Featured
รีวิว OPPO R17 Pro ถ่ายกลางคืนสวยด้วย Ultra Night Mode และ Super VOOC ชาร์จไวสุดในโลก
OPPO R17 Pro สมาร์ทโฟนที่มีความโดดเด่นด้วยดีไซน์ไล่เฉดสีรูปตัว S สวยงาม มีกล้องที่สามารถสลับรูรับแสงได้ f/2.4 กับ f/1.5 เพื่อการถ่ายภาพในทุกสภาพแสง หรือแม้แต่การถ่ายกลางคืนก็ทำได้ง่ายโดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้องด้วย Ultra Night Mode และมาพร้อมที่สุดของเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่ที่ไวที่สุดที่โลก Super VOOC ชาร์จ 10 นาทีได้ 40% ด้วยกำลังไฟสูงสุด 50W
สรุปข้อมูลและสเปค OPPO R17 PRo
- ราคาเปิดตัว 24,990 บาท (พฤศจิกายน 2018)
- ขนาดตัวเครื่อง 157.6 x 74.6 x 7.9 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 183 กรัม
- หน้าจอขนาด 6.4 นิ้ว AMOLED ความละเอียดระดับ FullHD+
- ระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ครอบด้วย ColorOS 5.2
- ชิพเซ็ต Qualcomm Snapdragon 710
- แรม 8GB
- ความจุตัวเครื่อง 128GB
- กล้องหลัง 3 เลนส์ 12 + 20 ล้านพิกเซล + TOF
- กล้องหน้า 25 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0
- พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C, Wi-Fi ac, Bluetooth 5.0, NFC
- แบตเตอรี่ 3700mAh (1850mAh x 2 ก้อน) ชาร์จไว Super VOOC Flash Charge
ดีไซน์ตัวเครื่องและหน้าจอแสดงผล
OPPO R17 Pro มีหน้าจอขนาดใหญ่ 6.4 นิ้ว ความคมชัด FHD+ มาพร้อมดีไซน์รอยบากแบบ Waterdrop Screen อัตราส่วน 19.5:9 จึงทำให้รุ่นนี้มีขนาดตัวเครื่องที่สามารถจับถนัดในมือเดียว อีกทั้งสีสันบนหน้าจอยังมีความสดใสด้วยแผงหน้าจอ AMOLED ที่มีอัตราส่วนคอนทราสต์ที่สูง
สำหรับกระจกกันรอยหน้าจอของรุ่นนี้เป็นกระจก Gorilla Glass 6 ตัวใหม่ล่าสุดที่มีความแข็งแรงทนทานต่อรอยขีดข่วนได้ดีที่สุด โดยขอบกระจกมีความโค้งมน 2.5D เวลาจับใช้งานจะให้ความรู้สึกสัมผัสที่กระชับกับอุ้งมือ ไม่มีขอบคม ผสานอย่างลงตัวเข้ากับกรอบตัวเครื่องที่เป็นอลูมิเนียมที่ประกอบเข้ากับตัวเครื่องอย่างแน่นหนา แนบสนิทเป็นเนื้อเดียวกัน เวลาจับจะรับรู้ได้ถึงความแข็งแรงของตัวเครื่อง
บริเวณขอบหน้าจอด้านบนที่มีการดีไซน์รอยบอกแบบหยดน้ำเป็นพื้นที่สำหรับติดตั้งกล้องหน้า โดยความโค้งของทรงหยดน้ำมีลักษณะเท่ากันกับมุมของตัวเครื่องรอบจอ และอยู่ในระนาบเดียวกันกับตัวเครื่อง ทำให้ทรงหยดน้ำดูสมมาตรและเป็นการใส่ใจในรายละเอียดมากๆ จาก OPPO และนอกจากนี้จะสังเกตเห็นลำโพงสำหรับเสียงสนทนาเวลาใช้งานการโทรอยู่ที่ขอบตัวเครื่อง ซึ่งแทบจะมองไม่เห็น เรียกได้ว่าเป็นการซ่อนให้กลมกลืนไปกลับตัวเครื่อง ทำให้ดูสวยงามมากขึ้น
