Featured
รีวิว OPPO A9 2020 สมาร์ทโฟน ‘สเปคแรงสุด’ ขุมพลัง Snapdragon 665 และ RAM 8GB ความจุ 128GB ในราคาสุดคุ้ม
เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยสำหรับการอัปเกรดครั้งใหญ่ของ OPPO A Series ตัวล่าสุดกับ OPPO A9 2020 ที่จัดหนัดจัดเต็มในเรื่องสเปคมากกว่าที่เคยให้กลายเป็นรุ่นที่มี “สเปคแรงสุด” ในตระกูลนี้เลยทีเดียว
สรุปสเปค OPPO A9 2020
- ขนาดตัวเครื่อง : 163.6 × 75.6 × 9.1 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก : 195 กรัม
- หน้าจอแสดงผล New waterdrop Screen แบบ IPS กว้าง 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1600 x 720 พิกเซล) รอยบากทรงหยดน้ำเล็กลง 31.4% และพื้นที่การใช้งาน 89%
- หน่วยประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 665 Octa Core ความเร็ว 2.0 GHz
- GPU : Adreno 610
- RAM : 8GB LPDDR 4x
- ROM : 128GB สามารถเพิ่ม MicroSD ได้สูงสุด 256GB
- กล้องถ่ายรูปหลัง 4 เลนส์ แบ่งเป็น
- เลนส์หลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8
- เลนส์ Ultra Wide- Angle 119 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.25
- เลนส์ Portrait ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- เลนส์ Monochrome ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 พร้อมโหมด AI Beautification
- ระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie ครอบทับด้วย ColorOS 6.0.1
- ระบบเสียงลำโพงคู่แบบ Dolby ATMOS และ Hi-res Audio
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.0, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และพอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 5,000 mAh รองรับ Reverse Charging ผ่านสายแบบ OTG
พูดถึง OPPO เรื่องของการดีไซน์ฝาหลังตัวเครื่องนั้นทำออกมาได้น่าประทับใจทุกรุ่น โดยเฉพาะในรุ่น OPPO A9 2020 ที่มีการเพิ่มเฉดสีเข้าไปใหม่ดูหรูหรากว่าเดิมเพื่อยกระดับ A Series โดยจากเครื่องรีวิวสี Marine Green เครื่องนี้ เราจะเห็นถึงการไล่เฉดจากสีเชียวอ่อนรอบนอกค่อยๆ เข้มขึ้นไปจบที่ตรงกลางเครื่อง ทั้งนี้ เมื่อลองขยับเครื่องไปมาให้สะท้อนกับแสงอาทิตย์เราก็จะได้เห็นหลากหลายสีมากขึ้นราวกับการสะท้อนแสงของสายน้ำเลยทีเดียว
ด้านหน้าจอแสดงผลของ OPPO A9 2020 ก็มีการปรับใหม่ให้หน้าจอแสดงผลใหญ่ขึ้นเป็น 6.5 นิ้วกันเลยทีเดียว โดยส่วนนี้เป็นเพราะการใช้ New Waterdrop Screen หรือการทำให้รอยบากทรงหยดน้ำมีขนาดเล็กลงกว่าเดิมถึง 31.4% และมีพื้นที่ในการใช้งานมากขึ้นเยอะเลยทีเดียว ขณะที่ตัวเครื่องก็ไม่ใหญ่จนเกินไป ยังคงจับถือได้สะดวกเหมือนเดิม
