Connect with us

Featured

รีวิว OPPO Find X5 Pro 5G แฟล็กชิพกล้องที่ถ่ายภาพและวิดีโอได้ดีที่สุด พัฒนาร่วมกับ Hasselblad พร้อม 4K Ultra Night Video ขับเคลื่อนด้วยชิป MariSilicon X

Published

on

รีวิว OPPO Find X5 Pro 5G สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดจาก OPPO ที่เขายกให้เป็นแฟล็กชิพที่ถ่ายวิดีโอกลางคืนได้ดีที่สุดด้วย 4K Ultra Night Video ขับเคลื่อนโดย MariSilicon X และการร่วมมือกับ Hasselblad แบรนด์กล้องระดับตำนานในด้านของสีและฟีเจอร์ที่น่าสนใจ ยกระดับการถ่ายภาพและวิดีโอใหม่ให้กับวงการสมาร์ทโฟนอีกครั้ง นอกจากนี้ในเรื่องดีไซน์ยังโดดเด่นจากแรงบันดาลใจแห่งโลกอนาคต มีสเปคที่สูงสุดทั้งชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 1 แบตเตอรี่ 5000mAh พร้อมระบบชาร์จไว 80W SUPERVOOC อีกต่างหาก

เรียกว่าเป็นแฟล็กชิพที่เหมาะสำหรับคนรักการถ่ายภาพอย่างแท้จริงเลยก็ว่าได้ และหลังจากที่เราลองใช้งานมาอย่างจริงจัง วันนี้ทีมงาน iphone-droid.net จะขอมารีวิวแบบจัดเต็มสักหน่อย ว่ามีจุดที่ถูกใจอะไรบ้าง พร้อมแล้วติดตามเลยครับ!

สรุปสเปค OPPO Find X5 Pro 5G

  • หน้าจอ : AMOLED ขนาด 6.7” ความละเอียด QHD+ , Dynamic refresh rate 1Hz – 120Hz, รองรับ HDR10+, ความสว่างสูงสุด 1300 nits
  • CPU : Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 แบบมัลติคอร์ (4nm)
  • GPU : Adreno 730
  • RAM : 12GB (LPDDR5)
  • ROM : 256GB (UFS 3.1)
  • แบตเตอรี่ : 5000mAh
  • ระบบชาร์จ : 80W SUPERVOOC (แบบสาย) 50W AIRVOOC (ไร้สาย)
  • กล้องหลัง : 3 ตัว
    • 50MP กล้องหลัก เซ็นเซอร์ Sony IMX766 f/1.7 ระบบกันสั่น 5-axis ระดับ DSLR Glass Element
    • 50MP กล้อง Ultra Wide เซ็นเซอร์ Sony IMX766 f/2.2 มุมกว้าง 110 องศา
    • 13MP กล้อง Tele 2x f/2.4 รองรับ Hybrid Zoom 5x และ Digital Zoom 20x
  • กล้องหน้า : 32MP f/2.4 
  • รองรับการเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac/6, Bluetooth 5.2, NFC และพอร์ต USB Type-C
  • ระบบปฏิบัติการ : Android 12 (ColorOS 12.1)

แกะกล่อง OPPO Find X5 Pro 5G

มาเริ่มแกะกล่องกันก่อนเลยดีกว่า OPPO Find X5 Pro 5G มาพร้อมกล่องขนาดมาตรฐานใช้สีเทา-ดำได้ทั้งความสุภาพและนุ่มลึก ที่หน้ากล่องมีเลข 5 อย่างเด่นชัด พร้อมชื่อรุ่น OPPO Find X5 Pro 5G ระบุไว้แบบไม่ผิดรุ่นแน่นอนครับ

ที่ด้านข้างตัวกล่องจะมีโลโก้ H ของ Hasselblad วางไว้อย่างโดดเด่นอีกฝั่งก็เป็นโลโก้ของ OPPO | Hasselblad ยืนยันว่ารุ่นนี้เป็นการร่วมมือกันระหว่าง 2 แบรนด์ใหญ่เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพการถ่ายภาพที่ยอดเยี่ยมที่สุดนั่นเองครับ

เปิดกล่องออกมาเราจะเจอกับกล่องสีดำที่ใส่เคสซิลิโคน เอกสารคู่มือ เข็มจิ้มถาดซิม และบัตร Premium Service ที่มีเฉพาะบนซีรีส์ Find X มาให้ด้วยครับ

ถัดลงไปก็จะเป็นตัวเครื่องที่วางอยู่ในซองอย่างเป็นระเบียบและลงไปอีกชั้นล่างสุดก็จะมีอะแดปเตอร์ชาร์จไว 80W SUPERVOOC และสายชาร์จแบบ USB type-C to type-A อยู่ครับ รอบนี้ไม่ได้แถมหูฟังหรือ Dongle แปลง 3.5 มม.เป็น USB-C มาให้ด้วย

เบ็ดเสร็จแล้วอุปกรณ์ภายในกล่องของ OPPO Find X5 Pro 5G ก็จะมีทั้งหมด 7 อย่างดังนี้ครับ

  1. ตัวเครื่อง OPPO Find X5 Pro 5G
  2. เคสซิลิโคน
  3. อะแดปเตอร์ชาร์จไว 80W SUPERVOOC
  4. สายชาร์จ USB type-C to type-A
  5. เอกสารคู่มือ
  6. บัตร Premium Service
  7. เข็มจิ้มถาดซิม

ดีไซน์แห่งอนาคต ความคลาสสิคเหนือกาลเวลา

เอาล่ะ…ได้เวลารีวิวกันแล้วครับ เริ่มต้นกันที่ดีไซน์ก่อนเลย OPPO Find X5 Pro 5G มาพร้อมดีไซน์แห่งอนาคต คือมีบอดี้แบบ Unibody ที่โค้งเว้าผ่านกระบวนการอย่างประณีต ด้วยการแกะสลักราวกับงานศิลปะ การออกแบบ Control points มากกว่า 2,000 จุด สร้างความโค้งที่ยากเกินจะเป็นไปได้ออกมาได้อย่างน่าทึ่ง

OPPO เผยว่าดีไซน์แบบนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากอวกาศ ตัวโมดูลกล้องจะเห็นว่ามีความนูนขึ้นมาจากตัวเครื่องเสมือนการลงจอดของยานอวกาศบนดวงจันทร์ ที่เนียนไปกับพื้นผิวของฝาหลังแบบไร้รอยต่อ เรียกว่าเก็บรายละเอียดและสร้างสรรค์ได้อย่างพิถีพิถันระดับโลกอย่างแท้จริงเลยล่ะครับ

