Featured
รีวิว OPPO Reno7 5G ที่สุดของสมาร์ทโฟน 5G ที่ถ่ายวิดีโอพอร์ตเทรต เสมือนกล้อง DSLR พร้อมดีไซน์สุดลงตัวเหมือนฝนดาวตกบนมือคุณ
รีวิว OPPO Reno7 5G สมาร์ทโฟนสายพอร์ตเทรตรุ่นล่าสุดที่มาพร้อมสโลแกน “The Portrait Expert” แน่นอนว่าเน้นไปที่การทำงานด้านกล้องสายถ่ายภาพพอร์ตเทรตแบบจัดเต็มเหมือนเดิม ด้วยสเปคกล้องหน้า-หลังสูง 32MP และ 64MP อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยสร้างสรรค์ภาพถ่ายได้เพียบไม่ว่าจะเป็น Bokeh Flare Portrait, Portrait Mode, AI Highlight Video, AI Color Portrait และอีกเพียบ
และหลังจากที่เราได้ลองใช้งานมากว่าสัปดาห์วันนี้ก็จะขอมารีวิวให้ชมกันแบบจัดเต็มว่า OPPO Reno7 5G นั้นสมกับเป็น “สมาร์ทโฟน 5G ที่ถ่ายวิดีโอพอร์ตเทรตได้ดีที่สุด” รึเปล่า ติดตามครับ!
สรุปสเปค OPPO Reno7 5G
- ขนาดตัวเครื่อง : 160.6 x 73.2 x 7.8 มม.
- น้ำหนัก : 173 กรัม
- หน้าจอ : AMOLED ขนาด 6.4″ ความละเอียด FHD+ refresh rate 90Hz
- CPU : MediaTek Dimensity 900 5G Octa-core2.4GHz (6nm)
- GPU : Mali-G68 MC4
- RAM : 8GB มาพร้อม RAM Expansionสูงสุดถึง 5GB
- ROM : 256GB
- แบตเตอรี่ : 4500mAh
- ระบบชาร์จ : ชาร์จไว 65W SUPERVOOC
- กล้องหน้า : 32MP Selfie Camera f/2.4
- กล้องหลัก : 3 ตัว
- 64MP กล้องหลัก f/1.8
- 8MP กล้อง Ultra Wide Angle f/2.2
- 2MP กล้อง macro f/2.4
- ระบบปฏิบัติการ : Android 11 ครอบทับด้วย ColorOS 12
ดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นเหมือนฝนดาวตกด้วย OPPO Glow และ LDI
มาเริ่มต้นเรื่องแรกด้วยดีไซน์เหมือนเคยครับ OPPO Reno7 5G มาพร้อมฝาหลังที่โดดเด่นด้วยดีไซน์แบบ OPPO Glow ที่จะมีผิวสัมผัสแบบด้านและ Texture ที่ช่วยให้เราสัมผัสถึงความพรีเมี่ยมได้เป็นอย่างดี แต่รอบนี้เพิ่มความเก๋เข้าไปอีกด้วยเทคนิค Laser Direct Imaging (LDI) เพิ่มลวดลายที่เลียนแบบลักษณะของเส้นแสงดวงดาว ด้วยการแกะสลัก micro-rasters จำนวนมากถึง 1.2 ล้านตัว ซึ่งแต่ละตัวถูกสร้างด้วยความละเอียดเพียง 20 ไมครอน มอบลักษณะเส้นแงดวงดาวที่ละเอียดแม่นยำพาดผ่านบนฝาหลังทำให้ตัวเครื่องดูมีมิติน่าดึงดูดเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
เรียกว่าดีไซน์แบบนี้สะดุดตาทันทีที่ได้เห็นเลยก็ว่าได้ครับ ยิ่งพอมารวมเข้ากับเอฟเฟกต์สีสันที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาของฝาหลังก็เหมือนเราได้เห็นความงามของท้องฟ้าที่จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปเรื่อย ๆ อีกต่างหาก ด้วยเทคนิคทั้งหมดเหล่านี้ ทำให้ OPPO Reno7 5G สี Startrails Blue สามารถมอบรูปลักษณ์อันสวยงาม พร้อมเอฟเฟกต์อันน่าทึ่งได้แบบที่เห็นครั้งแรกต้องถูกใจแน่นอน