นอกจากนี้หน้าจอของ OPPO A9 2020 ยังมาพร้อมกับโหมดถนอมสายตาตัดแสงสีฟ้า (Blue Shield) ออกไปได้อย่างสมบูรณ์แบบมากขึ้นทำให้เราเสียสายตามากนักระหว่างการใช้งานช่วงกลางคืนหรือช่วงที่แสงน้อย รวมไปถึงหากใครที่ใช้งานกลางแจ้งก็ยังมีฟีเจอร์ Sunlight Screen ที่ทำให้เราเห็นหน้าจอแสดงผลได้ชัดเจนขึ้นอีกด้วย
บริเวณเหนือหน้าจอแสดงผลมีหน้าจอหยดน้ำขนาดเล็ก ที่ฝังกล้องหน้าและระบบเซ็นเซอร์ต่างๆ ลงไป โดยด้านบนจะมีลำโพงตัวที่ 2 อยู่
ที่ฝั่งซ้ายของเครื่องจะมีช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดแบบ NanoSIM 2 ช่อง และ MicroSD อีก 1 ช่อง รวมทั้งหมด 3 ช่องเลยทีเดียว
ส่วนด้านขวามีเพียงปุ่มล็อคเครื่องเท่านั้น
ด้านล่างของตัวเครื่องจะมีทั้งช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม., ไมโครโฟน, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวที่ 1
และที่หลังตัวเครื่องจะมีกล้องหลังทั้งหมด 4 เลนส์ โดย 3 เลนส์จะอยู่ในกรอบวงรีตรงกลางเครื่องเป็นแนวตั้ง โดยอีกเลนส์จะอยู่ทางขวาคู่กับไฟแฟลช LED และเมื่อถัดลงมาจะมีระบบเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ตรงกลางเช่นกัน
[ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน]
ระบบปฎิบัติการ
OPPO A9 2020 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie ที่ครอบทับด้วย ColorOS 6.0.1 ทำให้การใช้งานต่างไหลลื่นขึ้น พร้อมกับฟีเจอร์ต่างๆ ที่มีมาให้มากมาย
ใน ColorOS 6.0 เรายังได้ดีไซน์การตกแต่งที่เรียบหรูตั้งแต่หน้าโฮม, ไอคอนแอปพลิเคชั่น และขนาดฟอนต์ รวมถึงระบบสัมผัสที่ลื่นมากๆ ไม่มีการหน่วงเกิดขึ้น
นอกจากนี้ใครอยากเพิ่มสีสันให้กับหน้าจอของ OPPO A9 2020 ก็ยังมี OPPO Theme Store ให้เข้าไปเลือกทั้งธีมและวอลเปเปอร์หลากหลายแบบมากๆ ที่สำคัญยังดาวน์โหลดได้แบบฟรีกันไปเลย
พื้นที่คงเหลือหลังแกะกล่อง
หลังจากเปิดเครื่องมา OPPO A9 2020 ก็มีพื้นที่ให้ใช้งานได้เหลือเฟือถึง 105GB จากทั้งหมด 128GB ใครจะโหลดหนัง โหลดเกมก็เล่นก็โหลดกันได้เต็มที่เลย
ระบบความปลอดภัย
ระบบความปลอดภัยก็ให้มาครบ ไม่ว่าจะเป็นการสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่องและการสแกนใบหน้า โดยฟีเจอร์ทั้งคู่สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
ทั้งนี้ หากใครต้องการตั้งรหัสผ่านเข้าแอป เป็น 2 ชั้นก็ยังทำได้ผ่านฟีเจอร์ “การเข้ารหัสแอป” ที่จะให้เราใส่รหัสผ่านอันใหม่ (คนละตัวกับที่ล็อคหน้าจอ) เพื่อให้เข้าใช้งานแอปนั้นได้ อย่างไรก็ตาม การใส่รหัสนั้นเป็นการป้องกันบุคคลภายนอก แต่หากเราใช้งานบ่อยก็สามารถใช้ลายนิ้วมือในการเข้าถึงแอปนั้นได้ทันทีเช่นกัน ไม่ต้องเสียเวลามากรอกรหัสผ่านทุกครั้งที่เข้า
