Featured
รีวิว OPPO F9 แฟชั่นผสานรวมกับเทคโลโนยีชาร์จไว VOOC อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ที่ไม่เคยมีมาก่อน
OPPO F9 เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่เรียกว่าเป็นการข้ามขีดจำกัดด้านการดีไซน์ของ OPPO อีกรุ่นเลยก็ว่าได้ ด้วยรอยบากหน้าจอแบบหยดน้ำเพื่อให้พื้นที่ด้านหน้าใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด และชาร์จไว VOOC เป็นรุ่นแรกในซีรีย์ F
เชื่อว่าทุกคนรู้จักสมาร์ทโฟนซีรีย์ F ของ OPPO เป็นสมาร์ทโฟนที่มีความโดดเด่นด้านกล้องเซลฟี่ที่ถ่ายสวยด้วย AI Beauty และราคาที่ทุกคนสามารถจับต้องได้ ซึ่งในรุ่นใหม่ OPPO F9 จะเป็นรุ่นที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีที่ดีที่สุดของ OPPO เพื่อให้แฟนๆ สามารถใช้งานได้อย่างเทคโนโลยี VOOC Flash Charge และดีไซน์ที่พัฒนาไปอีกขั้น แต่ก่อนที่จะไปดูรีวิวแบบเจาะลึกทุกฟีเจอร์ มาดูข้อมูลสเปคของรุ่นนี้กันก่อนเลย
- ราคาเปิดตัว 10,990 บาท (สิงหาคม 2018)
- ขนาดตัวเครื่อง 156.7 x 74.04 x 7.99 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 169 กรัม
- หน้าจอขนาด 6.3 นิ้ว LTPS IPS LCD ความละเอียดระดับ FullHD+ (2340 x 1080 พิกเซล)
- ระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ครอบด้วย ColorOS 5.2
- ชิพเซ็ต Mediatek MT6771 Helio P60
- จีพียู Mali-G72 MP3
- แรม 6GB
- ความจุตัวเครื่อง 64GB ใสเมมเพิ่มได้สูงสุด 256GB
- กล้องหลังเลนส์คู่ 16 ล้านพิกเซล (RGB) รูรับแสง f/1.8 และ 2 ล้านพิกเซล (Depth Sensor) รูรับแสง f/2.4
- กล้องหน้า 25 ล้านพิกเซล (RGB) รูรับแสง f/2.0
- พอร์ตเชื่อมต่อ microUSB, Wi-Fi ac, Bluetooth 4.2
- แบตเตอรี่ 3500mAh ชาร์จไว VOOC Flash Charge 5V/4A 20W
- จดจำใบหน้าและสแกนลายนิ้วมือ
แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล
อุปกรณ์ที่มีให้ในกล่อง ได้แก่ ตัวเครื่อง OPPO F9 พร้อมแบตเตอรี่ในตัว, สาย microUSB, อะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว VOOC, เคสใส, คู่มือใช้งาน และเข็มจิ้มถาดใส่ซิม
สำหรับอะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว VOOC รองรับกระแสไฟสูงสุด 5V/4A 20W ใช้คู่กับสายชาร์จที่แถมมาให้ในกล่อง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการชาร์จไวที่มีอยู่ในสมาร์ทโฟนไฮเอนด์ของ OPPO แต่ในวันนี้ถูกนำมาใช้งานกับสมาร์ทโฟนระดับกลางแล้ว เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ง่ายมากขึ้น
OPPO F9 เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่มีการไล่เฉดสีทั้งตัวขอบเครื่องและฝาหลัง ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็เห็นถึงสีสันที่โดดเด่นของตัวเครื่อง ซึ่งในรุ่นนี้ไม่ได้มีการไล่เฉดสีเพียงอย่างเดียว แต่ยังเพิ่มลวดลายกลีบดอกไม้ที่จะมองเห็นได้เมื่อสีแสงไฟตกกระทบหรือมองตัวเครื่องจากมุมต่างๆ จึงทำให้รุ่นนี้มีความโดดเด่น สวยหรู ถือใช้งานได้เหมือนเป็นเครื่องประดับชิ้นหนึ่ง
สีแดง (Sunrise Red) เป็นการไล่เฉดสีที่ได้แรงบันดาลใจมาจากท้องฟ้ายามพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งลวดลายที่เห็นชัดนี้ต้องหันหามุมและให้แสงตกกระทบพอดี
สีน้ำเงิน (Twilight Blue) ได้แรงบันดาลใจมาจากท้องฟ้ายามค่ำคืน ซึ่งทุกครั้งที่มองจากมุมต่างกันก็จะเห็นความเข้มของเฉดสีและลวดลายแตกต่างกันออกไป
พื้นที่ด้านหน้าตัวเครื่องเต็มไปด้วยพื้นที่ของหน้าจอแสดงผลที่ขยายให้ชิดขอบทุกด้าน และเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่มาพร้อมหน้าจอรอยบากทรงหยดน้ำ ซึ่งเป็นพื้นที่รอยบากเล็กๆ สำหรับติดตั้งเลนส์กล้องหน้า ทำให้ได้พื้นที่หน้าจอแสดงผลเพิ่มขึ้นถึง 90.8% ของพื้นที่ด้านหน้า เป็นการใช้ประโยชน์พื้นที่ด้านหน้าได้อย่างเต็มที่จริงๆ โดยมีหน้าจอขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล อัตราส่วนหน้าจอ 19.5:9 เป็นหน้าจอแบบยาวที่ให้มุมมองกว้างมากขึ้น เพื่อรองรับการแสดงผลคอนเทนท์และวิดีโอได้แบบเต็มตา แต่ขนาดตัวเครื่องไม่ได้ใหญ่จนเกินไป ยังคงจับใช้งานถนัดในมือเดียว
หลายคนอาจไม่ทันสังเกตว่าลำโพงสำหรับคุยโทรศัพท์หายไปไหน รวมถึงเซ็นเซอร์ที่จำเป็นต้องอยู่ด้านหน้าก็ไม่เห็นมีเลย ซึ่งตรงนี้เองก็เป็นอีกหนึ่งการดีไซน์ที่ลำสมัยจาก OPPO ในการซ่อนลำโพง เซนเซอร์ต่างๆ และดูสะอาดตาด้วยการเคลือบผิวหน้าจอให้ดูเนียนเป็นพื้นหน้าจอที่ดำสนิท
OPPO F9 มีพอร์ตเชื่อมต่อแบบ microUSB และมีช่องหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5mm ใช้งานร่วมกับหูฟังทั่วไปได้
ถาดใส่ซิมเป็นแบบ 3 Slot รองรับซิมการ์ดขนาด Nano SIM จำนวน 2 ช่อง และใส่ microSD card เพื่อเพิ่มพื้นที่จัดเก็บให้กับตัวเครื่องได้สูงสุด 256GB
ด้านหลังมีเลนส์กล้องคู่ครั้งแรกของสมาร์ทโฟนในซีรีย์ F โดยการวางโมดูลกล้องในแนวนอน เลนส์หลักมีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล (RGB) รูรับแสง f/1.8 และ 2 ล้านพิกเซล (Depth Sensor) รูรับแสง f/2.4 สำหรับการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ Portrait Mode
อินเตอร์เฟซและฟังก์ชั่นการใช้งาน
OPPO F9 รันระบบปฏิบัติการ ColorOS 5.2 ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ซึ่งก็เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดแล้วในขณะนี้ เป็นการปรับโฉมด้านสีสันและตัวหนังสือใหม่อีกครั้ง โดยตัวซอฟต์แวร์ถูกออกแบบเพื่อการใช้งานสำหรับหน้าจอที่มีความกว้างโดยเฉพาะ รวมถึงหน้าตาที่ดูเรียบง่าย สบายตา และไม่มีแอพขยะติดตั้งมาให้รกตัวเครื่องด้วย
เริ่มจากในหน้าจอหลัก แม้จะเป็นฟีเจอร์ที่มีมาตั้งแต่เวอร์ชั่นก่อนหน้า แต่เชื่อว่าหลายคนอาจแทบไม่เคยใช้งานหรืออาจยังไม่ทราบว่าช่วยให้เรียกใช้งานเมนูข้างในแอพทำได้รวดเร็วมากขึ้นจริงๆ เมื่อแตะค้างที่ไอคอนแอพพลิเคชั่นก็จะมีเมนด่วน (Quick Actions Menus) เด้งขึ้นมาให้เลือกใช้งานแตกต่างกันออกไปตามแต่ละแอพพลิเคชั่น เช่น แอพกล้องก็จะมีเมนู การถ่ายภาพบุคคล เซลฟี่หน้าสวย เซลฟี่สติกเกอร์ อัดวิดีโอ สามารถเลือกแตะใช้งานทันได้ที เป็นต้น
อย่างที่ทราบกันว่าสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของ OPPO มีเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยให้การจัดการสิ่งต่างๆ ในตัวเครื่องนั้นง่ายและสะดวกสบายกับผู้ใช้งานมากขึ้น ซึ่งบนระบบปฏิบัติการ ColorOS 5.2 ก็มีผู้ช่วยแบบชาญฉลาด (Smart Assistant) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่รวมข้อมูลต่างๆ ไว้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นสถาพอากาศ ติดตามก้าวเดิน กิจกรรมต่างๆ จากปฏิทิน แอพพลิเคที่ใช้งานบ่อยๆ และรายชื่อติดต่อโปรด เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใช้งานในคลิกเดียว โดยสามารถเข้าใช้งานได้โดยปัดหน้าจอโฮมไปทางขวาเพื่อเข้าสู่หน้าจอนี้
OPPO F9 มาพร้อมแอพพลิเคชั่นสำหรับจัดการโทรศัพท์ (Phone Manager) ที่คอยตรวจสอบการทำงานและแก้ไขให้กลับมาทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเหมือนเดิมเพียงคลิกเดียว ไม่ต้องกดหาหรือไล่ลบแอพให้ยุ่งยากอีกต่อไปแล้ว
หน้าจอแสดงผลสวยงามรูปหยดน้ำที่กว้าง 19.5:9 ความคมชัดระดับ FullHD+ ทำให้การดูคอนเทนท์บนหน้าจอมีความคมชัด เป็นประโยชน์มากๆ เมื่อดูหน้าเว็บไซต์หรืออ่านบทความ ไม่ต้องเลื่อนหน้าจอบ่อยๆ และเมื่อดูหนังหรือวิดีโอก็จะได้มุมมองภาพแบบเต็มตาใกล้เคียงกับสัดส่วนภาพในโรงหนัง
เมื่อหน้าจอยาวและกว้างมากขึ้นแล้ว ทาง OPPO ก็ได้มีการเพิ่มฟีเจอร์การสั่งงานด้วยท่าทางการสัมผัสด้วยปลายนิ้วที่เรียกว่า Full Screen Gestures เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานมากกว่าการเอื้อมนิ้วไปกดปุ่มนำทาง
- กลับสู่หน้าจอโฮมได้ง่ายๆ โดยการปัดขึ้นจากตรงกลางจอด้านล่าง
- ย้อนกลับ ปัดขึ้นจากด้านล่างของจอฝั่งขวา
- Multitasking ปัดขึ้นจากด้านล่างของจอฝั่งซ้าย
- ศูนย์ตั้งค่า ปัดลงจากด้านบนจอ
ฟีเจอร์การสั่งงานด้วยท่าทาง นอกจากจะเป็นการมอบประสบการณ์การใช้งานใหม่ๆ และช่วยให้ง่ายในการใช้งานแล้ว ยังทำให้หน้าจอแสดงผลไม่มีปุ่มนำทางบดบังหรือเกะกะสายตาอีกด้วย
ฟีเจอร์การแบ่งหน้าจอ (Split Screen) สำหรับแบ่ง 2 หน้าจอ ใช้งานแอพพลิเคชั่นได้พร้อมกัน 2 แอพ เช่น เล่นเกมพร้อมกับแชทคุยกับเพื่อนๆ หรือดูวิดีโอและคุยแชทกับเพื่อนก็ทำได้ เป็นต้น
Smart Bar ช่วยสลับการใช้งานแอพ ส่งไฟล์ ตอบแชท จับภาพหน้าจอขณะดูวิดีโอหรือเล่นเกมได้โดยไม่ต้องสลับหน้าจอไปมา ช่วยเพิ่มความสะดวกและง่ายต่อการใช้งานมากขึ้น โดยจะมีการแสดงไอคอนแอพ แบบลอยอยู่ด้านข้างหน้าจอ
ความฉลาดของ AI ในแอพพลิเคชั่นรูปภาพ มีความสามารถตรวจจับใบหน้าและจดจำใบหน้าของแต่ละบุคคลได้ เพื่อแยกเป็นอัลบั้มเดียวกัน ทำให้สามารถค้นหารูปภาพได้ง่ายมากขึ้น รวมถึงการแบ่งอัลบั้มตามสถานที่ และประเภทของรูปถ่ายได้ด้วย
แอพรูปภาพยังใช้ประโยชน์จากการจดจำใบหน้าด้วย AI ในการนำมาใช้ร่วมกับฟีเจอร์ที่เรียกว่า ความทรงจำ (Memories) เพื่อนำภาพถ่ายที่เกี่ยวข้องกับบุคคลนั้นๆ มาทำเป็นคลิปวิดีโอน่ารักๆ บันทึกถึงความทรงจำจากการถ่ายภาพในแต่ละช่วงเวลา เช่น ไปเที่ยวสถานที่ใดที่หนึ่ง ก็รวมเป็นคลิปเดียวกันได้ เป็นต้น
เราสามารถเลือกธีม (Theme) ให้กับคลิปวิดีโอ ใส่เสียงเพลง ภาพปก ข้อความ และแก้ไขรูปภาพได้ ซึ่งวิดีโอที่สร้างเสร็จแล้วจะบันทึกลงเครื่องหรือแชร์ลงโซเชียลได้ทันที
ฟีเจอร์ด้านการเชื่อมต่อรองรับเครือข่าย 4G และรองรับ VoLTE การโทรด้วยความเร็วสูงผ่านสัญญาณ 4G ที่ให้คุณภาพเสียงสนทนามีความคมชัดมากขึ้น สามารถใช้เน็ตไปพร้อมๆ กันได้ และยังรองรับ VoWi-Fi ที่สามารถโทรผ่านไวไฟได้อีกด้วย
ในเรื่องของความปลอดภัย นอกจากจะมีระบบสแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่องแล้ว ยังสามารถใช้การจดจำใบหน้าในการปลดล็อคหน้าจอได้ด้วย ช่วยเพิ่มความสะดวกและง่ายในการเข้าใช้งาน จากที่เปิดใช้งานถือว่าทำได้ดีมาก ปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว
ด้านประสิทธิภาพการทำงาน OPPO F9 ใช้ชิพประมวลผล Mediatek MT6771 Helio P60 ที่รองรับการทำงานร่วมกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI โดยซีพียู Octa-core แบ่งการทำงานออกเป็น 2 ระดับตามการใช้งาน คือ Quad-core 2.0GHz Cortex-A73 และ Quad-core 2.0GHz Cortex-A53 พร้อมกราฟิกหรือจีพียูMali-G72 MP3 และแรม 6GB เล่นเกมได้ไม่มีปัญหา
ในการเล่นเกมสามารถเปิดโหมดการเร่งความเร็วเกม เพื่อเรียกใช้งานซีพียูและปรับจีพียูให้จัดลำดับความสำคัญให้มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับการเล่นเกม และไม่ให้มีการรบกวนระหว่างเล่นเกมได้
แบตเตอรี่ขนาด 3500mAh มีระบบจัดการพลังงานด้วย AI ช่วยให้ใช้งานได้ยาวนานทั้งวันสำหรับการใช้งานทั่วไป และรองรับชาร์จไว VOOC Flash Charge ด้วยไฟสูงสุด 5V/4A ช่วยให้ชาร์จเร็วกว่าการชาร์จปกติบนสมาร์ทโฟนทั่วไปถึง 4 เท่า ชาร์จเพียง 5 นาที ใช้โทรคุยกันได้นานถึง 2 ชั่วโมง ซึ่งถ้าใครชาร์จสมาร์ทโฟนด้วยไฟ 1A หรือ 2A อยู่ ถ้าได้ชาร์จ OPPO ด้วยระบบ VOOC จะเห็นถึงความเร็วในการชาร์จที่ชัดเจนมากๆ จึงเป็นประโยชน์มากๆ ในช่วงเวลาเร่งรีบใช้งานสมาร์ทโฟน ฟีเจอร์นี้ช่วยได้เยอะมากๆ
กล้องเซลฟี่ 25 ล้านพิกเซล AI Beauty 2.1
เริ่มจากกล้องหน้าความละเอียด 25 ล้านพิกเซล มีเทคโนโลยีผู้ช่วย AI Beauty 2.1 สามารถตรวจจับใบหน้าและช่วยปรับแต่งใบหน้าให้ออกมาสวยงามอัตโนมัติ และยังช่วยปรับแต่งคอ แขน ให้ออกมาสวยสมบูรณ์ด้วย
ภาพเซลฟี่ในโหมดปกติที่มี AI ก็ได้ภาพที่ออกมาสวยสว่างและสวยธรรมชาติแล้ว ซึ่งถ้าหากเป็นการถ่ายย้อนแสงหรือที่แสงน้อยก็สามารถเปิด HDR เพื่อให้ได้รายละเอียดของภาพที่คมชัดมากขึ้น
เอฟเฟ็กต์โบเก้ (Bokeh Effect) เซลฟี่ด้วยกล้องหน้าแบบหน้าชัดหลังเบลอก็ทำออกมาได้ดีเกินคาด ละลายฉากหลังได้เนียนๆ
กล้องหน้ามีการเพิ่ม Super Vivid Mode ช่วยเพิ่มโทนสีให้ภาพเซลฟี่มีสีสันสดใส โดดเด่นมากขึ้น
AR Sticker เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ช่วยให้การเซลฟี่สนุกมากขึ้น ด้วยลูกเล่นสติกเกอร์น่ารักๆ ใส่ลงในภาพถ่ายขณะทำการถ่ายภาพ และให้มุมมองแบบ 3 มิติ สามารถเลือกใช้งานได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง มีให้เลือกใช้ได้หลายแบบ
กล้องหลังคู่ Portrait Mode หน้าชัดหลังเบลอ
ครั้งแรกที่สมาร์ทโฟนซีรีย์ F มีกล้องหลังเลนส์คู่ โดยเลนส์หลักมีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล (RGB) รูรับแสง f/1.8 และ 2 ล้านพิกเซล (Depth Sensor) รูรับแสง f/2.4 เพื่อการถ่ายภาพบุคคลหรือ Portrait ที่สวยงามมากขึ้น ซึ่งกล้องของ OPPO ในหลายรุ่นที่ผ่านมาจนมาถึงในรุ่นนี้ต้องยอมว่ากล้องหลังทำออกมาได้มากแม้จะเป็นการถ่ายภาพในโหมดปกติก็ตาม และยิ่งเป็นกล้องหลังคู่ด้วยแล้ว การถ่ายภาพ Portrait Mode สามารถถ่ายภาพบุคคลแบบหน้าชัดหลังเบลอได้สวยเนียนเป็นธรรมชาติมากขึ้น
ภาพถ่าย Portrait Mode จะเห็นการว่าตัดขอบของตัวนางแบบและการทำเอฟเฟ็กต์ละลายฉากหลังนั้นทำออกมาได้สวยมากๆ แทบไม่เห็นรอยเลอะบริเวณขอบเลย แม้แต่เส้นผมก็ยังสามารถตัดขอบได้คม ก็คงต้องยกให้การพัฒนาด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของ OPPO ได้มีการพัฒนาให้ทำงานออกมาอย่างมีประสิทธิภาพดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
Artistic Portrait Mode จัดแสงสวยแบบ 3D lighting
OPPO F9 ยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้การถ่ายภาพบุคคลออกมาสวยจากการจัดแสงในรูปแบบต่างๆ ด้วยฟีเจอร์ที่เรียกว่า Artistic Portrait Mode โดยการใช้เทคนิคแสงแบบ 3D lighting ให้ออกมาสมบูรณ์แบบเหมือนอยู่ในสตูดิโอ ได้แก่ Natural light, Rim light, Tone light, Film light และ Bi-color light
ภาพสวยมีชีวิตชีวาด้วย Super Vivid Mode
ถ่ายภาพได้คมและสวยแล้ว เฉดสีของภาพก็เป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความรู้สึกได้เป็นอย่างดี ซึ่งใน OPPO F9 ได้มีการเพิ่มโหมด Super Vivid Mode ให้กับกล้องหลังด้วย เพื่อช่วยแต่งเติมสีสันให้ดูสวยงาม โดดเด่น มีชีวิตชีวามากขึ้นด้วย
กล้องหลังสามารถระบุภาพที่กำลังถ่ายได้ 16 ประเภท แล้วปรับค่ากล้องให้เหมาะการถ่ายภาพนั้นๆ อัตโนมัติ เช่น เมื่อหันกล้องไปที่อาหาร จะมีไอคอนอาหารขึ้นมา สามารถกดถ่ายภาพได้ทันที เราไม่ต้องตั้งค่ากล้องใดๆ เลย สะดวกมากๆ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง
สรุปจุดเด่น
- OPPO F9 เป็นสมาร์ทโฟนที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัว รูปลักษณ์สวยงามไม่เหมือนใคร ทั้งด้านดีไซน์การไล่เฉดสี และเพิ่มลวดลายกลีบดอกไม้ที่ฝาหลัง เป็นการนำแฟชั่นเข้ามารวมกับเทคโนโลยีได้อย่างลงตัว
- หน้าจอแสดงผลขนาด 6.3 นิ้ว มีรอยบากแบบหยดน้ำ ทำให้เห็นขอบดำน้อยลงมากเมื่อเทียบกับรอยบากแบบเดิม และความคมชัดระดับ FullHD+ ดูหนัง เล่นเกม ได้เต็มตามากขึ้น
- ระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ครอบด้วย ColorOS 5.2 มีฟีเจอร์ใหม่ๆ ใช้งานเพียบ ซึ่งทำงานเทคโนโลยี AI ที่เข้ามาจัดการระบบได้อย่างชาญฉลาด
- รุ่นที่นำเข้ามาวางจำหน่ายในเป็นรุ่นแรม 6GB ซึ่งช่วยให้การใช้งานมัลติทาสกิ้ง สลับแอพไปมาได้ลื่นไหลดี
- กล้องหลังเลนส์คู่ ถ่ายภาพ Portrait Mode ได้สวยงามมากๆ และมีลูกเล่นอื่นๆ ให้การถ่ายภาพมีความสนุกมากขึ้นด้วย รวมไปถึงกล้องหน้า 25 ล้านพิกเซล ถูกใจคนรักเซลฟี่อย่างแน่นอน
- แบตเตอรี่ 3500mAh ชาร์จไว VOOC Flash Charge 5V/4A 20W ชาร์จ 5 นาที คุยได้ 2 ชั่วโมง
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- ไม่มี NFC
OPPO F9 สีแดง (Sunrise Red) และสีน้ำเงิน (Twilight Blue) วางจำหน่ายแล้ว และสีม่วง (Starry Purple จะเริ่มเปิดจอง 8 – 26 กันยายนนี้ ในราคา 10,990 บาท