Featured
รีวิว OPPO Reno7 Z 5G สมาร์ทโฟน 5G ที่ถ่ายพอร์ตเทรตได้ดีที่สุดเสมือนกล้อง DSLR ในราคาหมื่นต้น!
รีวิว OPPO Reno7 Z 5G สมาร์ทโฟนรุ่นน้องเล็กจาก OPPO Reno7 Series 5G ที่มาตอกย้ำจุดยืน The Portrait Expert ในราคาที่จับต้องได้มากขึ้นไปอีก รุ่นนี้มาพร้อมความสามารถด้านการถ่ายภาพไม่แพ้รุ่นพี่เลยด้วยฟีเจอร์ Bokeh Flare Portrait, Selfie HDR และอีกเพียบ
และหลังจากที่เราไปลองใช้งานและถ่ายภาพมาอย่างจุใจแล้ววันนี้จะมารีวิวเต็ม ๆ ให้ชมกันว่ารุ่นนี้ The Portrait Expert สมชื่อสักแค่ไหน พร้อมแล้วติดตามกันเลยครับ!
สรุปสเปค OPPO Reno7 Z 5G
- หน้าจอ : AMOLED ขนาด 6.4″ ความละเอียด FHD+
- refresh rate : 60Hz
- CPU : Qualcomm Snapdragon 695 5G (6nm)
- RAM : 8GB (+ 5GB RAM Expansion)
- ROM : 128GB
- แบตเตอรี่ : 4500mAh
- ระบบชาร์จ : ชาร์จไว 33W SUPERVOOC
- กล้องหน้า : 16MP
- กล้องหลัก : 3 ตัว
- กล้องหลัก 64MP
- กล้อง Depth 2MP
- กล้อง macro 2MP
- ระบบปฏิบัติการ : Android 11 ครอบทับด้วย ColorOS 12
- สีสัน : Rainbow Spectrum, Cosmic Black
ดีไซน์ OPPO Glow พร้อมพื้นผิว 2 เลเยอร์ในชิ้นเดียว
เริ่มต้นที่ดีไซน์กันก่อนเลย OPPO Reno7 Z 5G มาพร้อมฝาหลังอันโดดเด่นและเทคโนโลยีเฉพาะอย่าง OPPO Glow ที่จะมอบผิวสัมผัสแบบด้านที่สบายมือเวลาจับถือ แต่ก็แทรกความระยิบระยับด้วย Texture ภายใน ตรงนี้เป็นจุดที่เราชอบมาก เพราะน้อยแบรนด์ที่จะทำฝาหลังได้สวยแบบนี้และไม่เก็บคราบรอยนิ้วมือจนเกินไปด้วย
ความพิเศษในรอบนี้ไม่ใช่แค่พื้นผิวแบบ OPPO Glow อย่างเดียวเท่านั้น เพราะฝาหลังของ OPPO Reno7 Z 5G ยังมีเทคนิคพิเศษอีกอย่างคือมีพื้นผิว 2 เลเยอร์บนฝาหลังแผ่นเดียว โดยเป็นการผสานกันของพื้นผิวเงาและด้าน 2 เลเยอร์พร้อมกับซ้อนด้วยพื้นผิวของ OPPO Glow ในชั้นสุดท้ายด้วยวิธีนี้ทำให้ OPPO สามารถตัดการตกแต่งรอบ ๆ ฐานของกล้องเป็นอีกรูปแบบ ทำให้ฝาหลังมีทั้งพื้นผิวด้านคู่กับพื้นผิวมันเงาในแผ่นเดียวได้อย่างลงตัวครับ
Dual Orbit Lights วงแหวนแจ้งเตือนสุดแนว
แต่ทีเด็ดสุด ๆ ของรุ่นนี้คงหนีไม่พ้นไฟแจ้งเตือนแบบใหม่ที่ OPPO เรียกว่า Dual Orbit Lights เป็นวงแหวนที่อยู่รอบเลนส์กล้องหลักทั้ง 2 ตัว เวลามีการแจ้งเตือนเข้ามาหรือตอนเสียบชาร์จ วงแหวนรอบ ๆ เลนส์กล้องจะมีไฟติดขึ้นมาเป็นสี น้ำเงิน ฟ้าอ่อน ฟ้าคราม หรือเบบี้บลู เสมือนวงแหวนสวรรค์ 2 วงที่ตกลงมาจากท้องฟ้ายามค่ำคืนยังไงยังงั้น และยิ่งสะท้อนลงบนฐานกล้องที่เป็นแบบมันวาวก็ยิ่งคมชัดและสม่ำเสมอเข้าไปอีก
Ultra-Slim Retro Design ขอบเหลี่ยมน่าสัมผัส
OPPO Reno7 Z 5G มาพร้อมดีไซน์ขอบเหลี่ยมหรือ Ultra-Slim Retro Design ที่เป็นเอกลักษณ์ชวนให้สัมผัสได้อย่างดี ผิวสัมผัสของกรอบเครื่องก็เป็นแบบด้านด้วย ทำให้จับถือได้ดีไม่เหนียวมือหรือดูสกปรกได้ง่าย มีความบางเฉียบเพียง 7.55 มม.ในสี Cosmic Black และ 7.49 มม.สำหรับสี Rainbow Spectrum
น้ำหนักของตัวเครื่องก็ทำได้ดีเลย เบาแค่ 173 กรัมเท่านั้น ตามสไตล์ OPPO Reno Series ที่เน้นความบางและเบาจริง ๆ ครับ ถือใช้งานได้อย่างสะดวก จะเล่นนาน ๆ ก็ไม่ต้องกลัวเมื่อยข้อมือ
หน้าจอ Single Punch-Hole AMOLED FHD+
มาดูที่หน้าจอของ OPPO Reno7 Z 5G กันบ้าง รุ่นนี้ใช้จอ Single Punch-Hole AMOLED FHD+ ขนาด 6.4″ ในเรื่องการแสดงผลทำได้ดีทีเดียวครับ ใช้พื้นที่หน้าจอไปมากถึง 90.8% กันเลย ส่วนเรื่องสีสันก็สวยคมชัดตามสไตล์จอ AMOLED เลยครับ ถ้าเอามาดูหนังดู MV หรือภาพความละเอียดสูงถูกใจแน่นอน
และแน่นอนว่าความเป็นหน้าจอ AMOLED ก็จะมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ In-Display Fingerprint Unlock มาให้ด้วย การทำงานถือว่ารวดเร็วเลยทีเดียว แตะสแกนได้ง่าย นอกจากนี้ระบบรักษาความปลอดภัยอื่นก็ยังมีระบบสแกนใบหน้ามาให้ใช้งานควบคู่กันด้วย ถือว่าสะดวกทีเดียวครับ
ปุ่มกดวางได้ดี พอร์ตการเชื่อมต่อให้มาครบ
ตำแหน่งปุ่มกดของตัวเครื่องก็วางไว้ในมุมมาตรฐานของ OPPO เลยครับ ด้านซ้ายมือเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่ม Power ที่อยู่ด้านขวามือ แต่รอบนี้ที่ปุ่ม Power ไม่มีแถบสีเขียวเข้ามาเพิ่มครับ
พอร์ตการเชื่อมต่อของ OPPO Reno7 Z 5G จะอยู่ที่ด้านล่างของตัวเครื่องมีมาให้ครบทั้งพอร์ตการเชื่อมต่อหลักเป็น USB-C ด้านข้างมีไมโครโฟน ลำโพงหลักของตัวเครื่องและช่องหูฟัง 3.5 มม.ก็มีมาให้ด้วยครับรุ่นนี้ ส่วนด้านบนจะมีเพียงไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวนอย่างเดียวครับ
ปิดท้ายที่ช่องใส่ซิม OPPO Reno7 Z 5G จะอยู่ที่ฝั่งซ้ายมือของตัวเครื่อง ตัวถาดซิมเป็นแบบไฮบริดต้องเลือกว่าใส่ซิมที่ 2 หรือใส่ micro-SD แทนครับ
โดยรวมในเรื่องของดีไซน์ก็ถือว่ายอดเยี่ยมและโดดเด่นเลยสำหรับ OPPO Reno7 Z 5G ทั้งฝาหลังที่มีเอกลักษณ์แบบ OPPO Glow ดีไซน์กรอบเหลี่ยม Ultra-Slim Retro Design ที่ช่วยดึงดูดความน่าสนใจของดีไซน์ขึ้นอีกเยอะ และทีเด็ดก็คือไฟแจ้งเตือน Dual Orbit Lights ที่ไม่เหมือนใครอีกด้วยครับ!
กล้อง High-Res 64MP
มาต่อที่กล้องอีกหนึ่งไฮไลท์ของ OPPO Reno7 Z 5G รุ่นนี้ให้กล้องหลังมา 3 ตัวและกล้องหน้า 1 ตัวมีสเปคคร่าว ๆ ดังนี้ครับ
- กล้องหลัก High-Res 64MP f/1.7
- กล้อง Depth 2MP f/2.4
- กล้อง macro 2MP f/2.4
- กล้องหน้า 16MP f/2.4
ในเรื่องกล้องจะเห็นว่า OPPO Reno7 Z 5G ได้กล้องหลักความละเอียดสูง 64MP มาเลย ในเรื่องคุณภาพมั่นใจได้เลยว่าถ่ายภาพวิวหรือภาพ Portrait ออกมาได้คมชัดสุด ๆ แน่นอน ส่วนอีก 2 ตัวที่ให้มาคือกล้อง Depth และ macro ครับ
ถ่าย Portrait ดั่งกล้อง DSLR ด้วย Bokeh Flare Portrait
ไฮไลท์ในเรื่องการถ่าย Portrait ของ OPPO Reno7 Z 5G นี้ก็คือโหมด Bokeh Flare Portrait นี่เองครับ ด้วยฟีเจอร์นี้เราจะสามารถถ่ายภาพได้สวยดั่งกล้อง DSLR ระดับไฮเอนด์ที่มีรูรับแสงกว้างได้ด้วยอัลกอริธึมเฉพาะของ OPPO ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสว่างให้กับแบบ พร้อมเบลอฉากหลังและเพิ่มดวงโบเก้ให้อัตโนมัติ ที่สำคัญก็คือโหมดนี้เราสามารถใช้ได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังเลยด้วยนะ
เท่าที่เราลองใช้งานจริง โหมดนี้ก็ช่วยให้เราได้ภาพ Portrait สวยดั่งกล้อง DSLR ตามที่ OPPO บอกจริง ๆ ครับ แถมยังได้ความเก่งกาจของ AI ที่ช่วยปรับความเนียนของใบหน้า ปรับโทนสีให้สวยขึ้นแม้เป็นภาพย้อนแสงก็ไหว ความเนียนของโบเก้ที่เพิ่มเข้ามาก็ไม่ใช่สักแต่ว่าเบลอและเพิ่มดวง ๆ ขึ้นมา แต่ทุกดวงที่เพิ่มขึ้นมามีมิติและสมจริงแบบที่ควรจะเป็น ทำให้ยิ่งเนียนเหมือนใช้กล้อง DSLR เข้าไปใหญ่เลยล่ะครับ
กล้องหน้า 16MP เซลฟี่สวย Bokeh Flare Portrait ได้เหมือนกัน
อย่างที่บอกว่าโหมด Bokeh Flare Portrait นั้นสามารถใช้งานได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ซึ่งบนกล้องหน้าความละเอียด 16MP นี้ก็ช่วยให้เราได้ภาพที่คมชัดพร้อมกับการละลายฉากหลังเพิ่มโบเก้เป็นดวง ๆ สวยไม่แพ้กล้องหลัง แถมยังได้ความหน้าเนียนด้วย Portrait Retouching ซึ่งเทคโนโลยีนี้สามารถระบุจุดสำคัญบนใบหน้าสูงสุดถึง 373 จุด สามารถลบจุดด่างพร้อยบนใบหน้าด้วย AI มอบเอฟเฟกต์การปรับแต่งใบหน้า ในการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอพอร์ตเทรตทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ที่มีความสวยงามเป็นธรรมชาติได้
Selfie HDR เซลฟี่ได้คมชัดแม้แสงน้อยหรือย้อนแสง
อีกหนึ่งฟีเจอร์ของกล้องหน้า OPPO Reno7 Z 5G ที่เราชอบมาก ๆ ก็คือ Selfie HDR ฟีเจอร์นี้จะเป็นการเพิ่ม Dynamic Range ให้ภาพเซลฟี่ขึ้น ไม่ว่าเราจะถ่ายภาพย้อนแสงหรือภาพในที่แสงน้อยก็มั่นใจได้เลยว่า ใบหน้าของแบบจะคมชัดและรายละเอียดโดยรวมของภาพก็จะยังได้แสงที่เท่า ๆ กันไม่มีจุดไหนที่โดดเกินไป ซึ่งฟีเจอร์นี้จะเปิด Auto มาที่ค่าเริ่มต้นแล้ว จะถ่ายเซลฟี่ในมุมไหนก็เอาอยู่ครับ และเราสามารถใช้ Selfie HDR กับ Bokeh Flare Portrait พร้อมกันใน Portrait mode ได้ ซึ่งถ้าจะให้แนะนำมุมเซลฟี่ที่จะออกมาสวยปังที่สุดก็คงเป็นเซลฟี่กับทิวทัศน์ของเมืองในตอนกลางวัน คาเฟ่เก๋ ๆ สักที่ที่มีพื้นหลังเป็นฉากพระอาทิตย์กำลังตกดิน หรือเซลฟี่กับเพื่อน ๆ ในตอนกลางคืนใต้ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่หรือแสงไฟนีออนของบาร์ต่าง ๆ ในเมือง
Selfie HDR OFF Selfie HDR ON
ถ่ายวิวดีด้วย AI Scene Recognition
ในการถ่ายภาพทั่วไป จะถ่ายวิว ถ่ายอาหาร OPPO Reno7 Z 5G ก็ยังเก่งเพราะมี AI Scene Recognition ที่จะเข้ามาจัดการปรับภาพ โทนสี และความคมชัดให้เข้ากับภาพที่เราจะถ่ายอาทิ ถ่ายวิวที่ท้องฟ้าสวยเคลียร์ก็จะได้ฟ้าที่สีสวยขึ้น ถ่ายภาพดอกไม้ก็สีสดขึ้น หรือถ่ายอาหารก็ดูน่ากิน นอกจากนี้ในกล้องหลังก็ยังมี Auto HDR ที่จะคอยดึง Dynamic Range ให้กว้างขึ้น จะถ่ายย้อนแสงก็มั่นใจได้ว่าหน้าจะไม่มืดกลืนไปกับฉากหลังครับ
Macro ส่องวัตถุใกล้ ๆ ได้ด้วย
และปิดท้ายที่กล้องตัวสุดท้ายกับกล้อง macro ที่มีความละเอียด 2MP อาจจะไม่ได้มากมายแต่ก็ให้เราได้เก็บภาพในระยะใกล้สุดที่ 4 ซม. แต่ตรงนี้ต้องบอกก่อนว่าจำเป็นต้องมีแสงเพียงพอต่อการถ่ายนิดหน่อยเพื่อความคมชัดของภาพครับ
โดยรวมในเรื่องกล้องของ OPPO Reno7 Z 5G ก็ทำได้น่าประทับใจมากครับ โดยเฉพาะจุดเด่นอย่าง Portrait ที่ตอกย้ำความเป็น The Portrait Expert ได้อย่างครบถ้วน ส่วนการถ่ายเซลฟี่ ถ่ายวิว หรือ Macro ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน เรียกว่าเป็นกล้องที่ครบเครื่องใช้ได้เลยล่ะครับ
ซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นล่าสุด ColorOS 12
มาต่อกันที่เรื่องซอฟต์แวร์และประสบการณ์การใช้งานครับ รีวิว OPPO Reno7 Z 5G นั้นมาพร้อม ColorOS 12 เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดของ OPPO ตอนนี้ครอบทับอยู่บน Android 11 ตัว UI มีความสวยงามมากขึ้น ใช้งานได้อย่างลื่นไหล
หรือจะเป็นในเรื่องการปรับแต่ง ColorOS 12 ก็ยังมีมาให้เราเลือกมากมาย ทั้งรูปแบบ Theme, ธีมสีของตัวเครื่องที่ปรับได้มากขึ้น, รูปแบบไอคอน, รูปแบบอนิเมชั่นสแกนนิ้ว หรือกระทั่ง AOD ก็มีด้วย เรียกว่าใครที่ชอบการปรับแต่งที่หลากหลายให้เป็นสไตล์เราไม่เหมือนใคร น่าจะถูกใจ
ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 695 5G
สำหรับประสิทธิภาพของ OPPO Reno7 Z 5G ก็สบายใจหายห่วงได้ครับ รุ่นนี้มาพร้อมชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 695 5G ขนาด 6nm ที่มีประสิทธิภาพสูงทั้งการทำงานทั่วไป จนถึงการประมวลผลหนัก ๆ ผ่านการเล่นเกม
ความจุภายในตัวเครื่องให้มาเป็น 8GB + 128GB ก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานแล้ว ตัวความจุภายในถ้าไม่พอก็ยังสามารถเพิ่ม micro-SD ได้อย่างที่บอกไป ส่วนแรมก็มีฟีเจอร์ RAM Expansion ที่จะมาขยายให้เราใช้งานได้ลื่นไหลยิ่งขึ้น ตรงนี้เราสามารถเพิ่มได้สูงสุดถึง 5GB เลย รวมกับที่ให้มาจริง ๆ ก็เป็น 13GB กันเลยนะ
ผลคะแนนเป็นไงบ้างนะ ?
เพื่อให้ได้เห็นภาพว่าประสิทธิภาพของ OPPO Reno7 Z 5G อยู่ในระดับไหน เราก็ได้ทดสอบผ่านแอป AnTuTu Benchmark และ GeekBench 5 มาให้เห็นคะแนนคร่าว ๆ กันครับ โดยคะแนนของ AnTuTu ก็ออกมาสูงทีเดียว ได้ไป 349480 คะแนน
ส่วนฝั่ง GeekBench 5 ก็ได้คะแนน Single-core ไปที่ 641 คะแนน และ Multi-core 1843 คะแนนครับ
เล่นเกมกันสักหน่อย!
ไหน ๆ เราก็ทดสอบประสิทธิภาพไปแล้ว ก็มาต่อที่การเล่นเกมเลยดีกว่า เกมที่เราใช้ทดสอบในรอบนี้คือ Call of Duty และ Pokemon Unite ครับ และผลการทดสอบก็ออกมาดังนี้เลย
เล่น Call of Duty บน OPPO Reno7 Z 5G
สำหรับเกม Call of Duty เราสามารถเลือกระดับกราฟิกได้ที่ High คู่กับเฟรมเรตระดับ Max เลย ซึ่งเท่าที่เราลองเช็ก fps ที่รันได้จริง ๆ ก็รันที่ 39 – 40fps ตลอดทั้งเกมนะครับ ให้ความลื่นไหลที่น่าประทับใจทีเดียวกับเกมแนวยิงแบบนี้ การสัมผัสก็ถือว่าทำได้ติดนิ้วใช้ได้
เล่น Pokemon Unite บน OPPO Reno7 Z 5G
ต่อมากับ Pokemon Unite เราก็ยังสามารถปรับระดับกราฟิกและเฟรมเรตได้ที่สูงสุดเช่นกัน ซึ่งตัวเกมรันได้อย่างลื่นไหลเลย เฟรมเรตที่เราเจอจะอยู่ที่ 54 – 60fps กันเลย ถือว่าเล่นได้อย่างลื่นสุด ๆ เลยล่ะครับระดับนี้
ในเรื่องประสิทธิภาพ OPPO Reno7 Z 5G ก็ทำได้อย่างดี ใครที่ชอบเล่นเกมกราฟิกสูง ๆ ก็หายห่วงได้ ชิปเซ็ต Snapdragon 695 คู่กับแรม 8GB (+ 5GB RAM Expansion) ถือว่าทำได้ดีเลย ไม่เจอปัญหาการใช้งานว่ากระตุกหรือค้างให้หงุดหงิดแน่นอนครับ
แบตเตอรี่ 4500mAh ใช้ได้ยาวนาน ไม่มีสะดุด
ปิดท้ายที่เรื่องแบตเตอรี่และการชาร์จ OPPO Reno7 Z 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 4500mAh ซึ่งถือว่าเยอะมาก ๆ เลยทีเดียว เท่าที่เราลองใช้งานมาก็ถือว่าผ่าน 1 วันได้สบาย ๆ กับการใช้งานทั่วไป แต่ถ้าใช้งานหนักหน่อย มีเล่นเกม ถ่ายรูปต่อเนื่อง ก็ยังเอาอยู่ตลอดทั้งวันแน่นอนครับ สบายใจได้เลย