ลำโพงคู่แบบสเตอริโอ พร้อมระบบเสียง Dolby Atmos
เรียกว่านำเทคโนโลยีของเรือธงมาใส่ใน OPPO A9 2020 กันเลย สำหรับระบบเสียง Dolby Atmos และ Hi-res Audio โดยความพิเศษของ Dolby Atmos ในรุ่นนี้ไม่จำเป็นต้องเสียบหูฟังเหมือนสมาร์ทโฟนรุ่นกลางๆ รุ่นอื่น เพราะเสียงจะออกมาแบบกระหึ่มผ่านลำโพงด้านบนและด้านล่างทันที ทั้งยังมีการแบ่งแยกเสียงฝั่งซ้ายและฝั่งขวาได้อย่างชัดเจนอีกด้วย ถือว่าเป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่ขอยกนิ้วโป้งให้เลยกับสมาร์ทโฟนราคาต่ำหมื่น
บอกเวลาการใช้งานมือถือด้วยสุขภาวะดิจิทัล
ฟีเจอร์เป็นการบอกระยะเวลาที่เราใช้งานสมาร์ทโฟนตลอดทั้งวันว่าใช้งานไปกี่ชั่วโมง กี่นาทีแล้วโดยจะแบ่งเป็นหมวดหมู่ให้อย่างชัดเจน ทั้งนี้เราก็ยังหลับไปดูการใช้งานของวันก่อนๆ ได้เหมือนกัน
ตัวช่วยเพิ่มความสะดวก
สำหรับฟีเจอร์เพิ่มความสะดวกในการใช้งานมีมาในสมาร์ทโฟน OPPO แทบทุกรุ่นอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนปุ่มนำทางให้เป็นแบบเลื่อนขึ้นหรือใช้นิ้วลากเพื่อควบคู่แทนปุ่มปกติได้, ลูกบอลช่วยเหลือในการใช้วานปุ่มนำทาง และแถบด้านข้างที่จะเข้าถึงแอปพลิเคชั่นต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วตามการปรับแต่งของเรา ปุ่มนำทาง + ลูกบอล + แถบข้าง
[ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่]
สเปคแรงสุดด้วย RAM 8GB และ ROM 128 GB
ด้วยความที่ OPPO A9 2020 มาพร้อมกับฉายา “Super Spec” ก็ได้จัดหน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 665 AIE ความเร็ว 2.0 GHz มาให้โดยมีความฉลาดล้ำด้านการจัดสรรทรัพยากรภายในเครื่องด้วย AI และสถาปัตยกรรมขนาดเล็ก 11 นาโนเมตร ควบคู่กับกับ RAM 8GB, ROM 128GB ทำให้ประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้นถึง 50% พร้อมกับมีความเร็วขึ้น 100% และการประมวลผลด้านแอปเร็วขึ้น 61% ทั้งยังใช้กราฟิก Adreno 610 ที่ช่วยให้เฟรมเรทของการเล่นเกมมีความไหลลื่น สัมผัสติดนิ้ว และภาพสวบสมจริง
สำหรับผลการทดสอบทดสอบประสิทธิภาพโดยรวมตั้งแต่หน่วยประมวลผล, การ์ดจอ และหน่วยความจำด้วยโปรแกรม AnTuTu Benchmark ทาง OPPO A9 2020 ทำคะได้ไปได้ที่คะแนน 133,228
ผลการทดสอบด้วยโปรแกรม Geekbench 4 ทำคะแนนฝั่ง Single-Core ไปที่ 1,523 และคะแนน Multi-Core ที่ 5,419
ทดสอบการเล่นเกม
ต้องบอกกันก่อนว่า OPPO A9 2020 ยังจัดเทคโนโลยี Game Boost 2.0 ที่จะมี 2 ความสามารถหลักๆ ได้แก่ Frame Boost ที่จะช่วยให้เฟรมเรทไม่เหวี่ยงพร้อมเล่นได้ไหลลื่นตลอดทั้งเกม และ Touch Boost ที่ทำให้การสัมผัสทุกอย่างภายในเกมมีการตอบสนองเร็วขึ้น แถมยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลกราฟฟิกด้วยการปรับปรุงการใช้ทรัพยากรตั้งแต่ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ตามแบบฉบับของ OPPO เช่น สามารถคาดการณ์ความล่าช้า (Latency) ที่สามารถเกิดขึ้นและตอบสนองอย่างรวดเร็วเพื่อให้เกมไม่กระตุกหรือเฟรมเรทเหวี่ยง เป็นต้น
โดยเราได้ทดสอบการเล่นเกม 3 เกมที่ใช้กราฟิกค่อนข้างสูงและรองรับเทคโนโลยี Game Boost 2.0 ทั้ง ROV, PUBG Mobile และ Asphalt 9: Legends ได้ผลที่ออกมาดังนี้
ROV
ส่วนเกม ROV ก็ได้ยอดเยี่ยมจากการเล่นโหมด 5 VS 5 โดยปรับกราฟิกทุกอย่างเป็นระดับสูงสุดทั้งหมด ตั้งแต่ภาพ HD, เฟรมเรทสูงสุด และการแสดงผลระดับสูง ซึ่งภายในเกมตั้งแต่ช่วงต้นเกมไปถึงจบเกม เฟรมเรทแทบไม่มีเหวี่ยงให้เห็น จะอยู่ที่ 58-60fps ตลอด แถมในช่วงบวกกันแบบครบทีมที่ต่างคนต่างปล่อยสกิลก็ต้องยิ่งใช้กราฟิกมากแต่ความสมูทของเกมกลับไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย ทั้งนี้ระบบสัมผัสก็ทำให้ไหลลื่นมากๆ
เปิดกราฟิกสูงสุดและ 60fps
ทั้งนี้ เมื่อใครได้ลองเล่น ROV บน OPPO A9 2020 เราแนะนำให้เปิดกราฟิกทุกอย่างให้สูงที่สุดเพื่ออรรถรสของเกมแบบมันหยด แถมสเปคระดับนี้ก็ยังไม่ต้องกังวลด้วยว่าจะเล่นแล้วหัวร้อนเพราะกระตุกหรือแบตเตอรี่จะหมด เพราะสมาร์ทโฟนราคาเบาแต่สเปคแรงเครื่องนี้ทำได้อย่างยอดเยี่ยมมากๆ
ส่วนใครที่อยากเปิดกราฟิกระดับกลางและเฟรมเรท 30fps จากที่ลองเล่น แม้ว่าจะเล่นได้ไม่กระตุกก็จริงแต่ภาพต่างๆ จะไม่คมชัดและรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในเกมอย่างต้นไม้, พื้นดินหรือเอฟเฟ็กต์ระหว่างปล่อยสกิลจะไม่เท่าระดับสูง แถมความสมูทยังสู้ระดับ 60fps ไม่ได้ด้วย
เปิดกราฟิกระดับกลางและ 30fps
เปิดกราฟิกระดับกลางและ 30fps
เปิดกราฟิกระดับกลางและ 30fps
เปิดกราฟิกระดับกลางและ 30fps
นอกจากนี้ ความได้เปรียบอีกอย่างหนึ่งของ OPPO A9 2020 คือการมาพร้อมกับหน้าจอ New Waterdrop Screen มีหยดน้ำเล็กลงมาก ทำให้มีขนาดที่ 6.5 นิ้ว ช่วยให้เราเห็นภาพในเกมได้แบบเต็มตา ควบคู่กับการเห็นมุมมองที่กว้างกว่าผู้เล่นคนอื่นๆ ทำให้มองเห็นสิ่งที่อยู่รอบๆ ขอบจอระหว่างเกมได้มากกว่านั่นเอง
เปิดกราฟิกสูงสุดและ 60fps
เปิดกราฟิกสูงสุดและ 60fps
เปิดกราฟิกสูงสุดและ 60fps
PUBG Mobile
สำหรับ PUBG Mobile แน่นอนว่าเครื่องระดับ Super Spec ต้องเล่นได้อย่างไหลลื่น โดยการปรับกราฟิกจะเปิดในระดับสมดุลควบคู่กับเฟรมเรทระดับกลางซึ่งหากสูงกว่านี้ต้องต้องรออัปเดท ซึ่งความไหลลื่นที่เราบอกจะเห็นตั้งแต่ช่วงเข้าเกมเพราะเข้ามาหน้าหลักได้รวดเร็วและเมื่อเข้าไปเล่นในเกมระบบสัมผัสต่างๆ ก็ไปตามนิ้วได้แทบจะทันที ยังไม่เห็นความหนืดหรือความล่าช้าของการควบคุมเลยด้วย