วัสดุเซรามิก พรีเมี่ยม แข็งแกร่ง มั่นใจกว่าที่เคย

ซึ่งเมื่อสัมผัสบนมือก็บอกได้เลยว่าตัวเครื่องจะมีสัมผัสที่ยอดเยี่ยมแถมวัสดุของฝาหลังรอบนี้ยังใช้เป็น Nanometer Microcrystalline Ceramic ผ่านกระบวนการกว่า 168 ชม.ในการสร้างเพื่อให้ได้พื้นผิวที่มีความแข็งเป็น 2 เท่าของกระจกอีกด้วย นอกจากสัมผัสจะพรีเมี่ยมขึ้นแล้วยังมั่นใจในเรื่องความทนทานได้อีกด้วย ไม่ธรรมดาจริง ๆ ครับ

นอกจากนี้ OPPO Find X5 Pro 5G ยังมาพร้อมมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 ที่ให้เราปลอดภัยจากการโดนน้ำหกใส่หรือลุยฝนก็ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ส่วนที่หน้าจอก็ทนทานต่อการตกมากขึ้นด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus อีกด้วยครับ

ขนาดที่กะทัดรัดในน้ำหนักที่ลงตัว

แม้วัสดุของ OPPO Find X5 Pro 5G จะอัปเกรดเป็นเซรามิกแล้ว แต่ในเรื่องขนาดและน้ำหนักก็ยังทำได้ดีเหมือนเดิมครับ ตัวเครื่องมีน้ำหนักที่ 218 กรัมถือว่าไม่ได้หนักหรือเบาจนเกินไป ถืออยู่ในมือแล้วให้ความรู้สึกว่าพรีเมี่ยมและแน่นหนาดีมาก อีกทั้งความบางยังแค่ 8.5 มม. ทำให้เราถือใช้งานได้อย่างสบายมือไม่เทอะทะอีกต่างหากครับ

หน้าจอ 1 Billion Color Bionic Display

พลิกกลับมาดูที่หน้าจอกันบ้าง OPPO Find X5 Pro 5G มาพร้อมหน้าจอ Bionic Display ขนาด 6.7″ เป็นหน้าจอ 10Bits ซึ่งสามารถแสดงผลได้มากกว่า 1 พันล้านสี มอบประสบการณ์การแสดงสีสันนับพันล้านแบบเต็มรูปแบบ ช่วยไล่ระดับสีที่สมบูรณ์ที่สุด

ความละเอียดที่ให้มาก็สูงถึง WQHD+ (3216 x 1440 พิกเซล) รองรับความสว่างสูงสุดถึง 1300nits ใช้งานกลางแจ้งก็ไม่หวั่น ใครที่ชอบดูคอนเทนต์ความละเอียดสูงหรือสีสันแบบจัดเต็มบนสมาร์ทโฟน รับรองได้เลยว่า OPPO Find X5 Pro 5G จะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอนครับ

นี่มันโรงภาพยนตร์แบบพกพา

นอกจากนี้ OPPO Find X5 Pro 5G ยังมีฟีเจอร์ O1 Ultra Vision Engine ที่มาช่วยปรับความละเอียดของวิดีโอ 720p และ 1080p ให้สูงขึ้นสูงสุด 2160p หรือระดับ 4K เพื่อตอบรับการความละเอียดหน้าจอระดับสูงได้อีกด้วย รวมถึงการแสดงผลแบบ HDR10+ ที่ช่วยให้การแสดงผลสีดำเป็นดำจริง ๆ ไม่อมเทา ๆ เลยครับ

หรือจะเป็นเรื่องเสียง OPPO Find X5 Pro 5G ก็ยังได้ลำโพงคู่ Stereo ที่ขับเสียงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม จะดูหนังฟังเพลงผ่านลำโพงก็ทำได้ไม่น้อยหน้าหูฟังดี ๆ เลยด้วยครับ มีทั้งหน้าจอชั้นยอดกับลำโพงคู่ Stereo แบบนี้ก็เหมือนเรามีโรงภาพยนตร์ฉบับพกพาติดตัวไปตลอดทุกที่จริง ๆ ครับ

ลื่นไหลด้วย refresh rate สูง 120Hz

ส่วนเรื่องการตอบสนองแน่นอนว่าเป็นเรือธงแบบนี้ก็มาพร้อม refresh rate สูงถึง 120Hz กันเลย ทำให้ทุกการสัมผัส การแตะหน้าจอ เลื่อนไป-มานั้นลื่นไหลไปซะทั้งหมด แต่แค่นั้นยังไม่พอเพราะ OPPO Find X5 Pro 5G ยังใช้เทคโนโลยีแบบ LTPO ที่สามารถปรับ refresh rate ขึ้น-ลงได้เองแบบอัตโนมัติตั้งแต่ 1Hz – 120Hz ช่วยให้เราใช้งานได้อย่างประหยัดพลังงานมากขึ้นอีกด้วย

แต่…ขอโน้ตไว้สักหน่อยว่าที่เราใช้งานมาจริง ๆ ยังเจอปัญหากับแอป YouTube ที่ไม่สามารถปรับ refresh rate ไปถึง 120Hz ได้ครับ ซึ่งตรงนี้จะเห็นได้ชัดหากเราเล่น Facebook อยู่เพลิน ๆ แบบ 120Hz แล้วสลับไปเลื่อนฟีดของ YouTube จะรู้สึกได้ทันที ตรงนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นที่บั๊กของแอป YouTube เองรึเปล่า คงต้องรออัปเดตกันอีกทีครับ

ตำแหน่งปุ่มกดและพอร์ตการเชื่อมต่อดี

การวางตำแหน่งปุ่มกดและพอร์ตของ OPPO Find X5 Pro 5G ถือว่าทำได้ดีทีเดียวครับ ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงอยู่ฝั่งซ้ายและปุ่ม Power อยู่ฝั่งขวา แยกกันชัดเจนทำให้ไม่กดสลับผิดแน่นอน แถมตำแหน่งก็วางไว้ได้พอดีในการจับถือกดได้ง่ายไม่ต้องเอื้อมนิ้วไปจนเกร็ง

ส่วนพอร์ตการเชื่อมต่อก็อยู่ด้านล่างตัวเครื่องเลย มีเพียงพอร์ต USB-C อยู่ตรงกลางเด่น ๆ รอบข้างก็เป็นไมโครโฟน, ช่องใส่ถาดซิมและลำโพงหลักของตัวเครื่อง ตามลำดับครับ ซึ่งตัวถาดซิมของรุ่นนี้ก็จะใส่ได้ 2 ซิม แต่ไม่รองรับ micro-SD นะครับ

ด้านบนก็มีเพียงไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนเท่านั้น พวกช่องหูฟัง 3.5 มม.ก็ไม่ได้ติดมาให้นานแล้ว ยุคนี้แล้วคงไม่ต้องเรียกหากันแล้วเนาะ

ระบบรักษาความปลอดภัยครบ

ในเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย OPPO Find X5 Pro 5G ให้มาครบครับ ทั้งระบบสแกนลายนิ้วมือและระบบสแกนใบหน้า ทำงานได้รวดเร็วทั้งคู่ สแกนลายนิ้วมือนี่เรียกว่าแตะปุ๊บติดปั๊บ รอบนี้ขยับเซ็นเซอร์ขึ้นมาในตำแหน่งที่เหมาะสมขึ้น ทำให้เราแตะสแกนได้ง่ายและลงตัวกว่าเดิม ส่วนระบบสแกนใบหน้าก็ทำงานได้รวดเร็วไม่แพ้กันปลุกจอปุ๊บก็สแกนติดปั๊บทันที

OPPO Find X5 Pro 5G มีให้เลือก 2 สีคือ Glaze Black (สีที่รีวิว) และ Ceramic White รอบนี้ทั้ง 2 สีจะเป็นผิวสัมผัสแบบมันวาวทั้งหมด ให้ความรู้สึกพรีเมี่ยมที่แตกต่างกันไปตามสไตล์ครับ

โดยรวมในเรื่องดีไซน์ OPPO Find X5 Pro 5G ก็ถือว่าออกแบบมาได้สวยงามและลงตัวมากขึ้น ทั้งความพรีเมี่ยมฉบับโลกอนาคตที่มอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมในการจับถือ ความทนทานที่เพิ่มขึ้นจากวัสดุเซรามิกและกระจก Corning Gorilla Glass Victus หรือจะเป็นความเพรียวบางที่ลงตัวกับน้ำหนักที่ให้มาดีมาก ถือแล้วรู้เลยว่านี่แหละเรือธงสุดพรีเมี่ยม แต่จุดสังเกตที่เราพบอยู่บ้างในดีไซน์แบบนี้ ก็คงเป็นเรื่องความมันวาวของฝาหลังที่ต้องแลกมากับรอยนิ้วมืออย่างเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งเครื่องสี Glaze Black ที่เราได้มารีวิว จะเห็นคราบรอยนิ้วมือได้ค่อนข้างชัด แต่โชคดีที่ก็ทำความสะอาดได้ง่ายอีกทั้งในกล่องยังมีเคสซิลิโคนแถมมาให้ ใส่คู่กันแล้วปัญหาเรื่องนี้ก็หมดไปได้เลยครับ

ระบบกล้อง 1 พันล้านสี ขับเคลื่อนโดย MariSilicon X

มาต่อกันที่เรื่องไฮไลท์ของ OPPO Find X5 Pro 5G อย่าง “กล้อง” รอบนี้ OPPO จัดเต็มเรื่องกล้องขึ้นมาอย่างมากด้วยการเสริมชิป NPU ที่ตัวเองพัฒนาขึ้นมาในชื่อ MariSilicon X เข้ามาใช้งานด้วยแต่เดี๋ยวไว้อธิบายเพิ่มเติมอีกทีตอนนี้เรามาทำความรู้จักสเปคฮาร์ดแวร์กล้องกันก่อนดีกว่า รุ่นนี้ให้กล้องมา 3 ตัวประกอบด้วย

  • กล้องหลัก 50MP Sony IMX766 ระบบกันสั่น 5-axis ระดับ DSLR Glass Element
  • กล้อง Ultra-wide 50MP IMX766 มุมกว้าง 110º
  • กล้อง Tele 13MP f/2.4 Optical 2X, Digital 20X

อย่างที่เห็นว่าฮาร์ดแวร์กล้องของ OPPO Find X5 Pro 5G นั้นจัดเต็มอย่างมาก ในกล้องหลักเพิ่มระบบกันสั่น SLR-Level 5-Axis Image Stabilization ระดับเดียวกับกล้อง DSLR กันเลย รวมถึงกล้อง Ultra-wide ที่ความละเอียดสูง 50MP เซ็นเซอร์ Sony IMX766 ตัวเดียวกับกล้องหลัก และมีกล้อง Tele 2X เข้ามาเสริมด้วยที่สำคัญกล้องทั้ง 3 ตัวนี้สามารถถ่ายภาพได้ระดับ 10-bits หรือ 1 พันล้านสีด้วยครับ

ในรุ่นนี้ตัวกล้อง Micro Lens ที่เคยสร้างชื่อไว้ตอน OPPO Find X3 Pro 5G รุ่นก่อน ให้เราได้ถ่ายวัตถุใกล้ ๆ ด้วยกำลังขยายสูงสุดถึง 60X นั้นถูกถอดออกไปและไม่มีกล้องพิเศษตัวใหม่เข้ามาแทนที่เลย แต่…นั่นก็ดูไม่ใช่จุดที่ทำให้ความน่าสนใจของ OPPO Find X5 Pro 5G นั้นลดน้อยลงเพราะการรอบนี้เน้นไปที่การถ่ายวิดีโอในที่แสงน้อยโดยการเพิ่มชิป NPU ชื่อ MariSilicon X เข้ามาแทน ซึ่งเราจะอธิบายความเทพของชิปตัวนี้ว่าเจ๋งแค่ไหน

MariSilicon X Imaging NPU เสริมความเก่งเหนือชั้นกว่าที่เคย

ได้เวลามาทำความรู้จักกับชิป NPU ที่ชื่อ MariSilicon X กันแล้วครับ Imaging NPU ตัวนี้ผลิตด้วยกระบวนการขนาด 6nm สร้างขึ้นมาเพื่อมอบประสบการณ์การถ่ายภาพและวิดีโอที่ยอดเยี่ยมที่สุด ด้วยการประมวลผล AI ที่มีประสิทธิภาพสูงถึง 18 Tera Operations ต่อวินาที โดยตัว ISP ในชิปนี้ช่วยให้เราสามารถบันทึกวิดีโอ HDR ใน Dynamic Range 20bit, 120db อันน่าทึ่ง ถ้าเทียบกับ OPPO Find X3 Pro 5G รุ่นก่อนก็มากกว่าเดิมถึง 4 เท่าเลยทีเดียว ด้วยอัตราคอนทราสต์ 1,000,000:1 มอบรายละเอียดของพื้นที่สว่างและมืดที่สุดได้มากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงการประมวลผล RAW ได้แบบเรียลไทม์ ลดพิกเซลไม่มีการบีบอัดใด ๆ อีก พูดง่าย ๆ ก็คือชิป MariSilicon X นี้จะเข้ามามีบทบาทในการถ่ายภาพและวิดีโอบน OPPO Find X5 Pro 5G อย่างชัดเจนโดยเฉพาะซีนยาก ๆ อย่างย้อนแสงหรือแสงน้อยครับ

