Featured
รีวิว OPPO Reno4 Z 5G สมาร์ทโฟนดีไซน์โดดเด่น พร้อมความเร็วแรงด้วย 5G Dual-Mode, หน้าจอ 120Hz และกล้องหลัง 48MP ราคาเพียง 12,990 บาท
OPPO Reno4 Z 5G สมาร์ทโฟนที่ให้ได้สัมผัสการใช้งาน 5G Dual-Mode แบบเต็มสปีดในราคาที่เข้าถึงได้ พร้อมความไหลื่นบนจอ Refresh Rate 120Hz และกล้อง 4 เลนส์ 48 ล้านพิกเซล
สรุปสเปค OPPO Reno4 Z 5G
- ขนาดตัวเครื่อง : 163.8 x 75.5 x 8.1 มม.
- น้ำหนัก : 184 กรัม
- หน้าจอแสดงผล Dual Punch-hole Display ชนิด LTPS LCD ขนาด 6.57 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080 พิกเซล) อัตราส่วน 20:9 และ 120Hz Silky Display
- หน่วยประมวลผล : MediaTek Dimensity 800 5G Octa Core ความเร็ว 2.0GHz
- GPU : Mali-G57 MC4
- RAM : 8GB LPDDR4x
- ROM : 128GB UFS 2.1
- กล้องถ่ายรูปหลัง 4 เลนส์แบบ Ultra-Clear แบ่งเป็น
- เลนส์หลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.7
- เลนส์ Ultra Wide Angle มุมกว้าง 119 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
- เลนส์ B&W Portrait Monochrome ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- เลนส์ Vintage Portrait Monochrome ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- กล้องหน้า 2 เลนส์ แบ่งเป็น
- เลนส์หลักความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0
- เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- ระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย ColorOS 7.1
- รองรับการเชื่อมต่อเครือข่าย 5G Dual-Mode (SA/NSA)
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.0, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และพอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 4000mAh รองรับ 18W Fast Charge
แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล
ตัวกล่องของ OPPO Reno4 Z 5G มาพร้อมความเป็นเอกลักษณ์ของ OPPO Reno ที่มีการเล่นลวดลายสะท้อนเป็นคำใหญ่ๆ ว่า “RENO” พร้อมชื่อรุ่น Reno4 Z และคำว่า 5G ที่มุมขวาล่าง
อุปกรณ์ภายในกล่องมีดังนี้
- ตัวเครื่อง OPPO Reno4 Z 5G พร้อมติดฟิล์มกันรอย
- หูฟัง
- สาย USB Type-C
- อะแดปเตอร์ 18W Fast Charge
- อุปกรณ์เปิดถาดซิม
- เคสใส
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
- ใบรับประกันสินค้า
ดีไซน์โฉบเฉี่ยวไม่เหมือนใคร
OPPO Reno4 Z 5G มาพร้อมดีไซน์ที่ไม่ซ้ำใครด้วยการวางโมดูลกล้องหลัง 4 เลนส์แบบหลายระดับชั้นที่ให้ความรู้สึกของความหลากหลายมิติ ซึ่งเราจะสังเกตว่าตัวเลนส์กล้องนั้นล้อมรอบไฟแฟลชที่อยู่ตรงกลางพอดี
วัสดุของ OPPO Reno4 Z 5G นั้นมาแบบกระจก สวยงาม มีความทนทานและแข็งแรงพอสมควรครับ ที่สำคัญยังมีความโค้ง 2.5D เล็กๆ เพื่อความสบายในการจับถือระหว่างการใช้งาน แถมยังมีความบางเพียง 8.1 มม. ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในรุ่นที่รองรับ 5G ที่บางเฉียบมากๆ