รีวิว OPPO Reno7 5G มีให้เลือก 2 สีคือสี Startrails Blue สีสันที่ “ไม่หยุดนิ่ง” และ Starry Black สีดำอันโดดเด่นไม่เหมือนใคร ซึ่งทั้ง 2 สีนี้จะแตกต่างกันนิดหน่อยที่ลวดลายด้านหลัง อย่างที่บอกไปว่าสี Startrails Blue นั้นจะมีเอฟเฟกต์เหมือนแสงดวงดาวเข้ามา ในขณะที่สี Starry Black จะเป็นโทนคมเข้มสีดำที่เหลือบสีน้ำเงินแทนครับ
ความบางเบาที่ชวนให้สัมผัส
สำหรับขนาดตัวเครื่องของ OPPO Reno7 5G ยังทำได้ยอดเยี่ยมเหมือนเดิม ตัวเครื่องบางเพียง 7.81 มม. และเบาแค่ 173 กรัมเท่านั้น แถมด้วยความที่ฝาหลังเป็นแบบโค้ง 3 มิติ ก็ยิ่งทำให้เราจับถือใช้งานได้อย่างถนัดมือเข้าไปอีก เป็นอีกรุ่นที่ถือใช้งานแล้วให้ความรู้สึกที่สบายมือไม่น้อยเลยล่ะครับ
หน้าจอ AMOLED สวยเต็มตา และตอบสนองลื่นไหล
พลิกกลับมาดูที่หน้าจอกันบ้าง OPPO Reno7 5G มาพร้อมจอ AMOLED ขนาดใหญ่ 6.4″ เป็นขนาดที่พอเหมาะในการใช้งานทั่วไป เล่นโซเชี่ยล ดูคอนเทนต์ หรือจะเล่นเกมก็เพียงพออย่างมากครับ ดีไซน์ก็เป็นแบบ Punch Hole Display ที่เป็นมาตรฐานของสมาร์ทโฟนยุคนี้ไปแล้ว
ในเรื่องการแสดงผลได้ความละเอียดมาที่ FHD+ ถือว่าทำความสวยงามได้ดีทีเดียว อย่างที่ทราบว่าจอ AMOLED นั้นได้สีสันที่ค่อนข้างสดและคอนทราสสูง เวลาเราดูหนังหรือวิดีโอความละเอียดสูงก็ฟินมาก ๆ สีดำเป็นดำจริง ๆ หรือจะดูภาพถ่ายที่เราถ่ายมาจากกล้องก็ให้ความคมชัดที่ดีเยี่ยมจริง ๆ
ส่วนการตอบสนอง รีวิว OPPO Reno7 5G รองรับ refresh rate สูง 90Hz และ Touch Sampling rate 180Hz ทำให้เวลาเราใช้งานทั่วไปจะเลื่อนหน้าจอ แตะเข้าแอปนั้นลื่นไหลเอามาก ๆ ยิ่งถ้าใครที่ชอบความติดนิ้วเวลาเล่นเกมรุ่นนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลยครับ
ตำแหน่งปุ่มกดที่กดได้ง่าย
ตำแหน่งปุ่มกดของ OPPO Reno7 5G วางไว้ที่มุมมาตรฐานซึ่งสามารถกดใช้งานได้ง่ายครับ อย่างปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงก็จะอยู่ที่ฝั่งซ้ายมือแยกเป็น 2 ปุ่มให้กดได้ง่าย ส่วนฝั่งขวาก็เป็นปุ่ม Power ตำแหน่งไม่สูงหรือต่ำเกินไป เวลาเราจะกดก็ไม่ต้องเอื้อมนิ้วไปจนเมื่อยครับ
พอร์ตการเชื่อมต่อครบ มีช่องหูฟัง 3.5 ด้วย
พอร์ตการเชื่อมต่อของ OPPO Reno7 5G ก็ให้มาครบเลยครับ ทั้งพอร์ตหลักที่เป็น USB type-C รุ่นนี้ยังใจดีแถมช่องหูฟัง 3.5 มม. มาให้ด้วย ใครที่ชอบฟังเพลงผ่านช่องหูฟัง 3.5 มม. ก็คงสบายใจได้ไม่ต้องหา Dongle มาใช้งานคู่เลยล่ะ
ลำโพงดีไซน์แนว แต่…
ลำโพงหลักของตัวเครื่องก็อยู่ที่ด้านล่างนี้ด้วย เราชอบการดีไซน์มาก ๆ เพราะรุ่นนี้ทำดีไซน์แบบมุมทแยงเพิ่มลูกเล่นความแปลกใหม่ให้เข้ากับดีไซน์ของฝาหลังได้อีกเนาะ
แต่…น่าเสียดายที่ลำโพงของรุ่นนี้ให้เสียงออกมาเพียงแค่ mono หรือออกมาทิศทางเดียวเท่านั้น ไม่สามารถใช้งานคู่กับลำโพงสนทนาเป็นลำโพงคู่ได้ แต่คุณภาพเสียงโดยรวมถือว่าทำได้ดีแล้ว ติดที่มิติแค่นั้นเอง
รองรับ 2 ซิม พร้อมเพิ่ม micro-SD ได้ด้วย
ถาดซิมของ OPPO Reno7 5G จะอยู่ที่ฝั่งซ้ายมือของตัวเครื่องครับ วางตำแหน่งอยู่เหนือปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงครับ ซึ่งถาดซิมเป็นแบบ Triple Slot ด้วย (หน้า-หลัง) อันนี้ดีมาก ๆ เพราะเราสามารถใส่ได้ 2 ซิม พร้อมทั้งยังเพิ่ม micro-SD ได้อีกด้วย แถมความจุภายในก็ให้มาเยอะถึง 256GB แล้ว ถ้ายังไม่พอก็เพิ่มเข้าไปอีกได้เลย
ระบบรักษาความปลอดภัยครบ ทั้งสแกนหน้า สแกนลายนิ้วมือ
ในเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย รีวิว OPPO Reno7 5G มาพร้อมระบบสแกนลายนิ้วใต้หน้าจอ ที่ทำงานได้อย่างรวดเร็วแตะปุ๊บก็สแกนปั๊บ แถมยังมีระบบสแกนใบหน้ามาให้ด้วยเพื่อให้ใช้งานได้อย่างครอบคลุมแบบสะดวกในสถานการณ์แบบนี้มีมาให้ใช้งานคู่กันเลยดีมากครับ
โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ OPPO Reno7 5G ก็ยังต้องชมอีกล่ะครับ ว่าออกแบบมาได้น่าสนใจไม่น้อย ด้วยฝาหลังที่โดดเด่นมีลูกเล่น OPPO Glow ที่เพิ่มความรู้สึกเวลาสัมผัสให้พรีเมี่ยมขึ้น แถมรอบนี้บนสี Startrails Blue ยังมีลวดลายดวงดาวที่ผ่านกระบวนการ Laser Direct Imaging เข้าไปอีก เวลาได้มองแล้วรู้สึกว่าสวยเอามาก ๆ อีกทั้งจุดเด่นของซีรีส์นี้ทั้งความบาง-เบาก็ยังอยู่ครบ เป็นดีไซน์ที่ลงตัวอย่างมากจริง ๆ
กล้อง Portrait ที่เหมือนถ่ายด้วย DSLR
มาต่อในเรื่องไฮไลท์หลักของรุ่นนี้อย่างกล้องกันเลยครับ OPPO Reno7 5G มาพร้อมสโลแกน The Portrait Expert ยกระดับการถ่ายพอร์ตเทรตให้เก่งขึ้นไปอีก แต่ก่อนอื่นเรามาดูสเปคกล้องคร่าว ๆ ของรุ่นนี้กันก่อนดีกว่าครับ
- กล้องหลัก 64MP f/1.7
- กล้อง Ultra Wide angle 8MP f/2.2
- กล้อง macro 2MP f/2.4
- กล้องหน้า 32MP Selfie Camera f/2.4
อย่างที่เห็นว่ากล้องหลัง OPPO Reno7 5G นั้นจัดสเปคมาได้น่าสนใจดีมาก กล้องหลักความละเอียดสูงถึง 64MP ใช้งานทั้งถ่ายภาพวิวและภาพ Portrait ได้อย่างเนียนกริ๊บแน่นอน แถมยังมีกล้อง Ultra Wide angle มุมกว้าง 118º มาเพิ่มระยะของภาพเข้าไปอีก
โหมด Portrait ที่ยกระดับดั่งกล้อง DSLR
ให้สมกับ The Portrait Expert ตัวกล้องก็ต้องมีลูกเล่นเจ๋ง ๆ เข้ามาด้วยสิเนอะ ในโหมด Portrait ของ OPPO Reno7 5G นั้นเราสามารถปรับระดับความเบลอของฉากหลังได้หลายระดับกว่าเดิม แถมยังใช้เลขกำกับเป็นค่า f/stop ให้อารมณ์เหมือนเราได้ใช้กล้อง DSLR ในการถ่ายภาพเลย แต่ใช้งานได้ง่ายเพียงยกขึ้นมาก็สามารถถ่ายก็ได้เลย โดยค่า f ที่ปรับได้ถึง 25 ระดับ ก็ตั้งแต่ f/16 – f/0.95 (ฉากหลังเบลอจากน้อยไปมาก) กันเลย ทำให้เราสามารถปรับระยะชัดลึกได้อย่างแม่นยำ พร้อมสามารถปรับเปลี่ยนขนาดและคุณสมบัติอื่น ๆ ของดวงไฟโบเก้ได้ เพื่อมอบเอฟเฟกต์ภาพพอร์ตเทรตตามอารมณ์และสไตล์ที่ต้องการ
ซึ่งภาพถ่ายที่ได้ก็จะมีความโปรมากขึ้น ทุกรายละเอียดของฉากหลังหรือโบเก้จะถูกตรวจจับ ด้วยความฉลาดของระบบ AI จะรู้ระยะมากขึ้น ทำให้การเบลอฉากหลังนั้นสมจริง ไม่ใช่แค่เบลอมากเบลอน้อย ซึ่งตรงนี้ถ้าเราเลือกปรับระดับความเบลอในระดับที่พอดีกับระยะของภาพก็จะได้ภาพที่สมจริงเหมือนใช้กล้อง DSLR เลยล่ะครับ
ผลลัพธ์ที่ได้ก็ออกมายอดเยี่ยมสมกับที่ OPPO ใช้สโลแกนว่า The Portrait Expert จริง ๆ ครับ ทั้งการตัดขอบแบบกับฉากหลังที่เนียนเป็นธรรมชาติ ทั้งการเสริมความเนียนของใบหน้าเข้าไปก็ช่วยให้เราถ่ายภาพ Portrait ได้สวยแบบที่ต้องการได้ไม่ยาก ไม่น่าเชื่อว่าคุณภาพระดับนี้จะอยู่บนสมาร์ทโฟนเครื่องบางเบาแบบนี้ได้ สุดยอดจริง ๆ ครับ OPPO Reno7 5G
Bokeh Flare Portrait Video เสริมความปังด้วยโบเก้ระดับโปร
หรือใครที่ไม่อยากมาคอยปรับค่า f/stop เอง แต่ก็อยากได้ความเนียนปังจากภาพ Portrait แบบครบจบในคลิกเดียวก็มีฟิลเตอร์ Bokeh Flare Portrait มาให้เลือกใช้ เมื่อเราเปิดฟีเจอร์นี้จะเห็นได้ทันทีตั้งหน้าพรีวิวเลยว่าภาพฉากหลังนั้นละลายแค่ไหน และทันทีที่เรากดชัตเตอร์ลงไปตัวระบบจะคำนวณและปรับแต่งเพิ่มเติมจนได้ภาพละลายฉากหลังที่เน้นโบเก้ได้สวยเด่นกว่าใคร!
กล้องหน้า 32MP Selfie Camera ก็ Portrait เนียนไม่แพ้กล้องหลัง
นอกจากกล้องหลังที่เราชินกันอยู่แล้วสำหรับโหมด Portrait แบบนี้ กล้องหน้าของ OPPO Reno7 5G ก็ใช้งานฟีเจอร์นี้ได้เหมือนกัน แถมทำงานได้ดีไม่แพ้กันเลยด้วย สกินโทนที่ได้จากกล้องหน้าจะมีความเนียนใสเป็นพิเศษ เรียกว่าปรับมาให้ถูกจริตผู้ใช้อย่างเรามาก ๆ แถมยังได้ความละเอียดของกล้องหน้าที่ 32MP ถ่ายออกมานี่บอกเลยว่าสวยตะลึงจะปรับระดับความเนียนเป็น f/1.8 f/0.95 ก็ดีไม่แพ้กล้องหลังเลย แถมยังมีลูกเล่น Portrait Retouching มอบอิสระในการสร้างสรรค์ภาพพอร์ตเทรตที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
วิดีโอพอร์ตเทรตก็มี ยกทุกฟีเจอร์จากภาพนิ่งมาหมด
ไม่ใช่แค่ภาพนิ่งหรอกนะ…OPPO Reno7 5G ยังโดดเด่นในเรื่องวิดีโอพอร์ตเทรต เพราะฟีเจอร์ที่ว่ามานี้ทั้งการปรับระดับละลายฉากหลังเอย โหมด Bokeh Flare Portrait เอย Portrait Retouching เอย ทั้งหมดสามารถใช้งานร่วมกับการถ่ายวิดีโอได้ด้วย อะไรที่เราเคยประทับใจในภาพนิ่งถูกยกมาให้เราใช้บนภาพวิดีโอได้ทั้งหมด และเนียนมากด้วย ทำให้เราได้ภาพวิดีโอพอร์ตเทรตระดับเดียวกับกล้องใหญ่จากสมาร์ทโฟนเครื่องเพรียวบางเครื่องเล็ก ๆ นี้เท่านั้น สุดยอดไปเลยใช่ไหมล่ะครับ!
