Featured
รีวิว OPPO Reno8 Z 5G สมาร์ทโฟน 5G “The Portrait Expert” ที่ถ่ายคนได้สวย เป็นธรรมชาติที่สุด
รีวิว OPPO Reno8 Z 5G สมาร์ทโฟน 5G ที่ถ่ายคนได้สวย เป็นธรรมชาติที่สุด! น้องใหม่จาก OPPO Reno8 Series ที่สานต่อ “The Portrait Expert” ด้วยฟีเจอร์กล้องสุดโดดเด่นทั้ง AI Portrait Retouching, Bokeh Flare Portrait, Selfie HDR นอกจากนี้ยังมาพร้อมดีไซน์อันโดดเด่นด้วยวัสดุที่อัปเกรดและสีใหม่อย่าง Dawnlight Gold อีกด้วย!
หลังจากที่เราได้ลองใช้งานมาจริง ๆ กว่า 1 สัปดาห์ก็จะมารีวิวให้ชมแบบเต็ม ๆ ว่ารุ่นนี้สมกับที่เป็น “สมาร์ทโฟน 5G ที่ถ่ายคนได้สวย เป็นธรรมชาติที่สุด” รึเปล่า!? พร้อมแล้วติดตามครับ
สรุปสเปค OPPO Reno8 Z 5G
- หน้าจอ : Punch-Hole AMOLED FHD+ Display ขนาด 6.4″
- Refresh rate : 60Hz
- CPU : Qualcomm Snapdragon 695 5G (6nm)
- RAM : 8GB (+ 5GB RAM Expansion)
- ROM : 128GB
- แบตเตอรี่ : 4500mAh
- ระบบชาร์จ : ชาร์จไว 33W SUPERVOOC
- กล้องหน้า : 16MP
- กล้องหลัก : 3 ตัว
- กล้องหลัก 64MP AI Portrait Camera
- กล้อง Depth 2MP
- กล้อง macro 2MP
- ระบบปฏิบัติการ : Android 12 ครอบทับด้วย ColorOS 12.1
- สีสัน : Dawnlight Gold, Starlight Black
AI 3 กล้องหลัง ความละเอียด 64MP อันทรงพลัง
ขอเริ่มที่เรื่องไฮไลท์ของรุ่นนี้กับเรื่องกล้องก่อนเลยละกันครับ OPPO Reno8 Z 5G มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัวอันทรงพลัง พร้อมกล้องหน้า 1 ตัวมีสเปคคร่าว ๆ ดังนี้เลย
- กล้องหลัก 64MP AI Portrait Camera
- กล้อง Depth 2MP
- กล้อง Macro 2MP
- กล้องหน้า 16MP
The Portrait Expert ถ่ายคนสวย เป็นธรรมชาติ
OPPO Reno8 Z 5G มาพร้อมสโลแกน “The Portrait Expert” แบบนี้ เรื่องกล้องที่เน้นที่สุดก็หนีไม่พ้นโหมด Portrait ครับ ในการถ่ายภาพ Portrait จากกล้องหลังก็มีโหมด Portrait ที่ช่วยจัดการภาพใบหน้าสวยเนียนเป็นธรรมชาติพร้อมการละลายฉากหลังที่เนียนตามาให้เลือกเหมือนเดิม และครั้งนี้ก็มีการปรับปรุงในเรื่องซอฟต์แวร์ให้ถ่ายออกมาได้สวยเป็นธรรมชาติมากขึ้นไปอีกด้วย
AI Portrait Retouching หน้าเนียนเป็นธรรมชาติ
ในเรื่องความเนียนใสของใบหน้า OPPO จัดให้เป็นส่วนสำคัญ จึงมาพร้อมฟีเจอร์ AI Portrait Retouching ที่ช่วยปรับแต่งใบหน้าและโทนสีผิวหน้าได้อย่างชาญฉลาดประหนึ่งเราแต่งหน้ามาแบบเนียน ๆ (ลิปสติกและบลัชออน) แต่ความเนียนนี้ก็ยังให้มาแบบพอดิบพอดีไม่เว่อจนเกินไป เรียกว่าสวยเนียนเป็นธรรมชาติจริง ๆ ครับ
