Featured
รีวิว OPPO F11 Pro ที่สุดของดีไซน์โดดเด่น ถ่าย Portrait สวย แม้แสงน้อย
OPPO F11 Pro สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดที่มาพร้อมการอัพเกรดครั้งใหญ่ให้กับสมาร์ทโฟนระดับกลางใน F-series โดยได้รับการดีไซน์ตัวเครื่องระดับพรีเมียม หน้าจอแสดงผลเต็มขอบแบบไร้รอยบาก และมีกล้องหน้า Rising Camera ยกขึ้นอัตโนมัติ
สรุปสเปค OPPO F11 Pro
- ราคาเปิดตัว 10,990 บาท (มีนาคม 2019)
- รองรับ 2 ซิมการ์ด
- หน้าจอแสดงผลขนาด 6.53 นิ้ว Panoramic Screen ความละเอียด 1080 x 2340 พิกเซล
- ระบบปฏิบัติการ ColorOS 6 (Android 9.0 Pie)
- ชิพเซ็ต Mediatek Helio P70 (12nm)
- แรม 6GB
- ความจุตัวเครื่อง 64GB ใส่เมมเพิ่มได้ด้วย microSD card สูงสุด 256GB
- กล้องหลัง 2 ตัว
- เลนส์หลักขนาด 48 ล้านพิกเซล f/1.79
- Depth sensor ขนาด 5 ล้านพิกเซล f/2.4
- กล้องหน้าเลื่อนได้อัตโนมัติ 16 ล้านพิกเซล f 2.0
- แบตเตอรี่ขนาด 4000mAh, VOOC 3.0
- รองรับ Bluetooth 5.0, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, microUSB
- สแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง และปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า
ดีไซน์ตัวเครื่องและหน้าจอแสดงผล
OPPO F11 Pro มาพร้อมกับการจัดวางโลโก้ OPPO แบบใหม่ที่ด้านหลังตัวเครื่องในแนวตั้ง จากเดิมจะเป็นข้อความในแนวนอน และมีข้อความเพิ่มเข้ามาว่า Designed by OPPO
สีตัวเครื่องยังคงไล่เฉดสี แต่เพิ่มพิเศษให้โดดเด่นไม่เหมือนใคร โดยสี Thunder Black เป็นการไล่ 3 เฉดสีครั้งแรก จากน้ำเงินที่บริเวณส่วนล่างไปเป็นสีดำบริเวณกลางเครื่อง และเป็นสีม่วงที่บริเวณส่วนบน ในขณะที่ผิวตัวเครื่องมีลักษณะเรียบ ใช้เทคโนโลยี Nano Printing และฝาหลังมีความโค้งแบบ 3D Glass ทำให้ตัวเครื่องมีความสวยหรู พรีเมียมมากขึ้น
ขอบด้านบนและด้านล่างของ OPPO F11 Pro มีขอบที่โค้งเว้า ทำให้เวลาใช้ใช้งานกระชับเหมาะมือ ถือใช้งานได้สะดวกสบายมากขึ้น
นอกจากนี้แล้ว OPPO F11 Pro ยังได้ปรับเปลี่ยนตำแหน่งของลำโพงและไมโครโฟนใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกบังเมื่อเล่นเกมหรือใช้งานการโทร โดยติดตั้งลำโพงอีกหนึ่งตัวที่ตรงกลางขอบด้านบนตัวเครื่อง เพื่อให้รับเสียงได้ดีขึ้น ถึงแม้ว่าไมโครโฟนอันหนึ่งจะโดนปิดหรือบดบัง ก็ยังมีไมโครโฟนอีกอันหนึ่งที่สามารถใช้ได้อยู่
หน้าจอแสดงผลพัฒนาจาก OPPO F9 ไม่มีรอยบากรูปหยดน้ำอีกต่อไปแล้ว ซึ่งทาง OPPO เรียกหน้าจอแบบชิดขอบของจริงนี้ว่า Panoramic Screen ขนาด 6.53 นิ้ว เห็นหน้าจอใหญ่แบบเต็มตาโดยไม่มีรอยบากรบกวนสายตา และครอบด้วยกระจกกันรอย Gorilla Glass 5