Asphalt 9: Legends
ด้าน Asphalt 9: Legends เราทดสอบการเปิดกราฟิกทั้งแบบปกติและคุณภาพสูง โดยการเปิดแบบปกติสามารถเล่นได้แบบไม่มีปัญหาอะไร เฟรมเรทลื่นๆ ส่วนการเปิดแบบคุณภาพสูง เฟรมเรทอาจจะมีดรอปลงมาบ้างแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร เพราะยังคงเล่นได้สนุกเหมือนเดิม
ทั้งนี้ในส่วนของการเล่นเกม OPPO จะมาพร้อมกับฟีเจอร์ Game Space ที่รวบรวมเกมทั้งหมดไว้ในที่เดียวซึ่งยังมีความสามารถในจำกัดการเข้าถึงของเครือข่ายไม่ให้ไปใช้งานกับแอปอื่นมากนักเพื่อให้การเล่นเกมเสถียรมากยิ่งขึ้น รวมถึงการปรับโหมดต่างๆ ให้อีกด้วย ดังนี้
- โหมดการแข่งขัน : ช่วยปรับปรุงภาพและความสวยงามของเกม โดยจะใช้พลังงานของแบตเตอรี่สูงขึ้น
- โหมดสมดุล : เป็นการปรับให้คุณภาพและการใช้งานแบตเตอรี่ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป
- โหมดใช้พลังงานต่ำ : จะเป็นการลดคุณภาพของภาพในเกมลงเล็กน้อยเพื่อให้ใช้งานได้นานยิ่งขึ้น
นอกจากจะปรับโหมดได้แล้ว Game Space 2.0 ยังสามารถปิดกั้นการแจ้งเตือนได้แบบสมบูรณ์เพื่อไม่ให้มีอะไรมารบกวนเราขณะเล่น ซึ่งฟีเจอร์ต้องขอบอกว่าปิดกั้นทุกอย่างจริงๆ ไม่ว่าจะแจ้งเตือนแอปหรือการโทรเข้า แต่หากใครที่ชอบมีงานด่วนก็สามารถเปิดตั้งค่าให้แสดงสายเรียกเข้าเป็นแถบเล็กได้เหมือนกัน
จากที่เราบอกถึงฟีเจอร์ Dolby Amtos ไปข้างต้น ต้องบอกว่าเสียงระหว่างการเล่นเกมก็ทำได้ยอดเยี่ยมเช่นกัน โดยเฉพาะเกม PUBG Mobile ที่แทบไม่ต้องใช้หูฟัง เพราะลำโพงทั้ง 2 ข้างแยกแยะเสียงซ้าย-ขวาให้ด้วย
แบตเตอรี่อึดใช้งานได้ทั้งวัน
OPPO A9 2020 มาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่มีความจุมากถึง 5,000 mAh ถือว่าให้เยอะกว่ารุ่นเรือธงหลายตัวกันเลย ทำให้เราใช้งานดูหนังหรือเล่นโซเชียลต่างๆ ได้แบบเต็มวัน หรือหากชอบเล่นเกมไม่ว่าจะ PUBG Mobile หรือ ROV ก็เล่นได้นานติดต่อกันได้ถึง 5-6 ชั่วโมง แบบ Non-Stop และตัวเครื่องก็ยังร้อนไม่มากอีกด้วยเมื่อเทียบกับระยะเวลาของการเล่น
ทั้งนี้ แบตเยอะแล้วก็ต้องแชร์บ้าง โดยเราสามารถใช้เทคโนโลยี Reverse Charging ผ่านสาย OTG เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ให้กับเครื่องอื่นได้อีกด้วย
[กล้องถ่ายรูป]
ขึ้นชื่อว่า OPPO เรื่องกล้องถ่ายรูปใน OPPO A9 2020 ก็จัดเต็มแน่นอนด้วยการให้กล้องหลังมาถึง 4 เลนส์ โดยเรียงจากบนลงล่างจะมีดังนี้