ขอบจอที่บางมากๆ และรอยบากแบบหยดน้ำ รวมไปถึงการซ่อนเซ็นเซอร์ต่างๆ ไว้ใต้กระจกหน้าจอเพื่อลดพื้นที่การเพิ่มขอบหน้าไม่ให้หนาเหมือนรุ่นอื่นๆ ทำให้ OPPO R17 Pro มีสัดส่วนพื้นที่หน้าจอแสดงผลมากถึง 91.5% ของพื้นที่ด้านหน้าตัวเครื่อง
OPPO R17 Pro เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่ได้รับการดีไซน์สีสันตัวเครื่องแบบไล่เฉดสีด้านหลังตัวเครื่องให้โค้งเว้าเป็นรูปตัว S จึงทำให้รุ่นนี้มีความโดดเด่นและมีมิติของเฉดสีที่สวยงามมากขึ้น จากเดิมในสมาร์ทโฟนรุ่นก่อนหน้าของ OPPO จะไล่เฉดสีแบบเส้นตรง
ตัวเครื่องที่นำมาเข้ามาวางจำหน่ายในไทยจะมีด้วยกัน 2 สี ได้แก่ สี Radiant Mist มีการไล่เฉดสีมาถึงกรอบตัวเครื่องด้วย ทำให้สีสันที่มองจากด้านข้างตัวเครื่องก็ยังเห็นว่ามีการไล่เฉดสีที่สวยงาม และสี Emerald Green จะเป็นโทนสีเขียวเข้มคล้ายหยกที่ให้มุมมองความเข้มของสีสันแตกต่างกันออกไปตามมุมที่มอง
ความสวยงามของฝาหลังยังได้รับการออกแบบให้มีความโค้ง 3D Glass ทำให้ดูพรีเมียม และเวลาจับใช้งานกระชับกับอุ้งมือมากขึ้น
ขอบด้านล่างมีช่องลำโพงตัวเครื่อง, ไมโครโฟนหลัก, พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C และถาดใส่ซิมจะอยู่ขอบด้านล่างตัวเครื่องเหมือนกับ OPPO Find X โดยเป็นถาดซิมแบบ Dual Nano SIM ไม่มีช่องใส่ microSD card ซึ่งทาง OPPO น่าจะมองแล้วว่าความจุตัวเครื่องขนาด 128GB เพียงพอต่อการใช้งานอยู่แล้ว
ขอบด้านขวามีปุ่ม Power สำหรับกดปิด/เปิดตัวเครื่องหรือกดปิด/เปิดหน้าจอ
ขอบด้านซ้ายมีปุ่มปรับระดับเสียง
ขอบด้านบนมีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน
สำหรับเลนส์กล้องหลัง 3 ตัวจะจัดเรียงในแนวตั้งและนูนขึ้นมาเหนือฝาหลัง ประกอบด้วยเลนส์ต่างๆ ดังนี้
- TOF 3D Camera : เทคโนโลยี TOF (Time Of Flight) สำหรับกล้องหลัง เป็นการปล่อยแสงลักษณะเรียบออกไปกระทบกับผิววัตถุก็จะสะท้อนกลับมายังตัวเซ็นเซอร์ ทำให้ระบบทราบถึงรูปร่างของวัตถุนั้นๆ จากระยะเวลาที่สะท้อนกลับมานั่นเอง ซึ่งไม่เพียงแต่ทราบรูปร่างแบบ 2 มิติในแบบแกน X และ Y เท่านั้น แต่ยังได้ข้อมูลความลึกของวัตถุนั้นในแบบแกน Z ด้วย ทำให้ระบบสามารถสร้างข้อมูลในรูปแบบ 3 มิติได้
- เลนส์หลัก 12 ล้านพิกเซล f/1.5 และ f/2.4 : เป็นครั้งแรกของ OPPO ที่มีการใส่ฟีเจอร์สลับรูรับแสงได้ด้วยฮาร์ดแวร์สำหรับกล้องหลัง โดยเมื่อถ่ายในที่แสงน้อยตัวกล้องจะสลับรูรับแสงให้กว้าง f/1.5 และเมื่อถ่ายกลางแจ้งที่แสงจ้าก็จะสลับรูรับแสงแคบ f/2.4 ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับม่านตาของคนเราที่มีการเปิดกว้างเมื่อยู่ในที่มืดหรือหรี่ตาลงเมื่อเจอแสงจ้านั่นเอง
- เลนส์ 20 ล้านพิกเซล f/2.6 : เป็นเลนส์สำหรับซูมเก็บระยะความชัดลึกของภาพในการทำเอฟเฟ็กต์โบเก้ให้กับภาพถ่าย
อินเตอร์เฟซและฟังก์ชั่นการใช้งาน
OPPO R17 Pro รันระบบปฏิบัติการ ColorOS 5.2 ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ซึ่งก็เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดแล้วในขณะนี้ เป็นการปรับโฉมด้านสีสันและตัวหนังสือใหม่อีกครั้ง โดยตัวซอฟต์แวร์ถูกออกแบบเพื่อการใช้งานสำหรับหน้าจอที่มีความกว้างโดยเฉพาะ รวมถึงหน้าตาที่ดูเรียบง่าย สบายตา และไม่มีแอพขยะติดตั้งมาให้รกตัวเครื่องด้วย เมื่อแตะค้างที่ไอคอนแอพพลิเคชั่นก็จะมีเมนด่วน (Quick Actions Menus) เด้งขึ้นมาให้เลือกใช้งานแตกต่างกันออกไปตามแต่ละแอพพลิเคชั่น เช่น แอพกล้องก็จะมีเมนู การถ่ายภาพบุคคล เซลฟี่หน้าสวย เซลฟี่สติกเกอร์ อัดวิดีโอ สามารถเลือกแตะใช้งานทันได้ที เป็นต้น
อย่างที่ทราบกันว่าสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของ OPPO มีเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยให้การจัดการสิ่งต่างๆ ในตัวเครื่องนั้นง่ายและสะดวกสบายกับผู้ใช้งานมากขึ้น ซึ่งบนระบบปฏิบัติการ ColorOS 5.2 ก็มีผู้ช่วยแบบชาญฉลาด (Smart Assistant) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่รวมข้อมูลต่างๆ ไว้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นสถาพอากาศ ติดตามก้าวเดิน กิจกรรมต่างๆ จากปฏิทิน แอพพลิเคที่ใช้งานบ่อยๆ และรายชื่อติดต่อโปรด เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใช้งานในคลิกเดียว โดยสามารถเข้าใช้งานได้โดยปัดหน้าจอโฮมไปทางขวาเพื่อเข้าสู่หน้าจอนี้
OPPO R17 Pro มาพร้อมแอพพลิเคชั่นสำหรับจัดการโทรศัพท์ (Phone Manager) ที่คอยตรวจสอบการทำงานและแก้ไขให้กลับมาทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเหมือนเดิมเพียงคลิกเดียว ไม่ต้องกดหาหรือไล่ลบแอพให้ยุ่งยากอีกต่อไปแล้ว
หน้าจอแสดงผลสวยงามรูปหยดน้ำที่กว้าง 19.5:9 ความคมชัดระดับ FullHD+ ทำให้การดูคอนเทนท์บนหน้าจอมีความคมชัด เป็นประโยชน์มากๆ เมื่อดูหน้าเว็บไซต์หรืออ่านบทความ ไม่ต้องเลื่อนหน้าจอบ่อยๆ และเมื่อดูหนังหรือวิดีโอก็จะได้มุมมองภาพแบบเต็มตาใกล้เคียงกับสัดส่วนภาพในโรงหนัง
เมื่อหน้าจอยาวและกว้างมากขึ้นแล้ว ทาง OPPO ก็ได้มีการเพิ่มฟีเจอร์การสั่งงานด้วยท่าทางการสัมผัสด้วยปลายนิ้วที่เรียกว่า Full Screen Gestures เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานมากกว่าการเอื้อมนิ้วไปกดปุ่มนำทาง หรือจะสลับไอคอนปุ่มนำทางแบบเดิมก็ทำได้เช่นกัน ตามความถนัดของตนเอง
ฟีเจอร์การแบ่งหน้าจอ (Split Screen) สำหรับแบ่ง 2 หน้าจอ ใช้งานแอพพลิเคชั่นได้พร้อมกัน 2 แอพ เช่น เล่นเกมพร้อมกับแชทคุยกับเพื่อนๆ หรือดูวิดีโอและคุยแชทกับเพื่อนก็ทำได้ เป็นต้น
Smart Bar นอกจากใช้งานในแนวนอน ตอนนี้สามารถใช้งานในแนวตั้งได้แล้ว ช่วยสลับการใช้งานแอพ ส่งไฟล์ ตอบแชท จับภาพหน้าจอขณะดูวิดีโอหรือเล่นเกมได้โดยไม่ต้องสลับหน้าจอไปมา ช่วยเพิ่มความสะดวกและง่ายต่อการใช้งานมากขึ้น โดยจะมีการแสดงไอคอนแอพ แบบลอยอยู่ด้านข้างหน้าจอ และสามารถเพิ่ม/ลด แอพพลิเคชั่นที่ต้องการใช้งานมาไว้ในส่วนนี้ได้ด้วย
ความฉลาดของ AI ในแอพพลิเคชั่นรูปภาพ มีความสามารถตรวจจับใบหน้าและจดจำใบหน้าของแต่ละบุคคลได้ เพื่อแยกเป็นอัลบั้มเดียวกัน ทำให้สามารถค้นหารูปภาพได้ง่ายมากขึ้น รวมถึงการแบ่งอัลบั้มตามสถานที่ และประเภทของรูปถ่ายได้ด้วย
แอพรูปภาพยังใช้ประโยชน์จากการจดจำใบหน้าด้วย AI ในการนำมาใช้ร่วมกับฟีเจอร์ที่เรียกว่า ความทรงจำ (Memories) เพื่อนำภาพถ่ายที่เกี่ยวข้องกับบุคคลนั้นๆ มาทำเป็นคลิปวิดีโอน่ารักๆ บันทึกถึงความทรงจำจากการถ่ายภาพในแต่ละช่วงเวลา เช่น ไปเที่ยวสถานที่ใดที่หนึ่ง ก็รวมเป็นคลิปเดียวกันได้ เป็นต้น
เราสามารถเลือกธีม (Theme) ให้กับคลิปวิดีโอ ใส่เสียงเพลง ภาพปก ข้อความ และแก้ไขรูปภาพได้ ซึ่งวิดีโอที่สร้างเสร็จแล้วจะบันทึกลงเครื่องหรือแชร์ลงโซเชียลได้ทันที
ฟีเจอร์ด้านการเชื่อมต่อรองรับเครือข่าย 4G พร้อมกันทั้ง 2 ซิม และรองรับ VoLTE การโทรด้วยความเร็วสูงผ่านสัญญาณ 4G ที่ให้คุณภาพเสียงสนทนามีความคมชัดมากขึ้น สามารถใช้เน็ตไปพร้อมๆ กันได้ และยังรองรับ VoWi-Fi ที่สามารถโทรผ่านไวไฟได้อีกด้วย
ในเรื่องของความปลอดภัย OPPO R17 Pro มาพร้อมเทคโนโลยีการฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้กระจกหน้าจอแสดงผล สามารถแตะนิ้วเพื่อสแกนบนหน้าจอได้ทันที
เอฟเฟ็กต์เมื่อแตะสแกนนิ้วมือบนหน้าจอยังสามารถปรับเปลี่ยนได้หลายรูปแบบด้วย อยากได้เอฟเฟ็กต์สวยๆ ตอนสแกนนิ้วมือแบบไหนก็เลือกเองได้เลย
นอกจากจะมีระบบสแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่องแล้ว ยังสามารถใช้การจดจำใบหน้าในการปลดล็อคหน้าจอได้ด้วย ช่วยเพิ่มความสะดวกและง่ายในการเข้าใช้งาน จากที่เปิดใช้งานถือว่าทำได้ดีมาก ปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว
ประสิทธิภาพการทำงานและแบตเตอรี่
OPPO R17 Pro ใช้ชิพประมวลผล Qualcomm SDM710 Snapdragon 710 ที่มีกระบวนการผลิตขนาด 10 นาโนเมตร โดยซีพียู Octa-core แบ่งการทำงานออกเป็น 2 ระดับตามการใช้งาน คือ Dual-core 2.2GHz Kryo 360 Gold และ Hexa-core 1.7GHz Kryo 360 Silver พร้อมกราฟิกหรือจีพียู Adreno 616 และแรม 8GB โดยผลการทดสอบ AnTuTu ป็นการทดสอบภาพรวมของการทำงานในส่วนของหน่วยความจำแรม และประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือจีพียู OPPO 17 Pro ทำคะแนนรวมได้ 167,793 คะแนน
ผลการทดสอบด้วย Geekbench 4 เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานและการประมวลผล การทดสอบนี้จะทำการประมวลออกมาเป็นตัวเลขแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ Single-Core และ Multi-Core หากได้คะแนนยิ่งสูงประสิทธิภาพการทำงานจะยิ่งดี โดยผลทดสอบของ OPPO R17 Pro ทำคะแนน Single-Core ได้ 1,853 คะแนน และ Multi-Core ทำได้ 5,976 คะแนน
นอกจากนี้แล้วในการเล่นเกม ยังสามารถเปิดโหมดการเร่งความเร็วเกม เพื่อเรียกใช้งานซีพียูและปรับจีพียูให้จัดลำดับความสำคัญให้มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับการเล่นเกม และไม่ให้มีการรบกวนระหว่างเล่นเกมได้
ทดสอบเล่นเกมที่กำลังฮิตที่สุดเกมหนึ่งในขณะนี้ Ragnarok M: Eternal Love ซึ่งเป็นเกม MMORPG และเป็นเกมออนไลน์ที่ต้องต่อเน็ตในการเล่นเกมตลอดเวลา ซึ่งการเปิดเอฟเฟ็กต์และแสดงข้อมูลต่างๆ ในเกมจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรตัวเครื่องค่อนข้างสูงมาก ซึ่งบน OPPO R17 Pro ก็สามารถให้ภาพที่ลื่นไหล ไม่มีอาการกระตุก
ทดสอบเล่นเกม PUBG Mobile สุดยอดเกมแอ็คชั่นใหม่ล่าสุดที่พัฒนาด้วย Unreal Engine 4 เป็นเกมที่มีภาพและกราฟิกที่สวยงามมาก ต้องใช้การควบคุมทิศทาง และความแม่นยำในการระบุเป้ายิง สามารถเล่นได้อย่างไม่สะดุด ไม่เจออาการกระตุกแม้จะเป็นตอนขับรถก็ตาม เรียกได้ว่าเล่นได้ลื่นๆ เล็งเป้าได้นิ่งๆ
แบตเตอรี่ของรุ่นนี้มีความจุมากถึง 3700mAh จากการทดสอบใช้งานทั่วไป เปิด Google Maps นำทางประมาณชั่วโมงกว่าๆ, เปิดกล้องถ่ายรูป, เล่นเกมราว 30 นาที และเข้าเล่นโซเชียลทั่วไป พบว่าแบตเตอรี่อยู่ได้นานทั้งวันตั้งออกจากบ้านในตอนเช้าไปทำงานจนถึงตอนค่ำๆ กลับมาบ้านแบตก็ยังเหลือโดยไม่ต้องใช้ Power Bank ระหว่างวัน
นอกจากนี้แล้ว OPPO R17 Pro ยังมีระบบชาร์จแบตเตอรี่ที่เร็วที่สุดโลก Super VOOC Flash Charge ด้วยกำลังไฟสูงสุดถึง 50W ชาร์จได้ 40% ใช้เวลาเพียง 10 นาที ซึ่งทาง OPPO ได้ให้รายละเอียดว่าเป็นการแบ่งชาร์จแบตที่มีจำนวน 2 ก้อนใน OPPO R17 Pro แล้วชาร์จ 5V/5A พร้อมๆ กันนั่นเอง ซึ่งต้องใช้หัวอะแดปเตอร์และสายชาร์จที่มาในกล่องเท่านั้น ถ้าใช้สายอื่นก็จะชาร์จได้เหมือนกันแต่เป็นความเร็วปกติ
จากการทดสอบชาร์จแบตที่ 17% จนเต็ม 100% ใช้เวลาราว 30 นาทีเท่านั้น ซึ่งถือว่ารวดเร็วมากๆ น่าจะถูกใจใครหลายๆ คนอย่างแน่นอน ตอบโจทย์การใช้งานในยุคที่ต้องเร่งรีบได้เป็นอย่างดี ชาร์จแป๊บเดียวแบตก็เต็มแล้ว ไม่ต้องรอนานอีกต่อไป
กล้องถ่ายรูป
เริ่มจากกล้องหน้าความละเอียด 25 ล้านพิกเซล มีเทคโนโลยีผู้ช่วย AI Beauty สามารถตรวจจับใบหน้าและช่วยปรับแต่งใบหน้าให้ออกมาสวยงามอัตโนมัติ และยังช่วยปรับแต่งคอ แขน ให้ออกมาสวยสมบูรณ์ด้วย
โหมดความสวยงามนอกจากใช้ความสามารถของ AI แล้ว ยังสามารถเลือกปรับความสวยของใบหน้าในส่วนต่างๆ ได้ด้วยตนเอง เผื่อว่าใครผิวขาวเนียนอยู่แล้ว อยากได้เฉพาะหน้าเรียวหรือตาโต ก็เลือกปรับเฉพาะส่วนได้
ภาพเซลฟี่ในโหมดปกติที่มี AI ก็ได้ภาพที่ออกมาสวยสว่างและสวยธรรมชาติแล้ว ซึ่งถ้าหากเป็นการถ่ายย้อนแสงหรือที่แสงน้อยก็สามารถเปิด HDR เพื่อให้ได้รายละเอียดของภาพที่คมชัดมากขึ้น
เอฟเฟ็กต์โบเก้ (Bokeh Effect) เซลฟี่ด้วยกล้องหน้าแบบหน้าชัดหลังเบลอก็ทำออกมาได้ดีเกินคาด ละลายฉากหลังได้เนียนๆ
ความสนุกรูปแบบใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในกล้องของ คือ 2D Omoji สำหรับสร้างตัวการ์ตูนน่ารักๆ ที่สามารถขยับตามใบหน้าของเราได้ สามารถกดถ่ายเป็นภาพนิ่งหรือวิดีโอ จากนั้นก็กดส่งหาเพื่อนผ่านแชทหรือโพสต์สนุกๆ ลงบนโซเชียลก็ได้
AR Sticker เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ช่วยให้การเซลฟี่สนุกมากขึ้น ด้วยลูกเล่นสติกเกอร์น่ารักๆ ใส่ลงในภาพถ่ายขณะทำการถ่ายภาพ และให้มุมมองแบบ 3 มิติ สามารถเลือกใช้งานได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง มีให้เลือกใช้ได้หลายแบบ
ครั้งแรกของ OPPO ที่มีสมาร์ทโฟนกล้องหลัง 3 เลนส์ โดยเลนส์หลัก 12 ล้านพิกเซล f/1.5 และ f/2.4 เมื่อถ่ายในที่แสงน้อยตัวกล้องจะสลับรูรับแสงให้กว้าง f/1.5 และเมื่อถ่ายกลางแจ้งที่แสงจ้าก็จะสลับรูรับแสงแคบ f/2.4 ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับม่านตาของคนเราที่มีการเปิดกว้างเมื่อยู่ในที่มืดหรือหรี่ตาลงเมื่อเจอแสงจ้านั่นเอง และอีกเลนส์ 20 ล้านพิกเซล f/2.6 เป็นเลนส์สำหรับซูมเก็บระยะความชัดลึกของภาพในการทำเอฟเฟ็กต์โบเก้ให้กับภาพถ่าย ในขณะที่เลนส์ TOF เป็นการปล่อยแสงลักษณะเรียบออกไปกระทบกับผิววัตถุก็จะสะท้อนกลับมายังตัวเซ็นเซอร์ ทำให้ระบบทราบถึงรูปร่างของวัตถุนั้นๆ จะใช้งานได้หลังจากอัพเดทเวอร์ชั่นใหม่เร็วๆ นี้
OPPO R17 ได้ชูจุดเด่นด้านกล้องถ่ายรูปที่สามารถถ่ายภาพกลางคืนได้สวยโดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้องด้วย Ultra Night Mode โดยเป็นการดึงความสามารถของฮาร์ดแวร์กล้องหลักที่สามารถสลับรูรับแสงได้กว้าง f/1.5 พร้อมพิกเซลขนาดใหญ่ 1.4 ไมครอน และระบบกันภาพสั่นไหว OIS เมื่อกดชัตเตอร์ตัวกล้องก็จะทำการถ่ายภาพหลายเฟรมในสภาพแสงต่างๆ กัน แล้วนำภาพทั้งหมดมารวมเป็นภาพเดียวกัน ซึ่งจำเป็นต้องถือมือถือให้นิ่งๆ เพื่อให้ได้ภาพที่สวยคมชัดที่สุด โดยการรวมภาพนั้นเป็นการทำงานของตัว AI Ultra-clear engine ที่ช่วยประมวลผลภาพภายใน 2-4 วินาที เพื่อรวมภาพให้ออกมาได้ผลลัพธ์ที่คมชัด และปรับแสงภาพให้เหมาะสม
ภาพถ่าย Ultra Night Mode ไม่ใช้ขาตั้งกล้อง
จะเห็นว่าภาพกลางคืนที่ถ่ายด้วยกล้องของ OPPO R17 Pro สามารถเก็บแสงไฟและรายละเอียดได้ครบทั่วทั้งภาพแม้ในพื้นที่ที่มืดที่ตาเรามองไม่เห็นก็ตาม อีกทั้งยังช่วยลดการเกิดสัญญาณรบกวนภาพ (noise) ได้ดีมากๆ
OPPO R17 Pro ได้นำเซ็นเซอร์ HDR สำหรับการถ่ายภาพในสภาพแสงที่ต่างกันมากๆ เช่น การถ่ายย้อนแสง หรือในสภาพแสงน้อย เป็นต้น โดยการถ่ายภาพหลายๆ เฟรมแล้วมารวมเป็นภาพเดียวกัน โดยในรุ่นใหม่นี้มีการพัฒนาการถ่ายภาพในรูปแบบ RAW HDR ที่จะไม่มีการบีบอัดข้อมูล ทำให้ภาพมีรายละเอียดที่คมชัดและมีมิติมาของภาพดีกว่าการถ่ายด้วย HDR แบบเดิม
กล้องของ OPPO ในหลายรุ่นที่ผ่านมาจนมาถึงในรุ่นนี้ต้องยอมว่ากล้องหลังทำออกมาได้มากแม้จะเป็นการถ่ายภาพในโหมดปกติก็ตาม และยิ่งถ้าเป็นการถ่ายภาพด้วย Portrait Mode จะเห็นว่าสามารถถ่ายภาพบุคคลแบบหน้าชัดหลังเบลอได้สวยเนียนเป็นธรรมชาติมากขึ้น
ภาพถ่าย Portrait Mode ตัดขอบของตัวนางแบบและการทำเอฟเฟ็กต์ละลายฉากหลังนั้นทำออกมาได้สวยมากๆ แทบไม่เห็นรอยเลอะบริเวณขอบเลย แม้แต่เส้นผมก็ยังสามารถตัดขอบได้คม เป็นการพัฒนาด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนจาก OPPO
ภาพนี้เป็นการถ่ายภาพผ่านกระจกเงา ซึ่งจะเห็นว่าแม้เป็นภาพที่มาจากกระจกเงา กล้องของ OPPO R17 Pro ก็ยังสามารถเก็บรายละเอียดและตัดขอบนางแบบเพื่อละลายฉากได้เนียนมากๆ
ด้วยกล้องที่สลับรูรับแสงได้ f/2.4 เมื่อถ่ายภาพในที่แสงสว่างเพียงพอหรือกลางแจ้ง และ f/1.5 สำหรับในที่แสงน้อยหรือในที่มืด ทำให้การถ่ายภาพทำได้ออกมาดีในทุกสภาพแสง