ส่วนระบบชาร์จ OPPO Reno7 Z 5G ก็มาพร้อมระบบชาร์จไว 33W SUPERVOOC ที่ชาร์จ 0 – 100% ได้ในเวลาเพียง 63 นาทีเท่านั้น หรือถ้ามีเวลาไม่มากนักแต่ต้องใช้งาน OPPO เคลมว่าชาร์จ 5 นาทีก็สามารถคุยโทรศัพท์ได้ถึง 3 ชั่วโมงแล้วครับ ไวจริง ๆ
OPPO Reno7 Z 5G ราคา 12,990 บาท
สมาร์ทโฟน 5G ที่ถ่ายภาพพอร์ตเทรตที่ดีที่สุด OPPO Reno7 Z 5G รุ่นล่าสุด กับนวัตกรรมถ่ายภาพที่ให้เป็นตัวเองได้ไม่จำกัดด้วยพอร์ตเทรต เตรียมวางจำหน่ายในราคา บาท มี 2 สี ได้แก่ สีรุ้ง Rainbow Spectrum และสีดำ Cosmic Black จองได้แล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 16 มีนาคมนี้ พร้อมรับของสมนาคุณ E-VIP Card ประกันหน้าจอแตก และ OPPO SPORTS BAG มูลค่ารวม 7,499 บาท
เป็นเจ้าของ OPPO Reno7 Z 5G ได้ง่ายขึ้นเมื่อจองผ่านผู้ให้บริการเครือข่าย ในราคาเริ่มต้นเพียง 4,790 บาท ตั้งแต่วันนี้ – 16 มีนาคม 2565 เท่านั้น
โดย OPPO Reno7 Z 5G จะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 17 มีนาคม 65 เป็นต้นไป ณ OPPO Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
สรุปแล้ว “นี่คือสมาร์ทโฟน 5G ที่ถ่ายพอร์ตเทรตได้ดีที่สุดในงบหมื่นต้น”
สรุปแล้ว OPPO Reno7 Z 5G ก็ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟน 5G ที่เก่งในเรื่องการถ่ายพอร์ตเทรตเหนือคู่แข่งในกลุ่มราคาเดียวกันจริง ๆ ด้วยฟีเจอร์เจ๋ง ๆ อย่าง Bokeh Flare Portrait ช่วยเปลี่ยนภาพถ่ายให้สวยดั่งกล้อง DSLR แบบที่หาได้ยากในเรตราคานี้ อีกทั้งสเปคที่ให้มายังครอบคลุมการใช้งานครบ ทั้ง หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.4″ ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 695 5G มีความจุ 8GB + 128GB แบตเตอรี่เยอะ 4500mAh ชาร์จไว 33W SUPERVOOC และที่สำคัญยังได้ดีไซน์ทรง Ultra-Slim Design ที่โดดเด่นสะดุดตาอีกด้วย ใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนที่ถ่ายรูปพอร์ตเทรตสวย ๆ ในงบที่สบายกระเป๋าอยู่ OPPO Reno7 Z 5G คือตัวเลือกที่เราแนะนำที่สุดในตอนนี้เลยล่ะครับ!
จุดเด่น
- กล้องทั้งหน้า-หลังถ่ายพอร์ตเทรตดีมาก
- Ultra-Slim Retro Design ดีไซน์ขอบเหลี่ยม สวยงามน่าสัมผัส
- ไฟแจ้งเตือน Dual Orbit Lights เท่มาก!
- หน้าจอ Single Punch Hole AMOLED FHD+ 6.4″ แสดงผลได้ดี
- แบตเตอรี่ 4500mAh อึดมาก พร้อมชาร์จไว 33W SUPERVOOC
- มีช่องหูฟัง 3.5 มม.
จุดสังเกต
- หน้าจอยังมี refresh rate 60Hz