- เลนส์ Ultra Wide- Angle 119 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.25
- เลนส์หลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8
- เลนส์ Monochrome ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- เลนส์ Portrait ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
AI Scene Recognition จดจำซีนได้แม่นยำ
แน่นอนว่าต้องมีอย่างแน่นอนสำหรับฟีเจอร์ AI Scene Recognition หรือการแยกแยะหมวดหมู่ในการช่วยในปรับแต่งภาพและสีให้เหมาะสมกับวัตถุต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์โดยสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว โดยเราจะเห็นว่าไม่ว่าจะเป็นพืช, ช่อดอกไม้, อาหาร หรือท้องฟ้า ภาพที่ได้ออกมาจะมีเฉดสีที่แตกต่างกัน
ความละเอียดสูง 48 ล้านพิกเซล
ด้วยเลนส์ที่สามารถถ่ายภาพได้ความละเอียดสูงสุดถึง 48 ล้านพิกเซล ก็สามารถทำให้เราได้ภาพที่มีขนาดใหญ่ มีรายละเอียดสูง และคมชัดในเวลาเดียวกัน
Ultra Wide-Angle ถ่ายอะไรก็เก็บได้ครบ
OPPO A9 2020 ยังมาพร้อมกับเลนส์ Ultra Wide-Angle ที่มีองศากว้างถึง 119 องศาอีกด้วย โดยจะเหมาะสำหรับการถ่ายภาพวิวหรือสถานที่ท่องเที่ยวที่มีตึกสูงๆ ช่วยให้ได้ภาพบรรยากาศรอบข้างได้แบบครบองค์ประกอบ หรือใครอยากได้ภาพเต็มตาแต่อยู่ใกล้วัตถุมาก เลนส์นี้จะช่วยเราได้มากเลยทีเดียว
ถ่ายภาพกลางคืนให้สวยคมชัดด้วย Ultra Night Mode 2.0
การถ่ายภาพตอนกลางคืนก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน โดย OPPO A9 2020 มาพร้อมฟีเจอร์ Ultra Night mode 2.0 กันแล้ว โดยจะช่วยให้ Noise ในภาพเกิดน้อยลง และใช้เวลาไม่นานในการถือค้างไว้อีกด้วย โดยยังใช้โหมดนี้ร่วมกับเลนส์ Ultra-Wide ได้อีกด้วย
เลนส์ Ultra-Wide Angle + Ultra Night Mode 2.0
ภาพที่ถ่ายออกมาจะมีความสว่างมากขึ้น ทั้งยังเก็บรายละเอียดได้ดีกว่าเดิมอีกด้วย ต่างจากภาพถ่ายกลางคืนปกติที่จะมีความมืดและไม่คมชัดอีกด้วย
Dazzle Color เพิ่มเฉดสีให้ภาพงดงามขึ้น
เป็นการเร่งเฉดสีเพิ่มความสดภายในภาพมากขึ้น โดยเมื่อลองเทียบภาพที่เปิดและปิด Dazzle Color ก็จะเห็นได้ชัดเลยว่าภาพที่เปิดจะสีเข้มและดูสมจริงเหมือนที่ตาเห็นมากกว่าแบบที่ปิด
ถ่ายภาพขาว-ดำด้วยเลนส์ Monochrome
อีก 1 เลนส์ที่เพิ่มเข้ามาของ OPPO A9 2020 คือเลนส์ Monochrome ที่ช่วยให้เราถ่ายภาพขาว-ดำโดยจะมีความแตกต่างจากการใช้ฟิลเตอร์ทั่วไป ตรงที่เฉดของโทนสีดำ, ขาวและเทาจะไล่อย่างมีระดับมากขึ้นนั่นเอง
ถ่ายด้วยเลนส์ปกติ
เลนส์ Monochrome
ภาพถ่ายบุคคลคมชัด และละลายฉากหลังเป็นธรรมชาติ
กล้องหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซลของ OPPO A9 2020 ทำให้เก็บรายละเอียดของภาพถ่ายทำได้ดีมากขึ้น โดยเฉพาะรายละเอียดเล็กๆ ของตัวแบบไม่ว่าจะเป็นเส้นผมหรือใบหน้าจะเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น
โหมดภาพถ่ายบุคคลแบบหน้าชัดหลังละลาย ซึ่งเป็นความสามารถด้านฮาร์ดแวร์ของกล้องหลักและกล้อง Portrait ทำงานร่วมกัน ทำให้การละลายฉากหลังทำได้เป็นธรรมชาติ
OPPO A9 2020 ได้เพิ่มฟีเจอร์สำหรับการถ่ายภาพบุคคลให้มีความโดดเด่นสวยงามมากขึ้นจากฟิลเตอร์ที่มีให้เลือกถึง 7 สไตล์ โดยเอฟเฟ็กต์ฟิลเตอร์ 06 และ 07 ที่เป็นแนวการถ่ายนิตยสารและสไตล์ย้อนยุค (retrofilm) เป็นการใช้ความสามารถของกล้อง Monochrome เข้ามาช่วยทำให้ภาพมีเฉดสีย้อนยุคที่สวยงามมากขึ้น
กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ใบหน้าสวยชัดด้วย AI Beautification
OPPO A9 2020 มาพร้อมกับกล้องหน้า AI Beautification ที่ปรับแต่งใบหน้าสวยให้อัตโนมัติโดยที่แทบไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม เพราะ AI จะคำนวณให้แล้วทั้งหมด โดยการปรับของ AI ยังมีการวิเคราะห์ลักษณะผิวค่าความงามของผู้ชายและผู้หญิงให้มีความแตกต่างกันอีกด้วย
นอกจากนี้แล้ว ในเรื่องของการถ่ายวิดีโอยังมีฟีเจอร์ให้มาเพียบเช่นกัน ตั้งแต่การป้องกันสั่นไหว Video Stability (EIS), สามารถถ่ายภาพระหว่างการถ่ายวิดีโอได้เป็น Ultra Night Mode 2.0 ด้วย, สามารถเร่งเฉสีด้วย Dazzle Color และถ่าย Slow Motion ได้อีกด้วย
สรุปจุดเด่น
- ดีไซน์สวยงามมากว่า OPPO A Series รุ่นก่อนๆ
- หน้าจอใหญ่ 6.5 นิ้ว หยดน้ำเล็กลง
- มีสเปคแรงสุดด้วยหน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 665 AIE ควบคู่ RAM 8GB และมีความจุ 128GB
- Game Boost 2.0 ช่วยให้ใช้งานได้ลื่นไหล
- มีลำโพงคู่สเตอริโอ พร้อมระบบเสียง Dolby Amtos
- มีกล้องหลัง 4 เลนส์ ฟีเจอร์ครบครัน
- แบตเตอรี่อึดด้วยความจุ 5,000 mAh สามารถใช้งานทั่วไปได้เต็มวันแน่นอน
- พอร์ต USB Type-C
- ราคาคุ้มค่าเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนในระดับเดียวกัน
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- หน้าจอความละเอียด HD+
สำหรับ OPPO A9 2020 จะมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีเขียว (Marine Green) และสีม่วง (Space Purple) สนนราคาอยู่ที่ 8,990 บาท พิเศษ! รับฟรี OPPO Smart Bag มูลค่า 1,590 บาท เมื่อ Pre-Order ตั้งแต่วันที่ 16 – 27 กันยายนนี้ ที่ OPPO Brand shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
จอง OPPO A9 2020กับผู้ให้บริการเครือข่ายที่ร่วมรายการ เริ่มต้นเพียง 3,990 บาท เปิดจอง 16-27 กันยายน 2562 เมื่อซื้อพร้อมแพ็คเกจ