Connect with us

Featured

รีวิว OPPO Reno11 5G สมาร์ตโฟนจัดเต็มเรื่อง “ถ่ายคนอย่างโปร” พอร์ตเทรตแจ่มสุดในเซกเมนต์ด้วยเลนส์ Tele Portrait พร้อมดีไซน์สุดปังและสเปคระดับท็อป

Published

on

รีวิว OPPO Reno11 5G ถ่ายคนอย่างโปร พอร์ตเทรตแจ่ม Tele Portrait

รีวิว OPPO Reno11 5G พี่กลางในตระกูล OPPO Reno11 Series 5G สมาร์ตโฟนที่ยังคงสโลแกน The Portrait Expert “ถ่ายคนอย่างโปร” ที่จริงๆ มาด้วยกัน 3 รุ่น คือ Reno11 F 5G, Reno11 5G และ Reno11 Pro 5G ที่ยังคงกล้องหลังจัดเต็ม ชูโรงด้วยการถ่ายภาพพอร์ตเทรตได้ดีที่สุดในราคาระดับเดียวกันด้วยเลนส์ Telephoto Portrait ที่ได้เซ็นเซอร์ระดับสูง ได้หน้าจอ AMOLED ขุมพลังตัวแรงจาก MediaTek ชาร์จไว 67W SUPERVOOC แถมรุ่นนี้ยังแกะกล่องมาพร้อม ColorOS 14 บน Android 14 รุ่นแรกของ OPPO ด้วย โดยนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความคุ้มค่า จะมีอะไรอีกบ้าง มาชมรีวิวเต็มๆ กันครับ

และบอกอีกนิดว่าช่วงท้ายจะมี OPPO Pad Neo แท็บเล็ตตัวกลาง และ OPPO Enco Air3s หูฟังสุดคุ้มไว้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกตอนท้ายด้วยนะ

สรุปสเปค OPPO Reno11 5G

  • ขนาดรอบตัวเครื่อง (สีเทาดำดูดทรัพย์ Rock Grey) : 162.4 x 74.3 x 7.99 มม.
  • ขนาดรอบตัวเครื่อง (สีเขียวเหนี่ยวทรัพย์ Wave Green) : 162.4 x 74.3 x 8.04 มม.
  • น้ำหนัก : 182 กรัม
  • หน้าจอแสดงผลโค้ง AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2412 x 1080 พิกเซล), 394PPI รองรับ Refresh Rate 120Hz, 2160Hz PWM Dimming ความสว่างสูงสุด 950 นิต, แสดงผลสี 1.07 พันล้านสี และสัดส่วนพื้นที่หน้าจอ 93%
  • หน่วยประมวลผล : MediaTek Dimensity 7050 Octa-core ความเร็วสูงสุด 2.6GHz
  • GPU : ARM Mali-G68 MC4
  • RAM : 12GB LPDDR4X
  • ROM : 256GB UFS 2.2 เพิ่ม MicroSD ได้สูงสุด 1TB
  • กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 3 เลนส์ ดังนี้
    • เลนส์หลักความละเอียด 50MP รูรับแสง f/1.8, ระยะ 26mm รองรับกันสั่น OIS เซ็นเซอร์ Sony LYT600
    • เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 8MP รูรับแสง f/2.2 ระยะ 16mm มุมกว้าง 112 องศา เซ็นเซอร์ Sony IMX355
    • เลนส์ Telephoto Portrait ระยะ 47mm ความละเอียด 32MP รูรับแสง f/2.0 เซ็นเซอร์ Sony IMX709
  • กล้องหน้าความละเอียด 32MP รูรับแสง f/2.4 เซ็นเซอร์ OmniVision OV32c
  • ระบบปฏิบัติการ Android 14 ครอบทับด้วย ColorOS 14.0
  • รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 (802.11ax), Bluetooth 5.3, NFC, 5G และพอร์ต USB Type-C
  • แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh รองรับ 67W SUPERVOOC
รีวิว OPPO Reno11 5G

แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล

แกะกล่อง OPPO Reno11 5G

มาเริ่มแกะกล่องของ OPPO Reno11 5G กันก่อนเลยครับ โดยมาพร้อมชื่อรุ่นระบุอย่างชัดเจนด้านบน พร้อมด้วยเลข “11” ตรงด้านล่างขนาดใหญ่ที่แอบเล่นแสงสีรุ้งเมื่อสะท้อนแสงเพิ่มมิติให้ตัวกล่องเพิ่มเติมด้วยครับ

รีวิว OPPO Reno11 5G

เปิดออกมาชั้นแรกจะเจอกับคู่มือการใช้งานเบื้องต้น เข็มเปิดถาดซิม และเคสกันกระแทกที่ให้มาเป็นแบบซิลิโคนสวยงาม ที่หากเป็นตัวเครื่อง “สีเขียวเหนี่ยวทรัพย์ Wave Green” ก็จะเป็นสีเขียวที่จะออกเข้มหน่อยเสริมความเหนี่ยวทรัพย์เป็น 2 เท่า แต่หากเป็นตัวเครื่อง “สีดำดูดทรัพย์ Rock Grey” ก็จะได้เคสซิลิโคนสีดำเช่นกันครับ

รีวิว OPPO Reno11 5G

ชั้นตรงกลางจะเป็นตัวเครื่อง OPPO Reno11 5G พร้อมติดฟิล์มกันรอยให้มาเรียบร้อยแล้วครับ

รีวิว OPPO Reno11 5G

และปิดท้ายด้วยอะแดปเตอร์ 67W SUPERVOOC รวมถึงยังมีสาย USB-C มาให้ครบ

รีวิว OPPO Reno11 5G

ดีไซน์สวย โดดเด่นพร้อมแรงบันดาลใจจากธรรมชาติบน OPPO Reno11 5G

รีวิว OPPO Reno11 5G มาต่อกันด้วยความประทับใจแรกหลังจากการแกะกล่อง คือดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ ทั้งจากแนวชายฝั่งทะเลและสิ่งที่ได้จากธรรมชาติทั้งหมดครับ แต่ละสีมีความงามอย่างไรบ้าง เราพามาชมกันทีละจุดเลยดีกว่า

รีวิว OPPO Reno11 5G

OPPO Reno11 5G ได้ความพรีเมียมด้วยฝาหลังกระจกผิวด้าน ให้ความรู้สึกสวยงามตั้งแต่แรกเห็นครับ โดยจุดเด่นที่เห็นจะเป็นโมดูลกล้องหลังแบบวงรีแนวตั้งที่แบ่งเป็น 2 วงหลักๆ ที่เรียกรวมว่า Sunshine Ring เมื่อโดยแสง วงแหวนแต่ละวงจะเปล่งประกายตัดกันอย่างลงตัว เป็นความมันเงาสวยงาม รู้สึกมีชีวิตชีวาและสะดุดตากว่าเดิม โดยวงด้านบนจะเป็นเลนส์หลักที่ถูกล้อมด้วยเส้นวงแหวน ส่วนวงด้านล่างจะเป็นที่อยู่ของเลนส์ Ultra-Wide และ Telephoto Portrait พร้อมสัญลักษณ์ “ASPHERICAL LENS”

รีวิว OPPO Reno11 5G

รีวิว OPPO Reno11 5G

และที่หลายคนน่าจะอยากรู้กันคือตัวเลือกสีในรุ่นนี้ บอกเลยว่ารอบนี้ OPPO ไทยจัดชื่อสีได้ถูกใจสายมูเสริมความเป็นสิริมงคลได้เหมือนกันนะ

รีวิว OPPO Reno11 5G

เริ่มด้วยสีแรกคือสี “สีเขียวเหนี่ยวทรัพย์ Wave Green” ได้ฝาหลังแบบกระจกผิวมันที่เป็นลายเส้นทอของผ้าไหมไทยพร้อมความเปล่งประกายระยิบระยับสวยงามเมื่อโดยแสงกลางแจ้ง และเมื่อดูใกล้ๆ ก็จะเห็นเป็นคลื่นๆ สะท้อนประกายแสงอาทิตย์ที่ก็แอบเหมือนกับทะเลสีมรกตไปอีกแบบเช่นกัน

รีวิว OPPO Reno11 5G

อีกสีในรุ่นนี้จะเป็น “สีดำดูดทรัพย์ Rock Grey” ได้ความผิวด้าน แต่จะเป็นสีดำเทาคล้ายหินที่อยู่ใกล้ชายฝั่ง มีความมันเงาและสะท้อนแสงออกมาเป็นกลิตเตอร์งามๆ เลยครับ

รีวิว OPPO Reno11 5G

ทั้ง 2 สีจะได้เรื่องความเบาและบางเข้ามาให้เราได้ใช้งานอย่างถนัดมือมากขึ้นพร้อมพกพาได้สะดวกกว่าที่เคย ไม่ว่าจะเป็นการพกใส่กระเป๋าเสื้อได้ในช่วงเวลาเร่งรีบ หรือหากต้องใช้งานนานๆ ก็ไม่รู้สึกเมื่อยมือเลยครับ โดยตัวเครื่องสีดำดูดทรัพย์ Rock Grey จะบางเพียง 7.99 มม. และสีเขียวเหนี่ยวทรัพย์ Wave Green จะขยับขึ้นมานิดหน่อยอยู่ที่ 8.04 มม. ส่วนน้ำหนักจะเท่ากันที่ 182 กรัมเท่านั้นเองครับ

รีวิว OPPO Reno11 5G

หน้าจอแสดงผล 120Hz 3D Curved

มาดูกันต่อที่หน้าจอแสดงผลกันครับ รอบนี้ OPPO Reno11 5G ใช้หน้าจอแสดงผลแบบโค้ง พาเนล AMOLED ให้ขนาดมาใหญ่ถึง 6.7 นิ้ว พร้อมความละเอียดระดับ Full HD+ (2412 x 1080 พิกเซล), 394PPI ทำให้ใช้งานได้เต็มตาและความคมชัดตามมาตรฐานเนื้อหายุคนี้ไปพร้อมกันเลย ทั้งยังความสว่างหน้าจอสูงสุด 950 นิต สามารถแสดงผลสีได้สูงสุด 1.07 พันล้านสี และรองรับแสดงผล HDR10+ ได้อีกด้วยนะ

รีวิว OPPO Reno11 5G

ตัวขอบหน้าจอก็ให้มาแบบบางเฉียบสุดๆ เพียง 1.57 มม. ทำให้มีสัดสัดส่วนพื้นที่ต่อหน้าจออยู่ถึง 93% ช่วยให้รับชมเนื้อหาได้เต็มๆ ไม่มีขอบหนามากวนสายตาแล้วครับ

รีวิว OPPO Reno11 5G

ที่ขาดไม่ได้คือ Refresh Rate ที่รองรับมาสูงสุด 120Hz สามารถเปิดที่ 120Hz ค้างไว้เสมอก็ได้ หรือจริงๆ จะเลือกปรับเป็นอัตโนมัติเพื่อเปลี่ยนไปตามเนื้อหาบนหน้าจอและช่วยให้ประหยัดพลังงานได้เช่นกันครับ

รีวิว OPPO Reno11 5G

พาชมรอบเครื่อง

พามาดูรอบเครื่องกันต่ออีกนิดครับ ที่หน้าจอแสดงส่วนบนจะเป็นกล้องหน้าแบบ Punch Hole ตรงกลาง และแถบลำโพงด้านบนจะเป็นส่วนของการสนทนาเท่านั้น

รีวิว OPPO Reno11 5G

ส่วนด้านซ้ายจะไม่มีปุ่มอะไรมาให้ เพราะจะไปอยู่ที่ด้านซ้ายกันหมด ทั้งปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่ม Power ครับ

รีวิว OPPO Reno11 5G

ด้านล่างตัวเครื่องจะมีช่องใส่ซิมการ์ดแบบ NanoSIM 2 ช่องแบบพลิกหน้า-หลัง โดยช่องที่ 2 จะเป็น Hybrid ให้เลือกระหว่างซิมที่ 2 หรือ MicroSD Card ถัดไปเป็นไมโครโฟนตัวที่ 1 ตามด้วยพอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวที่ 1 ครับ

รีวิว OPPO Reno11 5G

รีวิว OPPO Reno11 5G

รีวิว OPPO Reno11 5G

ฝั่งบนตัวเครื่องจะมีทั้งลำโพงตัวที่ 2 แบบสเตอริโอได้ด้วย ถัดไปตรงมุมจะเป็นเซ็นเซอร์อินฟราเรด (IR Blaster) เพื่อใช้ในการควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และปิดท้ายด้วยไมโครโฟนตัวที่ 2 ในการตัดเสียงรบกวน

รีวิว OPPO Reno11 5G

ท้ายสุดที่ด้านหลังจะเป็นโมดูลกล้องหลัง 3 เลนส์ทรงวงรี และมีไฟแฟลช Dual LED มาให้ข้างๆ ครับ

รีวิว OPPO Reno11 5G

ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน

ได้ Android 14 + ColorOS 14 ตั้งแต่แกะกล่องรุ่นแรกของ OPPO

รีวิว OPPO Reno11 5G และรุ่นอื่นในตระกูลเป็นรุ่นแรกที่ได้แกะกล่องมาพร้อมระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ของแบรนด์อย่าง Android 14 ที่ครอบทับด้วย ColorOS 14 อีกทีครับ โดยตัวซอฟต์แวร์ใหม่นี้รู้สึกได้ถึงความไหลลื่นระหว่างการใช้งานมากขึ้น จัดการพลังงานได้ดีกว่าเดิม แถมแอนิเมชัน UI ต่างๆ ก็ดูจะลื่นขึ้นด้วยครับ ใน ColorOS 14 จะรองรับเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยให้เร็วเพียบ ตั้งแต่ RAM Vitalization ที่ช่วยให้เปิดแอพได้มากขึ้นพร้อมลดการรีเฟรชของแอพเมื่อเปิดขึ้นมาใหม่นานถึง 72 ชั่วโมง และมากถึง 28 แอพในพื้นหลัง และยังมีเทคโนโลยี The Trinity Engine ที่ปรับการทำงานในพื้นหลัง ให้ทุกอย่างเร็วขึ้น และไม่กินทรัพยากรในระบบมากจนเกินไป

และในเรื่องการอัปเกรดในอนาคตก็ยังรองรับได้อีก 4 เวอร์ชันถึง Android 18 และแพทช์ความปลอดภัยนาน 5 ปีครับ

รีวิว OPPO Reno11 5G

คุยโทรศัพท์ชัดขึ้นด้วย Clear Voice พร้อมสัญญาณที่จับได้ไวด้วยเทคโนโลยี LinkBoost

ปกติหลายคนน่าจะเคยจอปัญหาที่อยู่ในจุดอับสัญญาณหรือเสียงขาดๆ หายๆ ระหว่างคุยโทรศัพท์กันบ้าง แต่ใน OPPO Reno11 5G ก็เข้ามาแก้ไขปัญหานี้ด้วยการเพิ่มเทคโนโลยี Clear Voice เข้ามาในระบบ ช่วยลดเสียงลดเสียงรอบข้างได้ถึง 40db คู่กับทำให้เสียงพูดของเราชัดกว่าเดิมถึง 40% ที่สำคัญยังมาพร้อมกับ LinkBoost อีกหนึ่งเทคโนโลยีชูโรงในรุ่นนี้ที่ช่วยให้จับสัญญาณดีขึ้นและเร็วขึ้นจากซอฟต์แวร์ที่ปรับมาให้จับและดึงคลื่นสัญญาณได้ดีขึ้นกว่าเดิม เช่น ในตอนที่เราเข้าลิฟท์ที่ไม่มีสัญญาณ แต่เมื่อลิฟท์เปิดออกมาก็จะจับสัญญาณให้เราใช้ต่อได้ทันทีและรวดเร็วกว่ารุ่นอื่นๆ เป็นต้น ฟีเจอร์นี้ไม่ได้พูดถึงลอยๆ เพราะมีการทดสอบการใช้จริงกับผู้ให้บริการเครือข่ายทั้ง True 5G และ AIS 5G ไปเรียบร้อยแล้วด้วยครับ

รีวิว OPPO Reno11 5G

Aqua Dynamic แถบแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์

บน ColorOS 14 จะมี Aqua Dynamic หรือเป็นแถบแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ของแอพที่มีการใช้งานอยู่ในเบื้องหลังอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตอนแรกจะแสดงเป็นไอคอนเล็กที่ส่วนบนหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นการจับเวลา การอัดวิดีโอหน้าจอ การรับ-ส่งข้อมูล หรือการสั่งอาการผ่านแอพเดลิเวอรี่ต่างๆ และเมื่อเรากดที่ Aqua Dynamic ก็จะแสดงแถบข้อมูลเรียลไทม์ให้เราเห็นทั้งหมดครับ

รีวิว OPPO Reno11 5G

รีวิว OPPO Reno11 5G

ระบบความปลอดภัยจัดมาให้ครบ

หน้าจอ OPPO Reno11 5G ที่ได้มาเป็น AMOLED ก็รองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอครับ ซึ่งการใช้งานก็รวดเร็วและเสถียร ปลอดภัยแน่นอน

รีวิว OPPO Reno11 5G

รวมถึงการสแกนใบหน้าที่ยังคงใช้งานได้ดีตามมาตรฐาน

รีวิว OPPO Reno11 5G

ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ด้วย IR Remote Control

ปกติเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านที่เรามีจะใช้รีโมทแยกกันในแต่ละเครื่อง แต่ในสมาร์ตโฟนรุ่นนี้มาพร้อมเซ็นเซอร์ IR ที่สามารถควบคุมได้ครบทั้งหมด ตั้งแต่แอร์ ทีวี พัดลม กล้อง ไฟ และอื่นๆ แบบครบวงจรมากๆ

รีวิว OPPO Reno11 5G

ฝากไฟล์ผ่าน File Dock รอส่งให้ทุกแอพได้เพียบ !

File Dock เป็นฟีเจอร์ที่เข้ามาใหม่ จะเป็นการนำไฟล์หรือรูปภาพไปไว้ที่อยู่ที่แถบข้างหน้าจอ ซึ่งเราสามารถนำไฟล์ที่อยู่ใน File Dock ส่งไปยังแอพไหนก็ได้เลยทันที โดยที่ไม่ต้องคัดลอกใหม่ครับ

รีวิว OPPO Reno11 5G

ซึ่งไฟล์ต่างๆ ที่อยู่ในส่วนนี้จะอยู่นานถึง 30 วัน และเก็บได้มากถึง 99 ไฟล์เลยทีเดียว

Smart Image Matting ไดคัทวัตถุได้แบบง่ายๆ

ในฟีเจอร์นี้ก็เป็นไปตามหัวข้อเลย จะเป็นการตัดวัตถุหรือไดคัทได้แบบทันทีตามที่เราต้องการเพียงแค่แตะค้างสิ่งที่ต้องการเท่านั้น โดยสามารถคัดลอก บันทึกเป็นภาพใหม่ หรือแชร์ได้เลย

รีวิว OPPO Reno11 5G

จัดเต็มด้วยลำโพงสเตอริโอคู่ และเร่งเสียงกระหึ่ม Ultra Volume Mode สูงสุดถึง 300%

OPPO Reno11 5G เป็นตัวกลางที่มาพร้อมกับลำโพงคู่สเตอริโอแบบกระหึ่ม แยกเสียงซ้ายและขวาได้ชัดเจนมากๆ ทำให้เราดูซีรีส์/ภาพยนตร์ หรือเล่นเกมต่างๆ ได้เต็มอรรถรสมากขึ้นกว่าเดิมด้วย

รีวิว OPPO Reno11 5G

ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่

ชิปเซ็ตตัวกลาง Dimensity 7050 ที่ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ

OPPO Reno11 5G ขับเคลื่อนหน่วยประมวลผล ขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผล MediaTek Dimensity 7050 Octa-core ความเร็ว Clock สูงสุด 2.6GHz โดยมาคู่กับ ARM Mali-G68 MC4 ที่เป็น GPU ระดับกลาง-สูงที่ช่วยให้เล่นเกมได้ไหลลื่นจริงๆ ทั้งยังได้ภาพที่สวย และปรับคุณภาพของตัวเกมได้สูงกว่ารุ่นกลางทั่วไปด้วยครับ

รีวิว OPPO Reno11 5G

มาพร้อม RAM Expansion เพิ่มได้สูงสุด 12GB

ในรุ่นนี้มาพร้อมกับการเพิ่ม RAM เสมือนหรือ RAM Expansion ได้ตั้งแต่ 4GB, 8GB และไปสูงสุดถึง 12GB ทำให้มี RAM รวมสูงสุดถึง 24GB ช่วยให้เปิดแอพต่างๆ ได้มากขึ้น และการทำงานพื้นหลังก็ไม่มีการหยุดทำงานกลางคันด้วยครับ

รีวิว OPPO Reno11 5G

ผลการทดสอบบน AnTuTu v10 และ Geekbench 6

  • ผลคะแนนการทดสอบด้านประสิทธิภาพด้าน CPU, GPU, หน่วยความจำ และ UX บน AnTuTu 10.1.7 ได้มาที่ 538,825 คะแนน
  • ผลคะแนนด้าน CPU บน Geekbench 6 ทำ Single-Core ไปที่ 957 คะแนน และ Multi-Core ที่ 2,269 คะแนน

ทดสอบการเล่นเกม

ROV

รีวิว OPPO Reno11 5G การเล่นเกม ROV ในรุ่นนี้จะสามารถเปิดภาพฟิกได้สูงุสดทั้งหมด เหลือเพียงการแสดงผลที่อยู่ในระดับ “สูง” ไม่ใช่ ”สูงมาก” ครับ โดยเราเล่นจริงๆ ก็ทำเฟรมเรทได้ราวๆ 60 fps บบค่อนนิ่งได้ตลอดทั้งเกมครับ แถมการตอบสนองหน้าจอก็ดีมากๆ ติดนิ้วสุดๆ เลย

PUBG Mobile

ต่อมาเป็น PUBG Mobile ก็เปิดภาพได้ที่ HDR HD และเฟรมเรทระดับ Ultra ได้ด้วยครับ ซึ่งเกมแนว FPS (รวมไปถึง Call of Duty: Mobile และ Arena Breakout) จะได้ประโยชน์มากๆ ใน OPPO Reno11 5G ตั้งแต่ลำโพงคู่สเตอริโอที่ตรวจจับเสียงรอบทิศได้แบบแม่นยำ คู่กับหน้าจอ 120Hz ที่เล่นได้ติดนิ้ว ตอบสนองได้ไวแบบเรียลไทม์ ไม่ดีเลย์ และการเล่นก็ไม่เจออาการกระตุกเลยแม่แต่นิดเดียวครับ

แบตอึดพร้อมรองรับชาร์จเร็ว 67W SUPERVOOC

อีกจุดเด่นของ OPPO Reno11 5G คือแบตเตอรี่ให้มาจัดเต็มถึง 5000mAh ทำให้ใช้งานทั่วไปได้เต็มวันแน่นอนครับ รวมถึงตัวเทคโนโลยีแบตเตอรี่ยังมีอายุใช้งานได้ถึง 4 ปีโดยประจุยังคงอยู่ในระดับ 80% เรียกง่ายๆ ว่าแบต 4 ปีก็ยังไม่เสื่อมครับ

และที่ขาดไม่ได้คือรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 67W SUPERVOOC ที่หากใครรีบก็ชาร์จเพียง 20 นาที ได้มาถึง 67% และจากที่เราทดสอบชาร์จจริงตั้งแต่แบตเหลือประมาณ 19% ไปจนถึง 100% ใช้เวลาเพียง 50 นาทีเท่านั้นครับ

กล้อง Telephoto Portrait ถ่ายคนอย่างโปร

ฟีเจอร์ระดับชูโรงของ OPPO Reno11 5G ก็ไม่พ้นเรื่องกล้องหลังที่ยังมาในสโลแกน “ถ่ายคนอย่างโปร” ที่เน้นเลนส์ Telephoto Portrait ระยะ 47 มม. ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX709 ที่ใช้การถ่ายภาพ Portrait ในระยะ 2x  หน้าชัดละลายหลังเป็นธรรมชาติด้วยเทคโนโลยี Ultra Clear Portrait Camera System และทำให้รุ่นนี้กลายเป็นสมาร์ตโฟนที่ถ่ายภาพ Portrait ได้ดีที่สุดในเซกเมนต์

ส่วนเลนส์อื่นที่ให้มาจะเป็นเลนส์หลัก 50MP, f/1.8 รองรับกันสั่น OIS ด้วยเซ็นเซอร์ Sony LYT600 ขนาด 1/1.95″ และเลนส์ Ultra-Wide 8MP, f/2.2 พร้อมมุมกว้าง 112 องศา โดยแต่ละเลนส์จะเป็นอย่างไรบ้าง ถ่ายได้แจ่มขนาดไหน เดี๋ยวพาไปดูกันทีละฟีเจอร์ครับ

32MP Telephoto Portrait Camera คมชัดพิเศษ

มาดูกันที่ฟีเจอร์กล้องที่ยังไงก็ต้องซื้อมาถ่ายแน่นอน คือการถ่ายด้วยเลนส์ 32MP Telephoto Portrait ในระยะ 2x หรือ 47 มม. ซึ่งระยะที่ใกล้เคียงกับระยะ 50 มม. ที่เป็นที่นิยมในการถ่ายกับกล้อง DSLR แต่จะพิเศษขึ้นตรงที่ปรับค่ารูรับแสงได้ตั้งแต่ f/1.4 – f/16 ยิ่งปรับค่า f น้อยยิ่งละลายหลังได้มากขึ้นกว่าเดิม  แต่ค่าเริ่มต้นจะอยู่ที่ f/4.5 ครับ

ที่สำคัญ เซ็นเซอร์ที่ใช้งานคือ IMX709 จะช่วยให้ภาพมีความคมชัดมากขึ้น มีการจัดเรียงพิกเซล RGBW เพื่อให้ความไวแสงสูงขึ้นถึง 60% และ Noise ลดลงถึง 35% เมื่อเทียบกับเซ็นเซอร์รุ่นเดิม

ตัวอย่างภาพ 2x

รีวิว OPPO Reno11 5G จะเห็นว่าเมื่อถ่ายภาพในระยะ 2x จะเป็นการดึงฉากหลังดูใหญ่และช่วยให้ตัวบุคคลโดดเด่นมากขึ้นกว่าเดิม แต่หากใครอยากได้บรรยากาศแบบธรรมชาติ เห็นเต็มๆ ก็เลือกใช้ 1x ในระยะ 26 มม. ได้แบบสวยๆ เหมือนกันครับ

ตัวอย่างภาพ 1x

ผิวพรรณสมบูรณ์แบบด้วย Portrait Expert Engine และความฉลาดด้วย AI Portrait Retouching

อีกเรื่องที่เป็นจุดเด่นของ OPPO มาโดยตลอดคือเรื่องของการถ่าย Portrait ได้ฉลาดและปรับให้ความสวยเป็นธรรมชาติมากๆ ซึ่งใน OPPO Reno11 5G ก็มาพร้อม 2 เทคโนโลยีระดับท็อป คือ Portrait Expert Engine ที่ช่วยปรับแสงและเงาให้สมบูรณ์แบบ ผิวพรรณที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นโดยการใช้ซอฟต์แวร์ในการปรับแต่ง และ AI Portrait Retouching ที่เป็นอัลกอริธึมการปรับแต่งภาพบุคคลแบบละเอียดที่เพิ่มเข้ามาใหม่พร้อมปรับแต่งใบหน้าอย่างละเอียดอ่อน ปรับผิวให้เรียบเนียน ปรับสัดส่วนใบหน้าให้เหมาะสม ดึงความงามตามธรรมชาติออกมาด้วยครับ

Bokeh Flare จัดความเบลอระดับกล้องโปร

นอกจากที่ตัวเลนส์จะละลายฉากหลังได้เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว แต่ก็ยังเพิ่มให้ตัวโบเก้ดวงๆ ดูโดดเด่นขึ้นมาได้อีกเท่าตัว ภาพที่ได้จะละมุนมากขึ้นและบุคคลในภาพก็จะดูเด่นขึ้นมาชัดขึ้นไปอีกด้วย แต่เอาจริงๆ การใช้โหมดนี้กับเลนส์ Telephoto Portrait ก็แทบแยกไม่ออกเลยครับ เพราะแค่โหมดปกติก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว

AI Color Portrait แยกคนและเปลี่ยนฉากหลังให้เป็นขาวดำ

ฟีเจอร์ AI Color Portrait ก็ยังเป็นอีกลูกเล่นที่ OPPO ใส่เข้ามาในรุ่นนี้ครับ ซึ่งจะเป็นการคงสีสันของตัวบุคคลไว้ และเปลี่ยนฉากหลังเป็นขาวดำทั้งหมด ทำให้ตัวคนมีมิติและดูเป็นภาพอีกอารมณ์หนึ่งได้เลยครับ

กล้องหลักฉลาด คมชัด 50MP ด้วยเซ็นเซอร์ LYT600

จบเรื่องความสามารถในการถ่ายภาพ Portrait ที่จัดเต็มไปแล้วสำหรับ รีวิว OPPO Reno11 5G ก็มาดูเรื่องโหมด AI ที่ต้องใช้กันเยอะอีกเหมือนกัน โดยเลนส์หลักจัดเซ็นเซอร์ Sony LYT600 เข้ามา มีขนาดค่อนข้างใหญ่อยู่ที่ 1/1.95” พร้อมระยะ 26 มม. ซึ่งระยะของภาพก็พอเหมาะมากๆ ในการถ่ายโดยที่ขอบเขตของภาพไม่ได้บิดเบี้ยว รวมถึงการได้เซ็นเซอร์ที่ค่อนข้างใหญ่ก็ช่วยให้รับแสงได้ดี เรื่องของ Noise ก็เก็บได้เอาอยู่เลย แถมตัว Auto HDR ก็ทำได้ดีเลย เหก็บฉากหลังได้ครบ และฉากหน้าก็ยังคงเห็นได้ชัดเจน และที่ชอบกว่านั้นคือการมีระบบกันสั่น OIS มาให้ด้วย

ถ่ายมุมกว้างได้พอเหมาะด้วยเลนส์ Ultra-Wide 112 องศา

เลนส์มุมกว้างใน OPPO Reno11 5G ก็อยู่ในระยะที่ไม่ได้กว้างจนเกินไป อยู่ที่ 112 องศาเท่านั้น แต่มุมมองนี้ช่วยให้ภาพไม่ได้บิดเบี้ยวตรงขอบภาพครับ ช่วยให้เราไม่ต้องมานั่งปรับแต่งใหม่หรือต้องจำใจครอปภาพทิ้งไปครับ

Night Mode ทำได้ยอดเยี่ยมในระดับเดียวกัน

โหมดกลางคืนในรุ่นนี้ก็มาถ่ายได้ดีในะดับที่น่าพอใจเลยทีเดียว ได้ประโยชน์จากตัวเซ็นเซอร์ LYT600 ไปเต็มๆ ด้วยขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ก็เก็บแสงได้มากขึ้นและจุดไหนที่มืดมากๆ ก็ไม่ได้เกิด Noise จนกวนสายตาไปครับ และการถ่ายกลางคืนก็ต้องใช้มือที่นิ่งพอสมควร ซึ่งก็ได้ OIS เข้ามาช่วยอีกแรงในตรงนี้ครับ

ในโหมดกลางคืนก็ยังมีฟิลเตอร์มาให้เราเล่นอีก 4 แบบ ได้แก่ สีทอง อบอุ่นและเย็น ชมพูและฟ้าอมเขียว และเมืองยามค่ำคืน

กล้องหน้าคมชัดสูง 32MP

กล้องหน้าใน OPPO Reno11 5G มาพร้อมความละเอียดสูง 32MP ทำให้เก็บรายละเอียดในภาพได้ดีมากๆ เห็นได้ชัดจนทั้งฉากหน้าและฉากหลัง ทั้งยังมีระยะอยู่ที่ 22 มม. เห็บภาพฉากหลังได้เยอะพอสมควรครับ หรือถ้าใครอยากได้แบบโบเก้ละลายหลังก็ยอดเยี่ยมเหมือนถ่ายกล้องหลังเลย

ถ่ายวิดีโอ 4K@30fps ได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง

ใครที่ชอบถ่ายวิดีโอคมชัดระดับ 4K ในรุ่นนี้ก็รองรับทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังเลยครับ ซึ่งจะอยู่ในความละเอียด 4K@30fps เหมือนกัน

รีวิว OPPO Reno11 5G

สรุปการใช้งาน OPPO Reno11 5G

รีวิว OPPO Reno11 5G “ถ่ายคนอย่างโปร ในระดับเรือธง” คือ คำนิยามใน OPPO Reno11 5G รุ่นนี้จริงๆ ครับ โดยเฉพาะเลนส์ 32MP Telephoto Portrait ที่ทำออกมาได้ดีมากจริงๆ ถ่ายคนได้สวยงาม เป็นธรรมชาติเหมือนการได้จับรุ่นตัวท็อปในราคาที่ถูกเกินกว่าครึ่งนึงเลยทีเดียว ใครชอบถ่ายรูปอยู่แล้วต้องหลงรักรุ่นนี้แน่ๆ แต่ก็ไม่ได้มีดีแค่เลนส์เดียวเท่านั้น เพราะเลนส์อื่นก็ยังคงทำได้ดีในระดับที่สามารถจบได้ในหลังกล้องเลยครับ

ขณะที่เรื่องอื่นก็ทำได้ยอดเยี่ยมตั้งแต่หน้าจอโค้ง AMOLED 120Hz ที่ทำได้สีสันจัดเต็ม ใช้งานได้ติดนิ้ว พร้อมแกะกล่องมาเป็น ColorOS 14 รุ่นแรกของแบรนด์เลยด้วย ฟีเจอร์ต่างๆ ก็เยอะมากตามรีวิวด้านบนครับ และการได้ชิป Dimensity 7050 ก็ใช้ได้ดี ไหลลื่น เล่นเกมได้ดีสำหรับรุ่นกลางเลย และใครที่เป็นสายมูก็น่าจะได้เลือกสีกันแล้วจากการที่มีมาให้เลือก 2 สี คือ สีเขียวเหนี่ยวทรัพย์ Wave Green และสีดำดูดทรัพย์ Rock Grey ครับ

ราคา OPPO Reno11 5G

OPPO Reno11 5G มีให้เลือกทั้งหมด 2 สีเอาใจสายมูสุดๆ ได้แก่ สีดำดูดทรัพย์ Rock Grey และสีเขียวเหนี่ยวทรัพย์ Wave Green โดยสนนราคาในความจุเดียวคือ RAM 12GB + ROM 256GB อยู่ที่ 14,990 บาท พร้อมเปิดพรีออเดอร์ตั้งแต่วันนี้ – 29 มกราคม 67 และวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 30 มกราคมนี้ ผ่าน OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ Shopee, Lazada

ผู้ที่สั่งซื้อในช่วงพรีออเดอร์จะได้รับ E-VIP Card รับประกันหน้าจอแตกนาน 1 ปี, กระเป๋า OPPO Reno x new year, เคส และฟิล์มกันรอยเพิ่มเติมครับ

กระเป๋า OPPO Reno x NEW YEAR
เคสใส ฟิล์ม และ E-VIP Card

รีวิว OPPO Pad Neo l OPPO Enco Air3s

มาต่อกันที่อุปกรณ์ IoT อีก 2 อุปกรณ์อย่างแท็บเล็ตรุ่นประหยัดอย่าง OPPO Pad Neo และหูฟัง True Wireless อย่าง OPPO Enco Air3s กันบ้างครับ โดยเราจะพามาดูฟีเจอร์เด่นๆ ของทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์นี้กัน เผื่อใครแอบได้ซื้อมาประกบกันพอดี ทั้ง OPPO Reno11 5G, OPPO Pad Neo และ OPPO Enco Air3s

OPPO Pad Neo

เริ่มกันด้วย OPPO Pad Neo แท็บเล็ตที่ชูโรงเรื่องหน้าจอแสดงผลที่คมชัดระดับ 2.4K สวยงาม และยังถนอมสายตาตามมาตรฐานจาก TUV Rheinland ด้วย

สรุปสเปค OPPO Pad Neo

  • ขนาดตัวเครื่อง : 255 x 188 x 6.89 มม.
  • น้ำหนัก : 538 กรัม
  • หน้าจอแสดงผล LCD ขนาด 11.4 นิ้ว ความละเอียด 2.4K (2408 x 1720 พิกเซล) อัตราส่วน 7:5, 260PPI ความสว่างหน้าจอ 400 นิต รองรับ Refersh Rate 90Hz และมีสัดส่วนพื้นที่ต่อหน้าจอ 86.4%
  • หน่วยประมวลผล : MediaTek Helio P99 Octa-core
  • GPU : ARM Mali-G57 MC2
  • RAM : 6GB (รุ่น Wi-Fi) / 8GB (รุ่น LTE)
  • ROM : 128GB ทั้ง 2 โมเดล
  • กล้องถ่ายรูปด้านหลังความละเอียด 8MP
  • กล้องหน้าความละเอียด 8MP 
  • ระบบปฏิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย ColorOS 13.2
  • รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 5 Bluetooth 5.2 และพอร์ต USB Type-C
  • แบตเตอรี่ความจุ 8000mAh ชาร์จเร็ว 33W SUPERVOOC

ดีไซน์เบาบาง ใช้งานได้สะดวก

พามาชมดีไซน์ของ OPPO Pad Neo กันก่อนเล็กน้อยครับ ในแท็บเล็ตรุ่นนี้ชูจุดเด่นให้เรื่องความบางได้ดีพอสมควรเลยครับ อยู่ที่เพียง 6.89 มม. เท่านั้น เวลาจะพกพาไปไหนก็สะดวกมากขึ้น และน้ำหนักที่ 538 กรัมก็ไม่เยอะเกินไปด้วยครับ

หน้าจอเพื่อการอ่าน ReadFit 2.4K ใหม่ล่าสุด

OPPO Pad Neo ใช้หน้าจอพาเนล LCD ขนาด 11.4 นิ้ว พร้อมความคมชัดสูงที่ 2.4K โดยอัตราส่วนจะอยู่ที่ 7:5 ช่วยให้การอ่านดีง่ายขึ้นหน้าจออัตราส่วนแบบอื่น มอบพื้นที่การแสดงผลและมุมมองที่กว้างขึ้น ชัดขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ชัดเวลาในงานต่างๆ เช่น การเปิดตาราง Excel ที่จะแสดงผลได้ใหญ่และพื้นที่ดการใช้งานก็ไม่ได้จากอัตราส่วนอื่นเลยครับ

และเมื่อเหมาะกับการอ่านและใช้ในการทำงานก็ยังเป็นแท็บเล็ตรุ่นแรกที่ได้รับการรับรองโดย TUV Rheinland ว่าเป็นมิตรกับนาฬิกาชีวภาพและมาพร้อม Full Care Display 2.0 ที่ทำให้การถนอมสายตาดีขึ้นไปอีก ลดอาการปวดตา

ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ

ลำโพง 4 ตัว แบบ Dolby Atmos

OPPO Pad Neo ยังมาพร้อมลำโพงสเตอริโอถึง 4 ตัวรอบทิศทางแบบ Dolby Atmos ใช้ด้านความบันเทิงได้กระหึ่มเลยทีเดียว และรองรับ Hi-Res เสียงคุณภาพสูงเมื่อใช้งานกับหูฟังที่รองรับ

Screen Mirroring มีหลายอุปกรณ์ก็รวมเป็นจอเดียวกันได้

ใครที่ซื้อ OPPO Pad Neo มาคู่กับ OPPO Reno11 5G กันแล้ว ก็จะได้ใช้งานฟีเจอร์นี้เพื่อให้เราสามารถแชร์หน้าจอบนสมาร์ตโฟนมาเป็นหน้าต่างลอยบนแท็บเล็ต รวมถึงการได้รับแจ้งเตือนข้อความที่ขึ้นมาบนในตอนที่เราใช้งานแท็บเล็ตอยู่ ถือเป็น Ecosystem ของ OPPO ที่น่าสนใจมาซื้อคู่กันไม่น้อยเลย

แบตอึด 8000mAh รองรับชาร์จเร็ว 33W SUPERVOOC

OPPO Pad Neo ให้แบตเตอรี่มาที่ 8000mAh โดยที่เป็นความจุที่เยอะสำหรับแท็บเล็ตรุ่นประหยัดครับ แต่ถ้าแบตจะหมดก็ยังรองรับการชาร์จเร็ว 33W SUPERVOOC ที่สามารถชาร์จเต็ม 100% ใน 110 นาที หรือหากรีบๆ ก็ชาร์จ 10 นาที จะได้มาประมาณ 10% ครับ

OPPO Enco Air3s

มาต่อกันด้วย OPPO Enco Air3s หูฟังไร้สาย True Wireless Earbuds รุ่นประหยัดจาก OPPO อีกรุ่น แต่สเปคไม่ประหยัดเลยครับ เพราะจัดมาให้แน่นพอตัวเลย

คุณสมบัติ OPPO Enco Air3s

  • น้ำหนักเคสและหูฟัง : ประมาณ 37.2 กรัม
  • ไดรเวอร์เบส : 13.4 มม.
  • การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.3 
  • ระยะการเชื่อมต่อ : สูงสุด 10 เมตร
  • มาตรฐานกันน้ำ-ฝุ่น : IP54
  • การชาร์จ (เคส) : พอร์ต Type-C
  • แบตเตอรี่ : 300mAh (เคสชาร์จ) / 27mAh (หูฟังแต่ละข้าง)

ดีไซน์สุดลงตัวโดนเด่นด้วยฝาเปิดที่ไม่เหมือนใคร

ดีไซน์ของ OPPO Enco Air3s เป็นการผสานดีไซน์อย่างลงตัวของ OPPO Reno11 Series 5G ที่ได้ความละเอียดอ่อนและหรูหราในตัว โดยสีที่ใช้เคสของหูฟัง True Wirless รุ่นนี้จะเป็นสีทอง Champagne Gold ที่เป็นประกายมากๆ เวลาโดนแสงแดดครับ

ตัวฝาเปิดที่ไม่เหมือนใครคือจะเป็นการดันเปิดขึ้นไปในระดับ 110 องศา เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ช่วยให้หยิบหรือใช้งานหูฟังได้สะดวกมากขึ้นกว่าแบบที่ต้องดึงขึ้นมาแน่นอนครับ

ดีไซน์หูฟังตามหลักสรีรศาสตร์ ใช้งานได้สบาย

ตัวของหูฟัง OPPO Enco Air3s ได้รับการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ที่มั่นใจได้ว่าจะมั่นคงในตอนใส่ และไม่หลุดออกง่ายๆ แถมน้ำหนักแต่ละข้างก็อยู่ที่ 3.7 กรัมเท่านั้น ทำให้เวลาใส่จะสบายหูมากๆ แม้ว่าจะใส่เป็นเวลานานก็ตามครับ

ตัวหูฟังยังรองรับการแตะเพื่อควบคุมการใช้งานต่างๆ ตั้งแต่การแตะ 1 ครั้ง ไปจนถึง 3 ครั้งตามการตั้งค่าของเราหลังการเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนไปแล้วครับ

OPPO Enco Air3s ยังให้เราได้มั่นใจถึงการใช้งานได้ตลอดวันและทุกสถานการณ์ด้วยครับ ด้วยการมาพร้อมมาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP54 ซึ่งใช้ได้ทั้งตอนฝนตกเบาๆ ละอองฝน หรือโดนเหงื่อตอนออกกำลังกาย

เชื่อมต่อได้ไวด้วย Google Fast Pair

การเชื่อมต่อ OPPO Enco Air3s กับสมาร์ตโฟนฝั่ง Android โดยเฉพาะกับ OPPO Reno11 Series 5G จะทำได้รวดเร็วมากๆ จากการที่รองรับการเชื่อมต่อแบบ Google Fast Pair เพียงเปิดฝาออกมาก็รอกดเชื่อมต่อได้เลยทันทีครับ

ไดรเวอร์เบสขนาด 13.4 มม. ใหญ่ พร้อมชิป HiFi 5 DSP

ใครที่ชอบฟังเพลง หูฟังรุ่นนี้ก็ตอบโจทย์ได้ดีเลยด้วยไดรเวอร์ภายในที่ให้มาอยู่ที่ 13.4 มม. ซึ่งใหญ่กว่าไดรเวอร์ที่ใช้ในหูฟังทั่วไปที่ 12 มม. รวมถึงการได้ชิป HiFi 5 DSP ช่วยลดคลื่นการรบกวนลง ปรับแต่งเสียงได้อัตโนมัติ มีการลดการใช้พลังงานและยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ได้อีกด้วย และ OPPO Alive เพื่อยกระดับเสียงรอบทิศทาง 360 องศาได้ดีขึ้นกว่าเดิมมาก

เวลาที่ใช้ในการฟังเพลงหรือเล่นเกมก็ถือว่าทำงานได้ดีเลยครับ อาการดีเลย์หรือความหน่วงไม่ได้มากเกินไป ทำให้ยังคงได้ยินเสียงที่ตรงกับเนื้อหาเลย ถือว่าเป็นหูฟังรุ่นประหยัดอีกตัวที่น่าสนใจ

สรุปการใช้งาน OPPO Pad Neo และ OPPO Enco Air3s

คู่หู IoT ทั้ง 2 อุปกรณ์นี้ทั้ง OPPO Pad Neo และ OPPO Enco Air3s เป็นอุปกรณ์ที่เข้าคู่กันได้ดีมากๆ และยิ่งใช้งานกับ OPPO Reno11 Series 5G ก็ยิ่งเข้ากันไปอีกด้วยการเป็น Ecosystem ที่ขาดกันไม่ได้เลย โดยแท็บเล็ต OPPO Pad Neo ก็จัดเต็มด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ คมชัดระดับ 2.4K คุณภาพเสียงสูงผ่านลำโพง 4 ตัว แถมรองรับการเชื่อมต่ออัจฉริยะที่ใช้งานร่วมกับสมาร์ตโฟน OPPO ได้ไหลลื่นไร้รอยต่อครับ

ส่วนหูฟัง OPPO Enco Air3s ก็เป็นหูฟังไร้สาย True Wireless ที่น่าใช้งานเหมือนกัน ได้ดีไซน์ที่เข้ากับ OPPO Reno11 Series 5G ได้แบบลงตัว และยังมีคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม เสียงเบสค่อนข้างดีเลยเพราะมีไดรเวอร์คอมโพสิตขนาดใหญ่ 13.4 มม. และการสวมใส่ก็แน่นหนาจากดีไซน์ที่ออกแบบได้ดีมากครับ

ราคา OPPO Pad Neo และ OPPO Enco Air3s

OPPO Pad Neo เปิดราคาไทยมาที่ 10,990 บาท และหูฟัง OPPO Enco Air3s มาในราคา 1,999 บาท

Funtouch OS 15 All new features you need to know Funtouch OS 15 All new features you need to know
Android News17 ชั่วโมง ago

Funtouch OS 15 มีอะไรใหม่ ระบบปฏิบัติการอัปเกรดใหม่จาก vivo บน Android 15

ในยุคสมัยที่ผู้คนพึ่...

IT News1 วัน ago

AIS รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567

AIS รายงานผลประกอบกา...

IT News1 วัน ago

สรุปข่าวรอบสัปดาห์ระหว่างวันที่ 26 ต.ค. – 1 พ.ย. 67

ข่าวเด่นช่วงระหว่างว...

HUAWEI MatePad Pro 12.2 Jubilee Diamond HUAWEI MatePad Pro 12.2 Jubilee Diamond
News2 วัน ago

กุญแจแห่งความสำเร็จ! เมื่อผู้บริหาร JUBILEE DIAMOND เลือก HUAWEI MatePad Pro 12.2 ตัวช่วยทำงานที่ครบครัน พร้อมมอบสิทธิพิเศษเครื่องประดับเพชรแท้ JUBILEE DIAMOND

ในโลกธุรกิจที่เปลี่ย...

News2 วัน ago

AIS eSports ปิดฉากทัวร์นาเมนต์อีสปอร์ต ระดับมัธยมศึกษาที่ใหญ่ที่สุดในไทย ปีที่ 4

AIS eSports ปิดฉากทั...

Infinix HOT 50 Pro+ Smartphone gaming Infinix HOT 50 Pro+ Smartphone gaming
Android News2 วัน ago

Infinix เปิดตัว HOT 50 Pro+ เกมมิ่งสมาร์ทโฟน 6,499 บาท

Infinix เปิดตัว HOT ...

Apple News2 วัน ago

ลือต่อ !! ชิปโมเด็ม 5G และ Wi-Fi บน iPhone รุ่นปี 2025 จะเป็นชิปแยก 2 ตัว

ไม่นานนี้มีข้อมูลจาก...

Samsung Galaxy Immersive Gardena Samsung Galaxy Immersive Gardena
News2 วัน ago

ครั้งแรก! ของการนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัยจากซัมซุง SAMSUNG GALAXY IMMERSIVE GARDENA ในงานดอกไม้ประจำปี ที่เซ็นทรัลชิดลม วันนี้-15 พ.ย. 67

ซัมซุง ร่วมเฉลิมฉลอง...

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก