Featured
รีวิว OPPO Reno 10x Zoom ดีไซน์สุดพรีเมี่ยม กล้องหลังซูมสุด 60x และหน้าจอใหญ่เต็มขอบของจริง
OPPO Reno 10x Zoom ที่สุดของนวัตกรรมการออกแบบผสานรวมกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดได้อย่างลงตัว และหน้าจอใหญ่แทบจะไร้ขอบของจริง ไม่มีรอยบากกวนใจเวลามองหน้าจอ
สรุปสเปค OPPO Reno 10x Zoom
- ราคาเปิดตัว 28,990 บาท (มิถุนายน 2019)
- รองรับ 2 ซิมการ์ด
- หน้าจอแสดงผลขนาด 6.6 นิ้ว Panoramic Screen ความละเอียด 1080 x 2340 พิกเซล อัตราส่วน 19.5:9 ครอบด้วยกระจกกันรอย Gorilla Glass 6
- ระบบปฏิบัติการ ColorOS 6 (Android 9.0 Pie)
- ชิพเซ็ต Snapdragon 855
- แรม 8GB
- ความจุตัวเครื่อง 256GB ใส่เมมเพิ่มได้ด้วย microSD card
- กล้องหลัง 3 ตัว
- กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล Sony IMX586
- กล้อง Telephoto ขนาด 13 ล้านพิกเซล ซูม Hybrid 10x
- กล้อง Wide angle ขนาด 8 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้าเลื่อนได้อัตโนมัติ 16 ล้านพิกเซล f/2.0
- แบตเตอรี่ขนาด 4065mAh, VOOC 3.0
- รองรับ Bluetooth 5.0, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, USB Type-C
- สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า
ดีไซน์ตัวเครื่องและหน้าจอแสดงผล
ด้านการดีไซน์ตัวเครื่อง OPPO Reno 10x Zoom ด้านหลังมีความราบเรียบ สวยงาม ซึ่งเป็นการใช้กระจกแบบ 3D และไล่เฉดสีที่ได้แรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ โดยตัวเครื่องสี Ocean Green มีพื้นผิวเหมือนหมอก ให้ความรู้สึกที่เป็นเอกลักษณ์ราวกับแสงที่ลอดผ่านหมอก
ตัวเครื่องสี Jet Black มีลักษณะผิวที่มันเงาสูง โดยการขัดเลเยอร์ผิวและแกะสลักด้วยเลเซอร์ เพื่อให้ได้พื้นผิวที่แตกต่างกันสามแบบ ทำให้เกิดรูปแบบหลายๆ พื้นผิวทับซ้อนกัน ไล่เฉดสีระหว่างสีอ่อนและสีเข้มได้อย่างลงตัว มีความโดดเด่นไม่เหมือนใครในทุกมุมมอง
การจัดตำแหน่งกล้องหลังและข้อความต่างๆ ของ OPPO Reno ถูกจัดให้อยู่ในแนวตั้งตรงกลางของเครื่อง เพื่อแสดงถึงความงามแบบสมมาตรและสมดุล
อย่างที่ทราบกันแล้วว่าโลโก้ OPPO มีการเปลี่ยนดีไซน์ใหม่ และแน่นอนว่า OPPO Reno 10x Zoom ก็มาพร้อมกับโลโก้ใหม่อย่างเป็นทางการ โดยเป็นฟ้อนท์ที่มีความเรียบง่ายและเป็นตัวหนังสือที่ออกแบบให้ลายเส้นต่อเนื่องกัน อักขระแต่ละตัวมีความหนาที่เท่ากัน ดูทันสมัยมากขึ้น
ด้านหลังตัวเครื่องมีเซรามิกขนาดเล็กที่เรียกว่า O-Dot ซึ่งประโยชน์ของเซรามิกตัวนี้ถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องฝาหลังและกระจกหน้าเลนส์กล้องไม่ได้เกิดรอยขีดข่วยเมื่อวางเครื่องลงกับพื้น ซึ่งไม่เพียงแต่มีประโยชน์ในการป้องกันรอยด้านหลัง แต่ยังให้ความสวยงามเหมือนอัญมนีทุกครั้งที่ได้มองอีกด้วย
สำหรับกล้องหลัง 3 เลนส์ ประกอบด้วย กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล + กล้อง Wide angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล + กล้อง Telephoto ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล สามารถซูม Hybrid ได้ 10x
จะเห็นว่าตัวกล้องทั้งหมดถูกซ่อนไว้ใต้กระจกด้านหลัง ทำให้ไม่นูนออกมาบนฝาหลัง นอกจากจะให้ความสวยด้านดีไซน์แล้ว เมื่อสัมผัสจะให้ความรู้สึกที่ราบเรียบไม่สะดุดบริเวณเลนส์กล้อง
ขอบด้านขวาจะมีปุ่ม Power
ขอบด้านซ้ายมีปุ่มปรับระดับเสียง
ขอบด้านบนจะมีไมโครโฟนอยู่บนโมดูลกล้องหน้า Pivot Rising
ขอบด้านล่างมีช่องถาดใส่ซิม, พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C, ไมโครโฟน และลำโพง
สำหรับถาดใส่ซิมเป็นแบบ Hybrid สามารถใส่ได้พร้อมกัน 2 Nano SIM หรือจะเลือกใส่ microSD Card แทนช่องซิม 2 ก็ได้
หน้าจอแสดงผลของ OPPO Reno 10x Zoom มีขนาด 6.6 นิ้ว AMOLED ไม่มีรอยบาก และแทบจะไร้ขอบ ด้วยการดีไซน์หน้าจอที่เรียกว่า Panoramic Screen อัตราส่วน 19.5:9 ทำให้พื้นที่ด้านหน้าเป็นหน้าจอแสดงผลเกือบทั้งหมด และหน้าจอมีสีสันที่สวยสดใสมาก
สีสันที่เห็นบนหน้าจออของ OPPO Reno 10x Zoom ได้ผ่านการับรองจาก TÜV Rheinland ในเรื่องของการลดแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อสายตา และมี Vivid Colors ที่ทำให้หน้าจอมีสีแบบภาพยนตร์ (DCI-P3) สวยสมจริงมากขึ้น
กล้องหน้าได้รับการดีไซน์ใหม่ไปอยู่ในโครงสร้าง Pivot Rising ที่ซ่อนและเลื่อนออกมาได้อัตโนมัติ โดยในส่วนนี้ไม่เพียงแต่ติดตั้งกล้องหน้าเอาไว้เท่านั้น ยังมีลำโพง ไฟฉายด้านหน้าและด้านหลังอยู่ในชิ้นส่วนนี้ด้วย
การเลื่อนขึ้นของ Pivot Rising จากการทดสอบใช้งานพบว่าแทบไม่มีเสียงดังขณะเลื่อนและแทบไม่รู้สึกถึงแรงสั่นด้วย รวมถึงการเลื่อนขึ้นเพื่อใช้งานกล้องหน้า เปิดไฟฉาย และปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้าก็ทำได้อย่างรวดเร็ว
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือของ OPPO Reno 10x Zoom จะอยู่ใต้กระจกหน้าจอแสดงผล สามารถแตะนิ้วลงบนหน้าจอเพื่อสแกนลายนิ้วมือได้เลย และครั้งนี้พบว่ามีความไวในการอ่านลายนิ้วมือได้รวดเร็วมากๆ แตะเบาๆ ก็สแกนได้เลย ไม่ต้องออกแรงกดมากนัก ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นใหม่ Hidden Fingerprint Unlock 2.0 ที่พัฒนาให้ดีขึ้นจากในรุ่นแรก
ซอฟต์แวร์และฟังก์ชั่นการใช้งาน
OPPO Reno 10x Zoom รันระบบปฏิบัติการ ColorOS 6 ตั้งแต่แกะออกกล่อง ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie เวอร์ชั่นล่าสุดแล้วในขณะนี้ ซึ่งจุดเด่นในเวอร์ชั่นนี้เน้นดีไซน์ที่ดูเรียบง่าย สบายตา ใช้โทนสีที่ดูอ่อนโยน เข้าถึงเมนูการใช้งานต่างๆ ได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น และมี App Drawer ให้ใช้งานได้แล้ว
ในส่วนของ Notification และแผงเมนู Quick Settings จะใช้สีพื้นหลังเป็นโทนสีขาวแบบโปร่งแสง รายการแจ้งเตือนต่างๆ จะถูกรวมไว้ในส่วนนี้ สามารถแตะอ่านหรือเคลียร์รายการทั้งหมดได้ในคลิกเดียว
Task Switcher สำหรับดูรายการแอปพลิเคชั่นที่เปิดเอาไว้ทั้งหมด ปัดหน้าจอไปทางซ้ายหรือขวาเพื่อเลื่อนดูรายการแอป สามารถสลับไปใช้งานแอปนั้นๆ ได้ทันทีหรือปิดใช้งานก็ได้ และในส่วนนี้เรายังสามารถเลือกเมนูแบ่งหน้าจอเพื่อใช้งาน 2 แอปได้พร้อมกันอีกด้วย
ColorOS 6 เป็นเวอร์ชั่นที่พัฒนาให้ทำงานบนหน้าจอแบบ Panoramic ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รองรับการแสดงผลได้แบบเต็มหน้าจอ และสามารถใช้ฟีเจอร์ปุ่มนำทางด้วยท่าทางการลากนิ้วได้ เพื่อให้บนหน้าจอไม่ต้องมีปุ่มนำทางให้เกะกะสายตาเวลาใช้งาน
สีสันการแสดงผลบนหน้าจอของ OPPO Reno 10x Zoom มีให้เลือก 2 โหมด ได้แก่ สีสันแบบเจิดจ้า ซึ่งเป็นโหมด Vivid Colors ที่ทำให้หน้าจอมีสีแบบภาพยนตร์ (DCI-P3) สีสดและสวยสมจริงมากขึ้น และอีกโหมดคือ สีอ่อนโยน จะได้ภาพที่มีสีสันสบายตาและอ่อนโยนมากขึ้น
การดูคลิปวิดีโอบน YouTube พบว่ารองรับการแสดงผลภาพในระดับ FullHD 1080p @60fps แบบ HDR ได้ด้วย ซึ่งจะทำให้ภาพมีความสวยงาม สมจริงมากกว่าการรับชมภาพวิดีโอที่ไม่มี HDR
ระบบเสียงของ OPPO Reno 10x Zoom เป็นแบบสเตอริโอ โดยใช้ลำโพงคู่ที่อยู่ด้านล่างของตัวเครื่องและลำโพงที่อยู่ด้านบน พร้อมเทคโนโลยีจาก Dolby Atmos ที่จะทำให้เสียงที่ส่งออกมามีมิติซ้ายขวาเหมือนในโรงภาพยนตร์
จากการใช้งานพบว่าระดับความดังของเสียงจากลำโพงหลัก (ด้านล่างตัวเครื่อง) ให้เสียงที่ดังกระหึ่มมากๆ ในขณะที่ลำโพงรอง (ด้านบนตัวเครื่อง) ให้เสียงที่ดังเช่นกัน แต่จะเบากว่านิดหน่อยถ้าเทียบกับลำโพงหลัก ซึ่งโดยรวมแล้วก็ให้มิติเสียงสเตอริโอซ้ายขวาได้สมจริง ดูหนังสนุกมากขึ้น
ColorOS 6 ได้รับการพัฒนาและนำเทคโนโลยี Machine Learning มาปรับการใช้งานได้เข้ากับพฤติกรรมของผู้ใช้งานแต่ละคนได้ แอปพลิเคชั่นตัวไหนที่ไม่ได้ใช้งานอยู่เบื่องหลังก็หยุดการทำงานเอาไว้ก่อน เพื่อลดการใช้งานพลังงานที่ไม่จำเป็น ซึ่ง AI จะเรียนรู้พฤติกรรมได้อย่างชาญฉลาดเมื่อเราใช้งานไปได้สักพัก โดยสามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ได้ในเมนูแบตเตอรี่
OPPO Cloud Service เป็นบริการที่ทาง OPPO ได้เพิ่มเข้ามาให้กับสมาร์ทโฟนของตนเองในทุกๆ รุ่น เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานสำหรับสำรองข้อมูลทั้งรูปภาพ วิดีโอ รายชื่อติดต่อ บุ๊กมาร์กของเบราว์เซอร์ และข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ ไปยัง Cloud โดยอัตโนมัติ ซึ่งข้อดีของบริการนี้จะช่วยให้การโอนถ่ายข้อมูลไปยังเครื่องใหม่ทำได้รวดเร็ว ทุกที่ทุกเวลา และข้อมูลสำคัญไม่หายด้วย
OPPO Reno 10x Zoom สามารถใช้ระบบยืนยันตัวตนในการปลดล็อคหน้าจอได้ทั้งการใช้ใบหน้า (Face Unlock) และสแกนนิ้วมือบนหน้าจอ ซึ่งจากการใช้งานแตะนิ้วเพื่อปลดล็อคหน้าจอพบว่าทำได้รวดเร็วมากๆ ถ้าเทียบกับการสแกนนิ้วบนหน้าจอในรุ่นอื่นๆ ที่ผ่านมา ต้องบอกเลยว่า OPPO Reno 10x Zoom ทำให้ต้องแปลกว่าทำไมถึงทำได้รวดเร็วขนาดนี้
สำหรับการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า แม้ว่า OPPO Reno 10x Zoom จะเพิ่มขั้นตอนการยกกล้อง Pivot Rising Camera ขึ้นมาก่อน แต่ถือว่าความเร็วในการทำงานทำได้รวดเร็วดี แทบไม่รู้สึกว่าช้ากว่ารุ่นที่มีกล้องแบบปกติทั่วไป
ColorOS 6 ได้ปรับปรุงในส่วนของอนิเมชั่นภาพเคลื่อนไหวในเมนูต่างๆ ด้วย เช่น เอฟเฟ็กต์ลูกเล่นสวยๆ ในหน้าจอแนะนำระบบ Face Unlock และขณะชาร์จแบตเตอรี่จะมีเอฟเฟ็กต์ไอคอนวงกลมที่เหมือนการไหลของพลังงานเข้าสู่ศูนย์กลางของวงกลม
Smart Sidebar นอกจากใช้งานในแนวนอน ตอนนี้สามารถใช้งานในแนวตั้งได้แล้ว ช่วยสลับการใช้งานแอพ ส่งไฟล์ ตอบแชท จับภาพหน้าจอขณะดูวิดีโอหรือเล่นเกมได้โดยไม่ต้องสลับหน้าจอไปมา ช่วยเพิ่มความสะดวกและง่ายต่อการใช้งานมากขึ้น โดยจะมีการแสดงไอคอนแอพ แบบลอยอยู่ด้านข้างหน้าจอ และสามารถเพิ่ม/ลด แอพพลิเคชั่นที่ต้องการใช้งานมาไว้ในส่วนนี้ได้ด้วย
ฟีเจอร์ด้านการเชื่อมต่อรองรับเครือข่าย 4G พร้อมกันทั้ง 2 ซิม และรองรับ VoLTE การโทรด้วยความเร็วสูงผ่านสัญญาณ 4G ที่ให้คุณภาพเสียงสนทนามีความคมชัดมากขึ้น สามารถใช้เน็ตไปพร้อมๆ กันได้ และยังรองรับ VoWi-Fi ที่สามารถโทรผ่านไวไฟได้อีกด้วย
Riding Mode ฟีเจอร์ใหม่ที่จะช่วยให้การขับขี่ไม่ถูกรบกวน เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน โดยระบบจะใช้ตัวอักษรและปุ่มขนาดใหญ่ที่สามารถรับหรือปฏิเสธได้เท่านั้น และถ้าเลือกปฏิเสธสายโทรเข้า ระบบจะส่ง SMS กลับอัตโนมัติไปยังสายที่โทรเข้า หรือจะเลือกกำหนดเบอร์โทรศัพท์ที่อนุญาตในการรับสายได้ เพื่อไม่ให้พลาดสายที่สำคัญ
แอปพลิเคชั่นรูปภาพสามารถใช้ 2 นิ้วในการขยายหรือซูมดูรายการรูปภาพได้
แอปพลิเคชั่นสำหรับจัดการโทรศัพท์ (Phone Manager) ที่คอยตรวจสอบการทำงานและแก้ไขให้กลับมาทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเหมือนเดิมเพียงคลิกเดียว ไม่ต้องกดหาหรือไล่ลบแอปให้ยุ่งยากอีกต่อไปแล้ว
ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่
OPPO Reno 10x Zoom ใช้ชิพประมวลผล Snapdragon 855 ที่มีกระบวนการผลิตขนาด 7 นาโนเมตร โดยซีพียู Octa-core พร้อมกราฟิก Adreno 640 และแรม 8GB โดยผลการทดสอบ AnTuTu เป็นการทดสอบภาพรวมของการทำงานในส่วนของหน่วยความจำแรม และประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือจีพียู OPPO Reno 10x Zoom ทำคะแนนรวมได้ 371,178 คะแนน ซึ่งถือว่าเป็นคะแนนที่สูงมาก
ผลการทดสอบด้วย Geekbench 4 เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานและการประมวลผล การทดสอบนี้จะทำการประมวลออกมาเป็นตัวเลขแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ Single-Core และ Multi-Core หากได้คะแนนยิ่งสูงประสิทธิภาพการทำงานจะยิ่งดี โดยผลทดสอบของ OPPO Reno 10x Zoom ทำคะแนน Single-Core ได้ 3,518 คะแนน และ Multi-Core ทำได้ 11,219 คะแนน
นอกจากนี้แล้วในการเล่นเกม ยังสามารถเปิดโหมดการเร่งความเร็วเกม Hyper Boost 2.0 เพื่อเรียกใช้งานซีพียูและปรับจีพียูให้จัดลำดับความสำคัญให้มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับการเล่นเกม เพื่อไม่ให้มีการรบกวนระหว่างเล่นเกมได้ Hyper Boost ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องถึง 3 ด้าน ไม่ใช่แค่เรื่องเกม แต่ยังช่วยในส่วนของระบบ และแอพพลิเคชั่นทำให้ทำงานได้เร็วขึ้นด้วย
สำหรับ Game Space ได้รับการอัพเดทใหม่ใน ColorOS 6 มีหน้าตาและโทนสีที่สื่อถึงพลังในการประมวลผล ซึ่งฟีเจอร์นี้สำหรับใช้ในการจัดการเกมเอาไว้ในที่เดียว สามารถเลือกโหมดการจัดการเกมได้ 3 โหมด ได้แก่ โหมดประสิทธิภาพสูงสุด โหมดสมดุล และโหมดการใช้พลังงานต่ำ
สำหรับเกม RoV ตัวเครื่องรองรับโหมดเฟรมเรตสูง ภาพระดับ HD สามารถได้ลื่นไหล ไม่มีปัญหา เฟรมเรตนิ่งมากระหว่าง 59-60 fps บางจังหวะวิ่งทะลุไปที่ 61fps อีกทั้งหน้าจอที่กว้างยังช่วยให้เห็นสภาพแวดล้อมรอบๆ ขอบจอได้ดีมากขึ้น โอกาสมองเห็นศัตรูที่อยู่ขอบจอก็มีมากขึ้นด้วย
แม้แต่ช่วงการเข้าร่วมทีมไฟต์ เฟรมเรตไม่ตก แถมยังวิ่งที่ 61fps อีกด้วย ซึ่งการแสดงผลภาพที่ดูลื่นไหลตลอดการเล่นเกม นอกจากชิปเซ็ตที่เร็วแรงที่สุดแล้ว ส่วนหนึ่งก็มาจาก Hyper Boost 2.0 ที่มาพร้อม FrameBoost สำหรับช่วยให้อัตราเฟรมเรตทำได้แบบนิ่งๆ ไม่สะดุด และ TouchBoost ที่ทำให้ความไวในการแตะสัมผัสหน้าจอเพื่อควบคุมการเล่นเกมทำได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ทดสอบเล่นเกม Asphalt 9 : Legends เกมแข่งรถจาก Gameloft ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ประสบการณ์เกมคอนโซลที่สมจริงและภาพกราฟิกที่สวยงามมากขึ้นด้วยเทคนิค HDR พร้อมรถจากหลายค่ายดัง ก็สามารถเล่นบน OPPO Reno 10x Zoom ได้ลื่นไหล และไม่มีกระตุกเลยแม้แต่นิดเดียว
ทดสอบเล่นเกม PUBG Mobile สุดยอดเกมแอ็คชั่นใหม่ล่าสุดที่พัฒนาด้วย Unreal Engine 4 เป็นเกมที่มีภาพและกราฟิกที่สวยงามมาก ต้องใช้การควบคุมทิศทาง และความแม่นยำในการระบุเป้ายิง OPPO Reno 10x Zoom สามารถเล่นได้ในโหมดกราฟิกระดับ HDR HD และความละเอียดภาพแบบ Ultra
อีกหนึ่งความเร้าใจและทำให้การเล่นเกม PUBG Mobile หรือเกมแนวเดียวกันนี้มีความสนุกมากขึ้นไปอีกคือ ระบบเสียงสเตอริโอซ้ายขวา ทุกครั้งที่ยิงจะได้เสียงที่กระหึ่มสะใจมากๆ และถ้ามีเสียงปืนหรือเสียงเดินจากทางด้านซ้าย ลำโพงทางซ้ายก็จะดัง และถ้าอยู่ทางด้านขวา ลำโพงทางขวาก็จะดัง
จากการทดสอบเล่นเกมต่อเนื่องกันเป็นชั่วโมงพบว่าตัวเครื่องแทบไม่รู้ว่าร้อนเลย เพราะว่าในรุ่น OPPO Reno 10x Zoom ใช้วิธีระบายความร้อนด้วยการกระจายความร้อน 3 วิธี ไม่ว่าจะเป็น กราไฟท์ เทคโนโลยีทำความเย็นด้วยท่อทองแดง และเจลระบายความร้อน
แบตเตอรี่ของรุ่นนี้มีความจุมากถึง 4065mAh จากการทดสอบใช้งานทั่วไป เปิดกล้องถ่ายรูปทั้งวันเป็นร้อยรูป, เล่นเกมต่อเนื่องไปชั่วโมงกว่าๆ พบว่าแบตเตอรี่ยังเหลือกลับมาถึงบ้าน และยังมีระบบชาร์จไว VOOC 3.0 ด้วยกำลังไฟสูงสุด 20W โดยทั้งหัวอะแดปเตอร์และสายชาร์จมีให้ในกล่อง ไม่ต้องซื้อเพิ่ม
กล้องถ่ายรูป
OPPO Reno 10x Zoom มีกล้องหลัง 3 ตัว ได้แก่ กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล + กล้อง Wide andgle 8 ล้านพิกเซล + กล้อง Telephoto 13 ล้านพิกเซล เรียกได้ว่าเป็นรุ่นแรกของ OPPO ที่มีกล้องถ่ายรูปครอบคลุมทุกระยะ และถ่ายภาพได้ในทุกสถานการณ์
Auto Mode มาพร้อม AI Scene Recognition
ในโหมดอัตโนมัติหรือ Auto Mode มี AI Scene Recognition ที่ช่วยระบุฉากที่กำลังถ่าย เช่น ดอกไม้ ต้นไม้ วิว ดวงอาทิตย์กำลังตก เป็นต้น แล้วปรับค่ากล้องให้เหมาะสมกับการถ่ายภาพนั้นๆ โดยที่ผู้ใช้งานไม่ต้องตั้งค่ากล้องให้ยุ่งยาก
กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล ใช้เซนเซอร์ SONY IMX586 ที่มีขนาด 1/2 นิ้ว รูรับแสงกว้าง f/1.7 และมีระบบ 3 โฟกัส คือ การตรวจจับคอนทราสต์ การโฟกัสอัตโนมัติ และ PDAF ที่ทำงานได้รวดเร็ว แตะเลือกจุดโฟกัสแล้วกดถ่ายได้ทันที ซึ่งจะเห็นว่าภาพที่ถ่ายออกมามีความคมชัดและสีสันที่สวยมาก
ข้อดีของ AI Scene Recognition คือภาพแต่ละฉากจะมีความสวยงาม และสีสันโดดเด่นไม่เหมือนกัน โดยเป็นการปรับค่าต่างๆ ให้เหมาะกับการถ่ายภาพแต่ละฉากนั่นเอง ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งานมากๆ ทำให้ทุกคนสามารถถ่ายภาพออกมาสวยได้ทันที
AI Beauty และ Dazzle Color Mode 2.0 เพิ่มสีสันสดใสมากยิ่งขึ้น
สำหรับ AI Beauty ที่อยู่ใน OPPO Reno 10x Zoom รองรับการจดจำใบหน้าและบุคคล รวมไปถึงสามารถระบุผิว สีผิว เพศ แลอายุได้ เพื่อทำการปรับและแก้ไขโครงหน้าได้อัตโนมัติ ทำให้ภาพออกมาสวยเป็นธรรมชาติ
กล้องหลักยังมีระบบกันภาพสั่นไหว OIS ซึ่งเป็นการใช้ฮาร์ดแวร์ช่วยป้องกันการสั่น ทำให้ภาพออกมาสวยคมมากขึ้น แม้มือจะสั่นก็ตาม และยังมี Dazzle Color Mode 2.0 ที่ช่วยเพิ่มสีสันให้ภาพออกมาสีสดใสมากขึ้น โดยใช้เทคโนโลยี AI Engine ที่ช่วยปรับค่าให้เหมาะสม ซึ่งทำงานร่วมกับ Color Engine ที่ใช้เทคนิคพิเศษที่เรียกว่า Mapping Curve เพื่อเพิ่มความสว่างและเพิ่มสีของภาพถ่ายให้สดใสมากขึ้น รวมไปถึงให้สีจริงตามฉากต่างๆ
Portrait Mode ถ่ายหน้าชัดหลังละลาย
สำหรับ Portrait Mode ซอฟต์แวร์กล้องมีระบบตรวจจับใบหน้าอัตโนมัติเพื่อการโฟกัสตัวบุคคลที่แม่นยำและทำให้การละลายฉากหลังทำได้เนียนเป็นธรรมชาติมากขึ้น
จะเห็นว่าภาพที่ถ่ายด้วย Portrait Mode สามารถตัดขอบและละลายฉากหลังได้เนียนสวยเป็นธรรมชาติ ด้วยกล้องหลักที่มีรูรับแสงกว้างและพิกเซลที่มีขนาดใหญ่ช่วยให้การถ่ายภาพออกมาสวยและง่ายมากขึ้น
นอกจากนี้แล้ว Portrait Mode ยังสามารถใส่ฟิลเตอร์โทนแสงต่างๆ ด้วย Artistic Portrait ที่มีให้เลือกถึง 5 แบบ โดยแสงของภาพแต่ละแบบก็จะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป
Ultra Night Mode 2.0 ถ่ายกลางคืนได้สว่างและชัด
OPPO Reno 10x Zoom ได้อัพเกรดการถ่ายภาพกลางคืนด้วย Ultra Night Mode 2.0 โดยการใช้ AI HDR และ MNFR ได้ ซึ่งจะช่วยลด Noise และมีระบบกันสั่นไหว OIS ช่วยให้การถ่ายภาพกลางคืนทำได้สว่างและภาพไม่สั่นโดยไม่ต้องใช้ขาตั้ง โดยในโหมดนี้เป็นการถ่ายภาพหลายเฟรมต่อเนื่องกัน 2-3 วินาที แล้วนำภาพทั้งหมดมารวมเป็นภาพเดียว ทำให้เก็บรายละเอียดของแสงได้ดีมากขึ้น
ถ่ายมุมกว้างด้วยกล้อง Wide Angle 120 องศา
กล้อง Wide Angle ที่มีมุมกว้างพิเศษ 120 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เป็นฟีเจอร์กล้องที่เข้ามาเติมเต็มความสามารถของกล้องถ่ายรูปบนมือถือได้เป็นอย่างดี ระยะใกล้แค่ไหนก็สามารถเก็บภาพได้ครบโดยไม่ต้องถอยห่างอีกต่อไป
กล้อง Telephoto ซูมสุด 60x
กล้อง Telephoto ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ของ OPPO Reno 10x Zoom มีความสามารถในการซูมแบบ Hybrid ได้ถึง 10x โดยไม่สูญเสียรายละเอียด
จะเห็นว่าภาพในระยะซูม 10x มีความคมชัดแทบใกล้เคียงกับภาพในระยะปกติเลย และสีไม่ซีดด้วยความสามารถในการเปิดใช้งาน Dazzle Color Mode ระหว่างการซูมได้
ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะว่ากล้อง Telephoto ตัวนี้ใช้โครงสร้างแบบกล้องปริทรรศน์ จัดเรียงเลนส์ในแนวนอน สามารถซูมต่อเนื่องแบบ Digital ได้สูงสุดถึง 60x
จะเห็นว่าภาพที่ถ่ายออกมานั้นยังคงให้รายละเอียดมากพอที่ดูออกว่าเป็นภาพอะไร โดยเฉพาะตัวอักษรที่อยู่ในระยะไกลมากๆ เมื่อซูมด้วย 60x ก็ยังเห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งฟีเจอร์นี้เป็นสิ่งที่ยืนยันว่า OPPO เดินหน้าพัฒนากล้องถ่ายรูปให้มีความสามารถเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
กล้องหน้า AI Beauty
กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล f/2.0 มาพร้อม AI Beauty และมีแสงแฟลชอ่อนสำหรับช่วยทำให้ใบหน้าสว่างเป็นธรรมชาติด้วย ซึ่งในเวอร์ชั่นใหม่นี้มีการปรับปรุงซอฟต์แวร์ในเรื่องของแสง Backlight ตามฉากหลัง ให้เหมาะกับแสงบนใบหน้า ทำให้ภาพออกมาดูมิติ และสวยงามมากขึ้น
สรุปจุดเด่น
- OPPO Reno 10x Zoom เป็นสมาร์ทโฟนที่มีดีไซน์สวยงาม หน้าจอใหญ่ 6.6 นิ้ว Panoramic Screen และใช้กระจกกันรอยที่ดีที่สุด Gorilla Glass 6
- ตัวเครื่องรันระบบปฏิบัติการ ColorOS 6 (Android 9.0 Pie) มีฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้ใช้งานตั้งแต่แกะออกจากกล่อง
- เป็นรุ่นเรือธงที่มาพร้อมชิพประมวลผล Snapdragon 855 แลแรม 8GB ความจุตัวเครื่อง 256GB ใส่เมมเพิ่มได้ด้วย microSD card
- กล้องหลัง 3 ตัว มีครบทุกกล้อง ทั้งกล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล + กล้อง Telephoto ขนาด 13 ล้านพิกเซล ซูม Hybrid 10x และกล้อง Wide angle ขนาด 8 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้าเลื่อนได้อัตโนมัติ Pivot Rising Camera ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/2.0
- แบตเตอรี่ขนาด 4065mAh, ชาร์จไว VOOC 3.0
- รองรับ Bluetooth 5.0, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, USB Type-C
- สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- ตัวเครื่องไม่กันน้ำ
ราคาและโปรโมชั่น OPPO Reno Series
OPPO Reno Series เปิดตัวแล้ว 2 รุ่น ได้แก่ OPPO Reno 10x Zoom ในราคา 28,990 บาท และ OPPO Reno ในราคา 16,990 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สี Ocean Green อันเป็นเฉดสีที่ผสมผสานกับสีเขียวของน้ำทะเลเมื่อจ้องมองพื้นผิวของทะเล และสี Jet Black สีดำที่มีผิวสัมผัสเงาสะท้อน พร้อมวางจำหน่ายทั่วประเทศอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายนเป็นต้นไป ณ OPPO Brand Shop ทุกสาขาและผู้จัดจำหน่ายทั่วประเทศ
สำหรับลูกค้าที่สั่งจอง OPPO Reno 10x Zoom ในช่วง Pre-Order ตั้งแต่ 4-14 มิถุนายนนี้ รับของแถมสุดพรีเมี่ยม ได้แก่ Diamond Card มูลค่า 9,000 บาท ด้วย International warranty service พร้อมทั้ง Replacement Service บริการเปลี่ยนเครื่อง เมื่อเครื่องมีปัญหา และ ขาตั้งกล้อง มูลค่า 2,000 บาท และหากสั่งจอง OPPO Reno ลูกค้าจะได้รับ Premier Card มูลค่า 5,000 บาท
สำหรับลูกค้า AIS และ True ที่สั่งจอง OPPO Reno 10x Zoom ในช่วง Pre-Order ตั้งแต่ 4-13 มิถุนายนนี้ ราคาเริ่มต้นที่ 8,990 บาท และดีแทคราคาเริ่มต้นที่ 14,990 บาท (ตามเงื่อนไขที่กำหนด)
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://web.facebook.com/oppothai/