Smart Review
รีวิว OPPO Find N สมาร์ทโฟนพับได้รุ่นแรกของแบรนด์กับการใช้งาน 1 สัปดาห์เต็ม
รีวิว OPPO Find N สมาร์ทโฟนจอพับรุ่นแรกของ OPPO ที่เชื่อว่าตอนนี้หลายคนกำลังให้ความสนใจอย่างมากเลยทีเดียว เพราะหลังจากที่เปิดตัวในงาน INNO DAY 2021 และเราได้ทำพรีวิวไปก็เป็นกระแสไม่น้อยเลย วันนี้เราขอมารีวิวให้ชมกันหลังใช้งานมากว่า 1 สัปดาห์ว่าเป็นยังไงบ้าง ถ้าใช้งานจริง ๆ จะถูกใจเราไหมเนาะ
แต่ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า OPPO Find N เครื่องที่เราได้มาทดสอบนี้เป็นเครื่องที่จะวางจำหน่ายในจีนเท่านั้น ยังไม่มีแผนจะวางขายในไทยนะครับ แต่ไหน ๆ ก็เปิดตัวมาแล้วเลยอยากจะมารีวิวในเรื่องของเทคโนโลยีที่ OPPO ทำได้ในตอนนี้ว่ามาถึงขั้นไหนกันแล้ว บอกเลยว่ามีจุดที่น่าสนใจหลายอย่างบนรุ่นนี้และก็ยังมีจุดที่ต้องปรับอีกด้วยเช่นกัน ถ้าพร้อมแล้วมาติดตามรีวิวฉบับเต็มของ OPPO Find N พร้อม ๆ กันเลยครับ
สรุปสเปค OPPO Find N
- หน้าจอนอก : AMOLED ขนาด 5.49” ความละเอียด FHD+ (1972 x 988 พิกเซล) refresh rate 60Hz
- หน้าจอใน : AMOLED ขนาด 7.1” ความละเอียด FHD+ (1920 x 1729 พิกเซล) refresh rate 120Hz
- CPU : Snapdragon 888 Octa-core 2.84GHz (5nm)
- GPU : Adreno 660
- RAM : 8GB/12GB
- ROM : 256GB/512GB
- แบตเตอรี่ : 4500mAh
- ระบบชาร์จ : 33W Flash Charge
- กล้องหลัง : 3 ตัว
- 50MP กล้องหลัก
- 16MP กล้อง Ultra Wide
- 13MP กล้อง Tele 2X
- กล้องหน้า (ทั้งจอนอก-ใน) : 32MP
- ระบบปฏิบัติการ : Android 12 (ColorOS 12)
แกะกล่อง OPPO Find N
ก่อนเรามาแกะกล่องกันก่อนเลย ไหน ๆ ก็ได้เครื่องมาแบบครบเซ็ตแล้วเนาะ รีวิว OPPO Find N มาพร้อมกล่องสีดำขนาดใหญ่เรียกว่าสมกับเป็นรุ่นนวัตกรรมเลยล่ะ ที่ด้านหน้าจะมีชื่อรุ่นระบุไว้ชัดเจนครับ ตัวกล่องจะมีกลไกในการดันขึ้นมาเมื่อเปิดฝาดูดีมาก ๆ เลยล่ะ
เปิดขึ้นมาเราจะเจอกับตัวเครื่อง OPPO Find N อยู่ในซองอย่างดี ถัดลงไปจะเป็นชุดอุปกรณ์เสริมที่มีมาให้แค่สายชาร์จ USB type-C to type-A และอะแดปเตอร์ชาร์จ 33W Flash Charge ครับ ก็เบ็ดเสร็จอุปกรณ์ในกล่องก็มีเท่านี้เลย
สัดส่วนที่ลงตัวทั้งหน้าจอนอกและใน