4K Ultra Night Video กลางคืนที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ซึ่งโหมดที่เราจะได้ใช้ศักยภาพของ MariSilicon X อย่างชัดเจนที่สุดตามที่ OPPO นำเสนอก็คือโหมด 4K Ultra Night Video หรือ AI Highlight Video ที่รอบนี้เราสามารถถ่ายบนความละเอียด 4K/30fps ได้แล้ว (จากเดิมได้แค่ 1080p/30fps) ถือว่ายอดเยี่ยมมาก ๆ เพราะเดิมทีโหมดนี้ก็ทำได้ยอดเยี่ยมในเรื่องการเก็บแสงทั้งย้อนแสงหรือกลางคืนอยู่แล้ว พอได้ความละเอียดที่สูงขึ้นและความเก่งในการประมวลผล HDR ได้แบบเรียลไทม์จากชิป NPU ใหม่นี้อีกยิ่งน่าทึ่งเข้าไปใหญ่ครับ

ซึ่งเท่าที่เราลองใช้งานจริงไม่ว่าจะเป็นซีนย้อนแสงแบบหนัก ๆ หรือจะเป็นซีนที่แสงน้อยมาก ๆ ก็รู้สึกได้เลยว่ากล้องนั้นเก่งขึ้นอย่างมาก ไม่ใช่แค่ความละเอียดสูงที่ทำได้เท่านั้น แต่การเก็บรายละเอียดของวิดีโอทั้งย้อนแสงและกลางคืนก็ทำได้ครบถ้วนมาก เรียกว่าดีกว่าตาเห็นซะอีก ทั้งรายละเอียดที่คมชัดของฉากและจุดที่มืดจุดที่สว่างก็เก็บ Dynamic Range มาได้ครบถ้วน โดยที่ Noise ในภาพนั้นแทบไม่ปรากฏให้เห็นเลย เป็นอะไรที่เราประทับใจอย่างมาก ใครที่ชอบถ่ายวิวพระอาทิตย์ตกแบบที่แสงสียังครบถ้วน หรืออยากถ่ายงานนิทรรศการแสงสีต่าง ๆ ได้แบบที่ไม่มืดสนิทหรือ Noise เต็มไปหมด รับรองถูกใจแน่นอน เก่งและดีสมกับที่คุยไว้เลย กราบบบบ

กันสั่นระดับโปร SLR-Level 5-Axis Image Stabilization ครั้งแรกบนสมาร์ทโฟน

ส่วนเรื่องระบบกันสั่น OPPO Find X5 Pro 5G ก็อัปเกรดขึ้นมาด้วยระบบ SLR-Level 5-Axis Image Stabilization หรือระบบกันสั่นแบบออปติคอล 5 แกน โดยแบ่งออกเป็น Sensor Shift 3 แกน + Lens-Shift OIS 2 แกนและการป้องกันภาพสั่นไหว 3 องศา พอมารวมเข้ากับอัลกอริธึมของ OPPO อีก ก็ทำให้เราได้วิดีโอที่นิ่งและมีเสถียรภาพขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยล่ะครับ

การร่วมมือกับ Hasselblad แบรนด์กล้องระดับตำนาน

นอกจากชิป NPU MarSilicon X และระบบกันสั่น SLR-Level 5-Axis Image Stabilization ที่เข้ามาช่วยเรื่องการประมวลผล 4K Ultra Night Video แล้ว อีกสิ่งที่ OPPO ทำให้เราว้าวได้มากก็คือการร่วมมือกับแบรนด์กล้องระดับตำนานอย่าง Hasselblad ที่เข้ามายกระดับการถ่ายภาพเข้าไปอีก

ซึ่งสิ่งแรกที่ต้องบอกเลยว่าหลงรักตั้งแต่เปิดกล้องก็คือ UI กล้องที่ถูกปรับเปลี่ยนมาใหม่ ปุ่มชัตเตอร์สีส้มที่เป็นเอกลักษณ์ของ Hasselblad และยังได้เสียงชัตเตอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ แค่ได้ลั่นชัตเตอร์แล้วมีเสียง “คลิก” สุดไพเราะนี่ออกมาก็ฟินมาก ๆ แล้วล่ะครับ

(กรุณาเปิดเสียงเพื่อสัมผัสความฟิน)

แต่การร่วมมือกันครั้งนี้ไม่ได้มีแค่โลโก้มาติดที่ด้านหลังหรือใส่เสียงชัตเตอร์เพราะ ๆ เข้ามาเท่านั้น OPPO กับ Hasselblad ยังร่วมกันพัฒนา 4 สิ่งที่เสริมความน่าสนใจขึ้นไปอีกประกอบด้วย

  • Hasselblad Natural Color Calibration หรือการจูนค่าสีของภาพให้สมจริง
  • Hasselblad Professional mode โหมด Pro แบบ Hasselblad
  • Hasselblad XPan mode โหมดพิเศษที่เก็บภาพอัตราส่วนกว้างเอกลักษณ์ Hasselblad
  • Hasselblad Master Filters ฟิลเตอร์พิเศษจาก Hasselblad

Natural Color Calibration อันเป็นเอกลักษณ์ของ Hasselblad

เริ่มที่อย่างแรกก่อนเลยกับ Natural Color Calibration หรือโทนอันเป็นธรรมชาติของ Hasselblad ตรงนี้ทำได้ดีมากจริง ๆ เพราะโทนที่ได้จากกล้องของ OPPO Find X5 Pro 5G นั้นมีความสมจริงและคล้ายกับที่ตาเห็นมาก ๆ แถมการจัดการกับ Dynamic Range ก็ยอดเยี่ยมมาก ๆ แบบที่เรียกว่าแค่เลือกมุมดี ๆ ก็พอเพราะหลังจากลั่นชัตเตอร์รับความฟินของเสียง “คลิก” ไปแล้ว ภาพที่ออกมาก็จะสวยงามแบบที่เราคาดหวังไว้เลย ให้อารมณ์ของกล้องคุณภาพสูงจาก Hasselblad โดยแท้จริง!

Professional mode ในแบบ Hasselblad

ต่อมาก็จะเป็นโหมด Pro ที่มีโลโก้ Hasselblad ติดมาด้วย นอกจากโทนของภาพจะได้การปรับแต่งพิเศษแบบ Natural Color Calibration แล้ว ในโหมดนี้เราจะยังสามารถปรับการตั้งค่าของกล้องเองเพื่อใช้ในการถ่ายภาพแบบมืออาชีพยิ่งขึ้น รวมถึงถ่ายเป็นไฟล์ RAW Plus ที่สามารถเก็บค่า HDR เข้าไปในไฟล์ RAW ได้ด้วย

XPan mode โหมดพิเศษที่เก็บภาพอัตราส่วนกว้างและเอกลักษณ์ความเป็นกล้องฟิล์ม

โหมดใหม่ที่เพิ่มเข้ามาแล้วเราชอบมากก็คือ XPan mode โหมดนี้จะเป็นการจำลองกล้องฟิล์ม XPan ของ Hasselblad ที่มีเอกลักษณ์ในเรื่องความกว้างของอัตราส่วนภาพ 65:24 ให้รายละเอียดของภาพเสมือนภาพพาโน UI กล้องเข้าใจง่ายมีค่า EV ให้เราเลือกปรับทางซ้ายมือตั้งแต่ +3 ไปถึง -3 เลยและเราสามารถเลือกว่าจะถ่ายแบบขาว-ดำหรือสีได้ด้วย แต่เท่านั้นยังไม่พอเพราะเวลาเรากดถ่ายจะเหมือนเราใช้กล้องฟิล์มถ่ายพอ “คลิก” ไปแล้ว ภาพจะค่อย ๆ ย้อมให้ชัดขึ้นมา ให้เราได้ซึมซับอารมณ์ในการถ่ายภาพแบบประณีตไม่ต้องรีบร้อน รอผลลัพธ์ในช่วงเวลานั้น ๆ ออกมาได้แบบอิ่มเอม

ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ต้องบอกเลยว่าเราประทับใจอย่างมาก ทั้งอัตราส่วนที่กว้างพิเศษระดับนี้เปลี่ยนมุมมองการถ่ายภาพแบบที่เราไม่ค่อยได้ถ่ายมาก่อน ถ่ายวิวนี่ฟินมาก แถมถ่ายได้ทั้งแบบสีทั่วไปและขาว-ดำ ให้เราได้สร้างสรรค์ภาพถ่ายในมุมมองใหม่ ๆ ได้เหมือนพกกล้อง XPan ติดตัวไปทุกทีเลยล่ะครับ

Master Filters ฟิลเตอร์พิเศษจาก Hasselblad

และปิดท้ายที่ Master Filters หรือฟิลเตอร์พิเศษจาก Hasselblad มาให้ถึง 3 แบบประกอบด้วย Radiance, Serenity, Emerald โดยโทนที่ได้จะแตกต่างกัน แต่สวยและได้อารมณ์ของกล้องระดับตำนานอย่างแท้จริงครับ

เท่าที่เราลองใช้งานร่วมกับการถ่ายภาพในซีนต่าง ๆ ก็ทำให้ได้ภาพที่ลงตัวมากขึ้น อย่าง Radiance นี่ช่วยให้เราได้ภาพที่สดใสด้วยการเพิ่มความสว่างและความสดใสของภาพขึ้นมาแบบน่าสนใจ โทนนี้ถ่ายคาเฟ่ต์หรือภาพทะเลให้สีสด ๆ ได้แบบลงตัวมาก หรือจะเป็น Serenity ก็จะให้ความคมเข้มเหมาะกับถ่ายวิวหรือภูเขาที่ต้องการความคมชัดและดุดันมากขึ้น และปิดท้ายที่ Emerald ก็จะให้อารมณ์ของภาพไปในทางที่ดาร์คหน่อยน่าค้นหาครับ

Portrait เหนือชั้นกับ 2 ระยะที่ลงตัว

ในเรื่องการถ่ายคนหรือ Portrait หน้าชัด-หลังเบลอ OPPO Find X5 Pro 5G ก็ยังโดดเด่นเหมือนเดิม ด้วยการที่มีกล้อง Tele 2X มาให้ด้วยทำให้เราสามารถเลือกถ่ายโหมดนี้ได้ใน 2 ระยะ 1X หรือ 2X ซึ่งก็ช่วยให้เราได้ถ่ายภาพบุคคลในระยะที่ลงตัวมากขึ้น อยากถ่ายแบบเต็มตัวก็เลือก 1X ปกติไปหรืออยากครอปครึ่งตัวแบบไม่เสียรายละเอียดและมิติของภาพที่พอดีก็เลือก 2X ได้เลย ผลลัพธ์ที่ได้ก็ออกมาสวยปังแบบที่ OPPO ถนัดทั้งใบหน้าที่เนียนสวยกับฉากหลังที่ละลายได้อย่างเป็นธรรมชาติครับ

ภาพถ่ายกลางคืนที่ยอดเยี่ยม ทำงานได้ไวขึ้น

วิดีโอกลางคืนจะดีขึ้นอย่างเดียวก็กระไรอยู่ ในภาพนิ่ง Ultra Night mode ของ OPPO Find X5 Pro 5G ก็ยังเก่งขึ้นอีกด้วย การเก็บแสง เก็บสีและรายละเอียดนั้นทำได้ยอดเยี่ยมเหมือนเคย แต่สิ่งที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนเลยคือการจับภาพที่ใช้เวลาได้น้อยกว่ารุ่นก่อนมาก เราแทบไม่เห็นการเก็บภาพหรือประมวลผลเป็นเวลาหลายวินาทีแล้ว กดปุ๊บก็จับภาพได้ทันที และผลลัพธ์ของภาพก็ออกมาสวยมากด้วย ต้องขอบคุณ MariSilicon X และระบบกันสั่นแบบ SLR-Level 5-Axis Image Stabilization จริง ๆ ครับ

