Smart Review
รีวิว POCO F4 GT ที่สุดแห่งขุมพลัง จากชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 1, ชาร์จแรง 120W HyperCharge พร้อมสเปคที่จัดเต็มในราคาที่เอื้อมถึงได้
ใครที่รอเรือธงราคาสุดคุ้มอย่าง POCO F4 GT วันนี้เราได้จัดรีวิวเต็มๆ มาให้ได้ชมกันแล้วครับ ขอเกริ่นไว้ก่อนเลยว่าคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์จริงๆ สำหรับ POCO F4 GT มาพร้อมสโลแกน “ที่สุดแห่งขุมพลัง” The apex of power จัดหนักด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 1 พร้อมจอ AMOLED ขนาดใหญ่เต็มตาที่ 6.67 นิ้ว แบบ 120Hz และฟังก์ชันอื่นๆ อีกเพียบกันเลยครับ (ชมคลิป)
สรุปสเปค POCO F4 GT
- ขนาดตัวเครื่อง : 162.5 x 76.7 x 8.5 มม.
- น้ำหนัก : 210 กรัม
- หน้าจอแสดงผล AMOLED DotDisplay ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080 พิกเซล) อัตราส่วน 20:9 รองรับ Refresh Rate สูงสุด 120Hz, Touch sampling rate สูงสุด 480Hz, HDR10+, Contrast ratio: 5,000,000:1, แสดงผล 1 พันล้านสี และครอบทับด้วย Corning Gorilla Glass Victus
- หน่วยประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 Octa-core ความเร็ว 3.0GHz
- RAM : 8/12GB LPDDR5
- ROM : 128/256GB UFS 3.1
- กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 3 เลนส์ ดังนี้
- เลนส์หลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9 เซ็นเซอร์ IMX686
- เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 มุมกว้าง 120 องศา
- เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 ระยะโฟกัส 4 ซม.
- กล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 เซ็นเซอร์ IMX596
- ระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย MIUI 13 for POCO
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/ax, Wi-Fi 6E (2.4G/5GHz/6GHz), NFC, Bluetooth 5.2, NFC และพอร์ต USB Type-C
- รองรับ 5G NSA + SA : n1/3/5/7/8/20/28/38/40/41/77/78
- แบตเตอรี่ความจุ 4700mAh รองรับชาร์จไว 120W HyperCharge
แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล
อุปกรณ์ภายในกล่อง
ตัวกล่องของ POCO F4 GT ดีไวน์ให้ดูมีความเข้มพอตัว โดยใช้สีเหลืองตามสีของแบรนด์พร้อมตัดสีดำเป็นลวดลายที่เข้ากันสุดๆ ส่วนอุปกรณ์ที่ให้มาถือว่าครบถ้วน ไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่มเติม ดังนี้
- ตัวเครื่อง POCO F4 GT พร้อมติดฟิล์มกันรอย
- อะแดปเตอร์ Smart 120W HyperCharge
- อุปกรณ์เปิดถาดซิม
- ตัวแปลงพอร์ต USB Type-C เป็น 3.5 มม.
- เคสใสซิลิโคน
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
ดีไซน์สุดเท่เพื่อสายเกมมิ่งโดยเฉพาะ
ด้วยการที่ POCO F4 GT ถือเป็นหนึ่งในรุ่นที่เกิดมาเพื่อเกมเมอร์โดยเฉพาะ ทำให้ดีไซน์รุ่นนี้ทำได้สวยงาม ดูเท่ และคลาสสิกไปในตัว มีการเล่นแสงสะท้อนตรงลวดลายเล็กน้อย ทั้งนี้ ฝาหลังยังมีความโค้งในเพื่อให้ถือได้อย่างสบายมือเวลาเล่นเกมนานๆ ครับ
สีที่เราได้มาเป็นสีดำ Stealth Black ที่ให้ความคมเข้มมากๆ ครับ
หน้าจอใหญ่ AMOLED DotDisplay 6.67″
สำหรับหน้าจอแสดงผลจัดมาให้แบบเบิ้มๆ แบบ AMOLED DotDisplay ใหญ่ถึง 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080 พิกเซล) อัตรส่วน 20:9 ทำให้ใช้งานทุกเวลาได้แบบเต็มตาเต็มอรรถรสแน่นอนครับ แถมสีสันที่ก็จัดเต็มด้วยการแสดงผลสีแบบ 10-bit หรือ 1 พันล้านสี รองรับทั้ง HDR10+, Contrast ratio: 5,000,000:1 และได้ความแข็งแกร่งด้วยการครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus ซะด้วย
และที่พลาดไม่ได้เลยคือการรองรับ Refresh Rate สูงสุด 120Hz โดยเราสามารถปรับให้เป็น 120Hz จากการกำหนดเอง หรือเหลือให้เป็นแบบไดนามิกที่ปรับตามสถานการณ์ได้เหมือนกันครับ (ถ้าเลือกแบบหลังจะกินแบตน้อยลงเล็กน้อยครับ) ส่วนสายเกมก็อุ่นใจได้เลยเพราะมีค่า Touch sampling rate สูงสุด 480Hz ใช้งานได้แบบติดนิ้ว เรียลไทม์แน่นอน
มาดูรอบเครื่องกันครับ โดยเหนือหน้าจอแสดงผลจะมีกล้องหน้าแบบ Punch Hole ตรงกลาง และถัดขึ้นไปเล็กน้อยจะมีลำโพงสำหรับสนทนาอยู่ครับ
ที่ด้านล่างตัวเครื่องจะมีไมโครโฟนตัวที่ 1, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวที่ 1 และ 2 ที่อยู่คู่กัน
ด้านบนของตัวเครื่องจะมีลำโพงตัวที่ 3 และ 4 ที่รองรับระบบเสียง Dolby Atmos และไมโครโฟนตัวที่ 2 ครับ
ทางซ้ายเครื่องจะมีช่องใส่แบบ NanoSIM จำนวน 2 ช่อง แบบพลิกหน้า-หลัง, ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และมีไมโครโฟนตัวที่ 3 มาให้เผื่อเวลาเล่นเกมแล้วมือเราจะไปบังไมโครโฟนอีก 2 ตัวครับ
ส่วนทางขวา หลักๆ บริเวณส่วนกลางจะมีปุ่ม Power ที่ควบรวมระบบเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้อยู่ ขณะที่ทั้ง 2 มุม ซ้าย-ขวาจะมีปุ่ม Magnetic Pop-up Triggers ที่สามารถเลื่อนเปิด-ปิดได้ผ่านตัวเลื่อนที่อยู่ข้างๆ ของแต่ละฝั่งครับ
และที่ด้านหลังเครื่องจะมีกล้อง 3 เลนส์เรียงเป็นแนวตั้ง พร้อมไฟแฟลช LED 2 ตัวที่อยู่ในรูปทรงสายฟ้า
ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน
POCO F4 GT แกะกล่องมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 12 ที่ครอบทับด้วย MIUI 13 for POCO การใช้งานและระบบถือว่าเสถียรเลยทีเดียวเมื่อใช้งานร่วมกับชิปเรือธงจาก Qualcomm ครับ
รองรับ 5G ทั้ง SA และ NSA
ใครชอบการเชื่อมต่อแบบเร็วแรง รุ่นนี้ก็รองรับเครือข่าย 5G ทั้งแบบ SA ที่ใช้ 5G แบบโดยตรง และ NSA ที่ใช้ 5G ผสานกับ 4G เพื่อให้ได้ความเร็วที่สูงขึ้นครับ
ระบบความปลอดภัยให้มาครบ
POCO F4 GT มีระบบเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านข้างที่ตอบสนองได้ไวมากๆ ซึ่งเร็วจนอาจเกิดอาการลั่นบ่อยครั้งอยู่ครับ
ทั้งนี้ ใครที่ถนัดการสแกนใบหน้าก็สามารถลงทะเบียนได้เช่นกัน
ลำโพง 4 ตัว ดังกระหึ่มด้วยระบบเสียง Dolby Atmos
เรื่องความบันเทิงจัดมาให้เต็มรูปแบบครับ หนึ่งในนั้นคือลำโพงที่ให้มาถึง 4 ตัว กระหึ่มขั้นสุด ที่รองรับทั้งระบบเสียง Dolby Atmos, Hi-Res และ Hi-Res Wireless อีกด้วย ซึ่งเราสามารถเปลี่ยนค่าของเสียงตามการใช้งานได้ ได้แก่ วิดีโอ, เพลง และเสียง โดยจะเลือกไดนามิกเพื่อให้ปรับได้เองก็ได้ครับ
รองรับ Always-on Display
ฟีเจอร์ Always-on Display (จอแสดงผลแบบเปิดตลอด) ก็มีมาในรุ่นนี้เหมือนกันครับ โดยจะมีการบอกเวลา, วันที่, แบตคงเหลือ และการแจ้งเตือน
ทั้งนี้ ลูกเล่นที่มีมาให้ในอีกอย่างคือการปรับแต่งรูปแบบของนาฬิกาเป็นข้อความหรือภาพต่างๆ ได้ตามที่ชอบเลยครับ
ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่
POCO F4 GT ได้จัดขุมพลัง Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 Octa-Core ความเร็ว 3.0GHz พร้อมขนาดเล็ก 4 นาโนเมตร โดยเป็นชิปฝั่ง Android ที่แรงที่สุดในตอนนี้ครับ ทั้งยังได้ RAM มาเป็นแบบ LPDDR5 ช่วยเพิ่มคาวมเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลระหว่างการใช้งานได้สูงสุดถึง 6,400Mbps รวมถึง ROM แบบ UFS 3.1 ที่ช่วยให้การอ่านเขียนข้อมูลของแอปพลิเคชั่นเป็นไปได้รวดเร็วขึ้นครับ
มี LiquidCool Technology 3.0 หนึ่งในระบบระบายความร้อนที่ล้ำสมัยที่สุด
ระหว่างการเล่นเกมหรือใช้งานอาจมีอาการเครื่องร้อนกันได้เป็นเรื่องปกติ แต่ในรุ่นนี้ก็ได้ใส่เทคโนโลยี LiquidCool Technology 3.0 ที่เป็นระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวจากแผ่น Vaper Chamber (VC) ขนาดใหญ่ 4,860 ตร.ม. ซึ่งก็ช่วยลดความร้อนระหว่างการใช้งานหนักๆ ได้ดีเลยทีเดียวครับ
เพิ่ม RAM ได้อีก 3GB
POCO F4 GT จะมีให้เราเลือกเปิดการเพิ่มขยายหน่วยความจำหรือ RAM ได้อีก 3GB ซึ่งหากรวมกับของเดิมที่มีอยู่แล้ว 12GB ก็จะได้มากสุดที่ 15GB แต่ในรุ่นนี้จะไม่สามารถเลือกขนาดส่วนขยายของ RAM ได้ครับ จะอยู่ที่พื้นฐานคือ 3GB อย่างเดียว
ผลคะแนนการทดสอบประสิทธิภาพโดยรวมบน AnTuTu v9.3.7 อยู่ที่ 943,624 คะแนน
Magnetic Pop-Up Triggers ปุ่มเสริมที่เกมเมอร์ต้องหลงรัก
แน่นอนว่าด้วยความที่เป็นสมาร์ทโฟนเพื่อเกมเมอร์ต้องมีปุ่มเสริมที่ช่วยให้เราเล่นเกมได้สะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะกับเกมแนว FPS ครับ ซึ่ง POCO F4 GT ก็มีปุ่มเสริมมาให้เป็นแบบ L1 / R1 ซึ่งความพิเศษเราสามารถเลือกเปิดหรือปิดปุ่มนี้ได้เองเผื่อเวลาที่ไม่ได้ใช้งาน เพียงแค่เลื่อนปุ่มที่อยู่ข้างๆ กันเท่านั้น (ถ้าเปิดอยู่จะมีจุดสีแดงปรากฏออกมา)
การใช้งานปุ่มนี้ก็ง่ายมากครับ เมื่อเราเข้าเกมไปแล้ว ให้ปัดขวจากาทางมุมซ้ายบนของหน้าจอเพื่อดูแถบ Game Turbo จากนั้นให้กด “ปุ่ม LR” จากนั้นก็ขยับได้เลยว่าจะให้แต่ละปุ่มกดเพื่อควบคุมอะไร เช่น เลื่อน L/R ไปปุ่มยิงในเกม PUBG Mobile เป็นต้น
ใครที่กลัวว่าปุ่มนี้จะทนหรือไม่ ก็บอกเลยว่าหายห่วงไปเลย เพราะปุ่มนี้รองรับการกดได้ถึง 1.5 ล้านครั้งได้อย่างสบายๆ เลยทีเดียว
ที่สำคัญ Magnetic Pop-Up Triggers ยังใช้งานในสถานการณ์อื่นได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเอาไว้ใช้เปิดกล้อง, อัดเสียง, เปิดไฟฉาย หรืออื่นๆ ได้เลยครับ โดยสามารถตั้งค่าได้ที่ การตั้งค่า > คุณลักษณะพิเศษ > ปุ่มแบบป๊อปอัพ
Game Turbo เพิ่มความแรงก่อนการเล่นเกม
ฟีเจอร์ Game Turbo เป็นฟีเจอร์ที่ติดตั้งมากับเครื่องอยู่แล้วครับ โดยนอกจากจะรวมเกมทั้งหมดไว้ในที่เดียวให้เราแล้ว ยังเปิดให้เพิ่มประสิทธิภาพขณะเล่นเกมได้ รวมถึงการปิดกั้นการแจ้งเตือนต่างๆ, เพิ่มความเสถียรของเครือข่าย Wi-Fi และความไหลลื่นของการสัมผัสให้ตรงแบบเรียลไทม์มากขึ้น
ไฟ RGB ที่เกมเมอร์ต้องมี
เมื่อเป็นสมาร์ทโฟนเมอมมิ่ง สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือไฟ RGB ที่ POCO F4 GT ซ่อนอยู่ที่โมดูลกล้องครับ โดยจะมีการแสดงเมื่อเราใช้งาน Game Turbo ตอนเข้าเล่นเกม, เมื่อมีการแจ้งเตือนของแอปพลิเคชั่นต่างๆ หรือการโทรเข้าครับ ซึ่งในการใช้งานแต่ละแบบเราสามารถตั้งค่าสีของไฟ RGB ให้ต่างกันได้ตามใจชอบเลย
ทดสอบการเล่นเกม
ROV
มาเริ่มกันที่เกมเบสิกกันก่อนเลย โดย ROV เราสามารถเปิดทุกอย่างได้สูงสุดทั้งหมดครับ ซึ่งการเล่นภายในเกมแบบ 5 VS 5 กลับได้เฟรมเรทที่นิ่งๆ ค้างอยู่ที่ 59fps ซึ่งยังไม่เห็นว่าขยับไปถึง 60fps ครับ (น่าจะมีการอัปเดทแก้ไขเพิ่มเติม) แต่การเล่น เอฟเฟ็กต์ต่างๆ ไม่มีอะไรติดขัดเลยครับ
PUBG Mobile
ส่วน PUBG Mobile เปิดกราฟิกได้แบบ Ultra HD + เฟรมเรท Ultra โดยเล่นในโหมดปกติและแผนที่ใหญ่ก็ทำได้ดี เฟรมเรทเรทนิ่ง ปุ่มการกดหรือการเคลื่อนไหวต่างๆ ทำได้ติดนิ้วและไม่มีการกระตุกกวนใจให้เห็นเลยครับ แล้วยิ่งได้ปุ่ม Magnetic Pop-Up Triggers เข้ามาเสริมก็ยิ่งเล่นได้สนุกมากขึ้นไปอีก
Genshin Impact
ส่วนเกมกราฟิกหนักอย่าง Genshin Impact เราได้เปิดภาพสูงสุดและเฟรมเรท 60fps บอกเลยว่า POCO F4 GT เป็นหนึ่งใน Android ไม่กี่รุ่นที่เล่นได้แบบไหลลื่นเลย แล้วเวลาเคลื่อนไหวหน้าจอไปมา ภาพก็ไม่เป็นคลื่นด้วย แถมเครื่องก็ไม่ได้ร้อนเกินไป
แบตใหญ่พร้อมชาร์จ 120W HyperCharge ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เต็ม 100% !!
POCO F4 GT ให้แบตเตอรี่มาที่ความจุ 4700mAh แบบ Dual-Cell หรือแบ่งเป็น 2 ก้อนเพื่อให้ระหว่างการชาร์จมีความปลอดภัยมากขึ้น ทั้งนี้ ความจุแบตเตอรี่ที่ให้มาก็ถือว่าเพียงพอกับการใช้งานทั่วไปครับ แต่หากเล่นเกมไปด้วยใช้งานกล้องไปด้วยต้องได้ชาร์จกันระหว่างวันบ้าง
การทดสอบการชาร์จแบบ 120W HyperCharge ที่เราใช้จริง จาก 2% – 58% ใช้เวลาเพียง 12 นาที และเต็ม 100% ในเวลารวมเพียง 25 นาทีเท่านั้นครับ (ระหว่างที่ชาร์จมีการโหลดแอปพลิเคชั่นต่างๆ ในพื้นหลังไปด้วย) หรือหากใครที่อยากชาร์จไปเล่นเกมไปก็ทำได้เหมือนกันครับ
ทั้งนี้ ความร้อนตัวเครื่องระหว่างการชาร์จถือว่าปกติสำหรับรุ่นที่ชาร์จเร็วครับ ไม่ได้ร้อนอะไรมากมาย รวมถึงการมีเทคโนโลยี AdaptiveCharge ที่ช่วยลดการใช้แบตเตอรี่ระหว่าง 80-100% ในระหว่างช่วงเวลากลางคืนได้
กล้องถ่ายรูป
มาลองดูในส่วนของกล้องกันบ้างครับ ที่แม้ว่า POCO F4 GT จะเป็นเกมมิ่งโฟนแต่ก็ไม่ได้ทิ้งเรื่องกล้อง เพราะยังจัดเต็มด้วยความคมชัดสูงสุด 64 ล้านพิกเซล พร้อมด้วยเลนส์ Ultra-Wide และ Macro ครบถ้วน
เลนส์หลัก 64MP พร้อม AI และรองรับ HDR
เลนส์หลักของ POCO F4 GT ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX686 พร้อมความคมชัดสูงสุด 64 ล้านพิกเซล ซึ่งจะมีโหมดถ่ายความละเอียดสูงอยู่เพื่อให้เราได้ใช้งานกันแบบออฟไลน์หรือต่อยอดอื่นๆ ครับ ส่วนโหมดปกติถือว่าทำได้ดีในฐานะที่เป็นรุ่นเรือธงและได้ชิประดับท็อปมาครับ สีสันมีการปรับให้อิ่มสีมากขึ้น จุดมืดจะมีความสว่างกว่าเดิม และถ่ายในสภาวะย้อนแสงก็ทำได้ดีด้วยครับ
Ultra-Wide Angle มุมกว้าง 120 องศา
POCO F4 GT ให้เลนส์ Ultra-Wide Angle มาที่ 8 ล้านพิกเซล แต่การใช้งานจริงจัดว่าถ่ายได้สวยงามมากครับ สีสันมีความสดและคมชัดเลยทีเดียว ทั้งนี้ มุมที่เราจะได้ในเลนส์นี้อยู่ที่ 120 องศา ซึ่งกว้างพอให้ถ่ายได้มุกอย่างครบองค์ประกอบแล้วครับ
เลนส์หลัก / เลนส์ Ultra-Wide Angle
Portrait เบลอหลังได้ดี ปรับบิวตี้ได้ด้วย
ในกล้องหลังสามารถถ่าย Portrait ได้ดีเลยครับ สามารถปรับความบิวตี้ได้ 100 ระดับ รวมถึงการปรับค่ารูรับแสงได้ตามใจชอบอีกด้วย ซึ่งสีสันจะเน้นความสดพอสมควรครับ อาจทำให้สีผิวออกส้มไปนิดหน่อย แต่ก็สามารถนำมาปรับแต่งได้ในภายหลังครับ
ทั้งนี้ก็ยังมีเอฟเฟ็กต์ภาพยนตร์ในโหมดนี้ให้เราได้ใช้งานกันด้วย โดยจะมีให้เลือกเพียบ ได้แก่ นีออน, แฟนธ่อม, คิดถึง, รุ้ง, เสื่อมสลาย, บีม, ปนเป, สีแดง และดินแดนแห่งความฝัน
กลางคืนถ่ายได้คมชัดสมเป็นเรือธง
หนึ่งในฟีเจอร์ที่ค่อนข้างท้าทายในสมาร์ทโฟนเรือธงคงไม่พ้นเรื่องการถ่ายภาพกลางคืนเลยครับ ใน POCO F4 GT ก็ทำได้สมกับการจัดสเปคมาเต็มมากๆ ถ่ายภาพกลางคืนรองรับทั้งเลนส์หลักและ Ultra-Wide Angle ซึ่งความสว่างในสถาวะแสงน้อยทำได้ดีมาก ได้ความคมชัดของวัตถุที่เราถ่ายอยู่ รวมถึงสีสันที่ยังคงความสดใสและความอิ่มสีไว้ได้ดีครับ แถมแสงที่ลอดออกมาในตอนกลางคืนก็ไม่ได้ฟุ้งเลยครับ
Macro ถ่ายระยะใกล้ได้ 4 ซม.
กล้องหลังเลนส์สุดท้ายจะเป็นเลนส์ Macro ที่ถ่ายภาพในระยะใกล้ๆ ได้ครับ โดยหากถ่ายในที่ที่มีแสงเยอะ ภาพที่ได้จะมีความสดใสมากๆ สีสดสุดๆ ครับ แต่ถ้าถ่ายในที่แสงน้อยก็อาจเกิด Noise ได้เยอะพอสมควรครับ
กล้องหน้าเซลฟี่ได้ธรรมชาติ ปรับแต่งไม่เวอร์เกินไป
สำหรับกล้องหน้าของ POCO F4 GT ทำได้อย่างเป็นธรรมชาติอยู่แม้ว่าเราจะปรับความบิวตี้ไปถึง 100 ระดับเหมือนกล้องหลังครับ ใบหน้าผู้ชายไม่ได้โดนลดทอนไปจนไม่เหลือเคร้าโครงครับ ซึ่งถือว่าจุดนี้ AI ทำได้ดีเลยทีเดียว
สรุปการใช้งาน
จากที่ได้ใช้งาน POCO F4 GT บอกได้คำเดียวว่าเป็นรุ่นที่ “คุ้มค่ามากๆ” การใช้งานทั่วไปหรือจะเล่นเกมหนักๆ ก็ทำได้ทั้งหมดกับราคาที่เอื้อมถึงได้แน่นอนครับ ไม่ว่าจะเป็นชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 1 ที่แรงสุดใน Android ตอนนี้ รวมถึงได้จอ 120Hz แบบ AMOLED, แบตใหญ่ ชาร์จเร็ว 120W HyperCharge ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ชาร์จเต็มแล้ว แถมเรื่องกล้องที่ทำได้ยอดเยี่ยมเลยทีเดียวครับ แต่จริงๆ ก็พอมีจุดสังเกตเล็กน้อยในเรื่องความร้อนที่หากเครื่องทำงานมากเกินไปก็อาจหยุดการทำงานลงเองโดยอัตโนมัติได้เลย ซึ่งเราเจอตอนที่ทดสอบ AnTuTu ที่ต้องดันประสิทธิภาพการทำงานเครื่องทั้งหมดครับ (แต่ตอนเล่นเกมต่างๆ ไม่เจอปัญหาเรื่องความร้อนนะ)
ราคาและวันวางจำหน่าย
POCO F4 GT รุ่นความจุ 12GB+256GB สนนอยู่ที่ 20,990 บาท เริ่มพรีออเดอร์ได้ตั้งแต่วันนี้ – 16 พฤษภาคมนี้ โดยผู้ที่ซื้อในช่วงพรีออเดอร์จะได้เป็นเจ้าของในราคาพิเศษเหลือเพียง 18,990 บาท พร้อมเลือกรับชุดของสมนาคุณตามที่กำหนดมูลค่ารวมสูงสุด 15,989 บาท!