ได้เวลาพูดถึงตัวดีไซน์กันแล้วครับ OPPO Find N ถูกออกแบบมาให้ใช้งานในรูปแบบสมาร์ทโฟนและกางออกเป็นแท็บเล็ตได้ ซึ่งก็เป็นไอเดียที่ไม่ได้ใหม่มากเพราะแบรนด์คู่แข่งทำมากัน 2 – 3 รุ่นแล้ว แต่ว่าบน OPPO Find N จะมีความแตกต่างจากรุ่นเหล่านั้นตรงที่ “สัดส่วน” ของตัวเครื่องที่ออกแบบมาได้น่าสนใจเน้นการใช้งานที่คล่องตัวทั้งรูปแบบสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตครับ
จอนอกเล็กกะทัดใช้งานมือเดียวได้
ที่หน้าจอด้านนอกจะมีขนาด 5.49″ ซึ่งเป็นขนาดที่ค่อนข้าง Compact มาก ๆ แต่ก็ได้อัตราส่วนหน้าจอมาแบบ 18:9 เป็นแบบที่เราใช้งานทั่วไปได้อย่างดี ตัวเครื่องไม่สูงเกินไปจนใช้มือเดียวลำบากครับ เรียกว่าการใช้สัดส่วนหน้าจอแบบนี้ตั้งใจทำให้ใช้งานได้สะดวกเลยจะถูกกว่าครับ
หน้าจอนอกนี้ใช้จอ AMOLED ให้ความละเอียดมาที่ 1972 x 988 พิกเซลเมื่อเทียบกับขนาดหน้าจอแล้วถือว่าสวยงามเลยล่ะครับ อัตราส่วนหน้าจอก็เป็นแบบ 18:9 ซึ่งหากเราดูคลิปบน YouTube ที่มีการปรับอัตราส่วนมาเป็นแบบนี้ (ปัจจุบันก็มีเยอะแล้ว) จะทำให้เราได้ภาพแบบเต็มจอไปเลยด้วย
ส่วนเรี่องการตอบสนองแอบน่าเสียดายที่ได้ refresh rate มาที่ 60Hz อยู่ แต่ถ้าใช้งานทั่วไปก็ต้องบอกว่าสบาย ๆ ไม่มีปัญหาครับ ยิ่งเป็น UI ของ ColorOS 12 แล้วก็ลื่นไหลเอามาก ๆ ที่ชอบอีกอย่างคือหน้าจอด้านหน้ามีความโค้ง 3D ที่มุมขวาด้วย ทำให้เราใช้งานได้อย่างลื่นไหลเวลาลูบไปโดนหรือจะใช้การควบคุมแบบ Navigation Gesture อะเนอะ
จอในวางแบบแนวนอน เปิดมาแล้วใช้ได้เลย
ส่วนหน้าจอด้านในตรงนี้เรียกว่า Serene Display ที่เราชอบก็คือ OPPO วางสัดส่วนเครื่องเป็นแนวนอนแล้วเมื่อกางออกมา ต่างจากสมาร์ทโฟนจอพับอื่น ๆ ที่กางมาก็ยังเป็นแนวตั้ง เวลาดูคอนเทนต์หรือเล่นเกมในแนวนอนจากหน้าจอนอก พอกางจอออกมาก็จะต้องปรับมุมมองเครื่องอีกที แต่นี่คือกางออกก็เป็นแนวนอนเลยพร้อมใช้งานไม่ต้องพลิกไป-มาอีก
ขนาดหน้าจอด้านในใหญ่ 7.1″ เป็นแท็บเล็ตไซซ์เล็กได้สบาย ความละเอียดอยู่ที่ 1920 x 1729 พิกเซล คมชัดกำลังดีเลย อัตราส่วนก็เป็น 8.4:9 ไม่เชิงจัตุรัสมากนัก ยังพอรู้ว่าเป็นแนวตั้งหรือนอนอยู่ ในเรื่องการแสดงผลทำได้ดีด้วยจอ AMOLED สีสันสวยงาม
ตัวหน้าจอใช้เป็น Flexion UTG (กระจกบางพิเศษ) พร้อมเลเยอร์กว่า 12 ชั้นด้านในเพื่อให้ตัวหน้าจอมีความแข็งแรงทนทานต่อการพับหลาย ๆ ครั้ง นอกจากนี้ refresh rate ของจอด้านในยังเป็นแบบปรับขึ้น-ลงได้ตั้งแต่ 1 – 120Hz ความลื่นไหลบอกเลยว่ายอดเยี่ยมครับ
บานพับที่แข็งแรงและแนบสนิท
อีกเรื่องที่สมาร์ทโฟนจอพับของ OPPO ทำได้ดีกว่าคู่แข่งก็คือบานพับและรอยพับครับ OPPO Find N ส่วนประกอบมากมายถึง 136 ชิ้นทำให้เวลาเราพับ-กางจะรู้สึกได้เลยว่ามีความแข็งแรงอย่างมาก ไม่หลวมอย่างแน่นอน ตรงนี้ OPPO เคลมว่าสามารถพับ-กางได้มากถึง 200,000 ครั้งเลยนะ
แต่ความเจ๋งอีกอย่างคือเมื่อเราพับหน้าจอเข้าหากันแล้วตัวเครื่องจะแนบสนิทไปเลย ไม่เหลือช่องว่างให้อะไรหล่นเข้าไปได้ แนบแค่ไหนเหรอ ? ก็แนบสนิทแบบที่ถ้าเราสอดกระดาษ A4 เข้าไปก็ไม่หลุดออกมาได้เลย เรียกว่าทำได้ดีมากครับตรงนี้
ตรงส่วนกลางของบานพับจะมีเขียนไว้ว่า Designed for Find ด้วย เพิ่มความเท่เวลาพับเก็บได้อีกเยอะเลยล่ะครับ
รอยพับเนียนตามากด้วยบานพับแบบ water-drop hinge
มาถึงไฮไลท์ รีวิว OPPO Find N ก็คือความเนียนของหน้าจอ แน่นอนว่าอะไรที่พับได้ก็มักจะทิ้งรอยไว้หลังกางออกแน่นอน บนรุ่นนี้ใช้ดีไซน์บานพับแบบ water-drop hinge ออกมาแก้ปัญหารอยพับตรงกลางของจอได้อย่างดีเยี่ยม เพราะเวลาพับจอตัวหน้าจอตรงกลางจะไม่พับแบบสนิทไปเลย OPPO ใช้การคดหน้าจอเป็นทรงหยดน้ำทำให้เวลากางออกจะไม่มีรอยพับให้เห็นเหมือนรุ่นอื่น ๆ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีรอยเลยนะครับ เพราะเท่าที่ใช้มาจริงก็พอจะสังเกตเห็นได้ แต่แค่มันเนียนตากว่ามาก
นอกจากนี้ตัวกลไกการพับจอของ OPPO Find N ยังยืดหยุ่นพอที่เราจะปรับมุมมองได้หลากหลาย ไม่ใช่แค่กางออก-พับเข้าเท่านั้น แต่จะกางได้อย่างอิสระตั้งแต่ 50° – 120° กันเลย และตัวซอฟต์แวร์ก็ยังรองรับ FlexForm Mode ด้วย อาทิ ดูวิดีโอบนจอด้านบนและใช้จอล่างเป็นตัวควบคุม วางเครื่องตั้งแล้วใช้ถ่ายรูป Time Lapse เป็นต้น
ฝาหลังโค้งรับรูปมือ พร้อมกล้องหลัง 3 ตัว
พลิกกลับมาดูที่ฝาหลังกันบ้าง OPPO Find N มาพร้อมฝาหลังโค้ง 3D ที่รับกับมือเวลาจับถืออย่างมาก ตัวฝาหลังจะไล่ระดับความนูนขึ้นไปถึงตัวกล้องหลังที่วางได้อย่างกลมกลืนเหมือนใช้วัสดุชิ้นเดียวกันไปหมด ยิ่งเป็นสีขาวด้วยแล้วยิ่งเนียนตาเข้าไปใหญ่
กล้องหลังของรุ่นนี้ให้มา 3 ตัววางเรียงกันลงมาพร้อมแถบสีแดงคาดที่กล้องหลักด้วย เพิ่มความโดดเด่นเข้าไปอีกครับ
เครื่องแอบหนาแต่ก็รับได้
ตัวเครื่องของ OPPO Find N จะมีความหนาพอประมาณเมื่อพับตัวเครื่องเข้าหากัน เหมือนเอาสมาร์ทโฟนทั่วไป 2 เครื่องมาประกบกันยังไงยังงั้น แต่ก็ยังพอรับได้ถ้าถือใช้งานจนชินแล้ว ด้วยอัตราส่วนของตัวเครื่องที่กะทัดรัด เรายังพอที่จะใส่กระเป๋ากางเกงหรือกระเป๋าเสื้อได้แบบไม่ล้นนักครับ
แต่ถ้าเรากางเครื่องออกมาก็อย่างที่เห็นครับ ตัวเครื่องจะมีความบางใช้ได้เลย แต่ก็ยังถือใช้งานได้แบบถนัดอยู่ ไม่ได้บางจนเกินไปเนาะ
ที่ด้านข้างของตัวเครื่องจะมีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงและปุ่ม Power ที่เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ด้วย วางตำแหน่งได้ดีครับ เพราะถ้าพับตัวเครื่องไว้ปุ่มจะอยู่ที่ฝั่งขวาทั้งหมด แต่ถ้ากางออกจะแยกเป็น 2 ฝั่ง แต่ปุ่ม Power ยังวางไว้ในมุมขวาที่สแกนได้ทั้งพับและกางจอครับ
พอร์ตชาร์จ USB type-C ของรุ่นนี้จะอยู่ที่ด้านล่างของตัวเครื่องพร้อมกับไมโครโฟนและลำโพงของตัวเครื่อง 2 ตัวอยู่มุมล่างนี้ด้วย เช่นเดียวกับช่องใส่ซิมครับ
ตัวลำโพงของรุ่นนี้มี 2 ตัวก็จริง แต่ในการใช้งานแบบพับจอเสียงที่ได้จะออกมาทิศทางเดียว เพราะวางไว้มุมเดียวกันครับ ซึ่งเสียงก็ดังใช้ได้เพราะมี 2 ตัว แต่มิติเสียงอาจไม่กว้างเท่าไหร่ครับ
ส่วนถ้าเรากางจอออกมาเต็ม ๆ ตัวลำโพงจะแยกออกไป 2 ฝั่งแต่ยังวางตำแหน่งอยู่ด้านล่างเหมือนเดิม ซึ่งมิติเสียงก็ดีขึ้น คล้ายกับเสียง Strereo แล้วครับแบบนี้
โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ OPPO Find N ก็ถือว่าออกแบบมาได้และลงตัวอย่างมาก ด้วยขนาดตัวเครื่องที่กะทัดรัดไม่สูงจนเกินไป เวลาใช้งานหรือพกติดกระเป๋าก็กำลังดี ความเหนือชั้นของรุ่นนี้ก็คือบานพับที่ออกแบบมาใหม่และรอยพับที่ไม่เด่นเตะตาและความแนบสนิทเมื่อพับอีก แต่ก็ยังมีจุดสังเกตอยู่บ้างคือความหนาของตัวเครื่องที่พอพับจอแล้วแอบหนาอยู่พอสมควร ซึ่งก็พอเข้าใจได้ว่ามันเป็นจอพับอะเนอะ
การใช้งานเป็นยังไงจอนอก-จอในคล่องตัวแค่ไหน?
ต่อมาเราจะพูดถึงประสบการณ์การใช้งานกันต่อ หลังจากใช้งานจริงมากว่า 1 สัปดาห์ เราชอบหลายอย่างที่รุ่นนี้ทำได้ ทั้งขนาดของหน้าจอนอกที่บอกเลยว่าถูกใจมาก ถ้าใช้งานทั่วไปอยากเล่นโซเชียล แชท หรือกระทั่งดูวิดีโอสั้น ๆ จอนอกของ OPPO Find N ตอบโจทย์มาก ๆ เรียกว่าเพียงพอเลยล่ะ แต่ถ้าอยากจะเห็นอะไรที่เต็มตาขึ้นก็กางจอซะ
จริง ๆ เรื่องขนาดหน้าจอของรุ่นนี้ทำได้ดีมากแล้วครับ แต่ติดที่เรื่อง refresh rate ที่ 2 หน้าจอให้มาไม่เท่ากันจอนอก 60Hz อย่างที่เราเคยบอกใช้ทั่วไปไม่รู้สึกมากนัก พอไปได้ แต่ถ้าใช้สลับกันไปมานี่จะแอบขัดใจหน่อย ๆ เพราะจอในมันลื่นกว่า พอเล่นสัก ๆ ต้องกลับมาใช้จอนอก จะรู้สึกถึงความกระตุกทันที
อัตราส่วนหน้าจอก็เหมาะกับการใช้งานที่ต่างกัน
อย่างที่บอกไปว่าจอด้านนอกนั้นให้อัตราส่วนมาดีมาก ที่แบบที่ใช้ดูหนังได้สบาย ๆ แต่ก็มีขนาดเล็กไปนิด แต่ถ้าจะขยายจอใหญ่อัตราส่วนก็ไม่ได้ยาวพอที่จะใช้ดูหนังเท่าไหร่ เท่าที่เราลองเปรียบเทียบขนาดดูแล้ว ถ้าเป็นวิดีโอสเกล 21:9 จะมีความใกล้เคียงกันมาก ๆ เรียกว่า ไม่ต้องกางออกมาก็ได้ถ้าไม่อยากได้เสียงแบบ 2 ทิศทาง
แต่ถ้าเป็นวิดีโอแบบ 16:9 ทั่วไป อันนี้ค่อนข้างชัดว่าจอข้างในใหญ่กว่าเยอะครับ แบบนี้ควรค่าแก่การกางจอออกมาหน่อย
ซึ่งเราคิดว่าหน้าจอทั้ง 2 แบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานที่แตกต่างกันอยู่แล้ว เช่นถ้าเราจะใช้งานทั่วไปไปจนถึงดูคอนเทนต์หรือเล่นเกมจอนอกก็เพียงพอ แต่ถ้าอยากทำงาน อ่านเมล หรือใช้งาน 2 แอปในจอเดียว การกางจอออกจึงจำเป็น แน่นอนว่าจุดประสงค์หลักของสมาร์ทโฟนจอพับก็คงหนีไม่พ้นเรื่อง Multi-tasking นี่แหละครับ
ซอฟต์แวร์ที่ปรับแต่งมาค่อนข้างดี
ไหน ๆ ก็พูดเรื่องนี้แล้ว เราเข้าเรื่องซอฟต์แวร์เลยดีกว่า OPPO Find N มาพร้อมซอฟต์แวร์ที่ปรับแต่งมาเป็นพิเศษสำหรับจอที่พับกางได้นี้ อย่าง Wallpaper ก็จะมีแบบ Dynamic Wallpaper ที่ปรับรูปแบบตามการพับหรือกางออกได้ด้วย เห็นถึงการใส่ใจแล้วหนึ่งครับ!
ฟีเจอร์แบ่งหน้าจอด้วย Gesture ง่าย ๆ OPPO Find N ก็มีด้วย เพียงแค่เราใช้ 2 นิ้วรูดลงมา (กับแอปที่รองรับ) ก็จะเหมือนเป็นการผ่าจอออกเป็น 2 ส่วนให้เราใช้งานฟีเจอร์ Multi-Window ได้อย่างง่ายดายครับ
ความต่อเนื่องของจอนอกและใน บน OPPO Find N จะมีฟีเจอร์สลับหน้าจอไปมาได้อย่างไร้รอยต่อ อย่างถ้าเราใช้แอปอยู่ที่จอนอกแล้วอยากขยายใหญ่ก็แค่กางจอออกมาได้เลยถ้าแอปที่รองรับก็จะใช้งานได้ทันที แต่น่าเสียดายที่การแบ่งจอนี้ทำได้แค่แนวตั้งและแค่ 2 แอปเท่านั้นครับ
หรือถ้าจอใหญ่แล้วกลับมาจอเล็ก ในค่าเริ่มต้นตัวระบบจะตั้งมาให้เราต้องเลื่อนหน้าจอซ้ำอีกครั้งหากจะใช้งาน ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ดีเพราะบางครั้งเราเลือกที่จะพับจอเข้าหากันเพื่อล็อคเหมือนปิดหนังสือ แต่ถ้าอยากให้พับแล้วมาต่อที่จอนอกก็ตั้งค่าได้ด้วยนะ
FlexForm Mode ปรับมุมได้หลากหลาย หน้าจอแย่งการทำงานให้ด้วย
อย่างที่บอกว่าหน้าจอของ OPPO Find N นั้นสามารถปรับมุมมองได้หลากหลายตั้งแต่ 50º – 120º เลย ซึ่งตัวแอปหลัก ๆ ของระบบจะมีรองรับอยู่เช่นการใช้งานกล้องที่เราสามารถปรับเป็นแนวนอนตัวระบบจะตัดสลับแบ่งเป็นหน้าจอด้านบนเป็น Preview ส่วนด้านล่างเป็นตัวควบคุมก็ได้ แต่บางแอปที่ยังไม่รองรับตอนนี้ก็มีเช่น YouTube แต่ด้วยความที่สัดส่วนหน้าจอพอดีมาก เราก็ยังสามารถแบ่งส่วนบนไว้ดูคลิปและส่วนล่างอ่านคอมเมนต์ได้อยู่นะ
หรือจะลองใช้งานในแนวนอนเป็นทรง Laptop ที่ด้านล่างเป็นแป้นคีย์บอร์ดไปเลย และด้านบนเป็นพื้นที่สำหรับข้อความก็ได้เช่นกัน พอหน้าจอใหญ่มีพื้นที่เยอะและยังพับได้แบบนี้อีกก็เหมาะไปหมดจริง ๆ ครับ
สเปคจัดเต็ม วางมาเป็นตัวท็อป
แน่นอนว่าใช้ชื่อ Find Series สเปคก็ต้องจัดเต็มระดับเรือธงแน่นอน OPPO Find N มาพร้อมชิปเซ็ต Snapdragon 888 5G มีแรมสูงสุด 12GB และรอมสูงสุดอีก 512GB เหลือ ๆ เพียงพอต่อการใช้งานอย่างมาก ในเรื่องสเปคที่ให้มาเท่าที่เราใช้งานตลอด 1 สัปดาห์ก็ให้ความลื่นไหลได้ดีมาก ไม่ว่าจะทำงานจอนอก กางจอออกมา สลับแอปไปมา ไม่เจออาการกระตุกหรือช้าให้เสียอารมณ์เลยล่ะครับ
ในการทดสอบจากแอป AnTuTu Benchmark เราได้คะแนนมาถึง 784507 คะแนน สบายใจหายห่วงเลยล่ะครับคะแนนระดับนี้
ส่วนการเล่นเกมจริง แค่เห็นสเปคก็คงไม่ต้องห่วงแล้วล่ะครับ เกมฟอร์มยักษ์ส่วนใหญ่เล่นได้อย่างราบรื่นแน่นอน อย่างเกมแข่งรถยอดฮิต Asphalt 9 ที่เราลองก็ทำได้ลื่นไหลปรับ 60fps แบบลื่น ๆ หรือจะเป็น Pokemon Unite ก็ไม่เจอปัญหาครับ จะเล่นจอเล็กจอใหญ่ก็ลื่นไปหมด
แต่กับอัตราส่วนหน้าจออันนี้ก็จะแตกต่างกันเช่นเดียวกับที่เราเคยบอกไป จอนอกจะดูลงตัวกับเกมสมัยนี้มากกว่า เพราะเป็นจอแบบยาว ส่วนจอในจะเป็นทรงอ้วน ๆ ที่อาจจะไม่ได้เหมาะกับการเล่นเกมสักเท่าไหร่ เพราะฉากจะถูกตัดออกไปค่อนข้างเยอะครับ แต่โชคดีที่ OPPO เขามีฟีเจอร์ปรับอัตราส่วนมาให้ด้วย อาทิ เกมบางเกมเหมาะกับอัตราส่วนแบบ 16:9 มากกว่า (เช่น Pokenmon Unite) เราก็สามารถเข้าไปตั้งบังคับสเกลบนหน้าจอหลักได้ด้วยใน Settings > Main Screen > Display Size ซึ่งตรงนี้เราจะเลือกปรับได้เป็นรายแอปเลยด้วย
ความต่อเนื่องในการเล่นเกมแบบสลับหน้าจอ ความสมูทของการสลับจอก็ยังยอดเยี่ยมครับ เท่าที่เราลองกับ Asphalt 9 ทำได้สมบูรณ์เลย เล่นจากจอเล็กด้านนอกอยู่อยากขยายก็กางออก หน้าจอใหญ่เกมรันได้ต่อทันทีไม่มีสะดุดครับ
กล้อง 3 ตัว ประสิทธิภาพยอดเยี่ยม
มาต่อที่เรื่องกล้องกันเลย OPPO Find N มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว สเปคจัดเต็มคร่าว ๆ ประมาณนี้เลยครับ
- 50MP กล้องหลัก เซ็นเซอร์ Sony IMX766 f/1.8
- 16MP กล้อง Ultra Wide f/2.2
- 13MP กล้อง Tele 2X f/2
ถ้าดูจากสเปคคร่าว ๆ บอกเลยว่ารุ่นนี้เหมือนยกเอากล้องชุดเดียวกับ OPPO Reno6 Pro 5G มาให้เลย ซึ่งรุ่นนี้ก็สุดยอดมาก ๆ ทั้งกล้องหลังความละเอียดสูง (ตัวเดียวกับ OPPO Find X3 Pro ด้วย) แถมยังได้กล้อง Ultra Wide และ Tele มาให้อีกเรียกว่าครบช่วงเอามาก ๆ ครับ
โหมดการใช้งานก็ให้มาครบพร้อมความสะดวกสบายในการเป็นสมาร์ทโฟนจอพับได้อีกด้วย จะใช้ถ่ายภาพตอนกางจอเต็ม ๆ แล้วดูภาพที่ถ่ายล่าสุดประกอบไปด้วยก็ได้ หรือจะปรับมุมมองให้เครื่องตั้งค้างไว้เพื่อถ่ายโหมด Time-Lapse ก็ได้
นอกจากนี้ความฉลาดของระบบก็คือถ้าเราตั้งกล้องหงานขึ้นท้องฟ้ามาก ๆ ตัวระบบจะตัดภาพ Preview จากจอบนมาเป็นจอล่างให้ด้วย ทีนี้จะตั้งถ่ายเสย ถ่ายดาวนาน ๆ ก็ไม่ต้องกลัวจะเล็งกันยากอีกต่างไป ตั้งกดถ่ายและรอ ขาตั้งก็ไม่ต้องแล้วเนาะ
หรือจะเป็นอีกหนึ่งความสามารถยอดฮิตที่ใช้หน้าจอนอกเป็นภาพพรีวิวให้แบบได้เห็นตัวอย่างก่อนถ่ายจะได้โพสต์ท่าถูก หรือจะสลับมาใช้กล้องหลังเซลฟี่แทนก็ได้ด้วยเช่นกัน เรียกว่าลูกเล่นพวกการถ่ายภาพก็ไม่ทิ้งนะจ๊ะ
สำหรับคุณภาพจากกล้องของ OPPO Find N ก็ต้องยอมรับว่าทำได้ยอดเยี่ยมสมกับเป็น OPPO ครับ ระบบ AI เก่งตรวจจับและปรับจูนเข้ากับภาพได้เป็นอย่างดีจะถ่ายอาหารถ่ายท้องฟ้า Dynamic Range กว้าง ภาพ HDR ถ่ายวิวนี้สวยสุด ๆ หรือจะเป็น Portrait ถ่ายคนก็ไม่ดรอป มีให้เลือก 2 ระยะจาก 2 เลนส์จริง ๆ ถ่ายเต็มตัวครึ่งตัวสวย ใบหน้าเนียน ฉากหลังละลายเป็นธรรมชาติครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังของ OPPO Find N
ส่วนกล้องหน้ารุ่นนี้ให้มาที่ 32MP สวยความชัดตามสไตล์ทั้งกล้องนอกและกล้องด้านในเป็นสเปคเดียวกันเลย จะเซลฟี่จากกล้องไหนก็สวยหรืออยากได้มุมกว้างพิเศษใช้กล้องหลัง Ultra Wide สลับมาถ่ายก็ได้เหมือนกัน
แบตเตอรี่ 4500mAh อึดใช้ได้ มีชาร์จไว 33W
ปิดท้ายกันที่เรื่องแบตเตอรี่ OPPO Find N ได้แบตเตอรี่ความจุ 4500mAh ถือว่าเยอะสำหรับสมาร์ทโฟนจอพับแบบนี้เลยครับ เท่าที่ลองใช้งานจริงจังบอกเลยว่าทำได้ดีกว่าที่คิดมาก ใช้งานได้ตลอดวันเหมือนสมาร์ทโฟนปกติเลย คงเพราะตัวหน้าจอด้านนอกใช้งานได้จริงเลยไม่ต้องคอยกางออกมาบ่อย ๆ อีกทั้ง refresh rate ยังเป็น 60Hz อีกด้วย ส่วนจอด้านในก็เป็น LTPO ปรับขึ้น-ลงได้ตามการใช้งาน จัดว่าใช้งานได้ดีเลยครับแบตฯรุ่นนี้
และเรื่องระบบชาร์จ OPPO Find N มาพร้อมระบบชาร์จไว SuperVOOC 33W ที่ชาร์จได้อย่างรวดเร็ว 55% ใน 30 นาที และ 100% ใน 70 นาที นอกจากนี้ยังมาพร้อม 15W AirVOOC Wireless Charging ที่รองรับมาตรฐานระดับ Qi และ 10W Reverse Wireless Charging อีกด้วย เรื่องชาร์จก็ไม่เป็นรองใครเหมือนกันใส่มาให้แบบครบ ๆ เลย
สรุปแล้ว “นี่ก้าวแรกของสมาร์ทโฟนจอพับจาก OPPO ที่ลงตัวกว่าที่คิด”
สรุปให้เลยละกันครับ OPPO Find N ก็ถือเป็นสมาร์ทโฟนจอพับรุ่นแรกของ OPPO ที่ทำได้ลงตัวดีมากในหลาย ๆ ด้าน ถือว่าเป็นก้าวแรกที่ทำได้อย่างสวยงาม ทั้งขนาดตัวเครื่องสัดส่วนที่ฉีกออกไปจากแบรนด์คู่แข่งที่ปล่อยออกมาก่อนหลายรุ่น แต่ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ บอดี้ที่ดูแข็งแกร่งที่ชอบมาก ๆ คือรอยพับที่แนบเนียนมาก ใช้งานแล้วแฮปปี้ไม่มีรอยมากวนสายตา สเปคภายในที่ไม่น้อยหน้าจัดเต็มแรง ๆ ในทุกการใช้งาน หรือจะเป็นกล้องที่ไว้ใจได้ทั้งหน้า-หลังเลย แต่จุดสังเกตก็ยังมีอยู่บ้าง ทั้งเรื่อง refresh rate ที่ไม่เท่ากันของจอทั้ง 2 ความหนาที่แอบมากไปหน่อย แต่โดยรวมก็ถือว่าเป็นรุ่นแรกที่ทำได้ดีกว่าที่คาดไว้เยอะจริง ๆ ครับ!
ขอย้ำอีกครั้ง OPPO Find N นั้นจะวางจำหน่ายเฉพาะในประเทศจีนเท่านั้นก่อน ตอนนี้ยังไม่มีแผนจะเปิดตัวในตลาดบ้านเรา แต่ที่นำมารีวิวก็เพื่อให้ทราบถึงเทคโนโลยีที่ OPPO ทำได้แล้ว ซึ่งเราอาจได้เห็นการปรับปรุงหรืออัปเกรดใหม่และวางตลาดในตลาดทั่วโลกเป็นรุ่นใหม่ก็ได้ ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณ OPPO ประเทศไทยที่ให้เครื่องมาทดสอบด้วยครับ