สรุปแล้วในเรื่องของการถ่ายพอร์ตเทรต OPPO Reno7 5G นั้นทำได้ดีในทุกมิติตั้งแต่ภาพนิ่งยันวิดีโอ กล้องหน้าไปถึงกล้องหลัง มีฟีเจอร์ที่ช่วยให้เราถ่ายภาพ Portrait ได้อย่างมืออาชีพ ทั้งการปรับระดับความเบลอที่เก่งขึ้นเหมือนกล้อง DSLR ลูกเล่น Portrait Retouching ที่เสริมความหน้าเนียนไม่มีโป๊ะ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังมีจุดสังเกตอยู่นิดหน่อยคือเรื่องระยะของภาพที่ได้จากโหมด Portrait ที่ให้เราเลือกได้แค่ระยะเดียว ถ้ามีช่วง 2x มาเพิ่มระยะถ่ายครึ่งตัวสวย ๆ ด้วยก็คงจะดี หรืออย่างโหมดวิดีโอที่พอเราจะเลือกถ่ายในลูกเล่น Portrait ทั้งหลายความละเอียดของคลิกกลับถูกปรับลงมาเหลือแค่ 720p เท่านั้น ถ้าเพิ่มความสามารถเรื่องระยะ 2x และวิดีโอบนความละเอียด 1080p ขึ้นไปได้ รุ่นนี้จะเป็นสมาร์ทโฟนสำหรับสาย Portrait ที่เพอร์เฟคมาก ๆ เลยล่ะครับ
ถ่ายวิวก็เยี่ยม มี AI Scene Recognition
เห็นชูเรื่อง Portrait มาซะเยอะเลย ก็อย่าเผลอคิดว่าการถ่ายภาพทั่วไปของรุ่นนี้จะด้อยนะครับ เพราะ OPPO Reno7 5G ให้ฟีเจอร์ AI Scene Recognition ที่คอยตรวจจับและปรับแต่งภาพให้สวยตามซีนได้อย่างยอดเยี่ยม เราจะเล็งถ่ายภาพวิว ถ่ายภาพท้องฟ้า ถ่ายภาพอาหาร หรือถ่ายภาพดอกไม้ ก็จะได้ภาพที่สวยแน่นอน ความเก่งกาจอีกอย่างของกล้อง OPPO ก็คือระบบ AutoHDR ที่จะช่วยดึงแสงและ Dynamic Range ขึ้นมาได้สวยมาก ๆ แม้เราจะถ่ายย้อนแสงแค่ไหน เราก็จะยังได้ภาพที่สวยงามอยู่เมื่อเปิด AI ครับ
มุมกว้าง 118º เก็บรายละเอียดได้ครบ
หรือถ้าอยากได้มุมกว้างกว่านั้นหน่อยก็ยังมีกล้อง Ultra Wide-angle มาให้ด้วย ความละเอียดอยู่ที่ 8MP ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป แถมได้มุมกว้างที่มากกว่าปกติ อยากถ่ายวิวหรือถ่ายภาพให้ได้ความกว้างที่มากกว่าปกติก็ใช้กล้องตัวนี้ได้เลยครับ
ภาพจากกล้องหลัก ภาพจากกล้อง Ultra Wide angle
มี macro ให้ส่องภาพใกล้ ๆ ด้วย
และปิดท้ายที่กล้องตัวสุดท้ายกับกล้อง macro ที่มีความละเอียด 2MP อาจจะไม่ได้มากมายแต่ก็ให้เราได้เก็บภาพในระยะใกล้สุดที่ 4 ซม. แต่ตรงนี้ต้องบอกก่อนว่าจำเป็นต้องมีแสงเพียงพอต่อการถ่ายนิดหน่อยเพื่อความคมชัดของภาพครับ
วิดีโอยอดเยี่ยมในทุกสภาพแสงกับ AI Highlight Video
ขอกลับมาเรื่องวิดีโออีกหน่อย นอกจากลูกเล่น Portrait ที่ว่ามาแล้ว OPPO Reno7 5G ยังมีลูกเล่นวิดีโออย่าง AI Highlight Video ที่ช่วยเสริมความเก่งกาจของวิดีโออีกด้วย AI ที่จะคอยจัดการวิดีโอให้สวยและเข้าได้กับทุกสภาพแสง ไม่ว่าจะเป็นถ่ายย้อนแสง ถ่ายตอนกลางคืน ก็มั่นใจได้เลยว่าวิดีโอที่ได้จะสวยชัดและมีมิติไม่มีหน้ามืด ฉากหลังจ้าอีกต่อไป
ซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นล่าสุด ColorOS 12
มาต่อกันที่เรื่องซอฟต์แวร์และประสบการณ์การใช้งานครับ OPPO Reno7 5G นั้นมาพร้อม ColorOS 12 เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดของ OPPO ตอนนี้ครอบทับอยู่บน Android 11 ตัว UI มีความสวยงามมากขึ้น พร้อมทั้งรูปแบบการปรับแต่งที่หลากหลายกว่าเดิม
ทั้งรูปแบบ Theme, ธีมสีของตัวเครื่องที่ปรับได้มากขึ้น, รูปแบบไอคอน, รูปแบบอนิเมชั่นสแกนนิ้ว หรือกระทั่ง AOD ก็มีด้วย
ตัวซอฟต์แวร์ตอบสนองการใช้งานกับหน้าจอ 90Hz ได้เป็นอย่างดี ทุกอย่างดูลื่นไหลไปหมด ความยืดหยุ่นของ UI บน Android 12 ที่เพิ่มทุกจังหวะการเลื่อนหน้าจอ หรือจะเป็นการควบคุมผ่าน Navigation Gesture ที่ทำให้ลื่นไหลไปซะทั้งหมดอีก
ชิปเซ็ตตัวใหม่ Mediatek Dimensity 900 5G
มาต่อในเรื่องประสิทธิภาพ OPPO Reno7 5G ใช้ชิปเซ็ต Mediatek Dimensity 900 5G แบบ 6nm ตัวเดียวกับ OPPO Reno6 5G รุ่นก่อน ในเรื่องประสิทธิภาพเรารู้อยู่แล้วว่าทำงานได้ดีทีเดียว ทั้งการประมวลผลทั่วไปจนถึงการเล่นเกม เท่าที่เราเคยลองมาก็ถือว่าน่าประทับใจเลยครับ
มีฟีเจอร์ขยายแรมด้วย
OPPO Reno7 5G มีฟีเจอร์ RAM Expansion หรือการขยายแรมด้วย ซึ่งจะมาช่วยให้เราใช้งานแรมได้อย่างลื่นไหลมากขึ้น โดยตรงนี้จะใช้การจำลองจากรอมมาประมวลผลร่วมทำให้เพิ่มแรมได้สูงสุดถึง 5GB รวมกับแรมจริง ๆ ของเครื่องก็ได้สูงสุดถึง 13GB กันเลยล่ะครับ ทำให้การทำงานต่าง ๆ นั้นลื่นไหลไม่มีสะดุด จะสลับแอปไป-มาก็ไม่ต้องห่วงว่าจะกระตุกเลย
ในผลการทดสอบจากแอป AnTuTu Benchmark ก็ได้คะแนนออกมาถึง 433757 สูงเอาเรื่องเลยทีเดียวครับ
ส่วนทางฝั่ง GeekBench 5 ก็ได้ไปไม่น้อย คะแนน Single-Core ได้ไป 699 และ Multi-Core 2149 คะแนนครับ
เล่นเกมบน OPPO Reno7 5G
ไหน ๆ ก็ทดสอบคะแนนกันแล้ว ก็ถึงคราวมาเล่นเกมให้เห็นประสิทธิภาพกันเลย เกมที่เราจะใช้ทดสอบบน OPPO Reno7 5G ก็จะมี 2 เกมฮิต ๆ ตอนนี้อย่าง Pokemon Uhite และ PUBG New State นั่นเองครับ ซึ่ง 2 เกมนี้ก็ถือเป็นเกมใหม่ที่ใช้สเปคในการเล่นเกมพอสมควร มาดูกันว่าพอเล่นกับชิป Dimensity 900 5G นี้แล้วจะไหวแค่ไหน
เล่น Pokemon Unite บน OPPO Reno7 5G
เริ่มที่เกม Pokemon Unite กันก่อนเลย ตัวเกมตั้งค่าระดับกราฟิกและเฟรมเรตมาให้ที่สูงสุดทั้งคู่ (Highest + High) มั่นใจได้เลยว่าเราจะได้รับประสบการณ์แบบแท้จริงของตัวเกม ซึ่งเท่าที่ลองเล่นจริง ๆ ก็ถือว่าทำได้ดีเลยครับ ดูจากตัวเลข FPS ด้านบนก็อยู่นิ่ง ๆ ที่ 59 แทบจะตลอดครับ
เล่น PUBG New State บน OPPO Reno7 5G
ต่อมาเป็นเกมแนว Battle Royale สุดมันอย่าง PUBG New State เราทดสอบด้วยระดับเฟรมเรตและกราฟิกสูงสุด (Max + Ultra) ซะเลย ซึ่งเท่าที่เราลองก็เล่นได้ดีเลยครับ เฟรมเรตที่เจอจะอยู่ราว ๆ 53 – 60fps ไม่ต่ำกว่านั้น ถือว่าเป็นระดับที่เล่นได้อย่างลื่นไหลและสนุกดีทีเดียว
การันตีประสิทธิภาพจาก TÜV SÜD
โดยรวมในเรื่องประสิทธิภาพการเล่นเกม ถือว่าทำได้ดีทีเดียว ชิปเซ็ต Mediatek Dimensity 900 5G นั้นตอบโจทย์ทั้งการทำงานทั่วไป หรือจะเล่นเกมใหม่ ๆ อย่างที่เราได้ทดสอบก็ลื่นไหล ปรับระดับกราฟิกไปได้สูงสุดด้วย อีกทั้งรุ่นนี้ยังได้รับรองด้านความรวดเร็วจาก TÜV SÜD* ในระดับ A แม้ใช้งานไปแล้ว 36 เดือน (TÜV SÜD 36-Months‘ Fluency Certification) ซึ่งเป็นการรับรองระดับสูงสุดด้านความรวดเร็ว โดย OPPO Reno7 5G ถือเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกของโลกที่ได้รับการรับรองด้านความรวดเร็วเมื่อใช้งานไปแล้ว 36 เดือนจาก TÜV SÜD เลยทีเดียว
*TÜV SÜD เป็นหน่วยงานระดับโลกที่มีความน่าเชื่อถือในด้านความปลอดภัย ความมั่นคง และความยั่งยืน อีกทั้งยังเชี่ยวชาญด้านการทดสอบ รับรอง ตรวจสอบ และให้คำปรึกษา โดย Fluency Certification ไม่เพียงเป็นปัจจัยใหม่ในด้านความรวดเร็วของสมาร์ทโฟน แต่ยังถือเป็นสิ่งบ่งบอกความเร็วในการใช้งานที่ต่อเนื่องหลังจากใช้งานมาแล้ว 2 หรือ 3 ปี โดยการทดสอบ ประกอบด้วยข้อมูลด้าน time-delay ข้อมูลด้านประสิทธิภาพที่รวดเร็ว และอื่นๆ
แบตเตอรี่ 4500mAh ใช้งานได้ดีมาก
ปิดท้ายที่เรื่องแบตเตอรี่และระบบชาร์จ OPPO Reno7 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 4500mAh เมื่อเทียบกับสเปคที่ให้มาทั้ง ชิปเซ็ต Mediatek Dimensity 900 5G แบบ 6nm หน้าจอขนาด 6.4″ ก็ยิ่งถือว่าให้มาเพียงพอมาก ๆ อีก เท่าที่เราลองใช้งานจริงมา ถือว่าทำได้ดีเลยครับ จะใช้ถ่ายรูปแบบจริงจัง หรือจะเล่นเกมบ้าง ใช้งานทั่วไปตลอดทั้งวันก็เอาอยู่
ชาร์จไว 65W SUPERVOOC
และเรื่องระบบชาร์จ OPPO ก็เก่งมาตลอด บนรุ่นนี้ให้ระบบชาร์จไว 65W SUPERVOOC มาเลย เป็นความเร็วระดับเดียวกับเรือธงกันเลย OPPO เคลมว่าชาร์จจาก 0 – 100% ในเวลาเพียง 31 นาทีเท่านั้น เรียกว่ารวดเร็วมาก ๆ ใครที่ชอบเล่นหนัก ๆ ละก็ไม่อยากรอนานเมื่อช้า รุ่นนี้ถูกใจแน่นอน เพราะมีเวลานิดหน่อยชาร์จแค่ 5 นาที ก็เล่นเกมต่อได้อีก 2 ชม.กันแล้วครับ
OPPO Reno7 5G ราคา 16,990 บาท
OPPO Reno7 5G เปิดราคาอย่างเป็นทางการที่ 16,990 บาท มีให้เลือก 2 สี Startrails Blue และ Starry Black ความจุเดียวคือ 8GB + 256GB เริ่มเปิดจองแล้วตั้งแต่วันนี้ – 18 กุมภาพันธ์ 2565 รับของแถมเป็น E-VIP และ OPPO Enco Buds รวมมูลค่า 6,999 บาทกันไปเลย
รายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่: https://bit.ly/3Jcufxz
สรุปแล้ว “นี่คือสมาร์ทโฟน 5G ที่ถ่ายวิดีโอ Portrait ได้ดีที่สุดในราคาไม่ถึง 17,000 บาท”
สรุปแล้ว OPPO Reno7 5G ก็เป็นสมาร์ทโฟนสาย Portrait รุ่นใหม่ที่ออกมาเสริมความครบเครื่องเข้าไปอีกขั้น ด้วยฟีเจอร์กล้องที่ปรับแต่งมาให้น่าใช้งานมากขึ้น ความเก่งกาจของ AI ที่ชวนให้เราทึ่งจากการถ่ายภาพ Portrait ทั้งการปรับระดับความเบลอฉากหลังได้สมจริง โหมด Bokeh Flare Portrait บนภาพนิ่งและวิดีโอที่เนียนตาจนคิดว่าใช้กล้อง DSLR อีกทั้งรูปลักษณ์ก็ยังทำได้น่าตื่นตาสมกับเป็น OPPO ด้วยเทคนิค OPPO Glow พร้อมกับ Laser Direct Imaging (LDI) บนสี Startrails Blue เป็นอีกหนึ่งดีไซน์ที่เราชอบมาก ๆ เลยทีเดียว ส่วนสเปคโดยรวมของรุ่นนี้ก็แทบจะไม่มีจุดต้องติเลย ทั้งหน้าจอ AMOLED 90Hz ที่ลื่นไหล ชิปเซ็ต Mediatek Dimensity 900 5G ที่เร็วแรงตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี ความจุที่ให้มาล้นเหลือ 8GB + 256GB และสามารถขยาย RAM ได้อีก มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4500mAh พร้อมชาร์จไว 65W SUPERVOOC อีกต่างหาก ใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟน 5G ที่มีดีในเรื่องกล้อง Portrait แบบเหนือชั้นในงบประมาณไม่ถึง 17,000 บาท อัพเกรดมาทุกมิติแต่ราคาถูกกว่ารุ่นก่อน OPPO Reno7 5G รุ่นนี้จะทำให้คุณถูกใจอย่างแน่นอนครับ!
จุดเด่น
- กล้องถ่ายที่ถ่าย Portrait ได้สมกับ The Portrait Expert จริง ๆ
- ดีไซน์ตัวเครื่องบางเฉียบ น้ำหนักเบา พร้อมฝาหลังที่มาพร้อมเทคนิคพิเศษ
- หน้าจอ AMOLED สวย refresh rate 90Hz ลื่นไหล
- ชิปเซ็ต Mediatek Dimensity 900 5G เร็วแรงตอบโจทย์ทุกการใช้งาน
- แบตเตอรี่ 4500mAh ใช้งานได้ดีมาก ๆ
- รองรับชาร์จไว 65W SUPERVOOC
- รองรับการเพิ่ม micro-SD และมีช่องหูฟัง 3.5 มม.มาด้วย
จุดสังเกต
- ลำโพงตัวเครื่องเป็นแบบ mono