Bokeh Flare Portrait ละลายฉากหลังสวยเสมือนถ่ายด้วยกล้อง DSLR
ต่อมาคือ Bokeh Flare Portrait นั่นเองครับ ฟิลเตอร์นี้จะช่วยให้เราได้ภาพ Portrait ที่มีดวงไฟ Bokeh สวย ๆ ของฉากหลังได้อย่างเนียนตา ดึงความระยิบระยับของฉากหลังให้ตัวแบบเด่นขึ้น ขับเน้นอารมณ์โรแมนติก ชวนฝันราวกับอยู่ในภาพยนตร์
ซึ่งความเก่งของโหมด Bokeh Flare Portrait นี้ก็คือเราสามารถใช้งานได้ทั้งกล้องหลังและกล้องหน้าเลย จะเซลฟี่เองหรือให้คนอื่นถ่ายให้ก็ออกมาสวยเป็นโทนภาพชวนฝันละลายหลังอย่างเนียนทั้งคู่ครับ
Selfie HDR มอบภาพชัดแม้ย้อนแสงหรือแสงน้อย
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ช่วยให้เราเห็นความเก่งของกล้องหน้า OPPO Reno8 Z 5G ก็คือ Selfie HDR ที่ตัวกล้องจะเสริม Dynamic Range ของภาพให้แม้เราจะถ่ายในที่แสงน้อยหรือย้อนแสง ก็จะได้ทั้งใบหน้าที่คมชัดและฉากหลังที่ไม่จ้าโอเว่อเกินไป
กล้องหลักถ่ายสวย มี AI Scene Enhancement คอยปรับแต่ง
ไม่ใช่ว่าเด่นแค่ Portrait อย่างเดียว กล้องหลักของ OPPO Reno8 Z 5G มาพร้อมความละเอียด 64MP เพียงพอต่อการถ่ายภาพวิว วัตถุ หรืออาหารได้อย่างสวยงาม เพราะมี AI Scene Enhancement เข้ามาปรับแต่งสีสัน ความคมชัดของภาพให้สวยงามขึ้น และยังมี Auto HDR ที่จัดการภาพย้อนแสงได้อย่างชาญฉลาด เท่าที่ลองใช้งานก็ต้องบอกเลยว่าไฟล์ภาพจะออกมาสวยและโทน Rich ขึ้นจริง ๆ ครับ
Macro เข้าใกล้วัตถุได้ใกล้สุด 4 ซม.
และปิดท้ายที่กล้องตัวสุดท้ายกับกล้อง macro ที่มีความละเอียด 2MP ให้เราได้เก็บภาพในระยะใกล้สุดที่ 4 ซม. ได้อย่างชัดเจน แต่ตรงนี้ต้องบอกก่อนว่าจำเป็นต้องมีแสงเพียงพอต่อการถ่ายนิดหน่อยเพื่อความคมชัดของภาพครับ
มี Night Mode ถ่ายกลางคืนสวย
สำหรับภาพถ่ายกลางคืนบน OPPO Reno8 Z 5G ก็มีโหมด Night mode มาให้ใช้งานด้วย ใช้การรวมแสงด้วยการเก็บภาพหลาย ๆ ภาพมาประมวลผลร่วมกัน ซึ่งทำให้ผลลัพธ์ที่ได้นั้นออกมาสวยขึ้น ทั้งความคมชัด ความสว่าง และสีสันของภาพ นอกจากนี้ยังมีฟิลเตอร์ให้เลือกเพิ่มสีสันของภาพกลางคืนได้อีกหลายแบบด้วย
โดยรวมแล้วเรื่องกล้องของ OPPO Reno8 Z 5G ก็ทำได้ประทับใจ สานต่อความเป็น The Portrait Expert ได้อย่างเต็มที่ ด้วยฟีเจอร์กล้องไม่ว่าจะ Bokeh Flare Portrait, AI Portrait Retouching และ Selfie HDR อีก ให้ได้ภาพ Portrait สวยสมใจ รวมถึงโหมด Auto ปกติก็เก่งด้วย AI Scene Enhancement ที่ไว้ใจได้ให้เราได้ภาพสวยโดยไม่ต้องปรับแต่งเพิ่มอีกเยอะ
ฝาหลังกระจกพร้อม OPPO Glow Design สะกดทุกสายตา
อีกหนึ่งไฮไลท์ของ OPPO Reno8 Z 5G ก็คือดีไซน์ครับ รอบนี้ยังมอบความโดดเด่นของดีไซน์ได้น่าสนใจเหมือนเดิม วัสดุของฝาหลังก็อัปเกรดขึ้นด้วยกระจก anti-glare 0.5 มม. เพิ่มความพรีเมี่ยมให้สัมผัสด้านหลังผสานรวมกับ OPPO Glow Design ที่ฝาหลังสร้างโดยการแกะสลักกระจกด้วยพื้นผิว 2 เลเยอร์และกระบวนการเคลือบชั้นเดียว
มอบพื้นผิวด้านที่เรียบลื่นเป็นมัมวาว โดดเด่น สะกดทุกสายตา และยังทนต่อรอยนิ้วมืออีกด้วย OPPO Reno8 Z 5G วางจำหน่ายใน 2 สีใหม่สุดทันสมัยคือ สีทอง Dawnlight Gold และ สีดำ Starlight Black
โดยสีที่เราได้มารีวิวคือสีทอง Dawnlight Gold สีใหม่ที่มอบความสดชื่นและโดดเด่น มาพร้อมการไล่เฉดสีที่หลากหลาย ด้วยเอฟเฟกต์เคลือบแบบไล่ระดับที่ผสมผสานกับหมึกสีเหลืองอบอุ่นบริเวณด้านหลังอย่างลงตัว สร้างแสงสีม่วง สีฟ้า สีทอง และสีชมพูที่จะเปลี่ยนไปตามการหักเหของแสงจากมุมต่าง ๆ ดั่งแสงอรุณรุ่งตกกระทบกับมหาสมุทรที่มีสีสันที่แตกต่างกันไปตามชั้นของเมฆ
ตัวเอฟเฟกต์ OPPO Glow Design ยังขยายกระบวนการผิวทรายที่ส่องประกายของฝาหลังไปยังกรอบ ปุ่ม ฐานกล้อง มอบเอฟเฟกต์ที่กลมกลืนขึ้นในดีไซน์โดยรวมอีกด้วย
Dual Orbit Lights ไฟแจ้งเตือนเอกลักษณ์
ดีไซน์สุดโดดเด่นของ OPPO Reno8 Z 5G ยังไม่หมดเท่านั้น เพราะบริเวณกล้องยังมีไฟแจ้งเตือนแบบใหม่ที่ OPPO เรียกว่า Dual Orbit Lights โดยภายในจะประกอบด้วยแผ่นแสงปริซึมรูปวงแหวน พร้อมฟิล์มนำแสงสูง และฟิล์มบังเงา เพื่อมอบสีเข้มและสม่ำเสมอโดยไม่ทำให้เกิดแสงจ้า ซึ่งสีที่จะติดขึ้นมาจะมีทั้งสี น้ำเงิน ฟ้าอ่อน ฟ้าคราม หรือเบบี้บลู และพอมาอยู่บนกล้องคู่แบบนี้ก็เสริมความเป็นเลข 8 ให้เข้ากับเลขรุ่นของ OPPO Reno8 Z 5G ได้อย่างลงตัวมาก ๆ อีกด้วย
Ultra Slim Retro Design ขอบเหลี่ยมบางเฉียบน่าสัมผัส
OPPO Reno8 Z 5G มาพร้อมดีไซน์ขอบเหลี่ยมหรือ Ultra Slim Retro Design ที่เป็นเอกลักษณ์ชวนให้สัมผัสได้อย่างดี มาพร้อมความบางเพียง 7.66 มม. และเบาแค่ 181 กรัม เรียกว่าเพรียวบางน่าสัมผัสจริง ๆ ครับ
หน้าจอ Punch-Hole AMOLED FHD+ Display คุณภาพสูง ดื่มด่ำได้เต็มอรรถรส
พลิกกลับมาดูที่หน้าจอกันบ้าง OPPO Reno8 Z 5G มาพร้อมหน้าจอ Punch-Hole AMOLED FHD+ Display ขนาด 6.4″ ใช้พื้นที่หน้าจอไปได้มากถึง 90.8% มีขอบจอเหลืออยู่บ้างนิดหน่อย ถือว่าเป็นดีไซน์ที่สวยงามน่าสนใจไม่น้อยเลยครับ
ในเรื่องการแสดงผลก็ทำได้ยอดเยี่ยมตามสไตล์หน้าจอ AMOLED เอามาดูหนัง ดูวิดีโอหรือคลิปจาก YouTube ก็ถูกใจแน่นอน หรือจะเป็น Netflix, Amazon Prime Video ก็รองรับแบบ HD ด้วยครับ
และแน่นอนว่าด้วยหน้าจอแบบ AMOLED แบบนี้ก็จะมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอด้วย ใช้งานได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีระบบสแกนใบหน้ามาให้ใช้งานคู่กันด้วย ตามสะดวกเลย
หน้าจอของ OPPO Reno8 Z 5G ก็ถือว่าให้มายอดเยี่ยม สีสันสวยงาม แต่ก็มีจุดสังเกตอยู่บ้างก็คือ Refresh rate จอยังเป็น 60Hz
ปุ่มกดวางได้ดี พอร์ตการเชื่อมต่อให้มาครบ
ส่วนเรื่องตำแหน่งปุ่มกดของตัวเครื่องก็วางไว้ในมุมมาตรฐานของ OPPO เลยครับ ด้านซ้ายมือเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่ม Power ที่อยู่ด้านขวามือ
พอร์ตการเชื่อมต่อของ OPPO Reno8 Z 5G จะอยู่ที่ด้านล่างตัวเครื่อง พอร์ตหลักเป็น USB-C และช่องหูฟัง 3.5 มม.รุ่นนี้ก็ยังมีมาด้วยนะ
ส่วนด้านบนจะเป็นไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียงรบกวน มีจุดเดียว นอกนั้นก็ทิ้งไว้เรียบ ๆ เลยครับ
ช่องใส่ซิมการ์ดของรุ่นนี้จะอยู่ที่ฝั่งซ้ายมือของตัวเครื่อง ซึ่งถาดซิมจะเป็นแบบ Hybrid Slot คือใส่ได้ 2 ซิม แต่หากจะใส่ micro-SD ก็ต้องเลือกใส่ในช่องซิม 2 แทนนั่นเองครับ
โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ OPPO Reno8 Z 5G ก็ถือว่ายอดเยี่ยมสมกับเป็นสมาร์ทโฟนที่เน้นไปในเรื่องความโดดเด่นไม่เหมือนใคร ทั้งฝาหลังกระจก anti-glare 0.5 มม. ที่มีความหรูหราอัปเกรดขึ้นมาจากรุ่นก่อน เพิ่มความระยิบระยับแบบ OPPO Glow ที่ช่วยสะกดทุกสายตา หรือจะเป็นไฟแจ้งเตือนแบบ Dual Orbit Lights ก็ยิ่งเพิ่มความโดดเด่นได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียวครับ
ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 695 5G Mobile Platform ทรงพลัง
สำหรับสเปคของ OPPO Reno8 Z 5G ก็จัดเต็มมาด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 695 5G Mobile Platform ขนาด 6nm ที่มีประสิทธิภาพสูงทั้งการทำงานทั่วไป ใช้งานกราฟิกไปจนถึงการประมวลผลหนัก ๆ ผ่านการเล่นเกม แถมยังประหยัดพลังงานได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
RAM Expansion ขยายได้สูงสุด 5GB
ความจุภายในตัวเครื่องให้มาเป็น 8GB + 128GB ก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานแล้ว แต่ถ้าไม่พอจริง ๆ ก็ยังสามารถเพิ่ม micro-SD ได้อย่างที่บอกไป ส่วนแรมก็มีฟีเจอร์ RAM Expansion ที่จะมาขยายให้เราใช้งานได้ลื่นไหลยิ่งขึ้น ตรงนี้เราสามารถเพิ่มได้สูงสุดถึง 5GB เลย รวมกับที่ให้มาก็เป็น 13GB กันเลยล่ะครับ
ผลทดสอบสูงใช่ย่อย บอกแล้วว่าแรง!
เห็นคุยเรื่องสเปคว่าทรงพลังขนาดนั้น เราเลยขอมาทดสอบประสิทธิภาพให้เห็นภาพคร่าว ๆ กันด้วย 2 แอป Benchmark อย่าง AnTuTu Benchmark และ Geekbench 5 กันสักหน่อย โดยคะแนนของ AnTuTu ก็ออกมาที่ 393877 คะแนนเลยทีเดียว อยู่ในกลุ่มสมาร์ทโฟนรุ่นกลางที่น่าสนใจครับ
ส่วนฝั่ง Geekbench 5 ก็ได้คะแนน Single-Core ไปที่ 687 คะแนน และ Multi-Core ไปที่ 1920 คะแนน ถือว่ามีพลังการประมวลผล CPU ที่อยู่ในเกณฑ์ดีทีเดียว
ลองเล่นเกมกันหน่อยดีกว่า
ต่อมาก็เป็นคิวการลงสนามจริงด้วยการเล่นเกมกันสักหน่อย เกมที่เราจะใช้ทดสอบ OPPO Reno8 Z 5G จะมี 2 เกมฮิตอย่าง ROV และ Apex Legends Mobile ครับ
เล่น ROV บน OPPO Reno8 Z 5G
สำหรับ ROV เราสามารถปรับ HD Display ได้ที่ระดับ 3 (Extreme) , Display Quality ที่ระดับ 4 รวมถึงเปิดเฟรมเรตสูงได้ด้วย ทำให้เราสามารถเล่นได้ที่ความลื่นระดับ 60fps และด้วยสเปคระดับนี้ เท่าที่เราลองเล่นก็ทำได้ลื่นไหลครับ เฟรมเรตในเกมรันที่ 59 – 61fps ตลอดทั้งเกม ไม่เจออาการกระตุกให้ขัดใจเลย แถมกราฟิกก็ปรับได้เกือบสูงสุดแบบนี้ ถือว่ายอดเยี่ยมจริง ๆ ครับ
เล่น Apex Legends บน OPPO Reno8 Z 5G
ส่วน Apex Legends เกม Battle Royale ภาพสวยล่าสุด ตัวเกมให้เราปรับตั้งค่ากราฟิกได้สูงสุดที่ UltraHD พร้อมเฟรมเรตระดับ High ถือว่าเป็นระดับสูงทีเดียว ซึ่งระดับนี้จะเล่นได้ลื่น ๆ ที่ 40fps เท่าที่เราเล่นแบบจริงจัง ก็ได้เฟรมเรตที่นิ่ง 40fps แทบทั้งเกม แม้จะมีจังหวะที่ยิงกันนัวมาก ๆ เอฟเฟกต์เยอะ ๆ เฟรมเรตก็ไม่ตกเลยครับ
ในเรื่องประสิทธิภาพ OPPO Reno8 Z 5G ก็ทำได้อย่างดี ใครที่ชอบเล่นเกมกราฟิกสูง ๆ ก็หายห่วงได้ ชิปเซ็ต Snapdragon 695 คู่กับแรม 8GB (+ 5GB RAM Expansion) ถือว่าทำได้ดีเลย ไม่เจอปัญหาการใช้งานว่ากระตุกหรือค้างให้หงุดหงิดแน่นอนครับ
ชาร์จไว ใช้งานได้นาน
OPPO Reno8 Z 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4500mAh ใช้งานได้ดีทีเดียวเมื่อเทียบกับสเปคที่ให้มา และขนาดตัวเครื่องที่บางเฉียบระดับนี้ เท่าที่เราลองใช้งานมาจริง ๆ ก็ถือว่าอึดใช้ได้เลย จะใช้งานถ่ายรูปต่อเนื่อง หรือเล่นเกมบ้าง ดูคลิปบน YouTube หน่อยก็เหลือ ๆ อยู่ได้ 1 วันสบาย ๆ ครับ
ส่วนระบบชาร์จ OPPO Reno8 Z 5G ก็มาพร้อมระบบชาร์จไว 33W SUPERVOOC ที่ชาร์จ 0 – 100% ได้ในเวลาเพียง 63 นาทีเท่านั้น หรือถ้ามีเวลาไม่มากนักแต่ต้องใช้งาน OPPO เคลมว่าชาร์จ 5 นาทีก็สามารถคุยโทรศัพท์ได้ถึง 3.4 ชั่วโมงด้วยนะครับ
ซอฟต์แวร์ตัวล่าสุด ColorOS 12.1
ปิดท้ายที่เรื่องซอฟต์แวร์ รีวิว OPPO Reno8 Z 5G มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 12 ที่ครอบทับด้วย ColorOS 12.1 เวอร์ชั่นล่าสุดของ OPPO เลยก็ว่าได้ครับ UI เรียบหรูน่าใช้งาน รวมถึงการปรับแต่งต่าง ๆ ก็ให้มาเยอะใช้ได้
อย่างฟีเจอร์ Wallpaper color picking ที่จะปรับสีของระบบให้เข้ากับ Wallpaper ที่เราใช้ ช่วยให้ UI ของเครื่องมีความเข้ากันมากขึ้น หรือจะเป็นการปรับแต่งอื่น ๆ มากมายทั้ง Theme, Icon, Wallpaper ให้เราได้เลือกปรับได้ตามใจเราอีกเยอะทีเดียว
เปิดจองแล้ววันนี้ พร้อมของสมนาคุณเพียบ!
สำหรับราคาค่าตัวของ OPPO Reno8 Z 5G ก็เปิดมาที่ 12,990 บาท มีให้เลือก 2 สีคือ สีทอง Dawnlight Gold กับสีดำ Starlight Black
เริ่มเปิดให้จองล่วงหน้าแล้วตั้งแต่วันนี้ – 18 สิงหาคม โดยจะได้รับของสมนาคุณมูลค่ารวมกว่า 7,499 บาท แบ่งเป็น E-VIP Card มูลค่า 5,000 บาท (รับประกันจอแตกและรับประกันตัวเครื่อง) และ Reno Backpack มูลค่า 2,499 บาทไปด้วยอีกใบ
สรุปแล้ว “นี่คือสมาร์ทโฟน 5G ที่ถ่ายพอร์ตเทรตได้สวย และเป็นธรรมชาติที่สุดในงบหมื่นต้น”
สรุปแล้ว OPPO Reno8 Z 5G ก็ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟน 5G ที่ถ่ายพอร์ตเทรตได้สวย และเป็นธรรมชาติที่สุดเก่งในเรื่องในกลุ่มราคาหมื่นต้น ๆ ตามที่โปรโมทจริงครับ! ด้วยฟีเจอร์เจ๋ง ๆ AI Portrait Retouching ที่ปรับแต่งใบหน้าให้เนียนสวย, Bokeh Flare Portrait ช่วยเปลี่ยนภาพถ่ายคนให้สวยประหนึ่งกล้อง DSLR แบบที่หาได้ยากในสมาร์ทโฟนเรตราคานี้ หรือจะเป็นฟีเจอร์ ก็เข้ามาเสริมให้ใช้งานได้ดีขึ้น อีกทั้งสเปคที่ให้มายังครอบคลุมการใช้งานครบ ทั้ง หน้าจอ Punch-Hole AMOLED FHD+ Display ขนาด 6.4″ ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 695 5G Mobile Platform มีความจุ 8GB + 128GB แบตเตอรี่เยอะ 4500mAh ชาร์จไว 33W SUPERVOOC และที่สำคัญยังได้ดีไซน์ทรง Ultra Slim Design ที่โดดเด่นสะดุดตาด้วยสีใหม่ Dawnlight Gold อีก ใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนที่ถ่ายรูปพอร์ตเทรตสวย ๆ ในงบที่ไม่สูงจนเกินไป OPPO Reno8 Z 5G ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ ในตอนนี้เลยล่ะครับ
จุดเด่น
- กล้องทั้งหน้า-หลังถ่ายพอร์ตเทรตดีมาก
- สี Dawnlight Gold ใหม่ สวยสะกดทุกสายตาจริง ๆ
- Ultra Slim Retro Design ดีไซน์ขอบเหลี่ยม ชวนให้สัมผัส
- ไฟแจ้งเตือน Dual Orbit Lights เพิ่มความโดดเด่น
- หน้าจอ Punch-Hole AMOLED FHD+ Display แสดงผลได้ดี
- แบตเตอรี่ 4500mAh ใช้งานได้นาน พร้อมชาร์จไว 33W SUPERVOOC
- มีช่องหูฟัง 3.5 มม.
จุดสังเกต
- หน้าจอยังเป็น Refresh rate 60Hz