Smart Review
รีวิว OPPO K3 สมาร์ทโฟนแรม 8GB ใช้งานลื่นด้วย Hyper Boost 2.0 ในราคาต่ำกว่าหมื่น
OPPO K3 สมาร์ทโฟนสเปคแรงที่มาพร้อมแรม 8GB ความจุตัวเครื่อง 128GB และขุมพลัง Snapdragon 710 ที่มีเทคโนโลยี Hyper Boost 2.0 เพื่อเรียกใช้งานซีพียูและปรับจีพียูให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพทุกครั้งที่ใช้งาน
สรุปสเปค OPPO K3
- ราคาเปิดตัว 9,990 บาท (สิงหาคม 2019)
- รองรับ 2 ซิมการ์ด
- หน้าจอแสดงผลขนาด 6.5 นิ้ว Panoramic Screen ความละเอียด 1080 x 2340 พิกเซล
- ระบบปฏิบัติการ ColorOS 6 (Android 9.0 Pie)
- ชิปเซ็ต Snapdragon 710
- แรม 8GB
- ความจุตัวเครื่อง 128GB
- กล้องหลัง 2 ตัว : 16 ล้านพิกเซล f/1.7 และ Depth sensor ขนาด 2 ล้านพิกเซล f/2.0
- กล้องหน้าเลื่อนได้อัตโนมัติ 16 ล้านพิกเซล f/2.0
- แบตเตอรี่ขนาด 3680mAh, VOOC 3.0
- รองรับ Bluetooth 5.0, Wi-Fi 802.11 b/g/n/ac, USB Type-C
- สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า
ดีไซน์ตัวเครื่องและหน้าจอแสดงผล
OPPO K3 มาพร้อมหน้าจอ Panoramic Screen 6.5 นิ้ว เป็นหน้าจอกว้างไม่มีติ่งกวนใจและขอบหน้าจอบางมากๆ ทำให้มุมมองของภาพเห็นได้ช้ดเต็มตามากขึ้น จอบโจทย์ในเรื่องของการดูวิดีโอ เล่นเกม และที่สำคัญเป็นแผงหน้าจอ AMOLED ที่มีอัตราส่วนคอนทราสต์สูง สีสันสดใสในทุกมุมมอง
OPPO K3 เป็นรุ่นที่มีกล้องหน้าเลื่อนขึ้นได้อัตโนมัติ Rising Camera โดยถูกวางตำแหน่งไว้ตรงกลางเพื่อช่วยให้การเซลฟี่ดูเป็นธรรมชาติ เพราะบางครั้งหากกล้องหน้าอยู่มุมเครื่องสายตาเวลาเซลฟี่จะเหมือนเหลือบไปมองกล้อง
สำหรับระบบสแกนลายนิ้วมือฝังไว้ใต้กระจกหน้าจอ วางนิ้วมือบนหน้าจอเพื่อปลดล็อคได้ทันที ซึ่งในเวอร์ชั่นใหม่นี้มี AI เข้ามาช่วยวิเคราะห์ลายนิ้วมือเพื่อการทำงานที่รวดเร็วมากขึ้น
OPPO K3 ดีไซน์ตัวเครื่องสวยแบบไร้รอยต่อ ด้านหลังมีความโค้งแบบ 3 มิติ เพื่อสัมผัสที่สมูทและจับกระชับมือมากยิ่งขึ้น อีกทั้งสีสันตัวเครื่องไล่เฉดสีสวยงาม โดยสี Jade Black เป็นเฉดสีที่ได้แรงบันดาลใจจากใต้ทะเลที่มีความลับมากมายน่าค้นหา และสี Pearl White เป็นเฉดสีที่ได้แรงบันดาลใจจากช่วงเวลาพระอาทิตย์ขึ้นที่เริ่มจากความมืดกลายเป็นทะเลสีทองยาม
กล้องหลังเป็นเลนส์คู่ที่ได้รับการป้องกันด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5 และใช้ nano-polishing เพื่อให้กระจกคลุมฝาหลังทั้งหมด โดยเลนส์กล้องจัดวางไว้ตรงกลางฝาหลังเพื่อความสวยงามและดูสมมาตร
ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน
OPPO K3 รันระบบปฏิบัติการ ColorOS 6 มีการปรับดีไซน์ UI ใหม่ เน้นเฉดสีพื้นหลังสีขาวที่ดูเรียบง่าย พร้อมกับการไล่เฉดสีที่ดูอ่อนโยน นุ่มนวล ทำให้เวลาใช้งานดูสบายตามากขึ้น และใช้แบบอักษร OPPO Sans
เปิดใช้งาน App Drawer ได้แล้วสำหรับ ColorOS 6
ฟีเจอร์ด้านการเชื่อมต่อรองรับเครือข่าย 4G พร้อมกันทั้ง 2 ซิม และรองรับ VoLTE การโทรด้วยความเร็วสูงผ่านสัญญาณ 4G ที่ให้คุณภาพเสียงสนทนามีความคมชัดมากขึ้น สามารถใช้เน็ตไปพร้อมๆ กันได้ และยังรองรับ VoWi-Fi ที่สามารถโทรผ่านไวไฟได้อีกด้วย
อย่างที่ทราบกันว่าสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของ OPPO มีเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยให้การจัดการสิ่งต่างๆ ในตัวเครื่องนั้นง่ายและสะดวกสบายกับผู้ใช้งานมากขึ้น ซึ่งบนระบบปฏิบัติการ ColorOS 6 ก็มีผู้ช่วยแบบชาญฉลาด (Smart Assistant) ที่มี UI แบบใหม่ โทนสีดูสบายตามากขึ้น ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่รวมข้อมูลต่างๆ ไว้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นสถาพอากาศ ติดตามก้าวเดิน กิจกรรมต่างๆ จากปฏิทิน แอปพลิเคชั่นที่ใช้งานบ่อยๆ และรายชื่อติดต่อโปรด เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใช้งานในคลิกเดียว โดยสามารถเข้าใช้งานได้โดยปัดหน้าจอโฮมไปทางขวาเพื่อเข้าสู่หน้าจอนี้
ColorOS 6 ได้รับการดีไซน์ให้ทำงานร่วมกับหน้าจอแบบ Full-Screen ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยการเพิ่มการใช้ท่าทาง Android P แบบใหม่ สามารถเข้าไปเลือกเปิดใช้งานได้ในเมนู การตั้งค่า > ตัวช่วยเพิ่มความสะดวก > ปุ่มการนำทาง
Riding Mode ฟีเจอร์ใหม่ที่จะช่วยให้การขับขี่ไม่ถูกรบกวน เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน โดยระบบจะใช้ตัวอักษรและปุ่มขนาดใหญ่ที่สามารถรับหรือปฏิเสธได้เท่านั้น และถ้าเลือกปฏิเสธสายโทรเข้า ระบบจะส่ง SMS กลับอัตโนมัติไปยังสายที่โทรเข้า หรือจะเลือกกำหนดเบอร์โทรศัพท์ที่อนุญาตในการรับสายได้ เพื่อไม่ให้พลาดสายที่สำคัญ
Smart Bar นอกจากใช้งานในแนวนอน ตอนนี้สามารถใช้งานในแนวตั้งได้แล้ว ช่วยสลับการใช้งานแอป ส่งไฟล์ ตอบแชท จับภาพหน้าจอขณะดูวิดีโอหรือเล่นเกมได้โดยไม่ต้องสลับหน้าจอไปมา ช่วยเพิ่มความสะดวกและง่ายต่อการใช้งานมากขึ้น โดยจะมีการแสดงไอคอนแอป แบบลอยอยู่ด้านข้างหน้าจอ และสามารถเพิ่ม/ลด แอปพลิเคชั่นที่ต้องการใช้งานมาไว้ในส่วนนี้ได้ด้วย
OPPO K3 มีแอปพลิเคชั่นสำหรับจัดการโทรศัพท์ (Phone Manager) ที่คอยตรวจสอบการทำงานและแก้ไขให้กลับมาทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเหมือนเดิมเพียงคลิกเดียว ไม่ต้องกดหาหรือไล่ลบแอปให้ยุ่งยากอีกต่อไปแล้ว
ในเรื่องของความปลอดภัย OPPO K3 สามารถแตะสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และใช้ใบหน้าจอในการปลดล็อคหน้าจอได้ ซึ่งการจำแนกใบหน้าจอถือว่าทำได้ดีมาก ปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว
ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่
OPPO K3 ใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 710 ที่มีกระบวนการผลิตขนาด 10 นาโนเมตร โดยซีพียู Octa-core พร้อมกราฟิก Adreno 616 และแรม 8GB โดยผลการทดสอบ AnTuTu เป็นการทดสอบภาพรวมของการทำงานในส่วนของหน่วยความจำแรม และประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือจีพียู OPPO K3 ทำคะแนนรวมได้ 158,363 คะแนน
ผลการทดสอบด้วย Geekbench 4 เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานและการประมวลผล การทดสอบนี้จะทำการประมวลออกมาเป็นตัวเลขแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ Single-Core และ Multi-Core หากได้คะแนนยิ่งสูงประสิทธิภาพการทำงานจะยิ่งดี โดยผลทดสอบของ OPPO K3 ทำคะแนน Single-Core ได้ 1,479 คะแนน และ Multi-Core ทำได้ 5,916 คะแนน
OPPO K3 มีฟีเจอร์ Hyper Boost 2.0 เพื่อเรียกใช้งานซีพียูและปรับจีพียูให้จัดลำดับความสำคัญให้มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับการเล่นเกม เพื่อไม่ให้มีการรบกวนระหว่างเล่นเกมได้ Hyper Boost ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องถึง 3 ด้าน ไม่ใช่แค่เรื่องเกม แต่ยังช่วยในส่วนของระบบ และแอปพลิเคชั่นทำให้ทำงานได้เร็วขึ้นด้วย
สำหรับ Game Space ใช้ในการจัดการเกมเอาไว้ในที่เดียว สามารถเลือกโหมดการจัดการเกมได้ 3 โหมด ได้แก่ โหมดประสิทธิภาพสูงสุด โหมดสมดุล และโหมดการใช้พลังงานต่ำ
สำหรับเกม RoV ตัวเครื่องรองรับโหมดเฟรมเรตสูง ภาพระดับ HD สามารถได้ลื่นไหล ไม่มีปัญหา เฟรมเรตวิ่งนิ่งตอลดการเล่นระหว่าง 55-60 fps แม้แต่ช่วงการเข้าร่วมทีมไฟต์ เฟรมเรตไม่ตก ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วยระบบ Frame Boost ในการวิเคราะห์สถานการณ์แบบ real-time ได้ในขณะเล่นเกม
ระบบ Touch Boost ที่มาพร้อมกับ Hyper Boost 2.0 ยังช่วยให้การสัมผัสหน้าจอมีการตอบสนองที่รวดเร็ว รู้สึกได้เลยว่าการลากหน้าจอบังคับทิศทาง และการแตะปุ่มต่างๆ ไม่มีหน่วง
ทดสอบเล่นเกม PUBG Mobile สุดยอดเกมแอ็คชั่นใหม่ล่าสุดที่พัฒนาด้วย Unreal Engine 4 เป็นเกมที่มีภาพและกราฟิกที่สวยงามมาก ต้องใช้การควบคุมทิศทาง และความแม่นยำในการระบุเป้ายิง OPPO K3 สามารถเล่นได้ในโหมดกราฟิกระดับ HDR HD และความละเอียดภาพแบบ Ultra
แบตเตอรี่ของรุ่นนี้มีความจุมากถึง 3680mAh จากการทดสอบใช้งานทั่วไป เปิดกล้องถ่ายรูป, เล่นเกมต่อเนื่องไปชั่วโมงกว่าๆ พบว่าแบตเตอรี่ก็ยังเหลือโดยไม่ต้องใช้ Power Bank ระหว่างวัน และรองรับ VOOC 3.0 ชาร์จไวด้วยกำลังไฟสูงสุด 20W
กล้องถ่ายรูป
OPPO K3 มีกล้องหลังคู่ 16 ล้านพิกเซล + 2 ล้านพิกเซล โดยกล้องหลักมาพร้อมรูรับแสงกว้าง f/1.7 สามารถจับแสงได้สว่างมากขึ้น และมีกล้อง Depth สำหรับถ่าย Portrait Mode ทำให้การละลายฉากหลังทำได้เนียนเป็นธรรมชาติมากขึ้น และสามารถใส่ฟิลเตอร์โทนแสงต่างๆ ด้วย Artistic Portrait ที่มีให้เลือกถึง 5 แบบ โดยแสงของภาพแต่ละแบบก็จะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป
นอกจากนี้แล้วการถ่ายภาพกลางวันก็ยังเก็บรายละเอียดได้อย่างคมชัดอีกด้วย และยังมีโหมด Dazzle Color เพื่อเพิ่มความสว่างและเพิ่มสีของภาพถ่ายให้สดใสมากขึ้น
OPPO K3 มีโหมดสำหรับถ่ายกลางคืนหรือ Ultra Night Mode โดยโหมดนี้มีการใช้เทคโนโลยีการถ่ายภาพหลายช็อตแล้วนำมารวมเป็นภาพเดียวกัน ทำให้เก็บแสงได้ดีมากขึ้น และลดนอยซ์ได้
กล้องเซลฟี่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซลของ OPPO K3 มีรูรับแสง f/2.0 มาพร้อม AI สำหรับถ่ายใบหน้าให้ออกมาเรียวสวยและดูเป็นธรรมชาติมากกว่าเดิม โดยไม่ต้องแต่งผ่านแอปพลิเคชั่นอื่นให้ยุ่งยาก
สรุปจุดเด่น
- OPPO K3 เป็นสมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่ 6.5 นิ้ว หน้าจอสวย สีสันสดใส ไม่มีรอยบาก
- ระบบปฏิบัติการ ColorOS 6 (Android 9.0 Pie)
- ชิปเซ็ต Snapdragon 710 แรม 8GB และมี Hyper Boost 2.0 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพใช้งานได้ลื่นไหล
- กล้องหลังโฟกัสเร็ว เก็บรายละเอียดได้ดี และมี AI ช่วยให้ถ่ายง่ายมากขึ้น
- กล้องหน้าเลื่อนได้อัตโนมัติ 16 ล้านพิกเซล f/2.0
- แบตเตอรี่ขนาด 3680mAh, รองรับชาร์จไว VOOC 3.0
- รองรับ Bluetooth 5.0 และ USB Type-C
- สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- ไม่แถมหูฟังในกล่อง
OPPO K3 เปิดพรีออเดอร์แล้ว เป็นเจ้าของกันได้ที่ https://bit.ly/315aeD3 ในราคาเบาๆเพียง 9,990 บาทเท่านั้น! พร้อมรับของพรีเมี่ยม Special Gift และ E-VIP Card ประกันหน้าจอแตก 1 ปี รวมถึงประกันตัวเครื่อง 2 ปี รวมมูลค่ากว่า 5,000 บาท ตั้งแต่วันนี้ – 7 สิงหาคมนี้
รายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.facebook.com/