Connect with us

Featured

รีวิว OPPO Reno ดีไซน์สวยโดดเด่น หน้าจอเต็มขอบ และกล้องหลัง 48 ล้านพิกเซล

Published

on

OPPO Reno สมาร์​ทโฟนรุ่นน้องของ Reno 10x Zoom ที่มาพร้อมดีไซน์สวยโดดเด่นระดับพรีเมี่ยม มีหน้าจอแสดงผลเต็มขอบแบบไร้รอยบาก และกล้องหลังความละเอียดสูงสุดถึง 48 ล้านพิกเซล

OPPO Reno Full Review

สรุปสเปค OPPO Reno

  • ราคาเปิดตัว 16,990 บาท (มิถุนายน 2019)
  • รองรับ 2 ซิมการ์ด
  • หน้าจอแสดงผลขนาด 6.4 นิ้ว AMOLED Panoramic Screen ความละเอียด 1080 x 2340 พิกเซล
  • ระบบปฏิบัติการ ColorOS 6 (Android 9.0 Pie)
  • ชิพเซ็ต Snapdragon 710
  • แรม 6GB
  • ความจุตัวเครื่อง 256GB
  • กล้องหลัง 2 ตัว เลนส์หลักขนาด 48 ล้านพิกเซล f/1.7 และ Depth sensor ขนาด 5 ล้านพิกเซล f/2.4
  • กล้องหน้าเลื่อนได้อัตโนมัติ Pivot Rising 16 ล้านพิกเซล f/2.0
  • แบตเตอรี่ขนาด 3765mAh, VOOC 3.0
  • รองรับ Bluetooth 5.0, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, USB Type-C
  • สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า

 

ดีไซน์ตัวเครื่องและหน้าจอแสดงผล

OPPO Reno Full Review

ด้านการดีไซน์ตัวเครื่อง OPPO Reno เรียกได้ว่าเป็นการสร้างความโดดเด่นให้กับ Reno Series ด้วยสีสันและรูปลักษณ์ที่สวยงามไม่เหมือนใคร โดยด้านหลังมีความราบเรียบ และใช้กระจกแบบ 3D ที่มีการไล่เฉดสีที่ได้แรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ

 

OPPO Reno Review

สำหรับในรีวิวนี้ตัวเครื่องเป็นสี Jet Black มีลักษณะผิวที่มันเงาสูง โดยการขัดเลเยอร์ผิวและแกะสลักด้วยเลเซอร์ เพื่อให้ได้พื้นผิวที่แตกต่างกันสามแบบ ทำให้เกิดรูปแบบหลายๆ พื้นผิวทับซ้อนกัน ไล่เฉดสีระหว่างสีอ่อนและสีเข้มได้อย่างลงตัว มีความโดดเด่นไม่เหมือนใครในทุกมุมมอง

 

OPPO Reno Review

OPPO Reno สี Jet Black (ซ้าย) และ Reno 10x Zoom สี Ocean Green (ขวา)

อีกหนึ่งสีของ OPPO Reno คือ Ocean Green มีพื้นผิวเหมือนหมอก ให้ความรู้สึกที่เป็นเอกลักษณ์ราวกับแสงที่ลอดผ่านหมอก ซึ่งหลายคนน่าจะได้เห็นสีนี้กันไปแล้วในรีวิวของ OPPO Reno 10x Zoom

 

OPPO Reno Review

นอกจากสีสันที่สวยงามโดดเด่นแล้ว OPPO ยังได้สร้างมาตรฐานการดีไซน์ใหม่โดยการจัดตำแหน่งกล้องและข้อความต่างๆ ให้อยู่บริเวณตรงกลาง เพื่อให้เกิดการสมมาตรและดูสมดุล

 

OPPO Reno Review

ด้านหลังตัวเครื่องมีเซรามิกขนาดเล็กที่เรียกว่า O-Dot สำหรับปกป้องการเกิดรอยบริเวณกระจกหน้าเลนส์เมื่อวางตัวเครื่องลงกับพื้น และยังดูเหมือนเม็ดอัญมณีที่เพิ่มความสวยงามให้กับตัวเครื่องได้ด้วย

 

OPPO Reno Review

OPPO Reno มีกล้องหลังคู่ ประกอบด้วย กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล และ Depth sensor ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล

 

OPPO Reno Review

พื้นผิวด้านหลังราบเรียบทั้งหมด รวมถึงเลนส์กล้องก็ถูกติดตั้งไว้ใต้กระจกฝากหลังด้วย จึงทำให้ OPPO Reno ดูสวยงามอย่างแท้จริง ไม่ต้องมีกรอบเลนส์นูนขึ้นมาโดนนิ้วมือเวลาจับใช้งาน

 

OPPO Reno Review

ขอบด้านขวาจะมีปุ่ม Power

 

OPPO Reno Review

ขอบด้านซ้ายมีปุ่มปรับระดับเสียง และถาดใส่ซิม

 

OPPO Reno Review

ขอบด้านบนจะมีไมโครโฟนอยู่บนโมดูลกล้องหน้า Pivot Rising

 

OPPO Reno Review

ขอบด้านล่างมีช่องหูฟัง 3.5 มม, ไมโครโฟน, พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C และลำโพง

 

OPPO Reno Full Review

หน้าจอแสดงผลของ OPPO Reno มีขนาด 6.4 นิ้ว เป็นแผงหน้าจอ AMOLED ไม่มีรอยบาก และขอบจอที่บางมากจนแทบจะไร้ขอบ ด้วยการดีไซน์หน้าจอที่เรียกว่า Panoramic Screen อัตราส่วน 19.5:9 ทำให้พื้นที่ด้านหน้าเป็นหน้าจอแสดงผลเกือบทั้งหมด และหน้าจอมีสีสันที่สวยสดใสมาก

 

OPPO Reno Review

แผงหน้าจอ AMOLED มีความโดดเด่นในเรื่องของการแสดงผลที่ให้สีสันสดใสด้วยอัตราส่วนคอนทราสต์ที่สูงกว่าหน้าจอ LCD ทั่วไป

 

OPPO Reno Review

กล้องหน้าได้รับการดีไซน์ใหม่ไปอยู่ในโครงสร้าง Pivot Rising ที่ซ่อนและเลื่อนออกมาได้อัตโนมัติ โดยในส่วนนี้ไม่เพียงแต่ติดตั้งกล้องหน้าเอาไว้เท่านั้น ยังมีลำโพงสำหรับการโทร ไฟฉายด้านหน้าและด้านหลังอยู่ในชิ้นส่วนนี้ด้วย

 

OPPO Reno Full Review

การเลื่อนขึ้นของ Pivot Rising จากการทดสอบใช้งานพบว่าแทบไม่มีเสียงดังขณะเลื่อนและแทบไม่รู้สึกถึงแรงสั่นด้วย รวมถึงการเลื่อนขึ้นเพื่อใช้งานกล้องหน้า เปิดไฟฉาย และปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้าก็ทำได้อย่างรวดเร็ว

 

OPPO Reno Review

เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือของ OPPO Reno จะอยู่ใต้กระจกหน้าจอแสดงผล สามารถแตะนิ้วลงบนหน้าจอเพื่อสแกนลายนิ้วมือได้เลย

 

OPPO Reno Review

สำหรับ Hidden Fingerprint Unlock หรือระบบสแกนลายนิ้วมือใต้กระจกหน้าของ OPPO ได้ถูกพัฒนามาจนถึงเวอร์ชั่น 2.0 แล้ว จากการทดสอบใช้งานพบว่ามีความไวในการอ่านลายนิ้วมือได้รวดเร็วมากๆ แตะเบาๆ ก็สแกนได้เลย

 

ซอฟต์แวร์และฟังก์ชั่นการใช้งาน

OPPO Reno Review

OPPO Reno รันระบบปฏิบัติการ ColorOS 6 เวอร์ชั่นล่าสุดตั้งแต่แกะออกจากกล่อง ซึ่งงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie โดยมาพร้อมกับการปรับดีไซน์ UI ใหม่ เน้นเฉดสีพื้นหลังสีขาวที่ดูเรียบง่าย พร้อมกับการไล่เฉดสีที่ดูอ่อนโยน นุ่มนวล ทำให้เวลาใช้งานดูสบายตามากขึ้น

 

OPPO Reno Review

ในส่วนของ Notification และแผงเมนู Quick Settings จะใช้สีพื้นหลังเป็นโทนสีขาวแบบโปร่งแสง รายการแจ้งเตือนต่างๆ จะถูกรวมไว้ในส่วนนี้ สามารถแตะอ่านหรือเคลียร์รายการทั้งหมดได้ในคลิกเดียว

 

OPPO Reno Review

การปรับดีไซน์ของ UI ใหม่ยังใส่ใจในเรื่องของความห่างระหว่างเมนูต่างๆ และเพิ่มเส้นแบ่งต่างๆ ในเมนูการตั้งค่าทำให้ง่ายต่อการแตะเรียกใช้งาน รวมไปถึงเลย์เอาท์ที่ปรับระยะห่างระหว่างคำและย่อหน้าให้เหมาะสมกับการอ่านที่ดูแล้วสบายตา อ่านง่ายมากขึ้นด้วย

 

OPPO Reno Review

ไอคอนแอปพลิเคชั่นระบบได้รับการดีไซน์ใหม่เช่นเดียวกัน โดยมีสีสันที่สดใสและเป็นไอคอนแบบวงกลม ไม่จำเป็นจะต้องเป็นทรงสี่เหลี่ยมอีกต่อไปแล้ว ทำให้หน้าจอดูเป็นอิสระสวยงาม และมี App Drawer ให้ใช้งานได้แล้ว

 

OPPO Reno Review

Task Switcher สำหรับดูรายการแอปพลิเคชั่นที่เปิดเอาไว้ทั้งหมด ปัดหน้าจอไปทางซ้ายหรือขวาเพื่อเลื่อนดูรายการแอป สามารถสลับไปใช้งานแอปนั้นๆ ได้ทันทีหรือปิดใช้งานก็ได้ และในส่วนนี้เรายังสามารถเลือกเมนูแบ่งหน้าจอเพื่อใช้งาน 2 แอปได้พร้อมกันอีกด้วย

 

OPPO Reno Review

อนิเมชั่นในหน้าจอคำแนะนำการบันทึกใบหน้าสำหรับการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้าก็มีเอฟเฟ็กต์ตัวการ์ตูนและสีสันสดใสน่ารักๆ ด้วย

 

OPPO Reno Review

ColorOS 6 ได้รับการดีไซน์ให้ทำงานร่วมกับหน้าจอแบบ Panoramic ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยการเพิ่มการใช้ท่าทาง Android P แบบใหม่ สามารถเข้าไปเลือกเปิดใช้งานได้ในเมนู การตั้งค่า > ตัวช่วยเพิ่มความสะดวก > ปุ่มการนำทาง

 

OPPO Reno Review OPPO Reno Review

การดูคลิปวิดีโอบน YouTube พบว่ารองรับการแสดงผลภาพในระดับ FullHD 1080p @60fps แบบ HDR ได้ด้วย ซึ่งจะทำให้ภาพมีความสวยงาม สมจริงมากกว่าการรับชมภาพวิดีโอที่ไม่มี HDR

 

OPPO Reno Review

Riding Mode ฟีเจอร์ใหม่ที่จะช่วยให้การขับขี่ไม่ถูกรบกวน เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน โดยระบบจะใช้ตัวอักษรและปุ่มขนาดใหญ่ที่สามารถรับหรือปฏิเสธได้เท่านั้น และถ้าเลือกปฏิเสธสายโทรเข้า ระบบจะส่ง SMS กลับอัตโนมัติไปยังสายที่โทรเข้า หรือจะเลือกกำหนดเบอร์โทรศัพท์ที่อนุญาตในการรับสายได้ เพื่อไม่ให้พลาดสายที่สำคัญ

 

OPPO Reno Review

Smart Bar นอกจากใช้งานในแนวนอน ตอนนี้สามารถใช้งานในแนวตั้งได้แล้ว ช่วยสลับการใช้งานแอป ส่งไฟล์ ตอบแชท จับภาพหน้าจอขณะดูวิดีโอหรือเล่นเกมได้โดยไม่ต้องสลับหน้าจอไปมา ช่วยเพิ่มความสะดวกและง่ายต่อการใช้งานมากขึ้น โดยจะมีการแสดงไอคอนแอป แบบลอยอยู่ด้านข้างหน้าจอ และสามารถเพิ่ม/ลด แอปพลิเคชั่นที่ต้องการใช้งานมาไว้ในส่วนนี้ได้ด้วย

 

OPPO Reno Review

ความฉลาดของ AI ในแอปพลิเคชั่นรูปภาพ มีความสามารถตรวจจับใบหน้าและจดจำใบหน้าของแต่ละบุคคลได้ เพื่อแยกเป็นอัลบั้มเดียวกัน ทำให้สามารถค้นหารูปภาพได้ง่ายมากขึ้น รวมถึงการแบ่งอัลบั้มตามสถานที่ และประเภทของรูปถ่ายได้ด้วย

 

OPPO Reno Review

แอปรูปภาพยังใช้ประโยชน์จากการจดจำใบหน้าด้วย AI ในการนำมาใช้ร่วมกับฟีเจอร์ที่เรียกว่า ความทรงจำ (Memories) เพื่อนำภาพถ่ายที่เกี่ยวข้องกับบุคคลนั้นๆ มาทำเป็นคลิปวิดีโอน่ารักๆ บันทึกถึงความทรงจำจากการถ่ายภาพในแต่ละช่วงเวลา เช่น ไปเที่ยวสถานที่ใดที่หนึ่ง ก็รวมเป็นคลิปเดียวกันได้ เป็นต้น

 

OPPO Reno Review

ฟีเจอร์ด้านการเชื่อมต่อรองรับเครือข่าย 4G พร้อมกันทั้ง 2 ซิม และรองรับ VoLTE การโทรด้วยความเร็วสูงผ่านสัญญาณ 4G ที่ให้คุณภาพเสียงสนทนามีความคมชัดมากขึ้น สามารถใช้เน็ตไปพร้อมๆ กันได้ และยังรองรับ VoWi-Fi ที่สามารถโทรผ่านไวไฟได้อีกด้วย

 

OPPO Reno Review

ในเรื่องของความปลอดภัย OPPO Reno สามารถแตะสแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง และใช้ใบหน้าในการปลดล็อคหน้าจอได้ ซึ่งการจำแนกใบหน้าจอถือว่าทำได้ดีมาก ปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว

 

ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่

OPPO Reno Review

OPPO Reno ใช้ชิพประมวลผล Snapdragon 710 ที่มีกระบวนการผลิตขนาด 10 นาโนเมตร โดยซีพียู Octa-core พร้อมกราฟิก Adreno 616 และแรม 6GB โดยผลการทดสอบ AnTuTu เป็นการทดสอบภาพรวมของการทำงานในส่วนของหน่วยความจำแรม และประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือจีพียู OPPO Reno ทำคะแนนรวมได้ 156,537 คะแนน

 

OPPO Reno Review

ผลการทดสอบด้วย Geekbench 4 เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานและการประมวลผล การทดสอบนี้จะทำการประมวลออกมาเป็นตัวเลขแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ Single-Core และ Multi-Core หากได้คะแนนยิ่งสูงประสิทธิภาพการทำงานจะยิ่งดี โดยผลทดสอบของ OPPO Reno ทำคะแนน Single-Core ได้ 1,459 คะแนน และ Multi-Core ทำได้ 5,931 คะแนน

 

OPPO Reno Review

OPPO Reno มีฟีเจอร์ Hyper Boost 2.0 เพื่อเรียกใช้งานซีพียูและปรับจีพียูให้จัดลำดับความสำคัญให้มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับการเล่นเกม เพื่อไม่ให้มีการรบกวนระหว่างเล่นเกมได้ Hyper Boost ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องถึง 3 ด้าน ไม่ใช่แค่เรื่องเกม แต่ยังช่วยในส่วนของระบบ และแอปพลิเคชั่นทำให้ทำงานได้เร็วขึ้นด้วย

 

OPPO Reno Review

สำหรับ Game Space ใช้ในการจัดการเกมเอาไว้ในที่เดียว สามารถเลือกโหมดการจัดการเกมได้ 3 โหมด ได้แก่ โหมดประสิทธิภาพสูงสุด โหมดสมดุล และโหมดการใช้พลังงานต่ำ

 

OPPO Reno ReviewOPPO Reno Review

สำหรับเกม RoV ตัวเครื่องรองรับโหมดเฟรมเรตสูง ภาพระดับ HD สามารถได้ลื่นไหล ไม่มีปัญหา เฟรมเรตวิ่งนิ่งตอลดการเล่นระหว่าง 57-60 fps แม้แต่ช่วงการเข้าร่วมทีมไฟต์ เฟรมเรตไม่ตก ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วยระบบ Frame Boost ในการวิเคราะห์สถานการณ์แบบ real-time ได้ในขณะเล่นเกม

 

OPPO Reno Review

บางฉากของ RoV วิ่งทะลุไปถึง 61fps และหน้าจอที่กว้างยังช่วยให้เห็นสภาพแวดล้อมรอบๆ ขอบจอได้ดีมากขึ้น โอกาสมองเห็นศัตรูที่อยู่ขอบจอก็มีมากขึ้นด้วย

 

OPPO Reno Review

ทดสอบเล่นเกม PUBG Mobile สุดยอดเกมแอ็คชั่นใหม่ล่าสุดที่พัฒนาด้วย Unreal Engine 4 เป็นเกมที่มีภาพและกราฟิกที่สวยงามมาก ต้องใช้การควบคุมทิศทาง และความแม่นยำในการระบุเป้ายิง OPPO Reno สามารถเล่นได้ในโหมดกราฟิกระดับ HDR HD และความละเอียดภาพแบบ Ultra

 

OPPO Reno Review

ระบบ Touch Boost ที่มาพร้อมกับ Hyper Boost 2.0 ยังช่วยให้การสัมผัสหน้าจอมีการตอบสนองที่รวดเร็ว รู้สึกได้เลยว่าการหมุนหน้าจอกำหนดทิศทางในการวิ่งหรือเล็งเป้า และการแตะปุ่มเพื่อยิงปืนได้ก็ทำได้อย่างไม่มีหน่วง โอกาสชนะก็มีมากขึ้น

 

OPPO Reno Review

แบตเตอรี่ของรุ่นนี้มีความจุมากถึง 3765mAh จากการทดสอบใช้งานทั่วไป เปิดกล้องถ่ายรูปทั้งวันเป็นร้อยรูป, เล่นเกมต่อเนื่องไปชั่วโมงกว่าๆ พบว่าแบตเตอรี่ยังเหลือกลับมาถึงบ้าน

 

OPPO Reno Review

นอกจากแบตที่อึดแล้ว OPPO Reno ยังมีระบบชาร์จไว VOOC 3.0 ด้วยกำลังไฟสูงสุด 20W โดยทั้งหัวอะแดปเตอร์และสายชาร์จมีให้ในกล่อง จากการทดสอบชาร์จ 5% – 53% ใช้เวลาเพียง 30 นาที และใช้เวลาชาร์จ 1 ชั่วโมง ได้แบตเตอรี่ถึง 88% ซึ่งรวดเร็วมากๆ

 

กล้องถ่ายรูป

OPPO Reno Review

OPPO Reno เป็นสมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยมที่มาพร้อมกล้องหลังคู่ 48 ล้านพิกเซล + 5 ล้านพิกเซล โดยกล้อง 48 ล้านพิกเซล และมาพร้อมรูรับแสงกว้าง f/1.7 สามารถจับแสงได้สว่างมากขึ้น โดยเฉพาะการถ่ายภาพในที่แสงน้อยหรือในที่ค่อนข้างมืด

 

Ultra Night Mode 2.0 ถ่ายกลางคืนได้สว่างและชัด

OPPO Reno Review

การถ่ายภาพด้วย Ultra Night Mode สามารถถ่ายภาพกลางคืนได้โดยไม่ต้องใช้ขาตั้ง เพียงแค่ถือตัวเครื่องให้นิ่งๆ ระหว่างการกดถ่าย ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3-4 วินาที

 

OPPO Reno Camera Review OPPO Reno Camera Review OPPO Reno Camera Review OPPO Reno Camera Review OPPO Reno Camera Review

ความสามารถในการถ่ายภาพกลางคืนด้วย Ultra Night Mode 2.0 ที่มี AI เข้ามาช่วยลดนอยซ์ และทำการถ่ายภาพหลายเฟรมแล้วนำมารวมเป็นภาพเดียว จะเห็นว่าภาพถ่ายกลางคืนเก็บแสงได้สว่างสวยงามและคมชัดมากๆ

 

Portrait Mode ถ่ายหน้าชัดหลังละลาย

OPPO Reno Review

สำหรับ Portrait Mode ซอฟต์แวร์กล้องมีระบบตรวจจับใบหน้าอัตโนมัติเพื่อการโฟกัสตัวบุคคลที่แม่นยำ ซึ่งไม่เพียงแต่โฟกัสคนเดียว แต่ยังสามารถโฟกัสได้หลายคนพร้อมกัน และทำให้การละลายฉากหลังทำได้เนียนเป็นธรรมชาติมากขึ้น

 

OPPO Reno Camera ReviewOPPO Reno Camera Review OPPO Reno Camera Review OPPO Reno Camera ReviewOPPO Reno Camera Review Portrait Mode

ภาพถ่ายบุคคลที่ละลายฉากหลังและสร้างความโดดเด่นให้กับตัวนางแบบนั้นมาจากความสามารถของกล้องหลักความละเอียดสูงที่มีรูรับแสงกว้าง และกล้อง Depth Sensor ที่ช่วยเก็บระยะความลึกของภาพ ทำให้การละลายฉากหลังทำให้เนียนสวยเป็นธรรมชาติ

 

OPPO Reno Camera Review OPPO Reno Camera Review

นอกจากนี้แล้ว Portrait Mode ยังสามารถใส่ฟิลเตอร์โทนแสงต่างๆ ด้วย Artistic Portrait ที่มีให้เลือกถึง 5 แบบ โดยแสงของภาพแต่ละแบบก็จะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป

 

HDR Mode ย้อนแสงหน้าไม่มืด

OPPO Reno Camera Review OPPO Reno Camera Review

HDR Mode สำหรับการถ่ายภาพในสภาพแสงที่ต่างกันมากๆ เช่น การถ่ายย้อนแสง หรือในสภาพแสงน้อย โดยการถ่ายภาพหลายๆ เฟรมแล้วมารวมเป็นภาพเดียวกัน ซึ่งใน OPPO Reno ใช้กล้องที่มีเซนเซอร์ HDR ทำให้ภาพมีรายละเอียดที่คมชัดและมีมิติมาของภาพดีกว่าการถ่ายด้วย HDR แบบเดิม

 

Dazzle Color Mode 2.0 เพิ่มสีสันสดใสมากยิ่งขึ้น

OPPO Reno Camera Review OPPO Reno Camera Review OPPO Reno Camera Review OPPO Reno Camera Review OPPO Reno Camera Review OPPO Reno Camera Review

Dazzle Color Mode เป็นความสามารถของเทคโนโลยี AI Engine จดจำฉากต่างๆ แล้วปรับค่าให้เหมาะสม ซึ่งทำงานร่วมกับ Color Engine ที่ใช้เทคนิคพิเศษที่เรียกว่า Color Mapping เพื่อเพิ่มความสว่างและเพิ่มสีของภาพถ่ายให้สดใสมากขึ้น

 

Auto Mode ถ่ายภาพสวยได้ง่ายๆ ด้วย AI Scene Recognition

OPPO Reno Review

ในโหมดอัตโนมัติหรือ Auto Mode มี AI Scene Recognition ที่ช่วยระบุฉากที่กำลังถ่าย เช่น ดอกไม้ ต้นไม้ วิว ดวงอาทิตย์กำลังตก เป็นต้น แล้วปรับค่ากล้องให้เหมาะสมกับการถ่ายภาพนั้นๆ โดยที่ผู้ใช้งานไม่ต้องตั้งค่ากล้องให้ยุ่งยาก

 

AI Scene Recognition AI Scene Recognition AI Scene Recognition AI Scene RecognitionOPPO Reno Camera Review OPPO Reno Camera Review OPPO Reno Camera Review

ข้อดีของกล้องที่มี AI Scene Recognition คือทุกคนสามารถถ่ายภาพออกมาสวยได้ แม่ว่าจะตั้งค่ากล้องไม่เป็นก็ตาม ทำให้การถ่ายรูปเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น

 

กล้องหน้า AI Beauty

OPPO Reno Camera Review

สำหรับกล้องหน้าเซลฟี่ก็ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปอีกด้วยนวัตกรรมกล้องเลื่อนขึ้นอัตโนมัติ Pivot Rising Camera ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/2.0

 

สรุปจุดเด่น

  • OPPO Reno เป็นสมาร์ทโฟนที่มีดีไซน์สวยงามระดับพรีเมี่ยม ฝาหลังราบเรียบและโค้งเว้าด้วย 3D Glass จับถนัดมือ
  • หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่แบบเต็มขอบของจริง 6.4 นิ้ว Panoramic Screen ความละเอียด 1080 x 2340 พิกเซล ไม่มีรอยบากให้รบกวนสายตาเวลาใช้งานอีกต่อไปแล้ว
  • รันระบบปฏิบัติการ ColorOS 6 (Android 9.0 Pie) ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด มีฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้ใช้งานตั้งแต่แกะออกจากกล่อง
  • ชิปเซ็ต Snapdragon และแรม 6GB ใช้งานทั่วไปได้ลื่นไหล และเล่นเกมกราฟิกสวยๆ ได้ไม่มีสะดุด ซึ่งมีฟีเจอร์ตัวเร่งประสิทธิภาพการเล่นเกมที่เรียกว่า Hyper Boost 2.0 เข้ามาช่วย
  • กล้องหลัง 2 ตัว เลนส์หลักขนาด 48 ล้านพิกเซล f/1.7 + Depth sensor ขนาด 5 ล้านพิกเซล f/2.4 ถ่ายภาพกลางคืนได้สว่างและถ่าย Portrait ได้สวยทุกสภาพแสง รวมไปถึงระบบโฟกัสที่รวดเร็วด้วย
  • กล้องหน้าเลื่อนได้อัตโนมัติ 16 ล้านพิกเซล และเลื่อนเก็บได้อัตโนมัติเมื่อเครื่องตกหรือกระแทก
  • แบตเตอรี่ขนาด 3765mAh ใช้งานทั่วไปได้ทั้งวัน และชาร์จไว VOOC 3.0

จุดสังเกตเพิ่มเติม

  • ไม่มีช่องใส่ microSD card แต่ความจุตัวเครื่องให้มามาก 256GB เพียงต่อการใช้งานได้อย่างเต็มที่

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://web.facebook.com/oppothai/

Funtouch OS 15 All new features you need to know Funtouch OS 15 All new features you need to know
Android News7 ชั่วโมง ago

Funtouch OS 15 มีอะไรใหม่ ระบบปฏิบัติการอัปเกรดใหม่จาก vivo บน Android 15

ในยุคสมัยที่ผู้คนพึ่...

IT News21 ชั่วโมง ago

AIS รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567

AIS รายงานผลประกอบกา...

IT News1 วัน ago

สรุปข่าวรอบสัปดาห์ระหว่างวันที่ 26 ต.ค. – 1 พ.ย. 67

ข่าวเด่นช่วงระหว่างว...

HUAWEI MatePad Pro 12.2 Jubilee Diamond HUAWEI MatePad Pro 12.2 Jubilee Diamond
News1 วัน ago

กุญแจแห่งความสำเร็จ! เมื่อผู้บริหาร JUBILEE DIAMOND เลือก HUAWEI MatePad Pro 12.2 ตัวช่วยทำงานที่ครบครัน พร้อมมอบสิทธิพิเศษเครื่องประดับเพชรแท้ JUBILEE DIAMOND

ในโลกธุรกิจที่เปลี่ย...

News1 วัน ago

AIS eSports ปิดฉากทัวร์นาเมนต์อีสปอร์ต ระดับมัธยมศึกษาที่ใหญ่ที่สุดในไทย ปีที่ 4

AIS eSports ปิดฉากทั...

Infinix HOT 50 Pro+ Smartphone gaming Infinix HOT 50 Pro+ Smartphone gaming
Android News1 วัน ago

Infinix เปิดตัว HOT 50 Pro+ เกมมิ่งสมาร์ทโฟน 6,499 บาท

Infinix เปิดตัว HOT ...

Apple News1 วัน ago

ลือต่อ !! ชิปโมเด็ม 5G และ Wi-Fi บน iPhone รุ่นปี 2025 จะเป็นชิปแยก 2 ตัว

ไม่นานนี้มีข้อมูลจาก...

Samsung Galaxy Immersive Gardena Samsung Galaxy Immersive Gardena
News1 วัน ago

ครั้งแรก! ของการนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัยจากซัมซุง SAMSUNG GALAXY IMMERSIVE GARDENA ในงานดอกไม้ประจำปี ที่เซ็นทรัลชิดลม วันนี้-15 พ.ย. 67

ซัมซุง ร่วมเฉลิมฉลอง...

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก