับ โดยสามารถปรับได้ตั้งแต่ลักษณธของไอคอน, สีของ UI, ขนาดและฟอนต์, รูปแบบไอคอนการแจ้งเตือนด่วน และแสงขอบเครื่อง (Horizon Light)

ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่

MediaTek Dimensity 900 เป็นชิปรุ่นกลางที่การใช้งานทำได้อย่างไหลลื่นมากๆ และยิ่งเข้ามาขับเคลื่อนใน OnePlus Nord CE 2 5G ก็ทำให้ทุกอย่างดูเข้ากันไปหมดจริงๆ ครับ ทั้งความเสถียรและความร้อนก็แทบไม่เจอแม้ว่าจะเล่นเกมต่อเนื่องประมาณ 1 ชั่วโมงก็ตาม

โหลดแอพที่ใช้บ่อยด้วยฟีเจอร์ RAM Boost

OnePlus Nord CE 2 5G ก็พร้อมกับฟีเจอร์ RAM Boost ที่เป็นการใช้ RAM 8GB อย่างเต็มประสิทธิภาพด้วยการจดจดว่าแอพไหนที่เราเข้าใช้งานบ่อยๆ ก็จะทำให้เปิดใช้งานได้เร็วกว่าปกติครับ

แอพ Games ปรับแต่งสิ่งต่างๆ ได้ก่อนเริ่มเกม

สำหรับแอพนี้จะติดตั้งมากับเครื่อง โดยจะรวมเกมทั้งหมดไว้ในที่เดียว ซึ่งเราสามารถตั้งค่าให้เวลาเล่นเกมไม่ต้องมีแจ้งเตือนมากวนหรือปิดการปรับความสว่างอัตโนมัติ ที่สำคัญยังมีโหมด Pro Gaming เพื่อปิดกั้นแจ้งเตือนขั้นสูงที่จะตัดการโทรเข้าออกไปเลย รวมถึงการบล็อกเครื่องมือการเล่นเกมและแถบนำทางของระบบไปด้วย

ทดสอบการเล่นเกม

ROV

เริ่มกันด้วยการทดสอบเล่นเกมแรกอย่าง ROV กันก่อนเลยครับ โดยกราฟิกเปิดได้สูงมากทั้งหมด (ยกเว้นการแสดงผลที่ปรับได้ในระดับสูง) โดยเราลองเล่นในโหมด 5 VS 5 คลาสสิก บอกเลยว่าลื่นหัวแตกเลยครับ เฟรมเรททำได้นิ่งมาก แทบทั้งเกมจะอยู่ที่ 60fps ตลอด และการตอบสนองหน้าจอในรุ่นนี้ทำได้ดีมากๆ นึกว่าไม่ได้เล่นในรุ่นราคาหมื่นต้นๆ อยู่

PUBG Mobile

ต่อด้วยเกม PUBG Mobile สามารถปรับภาพได้ที่ HDR HD และเฟรมเรท Ultra เลยทีเดียว โดยการเล่นในแผนที่ปกติก็ทำได้ดีเกินคาดครับ ไม่มีอาการกระตุกหรือเฟรมดรอปให้เห็นเลยครับ ทั้งนี้เกม PUBG Mobile ยังรองรับการเปิดฟิลเตอร์หน้าจอแบบ HDR ภายในแอพ Games เพิ่มความแม่นยำและสีสันที่สดใสภายในเกมได้ด้วย

Aspahlt 9: Legends

และสุดท้ายกับเกมกราฟิกแจ่มๆ อย่าง Aspahlt 9: Legends ที่รุ่นนี้สามารถเปิดกราฟิกสูงได้ด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเราลองเล่นแล้วไม่มีอาการกระตุกใดๆ เลยตั้งแต่เริ่มเกม หรือช่วง Cut Scene ครับ

เปิดแถบเครื่องมือดูแบตเตอรี่และอุณหภูมิเครื่องได้ระหว่างเล่น

เมื่อเราเข้ามาในเกมแล้ว เราสามารถปัดลงจากมุมขวาบนของหน้าจอได้เพื่อเปิดแถบเครื่องมือการเล่นเกมออกมา โดยจะแสดงทั้งเฟรมเรท, อุณหภูมิเครื่อง และแบตเตอรี่คงเหลือ รวมถึงการฟีเจอร์ต่างๆ ที่มีให้เราเลือกได้ทันทีครับ

แบตเตอรี่อยู่ได้ครบวันแถมชาร์จเร็ว 65W SUPERVOOC

OnePlus Nord CE 2 5G ยังให้แบตเตอรี่มาถึง 4500mAh ซึ่งใครที่ใช้งานทั่วไปรับรองรับว่าอยู่ได้ทั้งวันแน่นอนครับ

ทั้งนี้ จากการดีไซน์แบตเตอรี่ที่แบ่งเป็น 2 ก้อน ช่วยให้รุ่นนี้ที่รองรับชาร์จไว 65W SUPERVOOC ทำการชาร์จได้เร็วและปลอดภัยแน่นอนครับ ส่วนเรื่องความเร็วในการชาร์จสามารถชาร์จเพียง 15 นาที ใช้งานทั่วไปได้ครบ 1 วัน

กล้อง 3 เลนส์ถ่ายฉลาดด้วย AI

OnePlus Nord CE 2 5G จัดกล้องหลัง 3 เลนส์ที่มาพร้อมกับ AI เพิ่มความสวยงามในการถ่ายภาพได้อย่างฉลาดมากๆ ครับ มีให้ใช้งานครบทั้งมุมปกติ, มุมกว้าง, Macro และอื่นๆ ซึ่งจะฟีเจอร์กล้องอะไรให้เราใช้บ้าง มาดูกันเลยครับ

AI Color Enhancement เปิด AI ถ่ายคลิกเดียวจบ

ในโหมดปกติที่รองรับทั้ง AI และ HDR อัตโนมัติในรุ่นนี้ทำได้ดีงามมากๆ ครับ การปรับสีสันทำได้สดใสและค่าความอิ่มตัวของสีจะสูงเป็นพิเศษเลยทีเดียว ทำให้ถ่ายออกมาแล้วเราไม่ต้องมานั่งปรับแก้สีกันอีกรอบเลยครับ

โหมด 64MP ถ่ายได้คมชัดสูง

ด้วยเลนส์ 64 ล้านพิกเซลที่จัดมาให้ก็ทำให้ OnePlus Nord CE 2 5G ถ่ายภาพความละเอียดสูงได้ด้วย ซึ่งสามารถซูมภาพได้ไกลและชัดกว่าเดิม แต่ก็อาจจะแลกด้วยการไม่รองรับการเปิด AI ในโหมดนี้ครับ แต่สีสันก็ไม่ได้ดรอปจนเกินไป

Ultra-Wide Angle มุมกว้าง 119 องศากำลังพอดี

OnePlus Nord CE 2 5G มีเลนส์ Ultra-Wide Angle มุมกว้าง 119 องศามาให้ ซึ่งเป็นองศาที่กำลังกว้างพอดี ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ขอบภาพก็ไม่ได้โค้งเกินไปจนเสียองค์ประกอบครับ แถมีสัสันก็ทำได้สวยงามเพราะรองรับ AI เหมือนมุมปกติเลยครับ

Portrait ทำได้ธรรมชาติสุดๆ

โหมดถ่ายภาพบุคคลในรุ่นนี้ทำได้ธรรมชาติพอสมควรเลยครับ ไม่ได้แต่งใบหน้าให้จัดจ้านเกินไป แต่ก็สามารถปรับเนียนได้ตั้งแต่ 0-100 ระดับตามความชอบครับ ทั้งนี้ การเบลอฉากหลังก็ทำได้ค่อนข้างเนียน เบลอเป็นระดับทำให้ไม่ดูตัวลอยเกินไป

ที่สำคัญในโหมดนี้ยังรองรับฟีเจอร์ Bokeh Flare ที่จะเบลอหลังแบบพิเศษให้หนักขึ้นไปอีกเหมือนกับถ่ายกล้องโปรเลยครับ ซึ่งจะได้ภาพสวยมากขึ้นเมื่อถ่ายในที่ที่มีแสงหรือดวงไฟเล็กๆ

ถ่าย Macro ส่องวัตถุได้ใกล้สุด 4 ซม.

สำหรับเลนส์ Macro ใน OnePlus Nord CE 2 5G ที่แม้ว่าจะให้มาที่ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล แต่สีสันมีความสดใสและการโฟกัสทำได้ไว ถือว่าเลนส์นี้ใช้งานได้จริงเลยทีเดียว

Nightscape ถ่ายกลางคืนได้สวยงามตามสไตล์ของ OnePlus

ในโหมด Nightscape แม้ว่ารุ่นนี้จะเป็นรุ่นกลาง แต่การปรับแต่งสีสัน ความสว่าง และ Noise ที่เกิดขึ้นน้อย ทำให้เราถ่ายกลางคืนได้สวยงามเลยครับ และการประมวลผลระหว่างกดถ่ายก็ใช้เวลาไม่นานด้วย

เซลฟี่สวยเนียนเน้นความธรรมชาติ

สำหรับกล้องหน้าที่ให้มา 16 ล้านพิกเซล จัดว่าถ่ายได้ดีเกินคาดครับ ใบหน้าให้ความบิวตี้และแสงที่เข้ามาในตัวเลนส์ทำได้พอดีมากๆ

สรุปการใช้งาน

ใครที่มองหารุ่นราคาประหยัดและได้สเปคแบบครบถ้วนจริงๆ ขอบอกเลยว่า OnePlus Nord CE 2 5G เป็นรุ่นที่ไม่ควรพลาดเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นการได้หน้าจอ Fluid AMOLED แบบ 90Hz, ได้ชิป MediaTek Dimensity 900 ที่ใช้งานได้ไหลลื่นทั้งใช้ทั่วไปหรือจะเล่นเกมก็ได้ทั้งหมดเลยครับ รวมถึงแบตเตอรี่ที่ใช้ได้นานแบบครบวันจริงๆ แถมชาร์จได้เร็วถึง 65W SUPERVOOC อีก และมีกล้องหลัง 3 เลนส์คมชัดสูงและได้ AI เข้ามาช่วยอีกแรงทำให้เราถ่ายได้ง่าย จบ ครบจริงๆ

ราคาวางจำหน่าย

OnePlus Nord CE 2 5G สนนราคาเพียง 14,990 บาทเท่านั้น โดยสามารถซื้อได้ที่ช่องทางดังนี้ AIS, BaNANA IT, Jaymart, TG Fone, OnePlus Experience Zone, Lazada, Shopee, JD Central และ Thisshop