สำหรับสีที่เราได้มารีวิวนั้นเป็นสีดำ Ink Black ที่มีความเข้ม ดูคลาสสิก แต่ก็มีการเล่นเฉดเบาๆ เพื่อให้มีความทันสมัยสมเป็นยุค 5G แน่นอน ส่วนอีกสีจะเป็นสีขาว Dew White
แสดงผลไหลลื่นด้วย 120Hz Silky Display
หน้าจอแสดงผลของรุ่นนี้จัดมาให้แบบลื่นๆ ในทุกการสัมผัสครับ เพราะรองรับ Refresh Rate 120Hz ช่วยให้การใช้งานดูสมูทระหว่างใช้งานทั้งโซเชียลมีเดียหรือเล่นเกม ซึ่งฟีเจอร์นี้ OPPO ใส่มาให้กับสมาร์ทโฟนระดับ Mid-Tier ซึ่งปกติจะมีอยู่ในเรือธงเท่านั้นด้วย
ไม่ใช่แค่ความลื่น 120Hz เท่านั้นครับ เพราะยังมาพร้อมขนาดใหญ่ถึง 6.57 นิ้ว คมชัดระดับ Full HD+ (2400 x 1080 พิกเซล) มีอัตราส่วน 20:9 ที่เหมาะสำหรับการรับชมภาพยนตร์และวิดีโอ และยังมีความสดใสอีกด้วย
บริเวณเหนือหน้าจอมาพร้อมลำโพงสำหรับการสนทนาที่ตรงกลาง และมุมซ้ายบนมีกล้องหน้าคู่ Dual Punch-hole Display
ทางซ้ายมีช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดแบบ NanoSIM 2 ช่อง และรองรับ 5G ทั้งซิม 1 และซิม 2 ครับ ถัดลงมามีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง
ทางขวามีปุ่ม Power ที่สามารถใช้เป็นการสแกนลายนิ้วมือได้เช่นกัน
ด้านล่างของตัวเครื่องยังคงมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. ถัดไปจะมีไมโครโฟนตัวที่ 1, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวหลัก
ส่วนด้านบนมีไมโครโฟนตัวที่ 2 เพื่อตัดเสียงรบกวน
และสุดท้ายที่ด้านหลังมีกล้องหลัง 4 เลนส์ พร้อมไฟแฟลช LED 1 ดวง
ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน
ระบบปฎิบัติการ
OPPO Reno4 Z 5G แกะกล่องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 10 ที่ครอบทับ ColorOS 7.1 ทำให้มีฟีเจอร์ต่างๆ ให้ได้ใช้งานมากมายเลยทีเดียวครับ
รองรับ Dual-mode 5G ตั้งแต่แกะกล่องไม่ต้องรออัปเดท
ใครที่ซื้อ OPPO Reno4 Z 5G ก็เข้าถึงการใช้งานเครือข่าย 5G ได้ทันทีผ่าน CPU MediaTek Dimensity 800 5G ซึ่งรองรับการเชื่อมต่อทั้งแบบ SA และ NSA และสามารถปรับคลื่นความถี่ให้เหมาะสมตามสภาวะต่างๆ ทำให้ประหยัดแบตเตอรี่ไปได้เยอะเลยทีเดียว
ถนอมสายตาทั้งตัดแสงสีฟ้าและโหมดกลางคืน
OPPO Reno4 Z 5G สามารถใช้งานโหมดถนอมสายตาได้แน่นอนเพื่อให้เมื่อเราใช้งานในที่แสงน้อยแล้วไม่ล้าดวงตาครับ ที่สำคัญ หน้าจอของรุ่นนี้ยังผ่านการรับรองจาก Rheinland TÜV ที่กรองแสงสีฟ้าได้มากกว่า 58% แม้ว่าจะยังไม่ได้เปิดโหมดนี้ก็ตาม
ทั้งนี้ก็ยังสามารถเปิดโหมดกลางคืนได้เช่นกันหากใครที่ถนัดการแสดงผลแบบนี้ครับ
ระบบความปลอดภัย
OPPO Reno4 Z 5G มาพร้อมกับความสะดวกสบายในการนำระบบเซ็นเซอร์สแแกนลายนิ้วมือมาไว้ที่ปุ่ม Power ซึ่งอยู่ตรงกับนิ้วมือที่สามารถถือปุ๊บแล้วโดนปุ่มสแกนเพื่อใช้งานได้ทันที
นอกจากนี้ก็ยังสามารถใช้การสแกนใบหน้าได้เช่นกันครับ
OPPO Relax ผ่อนคลายความเครียดเสียงเพลง
แอปพลิเคชั่น OPPO Relax นั้นเป็นฟีเจอร์ที่มาพร้อมกับตอนแกะกล่อง ช่วยให้เราได้ฟังเสียงเพลงบรรเลงแบบธรรมชาติ หรือหายใจเข้า-ออกตามระบบ เพิ่มความสงบจิตใจและทำให้ผ่อนคลายมากยิ่งขึ้นในชีวิตประจำวัน
Smart Sidebar เข้าแอปได้ง่ายขึ้น
แถบด้านข้างอัจฉริยะ หรือ Smart Sidebar เป็นฟีเจอร์ที่ให้เราได้เข้าถึงแอปพลิเคชั่นที่เราเข้าบ่อยได้เร็วขึ้น เพียงแค่ปัดแถบที่อยู่ด้านข้างและเลือกได้ทันที ซึ่งเราสามารถเลือกและลบแอปที่ใช้บ่อยได้ตามใจชอบ
ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่
อย่างที่บอกไปช่วงต้นครับว่า OPPO Reno4 Z 5G ขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผล MediaTek Dimensity 800 ที่รองรับเครือข่าย 5G ในตัว ทั้งยังมีขนาดเล็กเพียง 7 นาโนเมตร ที่เล็กเท่ากับชิปเรือธงเลยทีเดียว ซึ่งจะช่วยในเรื่องการประหยัดพลังงาน แต่ยังมีความเร็ว CPU สูงสุด 2.0GHz จากคอร์ ARMCortex-A55 นอกจากนี้ OPPO Reno4 Z 5G ยังให้ RAM มาถึง 8GB ทำให้สลับแอปไปมาได้ไม่มีสะดุด พร้อมความจุขนาดใหญ่ถึง 128 GB ทำให้โหลดแอปได้เยอะและถ่ายภาพได้แบบไม่ต้องกลัวความจุเต็ม
สำหรับผลการทดสอบทดสอบประสิทธิภาพโดยรวมตั้งแต่หน่วยประมวลผล, การ์ดจอ และหน่วยความจำด้วยโปรแกรม AnTuTu Benchmark ทำไปได้ 302,683 คะแนน
ส่วนผลการทดสอบด้วยโปรแกรม Geekbench 5 ทำคะแนนฝั่ง Single-Core ไปที่ 521 และคะแนน Multi-Core ที่ 2,168
ฟีเจอร์และทดสอบด้านการเล่นเกม
OPPO Reno4 Z 5G มีตัวช่วยอย่าง Game Space ที่สามารถปรับเป็นโหมดแข่งขันได้เพื่อรีดประสิทธิภาพตัวเครื่องออกมาให้มากที่สุด ทั้งยังปิดกั้นการแจ้งเตือนของแอปพลิเคชั่นระหว่างเล่นได้ด้วยเช่นกัน
ทดสอบการเล่นเกม
ROV
สำหรับเกม ROV นั้นสามารถเปิดกราฟิกได้ในระดับสูง และภาพ HD ระดับสูงมาก แต่ไม่สามารถเปิดเฟรมเรทสูงได้ครับ (เพราะอาจยังเป็น CPU รุ่นใหม่ ใครที่อยากเล่นเฟรมเรทสูงๆ ก็รออัปเดทกันอีกนิด) อย่างไรก็ตามในเรื่องการเล่น 5 VS 5 ก็ทำได้อย่างไหลลื่น เพราะเฟรมเรทนั้นอยู่นิ่งๆ 29-30fps ตลอดตั้งแต่ต้นเกมยันท้ายเกม
PUBG Mobile
เกม FPS อย่าง PUBG Mobile สามารถเปิดกราฟิกในระดับ HD และเฟรมเรทสูง ซึ่งหน้าจอ Refresh Rate 120Hz ช่วยในเรื่องการสัมผัสที่ทำได้ไวขึ้นอย่างชัดเจนครับ เช่น กดยิงแล้วระบบตอบสนองทันทีแทบไม่มีความล่าช้าให้เห็น รวมถึงการหมุนภาพและการเคลื่อนไหวระหว่างเล่นก็ทำได้อย่างสมูธ ภาพมีความเบลอน้อยมาๆ ด้วยการเปิด 120Hz เอาไว้ครับ
Asphalt 9: Legends
และสุดท้ายกับเกมแข่งรถภาพสวยก็สามารถเปิดกราฟิกระดับสูงได้ครับ และก็เล่นได้อย่างไหลลื่นอีกด้วย
แบตเตอรี่อึด
OPPO Reno4 Z 5G มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุถึง 4000mAh ที่สามารถใช้งานทั่วไป เช่น Facebook บ้าง หรือดู YouTube บ้าง ก็สามารถอยู่ได้ถึงช่วงเย็นๆ หรือค่ำๆ แน่นอนครับ ทั้งยังรองรับเทคโนโลยี 18W fast Charge ที่ทดสอบแล้วสามารถชาร์จจากประมาณ 20% – 100% ไปที่ประมาณ 90 นาทีครับ (หลังจาก 80% จะลดความเร็วในการชาร์จลงเพื่อลดความร้อน)
นอกจากนี้ OPPO Reno4 Z 5G ยังเปลี่ยนตัวเองเป็น Power Bank ได้ ทำให้ชาร์จสมาร์ทโฟนเครื่องอื่นได้อีกด้วย
กล้องถ่ายรูป
หนึ่งในความสุดยอดของ OPPO Reno4 Z 5G ก็ยังคงเป็นเรื่องกล้องที่ไม่ควรพลาดครับ เพราะมีลูกเล่นใหม่ๆ มาให้เราได้ลองใช้งานกัน เหมือนกับการจัดดีไซน์เลนส์กล้องแบบไม่ซ้ำใคร โดยกล้องหลังมีทั้งหมด 4 เลนส์ ได้แก่
- เลนส์หลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.7
- เลนส์ Ultra Wide Angle มุมกว้าง 119 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
- เลนส์ B&W Portrait Monochrome ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- เลนส์ Vintage Portrait Monochrome ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
ส่วนกล้องหน้าก็มาแบบคู่ เป็นเลนส์หลักความละเอียด 16 ล้านพิกเซล + เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
คมชัดสูงสุด 48 ล้านพิกเซล
มาที่เลนส์หลักกันก่อนเลยครับ ที่ OPPO Reno4 Z 5G ให้ความละเอียดมาถึง 48 ล้านพิกเซล ทำให้มีความคมชัดสูง สามารถเห็นสิ่งเล็กๆ ในภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อซูมเข้าไป
ถ่ายสวยยิ่งขึ้นด้วย Pixel Binning
จากเลนส์หลัก หากเราไม่ได้ใช้โหมด 48MP ปกติแล้วเราก็จะใช้โหมดปกติครับ ที่มีเทคโนโลยี Pixel Binning ที่เป็นการรวม 4 พิกเซล เป็น 1 พิกเซล ช่วยให้ผลลัพธ์ของภาพสว่างยิ่งขึ้น พร้อมด้วยความสดใสของภาพที่มีมากกว่าเดิม
Ultra-Wide Angle เก็บได้ครบถึง 119 องศา
สำหรับเลนส์ Ultra-Wide Angle นั้นสามารถถ่ายบรรยากาศปกติได้ที่มุมกว้างถึง 119 องศาเลยทีเดียว ทั้งยังเก็บได้ครบ สีสันชัดเจนตรงตามที่ตาเห็น และไม่ต้องถอยออกมาไกลเพื่อเก็บภาพให้ครบด้วย
โหมดปกติ / เลนส์ Ultra-Wide Angle
โหมดปกติ / เลนส์ Ultra-Wide Angle
ที่สำคัญ เมื่อเราใช้เลนส์นี้ถ่ายภาพบุคคล AI จะมีการปรับแก้ไขความบิดเบี้ยวของภาพให้ใบหน้าและตัวยังคงดูเป็นธรรมชาติ ไม่ยืดจนเกินไป ซึ่งจะมีมุมมองกว้างลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 109 องศา
ถ่าย Portrait สวยงามพร้อมฟิลเตอร์ไม่ซ้ำใคร
ขึ้นชื่อเป็น OPPO ต้องบอกว่าการถ่าย Portrait หรือบุคคลนั้นทำออกมาได้ดีอยู่แล้ว ทั้งการเบลอฉากหลัง การตัดขอบได้เนียนๆ และการปรับใบหน้าสวยก็ทำออกมาได้เป็นธรรมชาติ ซึ่งสามารถปรับได้ตั้งแต่ 0 – 100 ระดับ
กล้องหลัง
กล้องหน้า
ซึ่งความพิเศษที่ไม่ซ้ำใครนั้นอยู่ที่อีก 2 เลนส์ด้านหลังที่เป็น Portrait Monochrome ทั้งคู่ (ใช้ได้เฉพาะกล้องหลัง) โดยเลนส์แรกจะเป็น Vintage (ฟิลเตอร์เบอร์ O6) ที่ให้อารมณ์คล้ายกับภาพฟิล์มที่ดูคลาสสิกแบบสมัยก่อน ทำให้ความรู้สึกของภาพนั้นดูโดดเด่นขึ้นมาทันที
และอีกเลนส์จะเป็น B&W (ฟิลเตอร์เบอร์ O7) ที่จะได้ภาพเป็นแบบขาว-ดำ ดูมีมิติอีกแบบ ซึ่งเป็นลูกเล่นที่หลายคนน่าจะชอบกันครับ
ถ่ายกลางคืนสุดคมชัดด้วยฟีเจอร์ Ultra Dark Mode
Ultra Dark Mode นั้นให้ความสามารถแบบตามชื่อกันเลย เพราะสามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยหรือตอนกลางคืนได้เป็นอย่างดี รายละเอียดในจุดที่มืดก็มีความสว่างมากขึ้นและมีความคมชัด ส่วนในเรื่องของ Noise ก็น้อยลงกว่าโหมดปกติอย่างเห็นได้ชัดครับ
Auto mode / Ultra Dark Mode
กล้องหน้าสวย Face Beautification 2.0
นอกจากเรื่องการเบลอฉากหลังที่ทำได้อย่างสวยงามไม่แพ้ใครแล้ว การถ่ายให้ใบหน้าสวยงามพร้อมกับการเห็นฉากหลังไปด้วยก็ทำออกมาได้ดีมากๆ เพราะ OPPO Reno4 Z 5G จะมี AI ที่แต่งผิวและความสวยงามบนหน้าได้เฉพาะของแต่ละคน ซึ่งจะปรับให้เหมาะสมและไม่ดูไม่หลอกตาจนเกินไป
ทั้งนี้เราก็ยังสามารถเลือกปรับเองได้หากยังไม่ถูกใจตั้งแต่ 0 – 100 ระดับ มีให้เลือกปรับทั้งรูปหน้า, หน้าเรียว, จมูก, ตาโต, คาง หรือใบหน้าเล็กลง เป็นต้น
เซลฟี่ที่มืดไม่กล้องหลัวเพราะมี Night Mode
ไม่ใช่แค่กล้องหลังที่ถ่ายชัดในที่แสงน้อยเท่านั้น เพราะกล้องหน้าก็ทำได้เช่นกัน ที่มีความพิเศษตรงที่สามารถถ่ายเซลฟี่ในที่แสงน้อยได้ พร้อมกับการปรับใบหน้าสวยหรือ Face Beautification ได้อีกด้วย
การถ่ายวิดีโอก็ยอดเยี่ยม
OPPO Reno4 Z 5G นั้นรองรับการถ่ายวิดีโอที่มีระบบกันสั่นไหว Ultra Steady Video ที่ได้ใช้กันสั่นแบบ EIS ผสมผสานกับเซ็นเซอร์ไจโรสโคป ทำให้ช่วงการถ่ายวิดีโอ จะเดินหรือวิ่งก็แสดงผลออกได้นิ่งๆ
นอกจากนี้ ก็ยังสามารถถ่ายเป็น Video Bokeh หรือเบลอฉากหลังได้ พร้อมๆ กับการปรับ Video Beautification ที่เป็นการปรับใบหน้าสวยงาม ซึ่งใช้งานได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง
ที่สำคัญยังมีฟิลเตอร์ Cinematic Styles ที่เพิ่มลูกเล่นในการถ่ายวิดีโอได้อีกถึง 10 แบบ
สรุปจุดเด่น
- รองรับเครือข่าย 5G Dual-Mode ตั้งแต่แกะกล่อง
- ใช้งานได้ไหลลื่นด้วยหน้าจอ 120Hz Silky Display พร้อมขนาดใหญ่ 6.57 นิ้ว ความละเอียด FHD+
- ดีไซน์โดดเด่นไม่ซ้ำใคร กับการจัดเรียงกล้องหลัง 4 เลนส์แบบใหม่ที่มีมิติ
- สามารถสแกนลายนิ้วมือได้ที่ด้านข้างตัวเครื่อง ทำให้มีความสะดวกมากขึ้น
- กล้องหลัง 4 เลนส์ใช้งานได้ครบทุกฟีเจอร์ พร้อม 2 ฟิลเตอร์สุดพิเศษ
- หน่วยประมวลผล Dimensity 800 ที่ใช้งานทั่วไปได้ไหลลื่น ไม่มีสะดุด
- แบตเตอรี่อึด 4000mAh และรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 18W
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- ตัวเครื่องไม่กันน้ำ
- ไม่สามารถเพิ่ม MicroSD Card ได้
OPPO Reno4 Z 5G สนนราคาอยู่ที่ 12,990 บาทเท่านั้น โดยเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วเรียบร้อย