Long Exposure ลากไฟอย่างเซียนไม่ต้องพึ่งขาตั้งกล้อง

อีกโหมดที่ใช้ความสามารถของระบบกันสั่น SLR-Level 5-Axis Image Stabilization ได้แบบเต็ม ๆ ก็คือโหมด Long Exposure หรือโหมดลากไฟที่เราสามารถเปิดใช้งานได้แบบง่าย ๆ ไม่ต้องตั้งค่า Shutter Speed หรือ ISO อะไรให้ยุ่งยาก เพียงแค่เลือกมุมถือมือถือไว้นิ่ง ๆ ก็ได้ผลลัพธ์อย่างกับใช้กล้องโปรตั้งค่ายาก ๆ และยึดกับขาตั้งไว้นาน ๆ ได้แล้วครับ ตรงนี้ได้ระบบกันสั่นแบบใหม่ช่วยไว้เต็ม ๆ

กล้องหน้าตัวใหม่ กว้างขึ้นและเก็บแสงได้ดีขั้นสุด

ปิดท้ายที่กล้องหน้าเซลฟี่ OPPO Find X5 Pro 5G ให้กล้องหน้าความละเอียด 32MP พร้อมเซ็นเซอร์ตัวใหม่อย่าง Sony IMX709 แบบ RGBW เก็บแสงได้ยอดเยี่ยมขึ้นมุมกว้างขึ้นเป็น 90º จากเดิม 80º และพอมาบวกรวมกับชิป MariSilicon X ก็ยิ่งเสริมความเก่งขึ้นไปอีกหลายเท่า ทำให้ภาพที่เราเซลฟี่จากกล้องหน้าของรุ่นนี้ไร้ที่ติ ทั้งมุมมองที่กว้างขึ้น, การเก็บแสงแบบ HDR ที่เก่งขึ้น ไม่ว่าเราจะถ่ายในมุมไหนก็มั่นใจได้ว่าหน้าจะเด่นพร้อมกับฉากหลังที่สวยงามไม่มีส่วนไหนถูกลดความสำคัญไปเลย

วิดีโอกล้องหน้ายังสูงสุดแค่ 1080p…?

กล้องหน้าในภาพนิ่งที่สุดยอดแบบไม่มีที่ติดไปเลย แต่งานวิดีโอ OPPO Find X5 Pro 5G ยังจำกัดความละเอียดอยู่ที่ 1080p/30fps เท่านั้น ซึ่งในปี 2022 แบบนี้น่าจะให้อย่างน้อย ๆ มาที่ 2K แล้วนะ สำหรับสาย Vlog ที่อยากได้ไฟล์วิดีโอกล้องหน้าความละเอียดสูงก็อาจจะผิดหวังเล็กน้อยเนาะแบบนี้

สรุปแล้วเรื่องกล้องของ OPPO Find X5 Pro 5G ที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของรุ่นนี้ก็ทำได้ยอดเยี่ยมสมกับที่เคลมไว้ทุกจุด ทั้งในเรื่องของ 4K Ultra Night Video ที่ใช้งานได้ดีแบบที่เราไม่เคยเจอบนสมาร์ทโฟนรุ่นไหน ทั้งนิ่งเก็บแสงสีรายละเอียดได้ครบถ้วน หรือจะเป็นภาพนิ่งที่พัฒนาร่วมกับ Hasselblad ได้แบบไม่มีที่ติโทนสีสมจริง โหมดใหม่ ๆ ที่ช่วยให้เราถ่ายภาพได้อย่างสนุกและอยากถ่ายแบบไม่ยอมวาง เป็นกล้องที่ไว้ใจได้มากถึงมากที่สุดสำหรับการพกติดตัวไปเที่ยวในทริปใหญ่ ๆ จะมีจุดที่ยังขาดหายไปบ้างคือเรื่องของการซูมที่ถ้าให้มาสัก 3X – 5X ได้แบบคม ๆ และกล้องหน้าวิดีโอระดับ 4K เทพ ๆ จะไร้ที่ติเลยล่ะ!

ความเร็วแรงที่ตอบโจทย์ทุกการเรียกหา

เข้าสู่เรื่องประสิทธิภาพ OPPO Find X5 Pro 5G ก็ยังไม่น้อยหน้าคู่แข่งรุ่นไหนในตลาดอีกเช่นเคย มาพร้อมชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 แบบมัลติคอร์ขนาด 4nm มอบประสิทธิภาพที่สูงกว่ารุ่นก่อนถึง 30% และยังประหยัดพลังงานมากกว่าเดิมอีก 25% เพิ่มความสามารถด้าน AI ที่ได้รับการพัฒนาสมรรถนะอันยอดเยี่ยม

มาพร้อมความจุ 12GB + 256GB เพียงพอต่อการใช้งานอย่างมากแล้ว ซึ่งคะแนนทดสอบของสเปคระดับนี้ก็ออกมาสูงมาก ๆ ได้จาก AnTuTu Benchmark ไปที่ 791944 คะแนน

และทางฝั่ง Geekbench 5 ก็ได้คะแนน Single-Core ไปที่ 974 คะแนนและ Multi-Core ไปที่ 3352 คะแนนครับ

การเชื่อมต่อที่เหนือกว่าด้วย 360º Smart Antenna 3.0

นอกจากนี้ในเรื่องการเชื่อมต่อ OPPO Find X5 Pro 5G ยังมาพร้อมระบบ 360° Smart Antenna3.0 หนึ่งในระบบเชื่อมต่อที่ดีที่สุด ด้วยการจัดสรรเสาอากาศอัตโนมัติที่ชาญฉลาด มั่นใจในเรื่องการเชื่อมต่อที่ต่อเนื่องไม่มีสะดุดแน่นอนครับ

เล่นเกมเต็มประสิทธิภาพความลื่นไหล

ไหน ๆ ก็พูดเรื่องประสิทธิภาพมาแล้ว ถึงคราวทดสอบด้วยการเล่นเกมกันแล้วครับ เกมที่เราจะใช้ทดสอบ OPPO Find X5 Pro 5G มี 3 เกมกราฟิกสูงจัดเต็มประกอบด้วย Pokemon Unite, Call of Duty และ Genshin Impact ครับ

เล่น Pokemon Unite บน OPPO Find X5 Pro 5G

เริ่มที่ Pokemon Unite กันก่อนแน่นอนว่าสเปคระดับนี้ก็ปรับระดับกราฟิกและเฟรมเรตได้ที่ระดับสูงสุดทั้งหมดอยู่แล้ว เท่าที่เราเล่นแบบจริงจังก็พบว่าตัวเฟรมเรตในเกมนิ่งใช้ได้เลย อยู่ที่ 59fps ตลอดทั้งเกม เราชอบความหน้าจอใหญ่และควบคุมได้อย่างลื่นไหลของ OPPO Find X5 Pro 5G ช่วยให้การแตะโจมตีหรือเลือกใช้สกิลต่าง ๆ ทำได้ง่ายและการแสดงผลก็เต็มตาเอามาก ๆ ครับ

เล่น Call of Duty บน OPPO Find X5 Pro 5G

มาต่อที่เกมแนวยิงอย่าง Call of Duty ก็ยังปรับได้สูงสุดเหมือนกันกราฟิก Very High คู่กับเฟรมเรต MAX เล่นได้ลื่น ๆ ไม่เจอปัญหาเกมกระตุกเช่นกัน เกมนี้พอได้เล่นกับลำโพงคู่ Stereo ของ OPPO Find X5 Pro 5G บอกเลยว่าถูกใจมาก ทั้งเสียงกระสุน เสียงฝีเท้าชัดเจน

เล่น Genshin Impact บน OPPO Find X5 Pro 5G

ปิดท้ายที่เกมปราบเซียนอย่าง Genshin Impact เราเลือกปรับกราฟิกไปที่ระดับสูงสุด Highest คู่กับเฟรมเรตแบบ 60fps เลย ก็ปรากฏว่าเล่นได้แบบไม่มีปัญหาเลยครับ เล่นไปนานหน่อยอาจเจอเฟรดรอปอยู่บ้างนิดหน่อย แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่เล่นได้อย่างน่าประทับใจครับ

สรุปในเรื่องประสิทธิภาพ OPPO Find X5 Pro 5G ก็ถือว่าสอบผ่านอย่างสบาย ๆ ใช้งานทั่วไปจนถึงทำงานหนัก ๆ ไม่มีปัญหาเลย เรื่องความร้อนจะมีให้เห็นอยู่บ้างเมื่อทำงานหนัก ๆ จริง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะด้วยชิปเซ็ตที่แรงระดับนี้ ตัวเครื่องเองก็มีระบบระบายความร้อนจาก Vapor Champer ที่ขนาดใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อนเกือบ 75% ถ้าเราใช้งานหนัก ๆ จนเครื่องร้อนก็พักไว้สักครู่ ก็กลับมาเย็นแล้วครับ

แบตเตอรี่ 5000mAh ที่ใช้งานได้ดี

ส่วนเรื่องแบตเตอรี่ OPPO Find X5 Pro 5G ให้แบตฯมาเยอะถึง 5000mAh เรียกว่าเพียงพอต่อการใช้งานอยู่ครับ เท่าที่เราลองใช้งานมาแบบจริงจัง ถ้าเราใช้งานทั่วไปนี่ผ่านหนึ่งวันได้สบาย ๆ แต่หากมีการถ่ายรูปแบบจริงจังหรือเล่นเกมแบบหนัก ๆ อันนี้ก็ต้องพิจารณาเรื่องแบตฯอีกทีครับ อาจจะต้องพักชาร์จแบตฯสักหน่อยก่อนลุยต่อ

แต่เรื่องชาร์จก็ไม่ต้องห่วงมากเพราะ OPPO Find X5 Pro 5G มาพร้อมระบบชาร์จไว 80W SUPERVOOC ที่อัปเกรดขึ้นมาจากรุ่นก่อนอีก OPPO เคลมว่าสามารถชาร์จจาก 0 – 50% ได้ในเวลาเพียง 12 นาทีเท่านั้น และเท่าที่เราลองชาร์จดูจริง ๆ ก็ถือว่าใกล้เคียงเลย เราชาร์จเต็ม 100% ในเวลาแค่ 34 นาทีเท่านั้น ถือว่าเร็วเพียงพอต่อการใช้งานมาก ๆ และยังรองรับชาร์จไร้สาย 50W AIRVOOC ที่ชาร์จ 100% ได้ในเวลาเพียง 47 นาทีเท่านั้น รวมถึง Battery Health Engine เทคโนโลยีการชาร์จอัจฉริยะล่าสุดคู่กับระบบระบายความร้อนหลายชั้นที่ช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ไปได้นานขึ้น แม้จะชาร์จเร็วขึ้นก็ตาม

ใช้ ColorOS 12.1 เวอร์ชั่นล่าสุดบน Android 12

ปิดท้ายที่เรื่องซอฟต์แวร์ OPPO Find X5 Pro 5G ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 12 ที่ครอบทับด้วย ColorOS 12.1 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดของ OPPO ตอนนี้แล้ว มีการปรับแต่ง UI น่าใช้งานมาก รวมถึงความลื่นไหลที่ยอดเยี่ยม มอบประสบการณ์ระดับเรือธงอย่างแท้จริงเลยล่ะครับ

ในส่วนของการปรับแต่ง OPPO ก็ยังให้อิสระเราได้เลือกปรับนู่นปรับนี่ให้เป็นสไตล์ตัวเองอย่างเคย อาทิ ธีม, ไอคอน, AOD, อนิเมชั่นการสแกนลายนิ้วมือ, Wallpaper หรือจะเป็นธีมสีของระบบที่ได้อานิสงส์จาก Material You ของ Android 12 มาเต็ม ๆ เลือก Wallpaper โทนไหนระบบก็พร้อมจะปรับโทนสีของเครื่องให้เข้ากันทั้งเครื่องได้แบบเนียบเนียนทีเดียว

OPPO Enco X2 อุปกรณ์เสริมที่จะมาเติมเต็มมัลติมีเดียให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

อ๊ะ ๆ…นอกจาก OPPO Find X5 Pro 5G แล้ว รอบนี้ OPPO ยังมี OPPO Enco X2 มาเปิดตัวคู่กันด้วย เราก็ได้ติดมาใช้งานคู่กันด้วย ซึ่งรุ่นนี้จะเป็นหูฟัง TWS ระดับแฟล็กชิพที่พัฒนาร่วมกับ Dynaudio เติมเต็มให้ทุกเสียงคมชัดขึ้นไปอีกด้วย

ซึ่งหูฟัง OPPO Enco X2 รุ่นนี้ เมื่อมาจับคู่กับ OPPO Find X5 Pro 5G ก็ยิ่งช่วยให้การใช้งานด้านมัลติมีเดียสมบูรณ์ขึ้นไปอีกเพราะคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมระดับสตูดิโอ พร้อมการตัดเสียงรบกวนที่ดีขึ้นกว่ารุ่นเดิมลงตัวไปหมดจริง ๆ ครับ

OPPO Find X5 Pro 5G เปิดราคา 39,990 บาท

OPPO Find X5 Pro 5G เปิดราคาไทยมาที่ 39,990 บาท มีให้เลือก 2 สีคือ Ceramic White และ Glaze Black พร้อมวางจำหน่ายที่ OPPO Brand Shop ทุกสาขาและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศในวันที่ 30 เมษายนนี้

โดยมีโปรโมชั่น Pre-Order ตั้งแต่วันที่ 20 – 29 เมษายนนี้รับของสมนาคุณมูลค่ากว่า 13,498 บาท ประกอบด้วย

  • Premium Service VIP Card
  • OPPO AIRVOOC 45W Wireless Charger
  • OPPO Kevlar Protective Case

และพิเศษสำหรับผู้ที่สั่งจองผ่านโอเปอเรเตอร์ลดสูงสุดถึง 20,000 บาทกันไปเลยครับ

สรุปแล้ว “นี่คือแฟล็กชิพที่ถ่ายวิดีโอและภาพนิ่งได้ดีที่สุดในนาทีนี้”

สรุปแล้ว OPPO Find X5 Pro 5G ก็ถือว่าเป็นแฟล็กชิพที่เน้นเรื่องกล้องอย่างจริงจัง ด้วยฮาร์ดแวร์ที่จัดเต็มตั้งแต่กล้องระดับแนวหน้าจนถึงชิป MariSilicon X Imaging NPU ใหม่ประมวลผลภาพถ่ายและวิดีโอกลางคืนได้ดีแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน อีกทั้งยังได้ภาพนิ่งที่ร่วมพัฒนากับ Hasselblad ไดโทนสีที่เป็นเอกลักษณ์ โหมดใหม่ ๆ เป็นการรวมของทุกเทคโนโลยีการถ่ายภาพและวิดีโอที่ดีที่สุดในตอนนี้ไว้ในเครื่องเดียวเลยก็ว่าได้ แถมคุณภาพก็ยอดเยี่ยมเกินจะบรรยายเป็นสมาร์ทโฟนที่มีกล้องไว้ใจได้มากที่สุดรุ่นหนึ่งในนาทีเลยล่ะครับครับ สายถ่ายภาพต้องหลงรักอย่างสุดหัวใจ! นอกจากนี้จุดเด่นอื่น ๆ ของรุ่นนี้ก็เหมือนได้รับการปรับปรุงมาให้กลมกล่อมยิ่งขึ้น ทั้งดีไซน์แห่งอนาคตที่โค้งเว้าลงตัวทุกการจับถือ สเปคที่ไม่เป็นรองใครด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 มีระบบชาร์จไว 80W SUPERVOOC หน้าจอ Bionic Display แสดงผลกว่า 1 พันล้านสีอีก ส่วนถ้าถามเราว่าจุดไหนที่เป็นอ่อนของรุ่นนี้ก็คงเป็นเรื่องกล้องซูมที่อาจจะน้อยไปนิด ถ้าเพิ่มให้สามารถถ่ายระยะ 5X – 10X ได้คม ๆ และวิดีโอกล้องหน้าความละเอียด 4K สักหน่อยจะครบเครื่องแบบที่ไม่มีใครเทียบชั้นได้เลยล่ะครับ แต่ถ้าไม่เน้นด้านซูมเท่าไหร่ ทุกอย่างก็ลงล็อกพอดี OPPO Find X5 Pro 5G คือแฟล็กชิพที่ดีที่สุดสำหรับการถ่ายภาพและวิดีโอที่หาได้ในตอนนี้แล้วล่ะครับ!

รายละเอียดเพิ่มเติม: https://bit.ly/3u1fMib

จุดเด่น

  • กล้องที่เก่งขึ้นทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ
  • 4K Ultra Night Video ที่ดีที่สุด อานิสงส์จากชิป MariSilicon X เต็ม ๆ
  • หน้าจอ 10 bit 1 พันล้านสีคือดีงาม
  • หน่วยประมวลผลตัวแรง Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1
  • ตัวเครื่องดีไซน์แห่งอนาคต มอบสัมผัสที่ยอดเยี่ยม
  • รองรับชาร์จไว 80W SUPERVOOC และชาร์จไร้สาย 50W AIRVOOC

จุดสังเกต

  • ตัวเครื่องสี Glaze Black แอบเก็บรอยนิ้วมือง่ายไปหน่อย (แก้ปัญหาได้ด้วยการใส่เคส)
  • กล้องซูมเป็นแบบ Optical 2X อาจซูมได้ไม่ถึงใจนัก
  • กล้องหน้าถ่ายวิดีโอได้สูงสุดแค่ 1080p
Android News25 นาที ago

คาดหวัง ! Ice Universe เผย One UI 7.0 จะมีแอนิเมชันและการเปลี่ยนฉากต่างๆ ที่ยอดเยี่ยมมาก

หลังจากที่เคยมีรายงา...

Android News2 ชั่วโมง ago

Redmi Note 14 5G Series ยืนยันเปิดตัวในอินเดียวันที่ 9 ธ.ค. มาพร้อมสโลแกน “Super Camera, Super AI”

Xiaomi ได้ประกาศวันเ...

Apple News2 ชั่วโมง ago

ลือ ! Apple กำลังสร้าง ‘LLM Siri’ ในปี 2026 บน iOS 19

ตามรายงานของ Bloombe...

Android News17 ชั่วโมง ago

เช็คกัน !! OPPO เผยตารางอัปเดต ColorOS 15 บน Android 15 ทั่วโลก

ในวันนี้ OPPO ได้เปิ...

Apple News17 ชั่วโมง ago

อย่างสวย ! YouTuber โชว์ดีไซน์ iPhone 17 Air กล้องหลัง 1 เลนส์ พร้อมจอ Dynamic Island

เราได้ยินมาแค่ข่าวลื...

HUAWEI IdeaHub HUAWEI IdeaHub
IT News18 ชั่วโมง ago

หัวเว่ยเผยโฉม IdeaHub รุ่นเรือธงพร้อมอัดโปรเด็ดหนุนผู้นำจออัจฉริยะเพื่อออฟฟิศยุคใหม่

หัวเว่ยเปิดตัว IdeaH...

Smart Review20 ชั่วโมง ago

รีวิว ASUS Vivobook S 14 OLED (S5406) โน้ตบุ๊คดีไซน์มินิมอล l Intel Core Ultra 7 258V l ใช้นานสุด 27 ชม. และคีย์บอร์ดมีไฟ RGB !

รีวิว ASUS Vivobook ...

Android News21 ชั่วโมง ago

มาอีก ! หลุดสเปค vivo X200S จัดเต็มด้วยชิป Dimensity 9400 Plus และรองรับสแกนลายนิ้วมือแบบ Ultrasonic

เมื่อเดือนที่ผ่านมา ...

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก