Featured
รีวิว OPPO R15 Pro ดีไซน์สวยล้ำ พร้อมกล้องหลังคู่ AI อัจฉริยะ ถ่ายรูปสวยทุกสไตล์
OPPO R15 Pro สมาร์ทโฟนที่มีความโดดเด่นด้านการดีไซน์สีสันตัวเครื่องแบบไล่ระดับเฉดสีด้านหลังด้วยวัสดุกระจกเกรดพรีเมียม มาพร้อมหน้าจอแสดงผลใหญ่เต็มตา และจับใช้งานถนัดในมือเดียว
สรุปข้อมูลและสเปค OPPO R15 Pro
- ขนาดตัวเครื่อง 156.5 x 75.2 x 8 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 180 กรัม
- หน้าจอขนาด 6.28 นิ้ว 19:9 Super Full Screen ความละเอียดระดับ FullHD+
- ระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ครอบด้วย ColorOS 5.0
- ชิพเซ็ต Qualcomm SDM660 Snapdragon 660 AIE Octa-core
- แรม 6GB
- ความจุตัวเครื่อง 128GB ใส่เมมเพิ่มได้สูงสุด 256GB
- กล้องหลังเลนส์คู่ 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.7 และ 20 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.7 เซนเซอร์ Sony IMX519
- กล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0
- พอร์ตเชื่อมต่อ microUSB, NFC, Wi-Fi ac, Bluetooth 5.0
- แบตเตอรี่ 3430mAh ชาร์จไว VOOC Flash Charge
- ราคาเปิดตัว 19,990 บาท
แกะกล่อง ดีไซน์ และหน้าจอแสดงผล
OPPO R15 Pro มาในกล่องสีขาว มีชื่อรุ่นบนฝากล่องที่ใช้โทนข้อความเป็นสีทอง เพื่อสื่อถึงความเป็นสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมจาก OPPO โดยมีอุปกรณ์ในกล่อง ดังนี้
- ตัวเครื่องสมาร์ทโฟน R15 Pro พร้อมแบตเตอรี่ในตัว
- อะแดปเตอร์ชาร์จไฟ และสายเคเบิล microUSB
- หูฟังมาตรฐาน 3.5mm
- เข็มจิ้มถาดใส่ซิม
- คู่มือใช้งาน
- เคสใส
สำหรับอะแดปเตอร์ที่ให้มารองรับการจ่ายไฟสูงสุด 5V/4A ช่วยให้สามารถชาร์จได้เร็วมากขึ้นด้วยเทคโนโลยี VOOC Flash Charge ที่มีเฉพาะในสมาร์ทโฟนของ OPPO เท่านั้น
ด้านการดีไซน์ R15 Pro ใช้วัสดุกระจกระดับพรีเมียม ที่มีการไล่ระดับสีจากอ่อนไปเข้ม ให้มุมมองเฉดสีที่มิติมากกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป จึงทำให้รุ่นนี้มีความหรูหรา และเป็นกระจกแบบ 3D Glass ที่มีความโค้งเว้าเข้าหากรอบตัวเครื่องที่มีความมันเงาสูง เรียกได้ว่ารุ่นนี้นอกจากจะเป็นสมาร์ทโฟนแล้ว ยังเป็นเครื่องประดับชิ้นหนึ่งได้ด้วย
สำหรับการดีไซน์ในครั้งนี้เป็นผลงานการออกแบบร่วมกับดีไซน์เนอร์ชื่อดังระดับโลก Karim Rashid ในการสร้างมุมมองพิเศษไม่เหมือนใคร โดยการไล่ระดับสีตัวเครื่องของ OPPO R15 Pro ที่ดูมีมิติสวยงาม
หน้าจอแสดงผลมีขนาด 6.28 นิ้ว เห็นตัวเลขแล้วหลายคนอาจคิดว่าขนาดตัวเครื่องต้องใหญ่มากๆ แต่ด้วยการดีไซน์แบบ Super Full Screen ที่มีสัดส่วน 19:9 ขยายพื้นที่การแสดงผลให้ชิดขอบทุกด้าน ทำให้รุ่นนี้มีขนาดตัวเครื่องไม่ได้มากจนเกินไป ยังคงจับถนัดในมือเดียว
หน้าจอถูกครอบด้วยกระจกกันรอย Gorilla Glass 5 ซึ่งเป็นกระจกที่มีความแข็งแรงที่สุดในขณะนี้จาก Gorilla โดยขอบกระจกมีความโค้งมน 2.5D เมื่อจับใช้งานจะรู้สึกว่ากระชับกับอุ้งมือพอดี ขอบไม่คม โดยเป็นกระจก Gorilla Glass 5 ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
บริเวณรอยบากขอบบนหน้าจอมีเลนส์กล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ลำโพงสำหรับเสียงสนทนา และเซ็นเซอร์ต่างๆ
ขอบด้านซ้ายมีปุ่มปรับระดับเสียง
ขอบด้านขวามีปุ่ม Power และถาดใส่ซิม
สำหรับถาดใส่ซิมของรุ่นนี้เป็นแบบไฮบริด เลือกใส่พร้อมกันทั้ง 2 ซิมการ์ด หรือจะใส่ microSD card แทนในช่องซิม 2 ก็ได้
ขอบด้านล่างมีลำโพงตัวเครื่อง, พอร์ต microUSB, ไมไครโฟน และช่องต่อหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5mm
ขอบด้านบนมีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน
ด้านหลังมีเลนส์กล้องคู่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล + 20 ล้านพิกเซล จัดวางโมดูลกล้องในแนวนอน กรอบเลนส์นูนขึ้นมาเหนือฝาหลังเล็กน้อย และมีไฟแฟลช Dual-LED (true tone) พร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง
อินเตอร์เฟซและฟังก์ชั่นการใช้งาน
OPPO R15 Pro รันระบบปฏิบัติการ ColorOS 5.0 ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ซึ่งก็เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดแล้วในขณะนี้ แกะกล่องออกมาก็ได้ใช้ซอฟต์แวร์ใหม่ทันที ไม่ต้องรออัพเดท โดยมีการปรับอินเตอร์เฟซให้ทำงานร่วมกับหน้าจอแบบยาว Super Full Screen ให้แสดงผลแบบเต็มสัดส่วน
ColorOS 5.0 มีฟีเจอร์ที่เรียกว่า ผู้ช่วยแบบชาญฉลาด (Smart Assistant) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่รวมข้อมูลต่างๆ ไว้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นสถาพอากาศ ติดตามก้าวเดิน กิจกรรมต่างๆ จากปฏิทิน แอพพลิเคที่ใช้งานบ่อยๆ และรายชื่อติดต่อโปรด เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใช้งานในคลิกเดียว โดยสามารถเข้าใช้งานได้โดยปัดหน้าจอโฮมไปทางขวาเพื่อเข้าสู่หน้าจอนี้
แผงควบคุม (Control Center) สามารถแสดงไอคอนการตั้งค่าได้สูงสุดถึง 20 ไอคอนเมนู โดยผู้ใช้งานเลือกปรับแต่งเมนูที่ต้องการให้อยู่ในแผงควบคุมนี้ได้ตามการใช้งาน เพื่อช่วยให้การเข้าถึงเมนูต่างๆ ทำได้รวดเร็วในคลิกเดียว ไม่ต้องกดเข้าเมนูการตั้งค่าแล้วเลื่อนหาให้ยุ่งยาก
ในหน้าจอหลัก เมื่อแตะค้างที่ไอคอนแอพพลิเคชั่นก็จะมีเมนด่วน (Quick Actions Menus) เด้งขึ้นมาให้เลือกใช้งานแตกต่างกันออกไปตามแต่ละแอพพลิเคชั่น เช่น แอพกล้องก็จะมีเมนู การถ่ายภาพบุคคล เซลฟี่หน้าสวย เซลฟี่สติกเกอร์ อัดวิดีโอ สามารถเลือกแตะใช้งานทันได้ที เป็นต้น
ความจุตัวเครื่อง 128GB ซึ่งเหลือใช้งานจริง 108GB ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานมากๆ เพราะหลังจากติดตั้งแอพที่จำเป็นใช้งาน โหลดเกมที่กำลังฮิตมาติดตั้ง รวมถึงถ่ายรูปไปกว่า 300 รูป ยังเหลือพื้นที่จัดเก็บอีกเกือบ 100GB อีกทั้งยังเลือกใส่เมมได้สูงสุดถึง 256GB ใช้อย่างไรก็ไม่เต็มอย่างแน่นอน
OPPO R15 Pro มาพร้อมแอพพลิเคชั่นสำหรับจัดการโทนศัพท์ (Phone Manager) ที่คอยตรวจสอบการทำงานและแก้ไขให้กลับมาทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเหมือนเดิมเพียงคลิกเดียว
หน้าจอที่ยาวขึ้นก็ได้มีการเพิ่มฟีเจอร์การสั่งงานด้วยท่าทางการสัมผัสด้วยปลายนิ้วที่เรียกว่า Full Screen Gestures เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานมากกว่าการเอื้อมนิ้วไปกดปุ่มนำทาง
- กลับสู่หน้าจอโฮมได้ง่ายๆ โดยการปัดขึ้นจากตรงกลางจอด้านล่าง
- ย้อนกลับ ปัดขึ้นจากด้านล่างของจอฝั่งขวา
- Multitasking ปัดขึ้นจากด้านล่างของจอฝั่งซ้าย
- ศูนย์ตั้งค่า ปัดลงจากด้านบนจอ
ฟีเจอร์การสั่งงานด้วยท่าทาง จะเป็นการมอบประสบการณ์การใช้งานใหม่ๆ ใหักับผู้ใช้งาน ตอนใช้งานครั้งแรกๆ อาจจะรู้สึกว่าไม่คุ้นเคยบ้าง แต่เมื่อใช้งานจนชินแล้วจะช่วยให้การสั่งงานทำได้รวดเร็วกว่าการกดปุ่มนำทางแน่นอน
R15 Pro เป็นอีกรุ่นที่มีหน้าจอแสดงผลสวยงาม สีสันสดใส เพราะเป็นแผงหน้าจอ AMOLED ที่มีอัตราส่วนคอนทราสต์ที่สูง ทำให้การดูคอนเทนท์บนหน้าจอมีความคมชัด และด้วยสัดส่วน 19:9 ยังช่วยให้การอ่านบนความ ดูหน้าเว็บไซต์ เห็นได้มากกว่าหน้าจอสมาร์ทโฟนทั่วไปด้วย โดยไม่ต้องเลื่อนหน้าจอบ่อยๆ ดูหนังหรือวิดีโอได้ภาพแบบเต็มตา และแอพพลิเคชั่นสำหรับคนที่ชอบดูคลิปอย่าง YouTube ได้อัพเดทให้แสดงผลได้แบบเต็มจอบนสมาร์ทโฟนที่มีสัดส่วนหน้าจอยาวแล้ว
R15 Pro ใช้ชิพประมวลผล Qualcomm SDM660 Snapdragon 660 AIE ที่รองรับการทำงานร่วมกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI โดยซีพียู Octa-core แบ่งการทำงานออกเป็น 2 ระดับตามการใช้งาน คือ Quad-core 2.2GHz Kryo และ Quad-core 1.8GHz Kryo พร้อมกราฟิกหรือจีพียู Adreno 512 และแรม 6GB เล่นเกมได้ไม่มีปัญหา ไม่ว่าจะเป็น RoV หรือ PUBG Mobile
สำหรับการเล่นเกมด้วยสัดส่วนหน้าจอ 19:9 โอกาสที่เห็นศัตรูหรือฝ่ายตรงข้ามที่อยู่รอบๆ ขอบจอได้มากกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป และมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้การเล่นเกมไม่ต้องสะดุดกับการแจ้งเตือน โดยการแสดงหน้าต่างการแจ้งเตือนเล็กๆ ไม่ให้บังหน้าจอขณะเล่นเกมอีกด้วย
นอกจากนี้แล้วในการเล่นเกม ยังสามารถเปิดโหมดการเร่งความเร็วเกม เพื่อเรียกใช้งานซีพียูและปรับจีพียูให้จัดลำดับความสำคัญให้มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับการเล่นเกม และไม่ให้มีการรบกวนระหว่างเล่นเกมได้
App Notification Bar ฟังก์ชั่นใหม่ที่ช่วยให้การใช้งานบนหน้าจอ Super Full Screen มีความสะดวก และง่ายมากขึ้น โดยจะมีการแสดงไอคอนแอพ รายการแจ้งเตือนที่แถบบาร์ สามารถอ่านและตอบกลับข้อความได้โดยไม่ต้องสลับหน้าจอไปมา เพราะระบบจะเปิดหน้าต่างใหม่ขึ้นมาแบบ Picture-in-Picture ลอยอยู่เหนือหน้าจอที่กำลังใช้งาน ไม่ขัดจังหวะการดูคลิปวิดีโอและเล่นเกม ซึ่งขณะนี้รองรับแอพยอดนิยมหลายแอพ เช่น WhatsApp, Messenger, LINE และ WeChat
ฟีเจอร์การแบ่งหน้าจอ (Split Screen) สำหรับแบ่ง 2 หน้าจอ ใช้งานแอพพลิเคชั่นได้พร้อมกัน 2 แอพ เช่น เล่นเกมพร้อมกับแชทคุยกับเพื่อนๆ หรือดูวิดีโอและคุยแชทกับเพื่อนก็ทำได้ เป็นต้น
R15 Pro สามารถบันทึกหน้าจอเป็นวิดีโอความละเอียดสูงสุด 1080p ตามความละเอียดของหน้าจอ ระยะเวลาสูงสุด 30 นาทีหรือขนาดไฟล์สูงสุด 2GB
ความฉลาดของ ColorOS 5.0 ในแอพพลิเคชั่นรูปภาพ มีเทคโนโลยี AI ที่สามารถตรวจจับใบหน้าและจดจำใบหน้าของแต่ละบุคคลได้ เพื่อแยกเป็นอัลบั้มเดียวกัน ทำให้สามารถค้นหารูปภาพได้ง่ายมากขึ้น รวมถึงการแบ่งอัลบั้มตามสถานที่ และประเภทของรูปถ่ายได้ด้วย
แอพรูปภาพยังใช้ประโยชน์จากการจดจำใบหน้าด้วย AI ในการนำมาใช้ร่วมกับฟีเจอร์ที่เรียกว่า ความทรงจำ (Memories) เพื่อนำภาพถ่ายที่เกี่ยวข้องกับบุคคลนั้นๆ มาทำเป็นคลิปวิดีโอน่ารักๆ บันทึกถึงความทรงจำจากการถ่ายภาพในแต่ละช่วงเวลา เช่น ไปเที่ยวสถานที่ใดที่หนึ่ง ก็รวมเป็นคลิปเดียวกันได้ เป็นต้น
เราสามารถเลือกธีม (Theme) ให้กับคลิปวิดีโอ ใส่เสียงเพลง ภาพปก ข้อความ และแก้ไขรูปภาพได้ ซึ่งวิดีโอที่สร้างเสร็จแล้วจะบันทึกลงเครื่องหรือแชร์ลงโซเชียลได้ทันที
ฟีเจอร์ด้านการเชื่อมต่อรองรับเครือข่าย 4G และรองรับ VoLTE การโทรด้วยความเร็วสูงผ่านสัญญาณ 4G ที่ให้คุณภาพเสียงสนทนามีความคมชัดมากขึ้น สามารถใช้เน็ตไปพร้อมๆ กันได้ และยังรองรับ VoW-Fi ที่สามารถโทรผ่านไวไฟได้อีกด้วย
ส่วนการเชื่อมต่ออื่นๆ รองรับ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, NFC, Bluetooth 5.0 และพอร์ตเชื่อมต่อ microUSB 2.0 รองรับ USB On-The-Go
ในเรื่องของระบบเสียง Real Original Sound เมื่อใช้งานผ่านหูฟัง เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่ช่วยให้การฟังเพลงหรือเสียงมัลติมีเดียมีความใกล้เคียงกับต้นฉบับมากที่สุด
R15 Pro นอกจากจะมีระบบสแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่องแล้ว ยังสามารถใช้การจดจำใบหน้าในการปลดล็อคหน้าจอได้ด้วย ช่วยเพิ่มความสะดวกและง่ายในการเข้าใช้งาน จากที่เปิดใช้งานถือว่าทำได้ดีมาก ปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว
ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว โดยการเลือกเข้ารหัสและซ่อนแอพไม่ให้แสดงหน้าจอได้ ซึ่งฟีเจอร์นี้ช่วยป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นเข้าถึงแอพส่วนตัวของเราได้ เช่น แอพโซเชียล รูปภาพ เป็นต้น โดยเข้าไปที่เมนู การตั้งค่า >> การรักษาความปลอดภัย >> การเข้ารหัสแอป
เมื่อเข้ามายังเมนู “การเข้ารหัสแอป” ระบบจะให้ตั้งรหัสผ่าน แล้วเลือกแอพพลิเคชั่นที่ต้องการเข้ารหัสปลอดภัย ซึ่งตรงนี้จะยังไม่ใช่การซ่อนแอพนะครับ ให้ผ่านขั้นตอนนี้ไปก่อน ระบบจะพาไปยังหน้าเมนู “ล็อคแอพ” ซึ่งในหน้าจอนี้จะมีรายการแอพพลิเคชั่นทั้งหมดในเครื่องให้เลือกซ่อน ตั้งรหัสผ่านในรูปแบบ #ตัวเลข4ตัว# โดยเมื่อซ่อนแล้วแล้วจะมีไอคอนเส้นคาดลูกตาปรากฏที่รายการแอพนั้น
เมื่อเลือกซ่อนแอพใดๆ แล้ว เราจะไม่เห็นแอพนั้นที่หน้าจอโฮม สามารถเรียกใช้งานแอพที่ซ่อนได้โดยเข้าแอพโทรศัพท์ แล้วกด #ตัวเลข4ตัว# ที่ได้ตั้งค่าเอาไว้ ระบบก็จะแสดงแอพที่ซ่อนขึ้นมาให้ใช้งานได้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่มีความปลอดภัยและให้ความเป็นส่วนตัวกับผู้ใช้งานได้อย่างมาก
แบตเตอรี่ขนาด 3430mAh มีระบบจัดการพลังงานด้วย AI ช่วยให้ใช้งานได้ยาวนานทั้งวันสำหรับการใช้งานทั่วไป และรองรับชาร์จไว VOOC Flash Charge ด้วยไฟสูงสุด 5V/4A ช่วยให้ชาร์จเร็วกว่าการชาร์จปกติบนสมาร์ทโฟนทั่วไปถึง 4 เท่า
กล้องถ่ายรูป
กล้องของ OPPO R15 Pro ทำงานร่วมกับ AI ในการปรับค่ากล้องและช่วยให้การถ่ายภาพออกมาสวยงามเป็นธรรมชาติมากที่สุด โดยที่ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องตั้งค่ากล้องให้ยุ่งยาก หน้าตาของแอพกล้องมีการออกแบบให้สามารถใช้งานได้ง่ายในมือเดียว ปัดหน้าจอไปทางซ้ายหรือขวา เพื่อเลือกเปลี่ยนโหมดถ่ายภาพได้
กล้องหน้าเซลฟี่มีความละเอียด 20 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 ที่มี AI Beauty 2.0 เข้ามาช่วยปรับความสวยงามของใบหน้าอัตโนมัติ รวมไปถึงปรับโครงหน้าให้ออกมาสวยเป็นธรรมชาติตามเพศ อายุ และสีผิวของแต่ละคนด้วย ซึ่งภาพที่ได้จะไม่ขาววอก ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือหญิงก็เก็บรายละเอียดได้อย่างครบถ้วน โดยเฉพาะหนวดเคราของผู้ชายที่ยังเห็นชัดเจน
ฮาร์ดแวร์กล้องทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในโหมดเอฟเฟ็กต์ความลึกสำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอของ OPPO R15 Pro ทำออกมาได้ดีมาก การตัดขอบและเบลอฉากหลังทำได้เนียน รวมถึงการประมวลผลภาพก็ทำได้รวดเร็ว
โหมดพาโนรามากล้องหน้าช่วยให้การถ่ายภาพได้มุมกว้างมากขึ้น เหมาะสำหรับการถ่ายเซลฟี่เป็นกลุ่ม หรือต้องการเก็บภาพวิวด้านหลังให้ได้มุมกว้าง
AR Sticker เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ช่วยให้การเซลฟี่สนุกมากขึ้น ด้วยลูกเล่นสติกเกอร์น่ารักๆ ใส่ลงในภาพถ่ายขณะทำการถ่ายภาพ และให้มุมมองแบบ 3 มิติ สามารถเลือกใช้งานได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง มีให้เลือกใช้ได้หลายแบบ
สำหรับกล้องหลังเป็นเลนส์คู่ความละเอียด 16 + 20 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.7 มาพร้อมโหมด Portrait สำหรับภาพบุคคลโดยเฉพาะ และสามารถปรับระดับความสวยเนียนของผิวหน้าได้พร้อมกันด้วย ทำให้ภาพถ่ายบุคคลมีความโดดเด่น สวยงาม พร้อมแชร์ต่อได้ทันที
โหมด Portrait ยังมีเอฟเฟ็กต์ Lighting 3D ซึ่งเป็นการเลือกแสงไฟให้กับการถ่ายภาพบุคคล เสมือนการจัดไฟในห้องสตูดิโอถ่ายภาพ แต่เป็นการใช้ซอฟต์แวร์เข้ามาช่วยจัดองค์ประกอบแสงให้มีความแตกต่างกันก่อนการถ่ายภาพได้
การถ่ายภาพย้อนแสงหรือในสภาพแสงที่มีความแตกต่างกันมากๆ ด้วยโหมด HDR จะช่วยปรับแสงบริเวณพื้นที่ที่มีความมืดจะสว่างขึ้น ในขณะเดียวกันพื้นที่ที่มีแสงสว่างมากก็มีการปรับความสว่างลงเพื่อให้เห็นรายละเอียดของพื้นที่บริเวณนั้น
นอกจากนี้แล้ว กล้องหลังสามารถระบุภาพที่กำลังถ่ายได้ถึง 120 ความแตกต่างของภาพและวัตถุ แล้วปรับค่ากล้องให้เหมาะการถ่ายภาพนั้นๆ อัตโนมัติ เช่น เมื่อหันกล้องไปที่อาหาร จะมีไอคอนอาหารขึ้นมา สามารถกดถ่ายภาพได้ทันที เราไม่ต้องตั้งค่ากล้องใดๆ เลย สะดวกมากๆ และช่วยให้ภาพออกมาดูสวยสมจริง เหมาะกับโหมดที่ AI เลือกให้อีกด้วย
ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง
สรุปจุดเด่น
- R15 Pro เป็นสมาร์ทโฟนที่มีรูปลักษณ์และดีไซน์สวยงามระดับพรีเมียม สีสันตัวเครื่องมีความโดดเด่น เป็นการผสมผสานระหว่างแฟนชั่นและเทคโนโลยีได้อย่างลงตัว
- หน้าจอขนาดใหญ่ ความคมชัด FullHD+ เหมาะสำหรับการดูคอนเทนท์ได้อย่างเต็มตา
- กล้องถ่ายรูปทำงานด้วย AI ช่วยให้การถ่ายภาพในโหมดต่างๆ ทำได้ง่ายมากขึ้น ไม่ต้องตั้งค่ากล้องให้ยุ่งยาก ระบบโฟกัสทำงานได้รวดเร็ว และการถ่ายภาพบุคคลทำออกมาได้ดี เบลอฉากหลังได้เนียน
- หน่วยความจำแรม 6GB และความจุ 128GB ใส่เมมเพิ่มได้สูงสุด 256GB ใช้งานได้แบบไม่ต้องกลัวเมมเต็ม
- แบตเตอรี่ 3430mAh ใช้งานได้ยาวนาน ส่วนหนึ่งมาจากการจัดการด้วย AI และชิพประมวลผล Snapdragon 660 AIE ที่ลดการใช้พลังงานได้ดีมากขึ้น รวมถึงเทคโนโลยีชาร์จเร็ว VOOC Flash Charge ช่วยให้ชาร์จเร็วกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- ไม่กันน้ำ
- ไม่รองรับชาร์จไร้สาย