รีวิว POCO F6 เรือกลางตัวคุ้มที่สุดจาก POCO ในปีนี้มาแล้วครับ! หลังจากที่เราได้แกะกล่องตรงจากดูไบไปเมื่อคราวก่อน วันนี้ก็ถึงคิวรีวิวฉบับเต็มแล้วครับ โดยหลังจากลองใช้งานมากว่าสัปดาห์ต้องบอกเลยว่าชิป Snapdragon 8s Gen 3 ใหม่นั้นทำให้เราประทับใจอย่างมาก แต่แค่ความแรงนั้นไม่ใช่จุดเดียวของรุ่นนี้หรอก เพราะยังมีดีไซน์ที่โดดเด่น ซอฟต์แวร์ที่ชวนใช้งาน และกล้องที่ใช้งานได้ครบเครื่องเอามาก ๆ ใครกำลังหามือถือคุ้ม ๆ ในราคาแค่หมื่นกลาง ๆ อยู่ บอกตรงนี้เลยว่าไม่ควรพลาดครับ!
สรุปสเปค POCO F6
- ขนาดตัวเครื่อง : 160.5 x 74.5 x 8 มม.
- น้ำหนัก : 179 กรัม
- หน้าจอ : CrystalRes DotDisplay Flow AMOLED ขนาด 6.67″
- ความละเอียด : 1.5K (2712 x 1220 พิกเซล) ความสว่างสูงสุด 2400nits
- Refresh rate : 120Hz
- CPU : Snapdragon 8s Gen 3 Octa-Core 3.0GHz (4nm)
- GPU : Adreno 735
- RAM : 8GB/12GB (LPDDR5X)
- ROM : 256GB/512GB (UFS 4.0)
- แบตเตอรี่ : 5000mAh
- ระบบชาร์จ : ชาร์จไวเร็ว 90W Turbo Charge
- กล้องหน้า : 20MP f/2.2
- กล้องหลัง : 2 ตัว
- 50MP กล้องหลัก f/1.59 พร้อม OIS
- 8MP กล้อง Ultra Wide f/2.2
- การเชื่อมต่อ : 5G, WiFi 6, Bluetooth 5.4, NFC, IR Blaster และพอร์ต USB-C
- ระบบรักษาความปลอดภัย : In-screen fingerprint Unlock, AI Face Unlock
- มาตรฐานกันน้ำ : IP64
- ระบบปฏิบัติการ : Android 14 (Xiaomi HyperOS)
- สีสัน : Classic Black, Everland Green และ Titanium Glow
ดีไซน์พรีเมี่ยม สี Titanium Glow สุดเท่!
ขอเริ่มกันที่ดีไซน์ก่อนเลย POCO F6 มาพร้อมดีไซน์ที่พรีเมี่ยมเอามาก ๆ ด้วยฝาหลังโค้ง 4 ด้านที่ช่วยให้จับถนัดมือ พร้อมกรอบเครื่องเหลี่ยมที่ให้พื้นที่ในการจับถือได้อย่างเต็มไม้เต็มมือ ผิวสัมผัสจะเป็นแบบด้านมี Texture แบบทรายช่วยให้เวลาจับถือไม่เรียบและลื่นจนเกินไปดูมีลูกเล่น
ส่วนสีสันก็เรียกว่าโดดเด่นด้วยสีใหม่ Titanium Glow ที่มีความสวยงามเพราะได้แรงบันดาลใจจากวัสดุไทเทเนียมจริง ๆ ที่สื่อถึงความแข็งแกร่งและความบริสุทธิ์ จะออกโทนทองหรือถ้าโดนแสงแรง ๆ ก็จะเป็นสีเงินที่หรูหราเอามาก ๆ ครับ
ที่โมดูลกล้องจะวางแยกเป็น 2 วงแหวนคู่กับไฟแฟลชอีก 1 วง ได้อารมณ์ดวงตาคู่ยักษ์ที่เตรียมจับภาพสวย ๆ ให้เราได้เป็นอย่างดี ซึ่งกล้องหลักของรุ่นนี้ก็จะได้มาที่ 50MP พร้อม OIS ดั่งที่ระบุไว้ที่มุมขวาเลยครับ
น้ำหนักเบาแค่ 179 กรัม บางเพียง 7.8 มม.
กรอบเครื่อง POCO F6 มาพร้อมกรอบเหลี่ยมผิวด้านสวยลงตัวอย่างที่บอกไป ซึ่งตัวเลขความบางของกรอบเครื่องก็จะอยู่ที่ 7.8 มม.เท่านั้น เรียกว่าบางเฉียบเอามาก ๆ
แต่เท่านั้นยังไม่พอเพราะน้ำหนักของตัวเครื่องก็เบาแค่ 179 กรัมเท่านั้น เรียกว่าหาได้ยากกับตัวเลขระดับนี้บนสมาร์ทโฟนที่เน้นความแรงและงานดีไซน์ที่พรีเมี่ยมขนาดนี้ครับ
หน้าจอ Flow AMOLED 1.5K สวยชัด
พลิกกลับมาดูที่หน้าจอกันบ้าง POCO F6 มาพร้อมหน้าจอ CrystalRes DotDisplay Flow AMOLED ขนาด 6.67″ ความละเอียด 1.5K (2712×1220 พิกเซล) Refresh rate 120Hz แบบจอแบนน่าจะถูกใจคนที่ไม่ชอบหน้าจอโค้ง ขอบหน้าจอก็เบางชิดขอบดีมาก ๆ อีกด้วยครับ
ในเรื่องการแสดงผลที่มีความละเอียดระดับนี้ ก็สวยคมมาก ๆ สำหรับการดูคอนเทนต์ เพราะด้วยความละเอียดที่มากกว่า FHD+ มาอีกหน่อย และยังเป็นจอตรงขอบจอชิดระดับนี้ เวลาเราดูคอนเทนต์แบบเต็มจอก็ได้พื้นที่การแสดงผลที่ส่งตรงมาถึงเราแบบครบถ้วนจริง ๆ
ส่วนเรื่องความสว่างสูงสุดรุ่นนี้ได้มากถึง 2400nits ใช้งานกลางแจ้งได้สบาย เท่าที่ลองใช้งานมาทั้งในดูไบและกลับมาที่ไทยก็ไม่พบปัญหาเรื่องความสว่างเวลาใช้งานกลางแจ้งเลยครับ
ลำโพงคู่ Stereo เสียงชัด
รอบ ๆ ตัวเครื่องอีกหน่อยเนาะด้านล่างของตัวเครื่องจะมีพอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB-C พร้อมกับช่องใส่ซิม, ไมโครโฟน และลำโพงหลักของตัวเครื่อง เป็นตำแหน่งมาตรฐานที่เวลาเราถือใช้งานแนวนอนแล้วก็ไม่เอามือไปบังเอาง่าย ๆ แน่นอน
ส่วนด้านบนจะมีลำโพงอยู่อีกชุดเพื่อใช้งานร่วมกับลำโพงด้านล่างเป็นลำโพงคู่ Stereo กระจายเสียงออกมา 2 ทิศทางได้ และคุณภาพที่ได้ก็ถือว่าไม่ธรรมดา ชัด และดังเอาเรื่องเลยล่ะครับ
มาตรฐานความปลอดภัยครบ
นอกจากภายนอกจะสวยแล้ว POCO F6 ยังได้ความทนทานที่ยอดเยี่ยม ด้วยมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP64 อีกด้วย สามารถกันละอองน้ำหรือน้ำกระเด็นมาใส่ได้สบาย ยิ่งช่วงนี้ที่มีฝนตกมาบ่อย ๆ การที่มีมาตรฐานแบบนี้ไว้ก็อุ่นใจได้เยอะเลย ว่าไหมล่ะครับ
บนหน้าจอของ POCO F6 ยังมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ใช้งานด้วย รวมถึงบนหน้าจอก็ยังมีฟีเจอร์ปลดล็อคด้วยใบหน้าด้วย AI มาให้ใช้งานอีกต่างหาก ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานได้อีกครับ
โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ POCO F6 ก็ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยม เพราะทั้งพรีเมี่ยมจากรูปลักษณ์และสีไทเทเนียมที่ใช้แล้ว ยังมีเรื่องขนาดที่กะทัดรัดจับถือได้อย่างสบายมือ น้ำหนักที่เบา แต่ไม่รู้สึกเปราะบางเลย เป็นขนาดที่ลงตัว ใครที่ชอบใช้งานมือถือแบบไม่ใส่เคสน่าจะถูกใจไม่น้อยเลยล่ะครับ
สเปคแรงจัดด้วยชิป Snapdragon 8s Gen 3
มาต่อที่เรื่องสเปค POCO F6 นั้นมาพร้อมชิปเซ็ตรุ่นล่าสุดอย่าง Snapdragon 8s Gen 3 ซึ่งเป็นชิปตัวแรงใหม่ที่ปรับลดสเปคลงจาก Snapdragon 8 Gen 3 อีกหน่อยเหลือ 3.0GHz จาก 3.4GHz แต่ยังได้สถาปัตยกรรม Core หลักแบบ Cortex-X4 เหมือนกัน และ GPU ที่ลดลงมาเป็น Adreno 735 แทน แต่ทั้งหมดที่ว่ามานี้ยังคงให้ประสิทธิภาพระดับเรือธงอยู่ดีครับ!
ซึ่งผลทดสอบของ POCO F6 ที่เราทดสอบได้จาก AnTuTu Benckmark ก็ได้คะแนนสูงถึง 1437722 คะแนน เรียกว่าแรงระดับเรือธงจริง ๆ ประสิทธิภาพไม่ธรรมดาล่ะครับคะแนนเท่านี้!
หรือจะเป็นคะแนนจาก Geekbench 6 ก็ทำได้ไม่เลวได้ Single-Core ไปที่ 1936 คะแนนและ Multi-Core ที่ 4806 คะแนนเลยทีเดียว แรงเหลือ ๆ ล่ะครับชิปตัวนี้
หน่วยความจำระดับสูงสุด
แต่แค่ชิประดับเรือธงยังไม่พอเพราะ POCO F6 ยังมาพร้อมกับหน่วยความจำระดับสูงเทียบเท่ารุ่นเรือธงทั้ง RAM แบบ LPDDR5X สูงสุด 12GB และ Storage แบบ UFS 4.0 สูงสุด 512GB เลยด้วย เรียกว่าให้มาแบบไม่มีกั๊กเลยจริง ๆ เท่าที่เราใช้งานจริงก็ต้องบอกเลยว่าทุกอย่างลื่นไหล ไม่เจออาการกระตุก โหลดไฟล์เร็ว เปิดไฟล์ใหญ่ ๆ ก็ราบรื่นซะไม่มี
เล่นเกมสะใจ ถูกใจเกมเมอร์
แน่นอนว่าสเปคที่ให้มานี้จัดเต็มถูกใจสายเกมอย่างแน่นอน ทั้งคะแนนที่โหดจัด ๆ ในกลุ่มราคาหมื่นกลาง ๆ แบบนี้ แต่เท่านั้นยังไม่พอเพราะ POCO F6 ยังมีเทคโนโลยี LiquidCool 4.0 ระบบระบายความร้อนใหม่พร้อมฟีเจอร์ WildBoost Optimization 3.0 ที่ช่วยจัดการการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้นไปอีกด้วย ไหน ๆ ก็ได้มาลองแล้ว ขอเล่นเกมฟอร์มยักษ์อย่าง PUBG Mobile, Asphalt 9 และ Call of Duty Warzone สักหน่อยละกันเนาะ
เล่น PUBG Mobile บน POCO F6
เริ่มที่เกมยิงสุดฮิตอย่าง PUBG บน POCO F6 นั้นเราสามารถปรับเลือกเฟรมเรตได้สูงถึง 120fps แล้วนะ! ถือเป็นรุ่นแรก ๆ ของฝั่ง Android เลย แต่ตรงนี้ต้องปรับคู่กับกราฟิกระดับ Smooth เท่านั้น ซึ่งเท่าที่เราลองเล่นดูก็บอกเลยว่า ลื่นสุดใจ ทั้งเฟรมเรตขณะปะทะกัน หรือความลื่นไหลในการควบคุม เอาอยู่มาก ๆ สาย PUBG ไม่มีผิดหวังแน่นอนครับ
เล่น Asphalt 9 บน POCO F6
ต่อมากับ Asphalt 9 เกมแข่งรถภาพสวยที่ปรับได้สูงสุด 60fps คู่กับกราฟิก High Quality เช่นเดียวกับเรือธงรุ่นอื่น ๆ ภาพกราฟิกสวยอลังการมากบนหน้าจอความละเอียดสูง 1.5K เอฟเฟกต์ต่าง ๆ เวลาเราเล่นทำได้สมจริง และไม่มีอาการกระตุกใด ๆ แม้เกมจะเร็วแค่ไหนก็ตาม
เล่น Call of Duty Warzone บน POCO F6
ปิดท้ายที่เกม Call of Duty Warzone เกมยิงใหม่ที่จัดเต็มด้านกราฟิกอย่างมาก แน่นอนว่า POCO F6 ที่ใช้ชิป Snapdragon 8s Gen 3 ก็ยังสบายครับ ปรับกราฟิกได้ที่ High และเฟรมเรตเลือกแบบไม่จำกัดได้เลย ซึ่งเป็นค่าสูงสุดของสมาร์ทโฟน Android ในตอนนี้แล้ว เท่าที่เล่นจริงจังก็บอกเลยว่าทำได้น่าประทับใจจริง ๆ ครับ ภาพสวยในระดับ High ส่วนความลื่นไหลทำได้ดีเลย แม้จะเล่นโหมด Mosh Pit ติดกันหลายตารวม ๆ กว่า 30 นาทีก็ยังไม่เจออาการกระตุกแรง ๆ จนเล่นไม่ได้ให้เห็นเลยครับ
แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ในตัวเครื่องบางเฉียบ
POCO F6 มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5000mAh ใช่แล้วครับ เยอะขนาดนี้แต่ตัวเครื่องบางแค่ 7.8 มม.เท่านั้น แถมไม่หนักด้วย ในการใช้งานจริงก็ต้องบอกว่าแบตเตอรี่ทำได้น่าประทับใจเลยครับ จะเล่นเกมแบบจริงจังเป็นชม.ติดต่อกัน หรือจะดูคอนเทนต์ โซเชี่ยลแบบหนักหน่อยก็เอาอยู่ตลอดทั้งวันครับ แทบไม่ต้องเป็นห่วงเลยล่ะครับ
ชาร์จเร็ว 90W Turbo Charging
แน่นอนว่าถ้าใช้แบบจัดหนักจริงยังไงก็ต้องหมดเนาะ แต่ถ้าหมดจริง ๆ POCO F6 ก็ยังมีระบบชาร์จเร็วถึง 90W Turbo Charging อยู่ด้วย แถมยังมีที่ชาร์จแถมมาในกล่อง เท่ากับว่าเราสามารถชาร์จแบตฯขนาดใหญ่ถึง 5000mAh นี้เต็มได้ในเวลาแค่ 35 นาทีเท่านั้น เร็วขนาดนี้แต่เขาก็ให้ความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยด้วยชิปการชาร์จ Surge P2 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการชาร์จและลดการสูญเสียพลังงานได้ดีขึ้นอีกด้วย
โดยรวมในเรื่องประสิทธิภาพต้องบอกเลยว่า POCO F6 นั้นออกมาเพื่อเป็นเรือธงในราคาระดับกลางอย่างแท้จริง จัดเต็มทั้งด้านการเล่นเกม แบตเตอรี่ หรือการชาร์จเร็วมาครบ แบบที่ไม่มีกั๊กเลย สมเป็นเรือกลางสุดคุ้มที่ใช้สโลแกน Shaped by Speed อย่างแท้จริงเลยครับ!
กล้องหลังคู่ที่ใช้งานได้ครอบคลุมกว่าที่คิด!
มาต่อในเรื่องกล้อง ถึงแม้ POCO F6 จะวางตัวมาเป็นสมาร์ทโฟนสายแรงที่เน้นเกมมิ่งหรือการทำงานที่ทรงพลัง แต่ในเรื่องกล้องรุ่นนี้ก็ไม่ได้ทิ้งเลย ได้กล้องหลัง 2 ตัวที่สเปคดีงามเพียงพอต่อการใช้งานหลาย ๆ ด้านดังนี้
- 50MP กล้องหลัก (เซ็นเซอร์ IMX882) f/1.59 พร้อม OIS
- 8MP กล้อง Ultra Wide f/2.2
อะ…เห็นกล้องหลังมาแค่ 2 ตัวแบบนี้ เชื่อว่าหลายคนคงกังวลเรื่องการซูมเข้าไปสักหน่อยว่าจะไม่ได้เลยเหรอ ไม่ครับ! ด้วยเซ็นเซอร์กล้องหลักขนาดใหญ่ของ POCO F6 ดีพอที่จะให้เราได้ถ่ายในระยะ 2x ได้แบบไม่เสียรายละเอียดหรือจะซูมเข้าไปสัก 3x ในแสงสว่างเพียงพอก็ยังไหว ทำให้เราถ่ายภาพได้สนุกพอและครอบคลุมเพียงพอจริง ๆ ครับ
ซึ่งผลลัพธ์ก็ทำได้ประทับใจเลยครับ โทนสีจะมีความใสเคลียร์ เก็บ Dynamic Range ได้ครบถ้วน และความคล่องตัวของกล้องที่ให้เราได้เขยิบซูมไปได้อีกหน่อย ก็ทำให้ได้ภาพครบในหลากหลายสถานการณ์ การจับภาพทำได้รวดเร็วและไว้ใจได้
กล้อง Ultra Wide มุมกว้างถูกใจ
ส่วนกล้อง Ultra Wide ของ POCO F6 จะมีความละเอียดมาที่ 8MP ซึ่งคุณภาพก็ถือว่าโอเค และเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปแบบไม่ต้องปรับแต่งเพิ่มเติมแล้ว ความกว้างก็ช่วยเพิ่มมุมมองได้กว้างจากกล้องหลักอีกพอสมควร แต่โทนสีที่ได้ยังใกล้เคียงกัน อันนี้ถือว่าทำได้ดีครับ
Portrait โทนกลาง ๆ แต่ใช้งานได้ดี
โหมด Portrait หรือโหมดถ่ายคนของ POCO F6 โทนที่ได้จะออกมากลาง ๆ มีลูกเล่นเพิ่มหน้าเนียนให้ปรับ ปรับละลายหลังได้หลายระดับ รวมถึงฟิลเตอร์ที่มีให้เลือกปรับตามสไตล์ของเราด้วย รวม ๆ แล้วถือว่าใช้งานได้ดีในโหมดนี้ แต่น่าเสียดายตรงไม่มีระยะอื่นนอกจาก 1x ให้ใช้ ทำให้มิติของภาพอาจจะไม่หลากหลายเท่าไหร่เนาะ
เซลฟี่ดีด้วยกล้องหน้า 20MP เหมือนกัน
และที่กล้องหน้า POCO F6 ได้กล้องหน้า 20MP มุมมองกว้างเอาเรื่องเลย สามารถเซลฟี่ได้แบบเก็บฉากหลังได้ด้วย หรือจะเลือกเปิดโหมด Portrait เพื่อละลายฉากหลังที่รก ๆ ออกไปก็ได้ ทำได้เนียนตา ความ Beauty ของใบหน้าก็เลือกเพิ่มเติมได้เช่นกันครับ
วิดีโอได้สูงสุดที่ 4K/60fps นะจ๊ะ
ปิดท้ายเรื่องกล้องด้วยความละเอียดของวิดีโอที่ถ่ายได้สูงสุด POCO F6 สามารถถ่ายกล้องหลังได้สูงสุด 4K/60fps บนกล้องหลัก แต่ถ้าปรับไปเป็นกล้อง Ultra Wide จะได้แค่ 1080/30fps เนื่องจากข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ ส่วนกล้องหน้าก็ได้สูงสุดที่ 1080/60fps แทนครับผม
โดยรวมในเรื่องคุณภาพกล้องของ POCO F6 ก็ถือว่าทำได้ดีเกินคาดอยู่ไม่น้อย เพราะด้วยสเปคหลักของรุ่นนี้ที่เน้นไปด้านความแรงอย่างที่บอก แต่พอได้ลองกล้องจริง ๆ ก็ให้ภาพที่สวยงาม และใช้งานในหลายสถานการณ์แบบไม่ต้องปรับแต่งเพิ่มเติมให้วุ่นวาย ซอฟต์แวร์เก่ง จับภาพเร็ว เก็บ Dynamic Range ได้ดี แม้จะเจอความฟุ้ง ๆ บ้างในบางจังหวะ แต่รวม ๆ แล้วยังเป็นกล้องที่ถ่ายได้สนุกและไว้ใจได้ไม่น้อยเลยล่ะครับ
ใช้ Xiaomi HyperOS เวอร์ชั่นล่าสุด!
POCO F6 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 14 ที่ครอบทับมาด้วย HyperOS ล่าสุดของทาง Xiaomi เลย ทั้งความลื่นไหลและลูกเล่นยังมีให้ครบและฟีเจอร์อัจฉริยะมากมาย อาทิ Smart AOD, Smart rotating screen หรือจะเป็น AI Air Gestures ก็มีมาให้ใช้เป็นครั้งแรกของสมาร์ทโฟน POCO อีกด้วย
นอกจากนี้การปรับแต่งภาพที่พึ่ง AIGC บน POCO F6 ก็มีมาให้ใช้ครบ จะลบวัตถุ ลบคน ลบเงาสะท้อน หรือขยายภาพเพิ่มเติมด้วย AI จัดให้ได้หมด ใช้งานผ่านแอป Gallery เลย ไม่ต้องโหลดแอปอื่นมาเพิ่มให้วุ่นวายด้วยครับ
ราคาและโปรโมชั่น POCO F6
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดก็ราคาแหละครับ POCO F6 วางจำหน่ายในบ้านเรา 2 รุ่นความจุคือ 8GB+256GB และ 12GB+512GB (รุ่นที่เรารีวิว) โดยมีราคาดังนี้
- รุ่น 8GB+256GB ราคา 12,990 บาท
- รุ่น 12GB+512GB ราคา 14,990 บาท
โดยเริ่มจะวางจำหน่ายที่ Lazada และ mi.com/th แล้ว พร้อมโปรโมชั่นพิเศษเมื่อซื้อระหว่างวันที่ 23 – 31 พฤษภาคม 2567 จะได้ราคาพิเศษ 11,990 บาท (รุ่น 8GB+256GB) และ 13,490 บาท (รุ่น 12GB+512GB) ไปเลยครับผม
สรุปแล้ว “นี่คือสมาร์ทโฟนเร็ว แรง ไม่เกรงใจใครที่สุดในงบไม่ถึง 15,000 บาท”
สรุปแล้ว POCO F6 ก็ถือเป็นสมาร์ทโฟนเรือกลางสุดคุ้มที่ทั้ง เร็ว แรง ไม่เกรงใจใครที่ดีที่สุดในงบไม่ถึง 15,000 บาท ณ เวลานี้เลยก็ว่าได้ครับ เพราะทั้งสเปคที่ให้มาครบตั้งแต่ชิปเซ็ต Snapdragon 8s Gen 3 หน่วยความจำ LPDDR5X+UFS 4.0 แบตเตอรี่ความจุเยอะ 5000mAh พร้อมชาร์จเร็ว 90W Turbo Charging หน้าจอ CrystalRes ความละเอียด 1.5K เรียกว่าให้มาเกินงบมาก ๆ แล้ว แต่ POCO ยังใจได้ให้ดีไซน์พรีเมี่ยมที่มีสีไทเทเนียมใหม่ หรือจะเป็นกล้องหลังคู่ 50MP มาเสริมความน่าสนใจเข้าไปอีก ขนาดนี้แต่ราคาหมื่นกลาง ๆ ไม่เรียกว่า “คุ้ม” ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วล่ะครับ!