OPPO R17 Pro ยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้การถ่ายภาพบุคคลออกมาสวยจากการจัดแสงในรูปแบบต่างๆ ด้วยฟีเจอร์ 3D Portrait Lighting โดยการใช้เทคนิคแสงแบบ 3D Lighting ให้ออกมาสมบูรณ์แบบเหมือนอยู่ในสตูดิโอ ได้แก่ Natural light, Film light, Mono-tone Light, Canvas Light, Bi-Colors Light และ Shake Light
กล้องหลังสามารถระบุภาพที่กำลังถ่ายได้ด้วย AI Scene Recognition ที่สามารถระบุประเภทภาพได้ถึง 23 ชนิด และปรับภาพให้เหมาะสมได้มากกว่า 800 ฉาก เช่น เมื่อหันกล้องไปคนก็จะขึ้นโหมดถ่ายคน หรือถ้าสภาพแสงค่อนข้างมืดก็จะเป็นโหมดกลางคืน และถ้าเป็นอาหาร จะมีไอคอนอาหารขึ้นมา สามารถกดถ่ายภาพได้ทันที เราไม่ต้องตั้งค่ากล้องใดๆ เลย สะดวกมากๆ
ภาพถ่ายจากกล้อง OPPO R17 Pro
สรุปจุดเด่น
- OPPO R17 Pro เป็นสมาร์ทโฟนที่ดีไซน์โดดเด่นสวยงาม ไล่เฉดสีโค้งเว้าเป็นรูปตัว S ไม่เหมือนใคร และเลือกใช้วัสดุระดับพรีเมียม Goriila Glass 6 ปกป้องหน้าจอบนสมาร์ทโฟนเป็นครั้งแรก
- หน้าจอใหญ่สวยงามด้วย AMOLED FullHD+ ที่ให้สีสันสดใสสวยงาม เห็นภาพเต็มตามากขึ้นด้วยหน้าจอขนาด 6.4 นิ้วและเป็นการดีไซน์รอยบากแบบหยดน้ำที่ไม่กินพื้นที่หน้าจอมากเกินไปเหมือนรุ่นอื่นๆ
- ระบบสแกนนิ้วบนหน้าจอทำงานได้รวดเร็วดี และปลดล็อคหน้าจอได้สะดวกยิ่งขึ้นด้วยใบหน้า
- กล้องถ่ายรูปตอบโจทย์การใช้งานทุกสถานการณ์ทั้งกลางวันและกลางคืน ตัวกล้องสลับรูรับแสงได้ด้วยฮาร์ดแวร์ และมีซอฟต์แวร์ที่ดี ระบบโฟกัสเร็ว ทำให้ภาพถ่ายทำออกมาได้สวยงาม โดยเฉพาะในโหมดกลางคืนที่ไม่ต้องจำเป็นต้องใช้ขากล้องก็สามารถเก็บภาพสวยๆ ได้
- การจัดการตัวเครื่องถือว่าทำได้ดีมากด้วย Snapdragon 710 และแรมขนาด 8GB ใช้งานได้ลื่นไหลดี
- แบตเตอรี่ใช้งานทั่วไปได้ทั้งวัน และรองรับ Super VOOC ชาร์จเร็วมากๆ ไม่ต้องรอนานอีกต่อไป
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- ไม่มีช่องใส่ microSD card แต่ด้วยความจุตัวเครื่อง 128GB น่าจะเพียงต่อการใช้งาน
OPPO R17 Pro ซีพียู Qualcomm Snapdragon 710 พร้อมแรม 8GB และความจุ 128GB ในราคา 24,990 บาท สอบถามรายละเอียดได้ที่ OPPO Brand Shop หรือเว็บไซต์หลัก www.oppo.com/th พร้อมโปรโมชั่นจองผ่านผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือในราคาเริ่มต้นเพียง 9,990 บาท และยังได้รับ OPPO VIP Card ประกันหน้าจอแตก ภายใน 1 ปี และ OPPO Tripod ขาตั้งกล้องด้วย เริ่มเปิดจองวันที่ 17 – 30 พฤศจิกายนนี้ และเปิดจำหน่ายวันแรกพร้อมกันที่ OPPO Brand Shop และร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมนี้ เป็นต้นไป