อัตราส่วนหน้าจอ 19.5:9 และสัดส่วนหน้าจอที่ให้มามากถึง 90.9% ของพื้นที่ด้านหน้าตัวเครื่องจะช่วยให้เวลาใช้งานมองเห็นภาพบนหน้าจอได้ใหญ่เต็มตามากขึ้น และในขณะเดียวกันก็ยังถือสบายเหมาะมือ
การดีไซน์ที่ทำให้ OPPO F11 Pro มีหน้าจอแสดงผลชิดขอบทุกด้าน คือกล้องถ่ายรูปด้านหน้าแบบยกขึ้นโดยอัตโนมัติที่เรียกว่า Rising Camera ขนาด 16 ล้านพิกเซล f/2.0 ซึ่งเป็นการนำนวัตกรรมใหม่ๆ ด้านกล้องถ่ายรูปมาใช้งานกับสมาร์ทโฟนระดับกลางเป็นครั้งแรก
ตัวกล้องหน้าไม่ได้มีดีแค่เพียงยกขึ้นมาเท่านั้น แต่ยังมีการใส่เทคโนโลยีวัดแรงโน้มถ่วงเมื่อเครื่องกำลังตกพื้น ตัวกล้องก็จะยุบลงเก็บอัตโนมัติ รวมไปถึงถ้าตัวกล้องถูกดันหรือชนกับสิ่งของก็จะยุบลงเก็บอัตโนมัติด้วย เพื่อไม่ให้เกิดความหายต่อการใช้งาน และสำหรับระยะเวลาในการใช้งานตัวกล้องที่ยกขึ้นอัตโนมัตินี้ ทาง OPPO ได้ทดสอบมาแล้วและยืนยันว่า หากใช้งานโดยเฉลี่ย 100 ครั้ง/วัน ก็จะใช้งานได้ยาวนานถึง 6 ปีเลยทีเดียว
นอกจากนี้แล้ว OPPO ยังได้ใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ เพื่อให้พื้นที่ด้านหน้ามีความสวยงามและเพื่อให้ได้หน้าจอที่เต็มอย่างแท้จริง โดการซ่อนเซ็นเซอร์แสงให้อยู่ภายในบริเวณของช่องลำโพงที่อยู่ระหว่างกรอบด้านข้างหน้าจอด้วยขนาดความกว้างเพียง 0.5 มม.
ซอฟต์แวร์และฟังก์ชั่นการใช้งาน
OPPO F11 Pro รันระบบปฏิบัติการ ColorOS 6 เวอร์ชั่นล่าสุดตั้งแต่แกะออกจากกล่อง ซึ่งครอบทับอยู่บน Android 9.0 Pie โดยมาพร้อมกับการปรับดีไซน์ UI ใหม่ เน้นเฉดสีพื้นหลังสีขาวที่ดูเรียบง่าย พร้อมกับการไล่เฉดสีที่ดูอ่อนโยน นุ่มนวล ทำให้เวลาใช้งานดูสบายตามากขึ้น
ความห่างระหว่างเมนูและการจัดวางเส้นแบ่งต่างๆ ในเมนูการตั้งค่าทำให้ง่ายต่อการแตะเรียกใช้งานได้ง่ายมากขึ้น รวมไปถึงเลย์เอาท์ที่ปรับระยะห่างระหว่างคำและย่อหน้าให้เหมาะสมกับการอ่านที่ดูแล้วสบายตา อ่านง่ายมากขึ้นด้วย
ไอคอนแอพพลิเคชั่นระบบได้รับการดีไซน์ใหม่เช่นเดียวกัน โดยมีสีสันที่สดใสและเป็นไอคอนแบบวงกลม ไม่จำเป็นจะต้องเป็นทรงสี่เหลี่ยมอีกต่อไปแล้ว ทำให้หน้าจอดูเป็นอิสระและมีความสวยงาม
สำหรับภาพวอลเปเปอร์ก็ได้จับมือกับสตูดิโอ ANF โดยการเพิ่มภาพศิลปะสมัยใหม่ที่ได้รับอิทธิพลจากพลังแห่งธรรมชาติ ให้ผู้ใช้งานได้เลือกเปลี่ยนภาพสวยๆ ได้แบบฟรีๆ
อนิเมชั่นภาพเคลื่อนไหวต่างๆ ก็มีลูกเล่นสวยๆ ใหม่เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นในขณะชาร์จแบตเตอรี่จะมีเอฟเฟ็กต์ไอคอนวงกลม VOOC ที่เหมือนการไหลของพลังงานเข้าสู่ศูนย์กลางของวงกลม เพื่อสื่อถึงพลังของการชาร์จไฟที่กำลังไหลเข้าสู่ตัวเครื่องอย่างต่อเนื่อง
อนิเมชั่นในหน้าจอคำแนะนำการบันทึกใบหน้าสำหรับการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้าก็มีเอฟเฟ็กต์ตัวการ์ตูนและสีสันสดใสน่ารักๆ ด้วย
ในแกลเลอรี่รูปภาพสามารถใช้ 2 นิ้วกางออกเพื่อซูมการจัดเรียงภาพให้มีขนาดใหญ่ขึ้น หรือหุบเข้าหาเพื่อย่อการเรียงรูปภาพให้มีขนาดเล็กลง หรือจะใช้ย่อ-ขยายข้อความก็ได้เช่นกัน
ColorOS 6 ได้รับการดีไซน์ให้ทำงานร่วมกับหน้าจอแบบ Full-Screen ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยการเพิ่มการใช้ท่าทาง Android P แบบใหม่ สามารถเข้าไปเลือกเปิดใช้งานได้ในเมนู การตั้งค่า > ตัวช่วยเพิ่มความสะดวก > ปุ่มการนำทาง
Riding Mode ฟีเจอร์ใหม่ที่จะช่วยให้การขับขี่ไม่ถูกรบกวน เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน โดยระบบจะใช้ตัวอักษรและปุ่มขนาดใหญ่ที่สามารถรับหรือปฏิเสธได้เท่านั้น และถ้าเลือกปฏิเสธสายโทรเข้า ระบบจะส่ง SMS กลับอัตโนมัติไปยังสายที่โทรเข้า หรือจะเลือกกำหนดเบอร์โทรศัพท์ที่อนุญาตในการรับสายได้ เพื่อไม่ให้พลาดสายที่สำคัญ
Smart Bar นอกจากใช้งานในแนวนอน ตอนนี้สามารถใช้งานในแนวตั้งได้แล้ว ช่วยสลับการใช้งานแอพ ส่งไฟล์ ตอบแชท จับภาพหน้าจอขณะดูวิดีโอหรือเล่นเกมได้โดยไม่ต้องสลับหน้าจอไปมา ช่วยเพิ่มความสะดวกและง่ายต่อการใช้งานมากขึ้น โดยจะมีการแสดงไอคอนแอพ แบบลอยอยู่ด้านข้างหน้าจอ และสามารถเพิ่ม/ลด แอพพลิเคชั่นที่ต้องการใช้งานมาไว้ในส่วนนี้ได้ด้วย
ความฉลาดของ AI ในแอพพลิเคชั่นรูปภาพ มีความสามารถตรวจจับใบหน้าและจดจำใบหน้าของแต่ละบุคคลได้ เพื่อแยกเป็นอัลบั้มเดียวกัน ทำให้สามารถค้นหารูปภาพได้ง่ายมากขึ้น รวมถึงการแบ่งอัลบั้มตามสถานที่ และประเภทของรูปถ่ายได้ด้วย
แอพรูปภาพยังใช้ประโยชน์จากการจดจำใบหน้าด้วย AI ในการนำมาใช้ร่วมกับฟีเจอร์ที่เรียกว่า ความทรงจำ (Memories) เพื่อนำภาพถ่ายที่เกี่ยวข้องกับบุคคลนั้นๆ มาทำเป็นคลิปวิดีโอน่ารักๆ บันทึกถึงความทรงจำจากการถ่ายภาพในแต่ละช่วงเวลา เช่น ไปเที่ยวสถานที่ใดที่หนึ่ง ก็รวมเป็นคลิปเดียวกันได้ เป็นต้น
ฟีเจอร์ด้านการเชื่อมต่อรองรับเครือข่าย 4G พร้อมกันทั้ง 2 ซิม และรองรับ VoLTE การโทรด้วยความเร็วสูงผ่านสัญญาณ 4G ที่ให้คุณภาพเสียงสนทนามีความคมชัดมากขึ้น สามารถใช้เน็ตไปพร้อมๆ กันได้ และยังรองรับ VoWi-Fi ที่สามารถโทรผ่านไวไฟได้อีกด้วย
ในเรื่องของความปลอดภัย OPPO F11 Pro สามารถแตะสแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง และใช้ใบหน้าจอในการปลดล็อคหน้าจอได้ ซึ่งการจำแนกใบหน้าจอถือว่าทำได้ดีมาก ปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว
ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่
OPPO F11 Pro ใช้ชิพประมวลผล Mediatek Helio P70 ที่มีกระบวนการผลิตขนาด 12 นาโนเมตร โดยซีพียู Octa-core แบ่งการทำงานออกเป็น 2 ระดับตามการใช้งาน คือ Quad-core 2.1GHz Cortex-A73 และ Quad-core 2.0GHz Cortex-A53 พร้อมกราฟิกหรือจีพียู Mali-G72 MP3 และแรม 6GB โดยผลการทดสอบ AnTuTu ป็นการทดสอบภาพรวมของการทำงานในส่วนของหน่วยความจำแรม และประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือจีพียู OPPO F11 Pro ทำคะแนนรวมได้ 149,751 คะแนน
ผลการทดสอบด้วย Geekbench 4 เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานและการประมวลผล การทดสอบนี้จะทำการประมวลออกมาเป็นตัวเลขแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ Single-Core และ Multi-Core หากได้คะแนนยิ่งสูงประสิทธิภาพการทำงานจะยิ่งดี โดยผลทดสอบของ OPPO F11 Pro ทำคะแนน Single-Core ได้ 1,558 คะแนน และ Multi-Core ทำได้ 5,993 คะแนน
นอกจากนี้แล้วในการเล่นเกม ยังสามารถเปิดโหมดการเร่งความเร็วเกม Hyper Boost เพื่อเรียกใช้งานซีพียูและปรับจีพียูให้จัดลำดับความสำคัญให้มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับการเล่นเกม เพื่อไม่ให้มีการรบกวนระหว่างเล่นเกมได้ Hyper Boost ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องถึง 3 ด้าน ไม่ใช่แค่เรื่องเกม แต่ยังช่วยในส่วนของระบบ และแอพพลิเคชั่นทำให้ทำงานได้เร็วขึ้นถึง 30% เลยทีเดียว
สำหรับ Game Space เป็นแอพพลิเคชั่นที่เพิ่มความสะดวกในการจัดการเกมเอาไว้ในที่เดียว เลือกโหมดการจัดการเกมได้ 3 โหมด ได้แก่ โหมดประสิทธิภาพสูงสุด โหมดสมดุล และโหมดการใช้พลังงานต่ำ
Game Assistant ตัวช่วยในการเล่นเกมสำหรับเรียกใช้งานเมนูลัดระหว่างการเล่นเกมได้ง่ายๆ เช่น ปิดการแจ้งเตือน การจับภาพหน้าจอ การบันทึกหน้าจอเป็นวิดีโอ เป็นต้น ซึ่งเป็นเมนูที่เลือกใช้งานได้โดยไม่บดบังการเล่นเกม
ทดสอบเล่นเกม PUBG Mobile สุดยอดเกมแอ็คชั่นใหม่ล่าสุดที่พัฒนาด้วย Unreal Engine 4 เป็นเกมที่มีภาพและกราฟิกที่สวยงามมาก ต้องใช้การควบคุมทิศทาง และความแม่นยำในการระบุเป้ายิง สามารถเล่นได้อย่างไม่สะดุด ไม่เจออาการกระตุกแม้จะเป็นตอนขับรถก็ตาม เรียกได้ว่าเล่นได้ลื่นๆ เล็งเป้าได้นิ่งๆ
เกม ROV หรือ Realm of Valor เกม MOBA บนมือถือที่ได้รับความนิยมมาก สำหรับการเล่นบน OPPO F11 Pro รองรับโหมดเฟรมเรตสูง ภาพระดับ HD สามารถได้ลื่นไหล ไม่มีปัญหา เฟรมเรทช่วงเข้าทีมไฟต์นิ่งมากระหว่าง 57-60 fps ส่วนฉากอื่นๆ วิ่งระหว่าง 58-60 fps และบางเฟรมวิ่งทะลุ 61 fps
แบตเตอรี่ของรุ่นนี้มีความจุมากถึง 4000mAh จากการทดสอบใช้งานทั่วไป เปิดกล้องถ่ายรูปไปราว 200 กว่ารูป, เล่นเกมราว 30 นาที และเข้าเล่นโซเชียลทั่วไป พบว่าแบตเตอรี่อยู่ได้นานทั้งวันตั้งออกจากบ้านในตอนเช้าไปทำงานจนถึงตอนค่ำๆ โดยไม่ต้องใช้ Power Bank ระหว่างวัน
นอกจากนี้แล้ว OPPO F11 Pro ยังมีระบบชาร์จไว VOOC 3.0 ด้วยกำลังไฟสูงสุด 20W โดยชาร์จได้เต็มเร็วมากขึ้นเมื่อเทียบกับเวอร์ชั่นก่อนหน้า เพียงใช้หัวอะแดปเตอร์และสายชาร์จที่มาในกล่อง ซึ่งจากการทดสอบชาร์จแบตที่ 20% จน 71% ใช้เวลาเพียง 40 นาทีเท่านั้น ซึ่งถือว่ารวดเร็วมากๆ ตอบโจทย์การใช้งานในยุคที่ต้องเร่งรีบได้เป็นอย่างดี ไม่ต้องรอนานอีกต่อไป
VOOC 3.0 ยังได้รับการรับรองจาก TÜV SÜD ซึ่งได้รับการยอมรับจากองค์กรระหว่างประเทศชั้นนำในด้านความปลอดภัยและความรวดเร็ว จึงมั่นใจได้ว่าการชาร์จแบต OPPO F11 Pro นั้นมีความปลอดภัยทุกครั้งที่ทำการชาร์จ
กล้องถ่ายรูป
OPPO F11 Pro เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางที่ได้รับการอัพเกรดกล้องหลังระดับไฮเอนด์ ซึ่งเป็นกล้องหลังคู่ 48 ล้านพิกเซล + 5 ล้านพิกเซล โดยกล้อง 48 ล้านพิกเซล ประกอบด้วย 6 ชิ้นเลนส์ ทำให้รับภาพได้คมชัดมากขึ้น และมาพร้อมรูรับแสงกว้าง f/1.79 สามารถจับแสงได้สว่างมากขึ้น โดยเฉพาะการถ่ายภาพในที่แสงน้อยหรือในที่ค่อนข้างมืด
F11 Pro เป็นรุ่นแรกใน F-series ที่มีความสามารถในการถ่ายภาพกลางคืนด้วย Ultra Night Mode ที่มี AI เข้ามาช่วยลดนอยซ์ และทำการถ่ายภาพหลายเฟรมแล้วนำมารวมเป็นภาพเดียว โดยใช้เทคโนโลยี Ultra-clear Engine และ Color Mapping ของ OPPO ในการแยกความแตกต่างระหว่างบุคคลและพื้นหลัง โฟกัสที่ใบหน้า พร้อมปรับสีผิวสำหรับการถ่ายภาพกลางคืน เพื่อให้ได้ภาพที่เป็นธรรมชาติมีชีวิตชีวา และเพิ่มความสว่างในส่วนที่มืด เพื่อให้ได้ภาพที่ละเอียดและคมชัดมากยิ่งขึ้น
สำหรับ Portrait Mode ซอฟต์แวร์กล้องมีระบบตรวจจับใบหน้าอัตโนมัติเพื่อการโฟกัสตัวบุคคลที่แม่นยำและทำให้การละลายฉากหลังทำได้เนียนเป็นธรรมชาติมากขึ้น
การถ่ายภาพด้วย Portrait Mode จากกล้องหลังของ OPPO F11 Pro ทำได้ดีมากยิ่งขึ้น ด้วยกล้องหลักความละเอียดสูงที่มีรูรับแสงกว้าง และกล้อง Depth Sensor ที่ช่วยเก็บระยะความลึกของภาพ ทำให้การละลายฉากหลังทำให้เนียนสวยเป็นธรรมชาติ จะเห็นว่าในช่วงแสงน้อยตอนเย็นๆ หรือตอนค่ำ ตัวกล้องยังสามารถถ่ายภาพได้สว่างและเห็นรายละเอียดชัดเจนแม้สายตาของคนเราจะมองไม่เห็นก็ตาม
สำหรับภาพนี้ใช้ลูกเล่นการถ่ายภาพจากกระจกเงาด้วย Portrait Mode ซึ่งกล้องก็ยังสามารถเก็บรายละเอียดและละลายฉากหลังได้เนียน โดยช่วงเวลาที่ถ่ายก็เกือบๆ 6 โมเย็นแล้ว แต่ด้วยกล้องมือถือที่จะให้ภาพที่สว่างกว่าตาของคนเรา โดยเฉพาะใน F11 Pro ที่มีรูรับแสงกว้าง f/1.79 จึงทำให้ได้ภาพที่สว่างคมชัดมากยิ่งขึ้น
แสงแดดยามเย็นที่มีแสงโทนสีเหลืองอุ่นๆ เมื่อถ่ายด้วย Portrait Mode ถือว่าทำภาพออกมาได้สวยเป็นธรรมชาติมาก เห็นใบหน้าชัดเจน และยังเห็นว่ามีแสงแดดอ่อนๆ ยามเย็นอีกด้วย
ภาพทั้งหมดข้างบนนี้ถ่ายในช่วงเวลาประมาณ 6 โมงกว่าๆ เริ่มมีการเปิดไฟตามร้านค้าต่างๆ แล้ว แต่ด้วยกล้องมือถือของ F11 Pro ทำให้ภาพดูมีความสว่างมากกว่าที่ตาเห็น และจะสังเกตเห็นการละลายฉากหลังของ Portrait Mode ทำให้เห็นเป็นโบเก้ของดวงไฟเป็นวงๆ สวยงาม
การถ่าย Portrait Mode ในช่วงกลางคืนที่ค่อนข้างมืด และมีแสงไฟสีต่างๆ กล้องหลังของ F11 Pro ก็ให้ภาพที่สว่างสวยงาม จุดโฟกัสที่ตัวบางแบบก็ทำได้คมชัดมาก ทำให้การละลายฉากหลังทำได้เนียนเป็นธรรมชาติ
สำหรับ Dazzle Color Mode เป็นความสามารถของเทคโนโลยี AI Engine จะจำฉากต่างๆ แล้วปรับค่าให้เหมาะสม ซึ่งทำงานร่วมกับ Color Engine ที่ใช้เทคนิคพิเศษที่เรียกว่า Mapping Curve เพื่อเพิ่มความสว่างและเพิ่มสีของภาพถ่ายให้สดใสมากขึ้น
สำหรับกล้องหน้าเซลฟี่ก็ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปอีกด้วยนวัตกรรมกล้องเลื่อนขึ้นอัตโนมัติ Rising Camera ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/2.0
สรุปจุดเด่น
- OPPO F11 Pro เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางที่มีดีไซน์สวยงาม ใส่ฟีเจอร์มาให้ครบทุกด้านไม่แพ้รุ่นไฮเอนด์ ในราคาหมื่นเดียวที่ทุกคนสามารถจับต้องได้ง่าย
- หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่แบบเต็มขอบของจริง 6.53 นิ้ว Panoramic Screen ความละเอียด 1080 x 2340 พิกเซล ไม่มีรอยบากให้รบกวนสายตาเวลาใช้งานอีกต่อไปแล้ว
- รันระบบปฏิบัติการ ColorOS 6 (Android 9.0 Pie) ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดตั้งแต่แกะออกจากกล่อง ไม่ต้องรออัพเดท
- ชิพเซ็ต Mediatek Helio P70 (12nm) และแรม 6GB ใช้งานทั่วไปได้ลื่นไหล และเล่นเกมกราฟิกสายๆ ได้ไม่มีสะดุด ซึ่งมีฟีเจอร์ตัวเร่งประสิทธิภาพการเล่นเกมที่เรียกว่า Hyper Boost เข้ามาช่วย
- กล้องหลัง 2 ตัว เลนส์หลักขนาด 48 ล้านพิกเซล f/1.79 + Depth sensor ขนาด 5 ล้านพิกเซล f/2.4 ถ่ายภาพกลางคืนได้สว่างและถ่าย Portrait ได้สวยทุกสภาพแสง รวมไปถึงระบบโฟกัสที่รวดเร็วด้วย
- กล้องหน้าเลื่อนได้อัตโนมัติ 16 ล้านพิกเซล และเลื่อนเก็บได้อัตโนมัติเมื่อเครื่องตกหรือกระแทก
- แบตเตอรี่ขนาด 4000mAh ใช้งานทั่วไปได้ทั้งวัน และชาร์จไว VOOC 3.0
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- ถาดซิมแบบไฮบริด ต้องเลือกระหว่างใส่ซิม 2 หรือ microSD card
ราคาจำหน่าย (อัพเดท 1 ก.ค. 62)
- OPPO F11 Pro RAM 6 GB ROM 128 GB ราคา 10,490 บาท มี 3 สี Thunder Black, Aurora Green และ Waterfall Gray
- OPPO F11 Pro RAM 6 GB ROM 64 GB ราคา 9,990 บาท มี 2 สี Thunder Black และ Aurora Green
รายละเอียดเพิ่มเติม www.facebook.com/oppothai