Smart Review
รีวิว ProArt Studiobook 16 OLED (Core i9 + RTX 3070 Ti) Creator แล็ปท็อปเรือธง ตอบโจทย์ทุกงานคอนเทนต์ด้วยสเปคขั้นสุด และตัวช่วยเหนือใคร
รีวิว ASUS ProArt Studiobook 16 OLED แล็ปท็อปสาย Creator รุ่นใหม่ โมเดล H7600ZW ที่มาพร้อมสเปคจัดเต็มขั้นสุดทั้งหน้าจอ 4K OLED 16″ | ขุมพลัง Intel Core i9-12900H | การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3070 Ti | RAM 16GB | SSD 1TB พร้อมกันนี้ยังมีปุ่มที่เพิ่มความสะดวกในการทำงานไปอีกขั้นด้วย ASUS Dial อีกต่างหาก เรียกว่าออกแบบมาเฉพาะสาย Creator อย่างแท้จริงเลยล่ะครับ!
ใครอยากได้แล็ปท็อปสำหรับงานระดับสูงแบบเครื่องเดียวจบอยู่ ASUS ProArt Studiobook 16 OLED รุ่นนี้บอกเลยว่าไม่ผิดหวังครับ พร้อมแล้วก็มาติดตามรีวิวไปพร้อม ๆ กันเลยครับ
สรุปสเปค ASUS ProArt StudioBook 16 OLED (H7600ZW)
- ขนาดตัวเครื่อง: 36.20 x 26.40 x 2.14 ซม.
- น้ำหนัก: 2.4 กก.
- หน้าจอ: OLED HDR 16″ ความละเอียด 4K (3840 x 2400) พิกเซล อัตราส่วน 16:10, DCI-P3 100% PANTONE Validated
- หน่วยประมวลผล: Intel Core i9-12900H
- กราฟิก: Nvidia GeForce RTX3070 Ti
- RAM: 32GB (LPDDR5)
- SSD: 1TB NVMe PCIe 4.0
- แบตเตอรี่: 90Wh
- กล้อง: Webcam 720P HD
- ระบบเสียง : Harman/Kardon
- พอร์ตการเชื่อมต่อ
- USB-A 3.2 Gen2 x 2
- USB-C 3.2 Gen2 x 1
- Thunderbolt 4 x 1 (รองรับการเชื่อมต่อข้อมูล, ชาร์จไฟ และ DisplayPort)
- HDMI 2.1 x 1
- พอร์ตหูฟังและไมโครโฟนขนาด 3.5 มม. แจ็ค 2-in-1 x 1
- SD Express 7.0 Card Reader x 1
- เซ็นเซอร์: เซ็นเซอร์วัดแสง, เซ็นเซอร์ลายนิ้วมือ
- การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 6(802.11ax) + Bluetooth 5.2 (Dual band) 2 x 2
- ระบบปฏิบัติการ: Windows 11 Home
- ซอฟต์แวร์ Bundle: Office Home & Student 2021 | สมาชิก Adobe Creative Cloud All Apps ฟรี 3 เดือน
- การรับประกัน: ASUS Exclusive Care
- On-site Service ซ่อมถึงที่ 3 ปี
- International warranty เข้าศูนย์ฟรี 80 ประเทศทั่วโลก 3 ปี
- Perfect warranty ประกันอุบัติเหตุ ครอบคลุมค่าอะไหล่ 80% เฉพาะ 1 ปีแรก
- สีสัน: Mineral Black
ดีไซน์สำหรับสาย Studio
เริ่มต้นกันที่ดีไซน์ก่อนเลย ASUS ProArt Studiobook 16 OLED มาพร้อมบอดี้สีดำด้าน Mineral Black ที่ให้ความรู้สึกถึงเครื่องผลิตชิ้นงานระดับสูงใน Studio ใหญ่ ๆ ได้ทั้งความคมเข้มและทางการในเวลาเดียวกัน ที่ฝาเครื่องจะมีโลโก้ ProArt เงาวาวเด่น ๆ ในสีเงินตัดกับพื้นผิวด้าน ๆ ได้อย่างลงตัวเลยครับ
บอดี้จะมีความหนาประมาณ 2.14 ซม. และหนักที่ 2.4 กก.ถือว่ากำลังดีในระดับแล็ปท็อป Studio ที่ต้องมาพร้อมสเปคภายในที่ทรงพลัง แต่ก็ยังพอที่จะพกพาติดกระเป๋าไปทำงานข้างนอกได้อย่างสะดวก
หน้าจอ OLED 4K ที่ดีที่สุดเพื่องานออกแบบสร้างสรรค์และเอ็นเตอร์เทนเมนต์
กางหน้าจอออกมาเราจะเจอความอลังการของจอ OLED ขนาดใหญ่ 16″ ที่มีความละเอียดสูงถึง 4K (3840 x 2400 พิกเซล) ในอัตราส่วน 16:10 ที่เต็มตาเอามาก ๆ รับรู้ได้ถึงความอิ่มของสีสันจริง ๆ สมกับที่เป็นแล็ปท็อปสาย Creator ที่ต้องการความเที่ยงตรงและความจัดเต็มของหน้าจอจริง ๆ
ในเรื่องการแสดงผลต้องบอกเลยว่าเป็นจอแล็ปท็อปที่สวยที่สุดเท่าที่เราเคยทดสอบมาเลยก็ว่าได้ครับ แสดงผลได้ที่ 10-Bit สวย สมจริงระดับ 1,700 ล้านสี พร้อมขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 มาตรฐานช่วงสีในวงการภาพยนตร์พร้อมการรับรองความเที่ยงตรงของสีจาก Pantone อีกด้วย
นอกจากนี้ด้วยความที่เป็นหน้าจอ OLED การแสดงผลสีดำจึงดำสนิทมาก จอของ ProArt Studiobook 16 OLED นี้มีค่า Contrast ถึง 1,000,000:1 พร้อมการรับรองจาก VESA CERTIFIED และ Display HDR True Black 500 อีกด้วย มั่นใจได้เลยว่าถ้าเราเอามาทำงานกราฟิกหรือดูคอนเทนต์ที่มีสีนุ่มลึกมาก ๆ รุ่นนี้จะมอบความสมจริงได้ขั้นสุด
นอกจากนี้ที่ตัวหน้าจอยังได้รับการรับรองเรื่องการตัดแสงสีฟ้าที่ช่วยถนอมสายตาจาก TUV Rheinland อีกด้วยนะ เอามาตัดต่องานนาน ๆ หรือดูวิดีโอเพื่อความบันเทิงก็ปลอดภัยไปอีก
กล้อง Webcam ที่ปลอดภัยกว่า
เหนือหน้าจอเราจะเห็นกล้อง Webcam ของรุ่นนี้ที่มีความละเอียด 720p HD พร้อมกับที่ปิดตัวกล่องแบบ Manual เลยด้วย ใครที่กลัวเรื่องความปลอดภัยก็สามารถเลื่อนปิดได้เลย ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปครับ
คีย์บอร์ด Full-Sized พร้อม แป้นตัวเลข
มองลงมาที่ตัวแป้นคีย์บอร์ดกันต่อ ASUS ProArt StudioBook 16 OLED มาพร้อมคีย์บอร์ดแบบ Full-Sized พร้อมแป้นตัวเลขด้วยครับ เหมาะกับการทำงานอย่างมากจริง ๆ ครับ ตัวคีย์บอร์ดนั้นมีการเว้นช่องได้แบบพอดิบพอดี เพราะฉะนั้น เวลาพิมพ์งานก็จะทำได้คล่องตัวแถมตัวปุ่มก็ยังมีแรงดีดรับกับการพิมพ์ได้ดีมากด้วย
ที่ปุ่มลูกศรจะมีการออกแบบมาพิเศษด้วยลวดลาย Carbon Fiber เพิ่มเข้าไปด้วย พร้อมขนาดที่เต็มเท่ากับปุ่มทั่วไป ทำให้ใช้งานได้อย่างสะดวก ต่างจากแล็ปท็อปทั่วไปที่มักเป็นปุ่มขนาดเล็กจึงอาจกดไม่ถนัดนัก
ส่วนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือก็ซ่อนอยู่ที่ปุ่ม Power ได้อย่างแนบเนียน เพื่อให้เราได้ใช้งานปลดล็อคตัวเครื่องได้อย่างสะดวก เปิดเครื่องมาแตะสแกนปุ๊บเข้าหน้าจอได้ทันที
ASUS Dial ความพิเศษที่ช่วยให้ทำงานได้สะดวกขึ้นเยอะ
นอกจากปุ่มลูกศรที่เหมาะกับการทำงานแล้ว ASUS ProArt StudioBook 16 OLED ยังมีปุ่มพิเศษอย่าง ASUS Dial เข้ามาช่วยให้เราทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้นอีกด้วย ตัว ASUS Dial นี้จะเป็นเหมือนวงแหวนควบคุมที่ให้เรา หมุน กดลงไปได้ ตามคำสั่งที่เราตั้งค่าไว้
แน่นอนว่าสายครีเอเตอร์ที่ต้องใช้งานโปรแกรมเฉพาะทาง อาทิ โปรแกรมแต่งรูปอย่าง Photoshop Lightroom หรือโปรแกรมตัดต่ออย่าง Premier Pro ต้องมีคีย์ลัดมากมายให้เลือกใช้ ถ้าเราตั้งค่าตัว ASUS Dial ให้เหมาะกับงานที่ทำก็จะช่วยเราได้อีกเยอะเลย เป็นสายวาดรูปเราตั้ง ASUS Dial ให้เป็นปุ่ม Brush ใน Photoshop เราก็ไม่จำเป็นต้องกดที่ปุ่ม B เหมือนเดิมจะปรับขนาดของแปรงก็ใช้การหมุนแทนที่การกด [ ] ได้ แค่นึกภาพตามก็เห็นถึงความสะดวกแล้วใช่ไหมล่ะครับแบบนี้
TouchPad ขนาดใหญ่พร้อมปุ่มแยก 3 ปุ่ม
ตัว TouchPad ของ ASUS ProArt StudioBook 16 OLED นั้นมีขนาดใหญ่ใช้งานได้ดีเลย แต่น่าเสียดายที่ไม่รองรับระบบ Force Touch หรือการกดด้วยน้ำหนักแทนการคลิก แต่ก็มีปุ่มกดขนาดใหญ่มาให้ทดแทนที่ด้านล่างครับ ซึ่งปุ่มกดที่ให้มามี 3 ปุ่มแยกเป็น คลิกซ้าย เม้าส์กลาง และคลิกขวาครบเลยด้วย
พอร์ตเชื่อมต่อครบ ไม่จำเป็นต้องพึ่ง Dongle
มาดูพอร์ตการเชื่อมต่อกันบ้าง ASUS ProArt StudioBook 16 OLED ให้มาครบเครื่องมาก ๆ เรียกว่าไม่ต้องพึ่ง Dongle หรืออะแดปเตอร์อีกต่อไปที่ฝั่งซ้ายมือจะแบ่งเป็น
- ช่อง Security lock
- พอร์ต USB-A 3.2 Gen 2
- ช่องชาร์จ DC
- พอร์ต HDMI 2.1
- พอร์ต Thunderbolt 4
- พอร์ต USB-C 3.2 Gen 2
ส่วนฝั่งขวามือก็ยังมีพอร์ตเพิ่มเติมอีกดังนี้ครับ
- พอร์ต LAN
- พอร์ต USB-A 3.2 Gen 2
- ช่องหูฟัง 3.5 มม.
- SD Express 7.0 Card Reader
เรียกว่าให้มาพร้อมใช้งานจริง ๆ สาย Creator ที่ต้องเสียบการ์ดเอาไฟล์ภาพลง เชื่อมต่อกับ External Harddisk หรือใช้งานหูฟังแบบสายก็ไม่ต้องหาอุปกรณ์เสริมอื่นมาเพิ่มเลย เพราะพอร์ตที่ให้มาในเครื่องครบพออยู่แล้วครับ
ระบบเสียงชั้นยอดจาก Harman/Kardon
นอกจากหน้าจอจะคมชัดแบบสุด ๆ แล้ว เรื่องเสียงรุ่นนี้ก็ไม่น้อยหน้าเช่นกันเพราะ ASUS ProArt StudioBook 16 OLED มาพร้อมลำโพงจาก Harman/Kardon รองรับคุณภาพระดับ Hi-Res เสียงนี่กระหึ่มถูกใจแน่นอน ใช้ฟังเพลง ดูหนังหรือทำงานด้านเสียงก็คือดีมาก ๆ เลยล่ะครับ
ระบบระบายความร้อน ASUS IceCool Pro
พลิกกลับมาดูที่ด้านล่างตัวเครื่องจะมีช่องระบายอากาศ ซึ่งสอดแทรกลูกเล่นด้วยการใส่ชื่อแบรนด์ StudioBook ไว้ด้วย ซึ่งภายใน ASUS ก็ออกแบบด้วยเทคโนโลยี IceCool Pro ช่วยให้เครื่องเย็นตลอดเวลาด้วยพัดลม 2 ตัวและฮีตไปป์ 6 เส้ร และยังมีโลหะเหลวนำความร้อน Liquid Metal ช่วยถ่ายเทความร้อนออกจากหน่วยประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว มั่นใจได้ว่าแม้ใช้งานหนัก ๆ ตัวเครื่องก็ยังอยู่ในระดับอุ่น ๆ เท่านั้น
โดยรวมดีไซน์ของ ASUS ProArt StudioBook 16 OLED ก็ออกแบบมาได้สมกับการทำงานระดับสตูดิโอครับ ไม่ได้เน้นไปที่ความเบา-บางมากนัก เพราะเน้นการทำงานอยู่กับที่เป็นหลัก แต่หากอยากพกพาก็สามารถใส่กระเป๋าไปได้ด้วยเช่นกัน จุดเด่นที่แล็ปท็อปรุ่นนี้ทำได้เหนือคู่แข่งจริง ๆ คงเป็นเรื่องหน้าจอ 4K OLED ที่สวยคม สีสันตรงเอามาก ๆ และยังมีตัวคัย์บอร์ดกับพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครบเหมือนเครื่องคอมตัวใหญ่ ๆ เลย และที่ขาดไม่ได้คือ ASUS Dial ที่เปลี่ยนวิธีการทำงานให้สะดวกขึ้นกว่าเดิมอีกมากเลยจริง ๆ
ได้ Windows 11 Home มาตั้งแต่แกะกล่อง
มาต่อกันที่เรื่องซอฟต์แวร์ ASUS ProArt StudioBook 16 OLED มาพร้อม Windows 11 Home ตั้งแต่แกะกล่องเลย ไม่ต้องซื้อมาติดตั้งเพิ่ม พร้อมใช้งานได้ทันที ได้ทั้ง UI ที่มีหน้าตาแบบใหม่สวยลื่นไหล และการทำงานที่ครอบคลุม
ฟรีสมาชิก Adobe นาน 3 เดือน
นอกจาก Windows แท้แล้ว ASUS ProArt StudioBook 16 OLED ยังมีสมาชิก Adobe Creative Cloud แถมให้อีก 3 เดือนด้วย เหมาะสำหรับสายครีเอเตอร์ที่จำเป็นต้องใช้โปรแกรมของ Adobe อยู่แล้ว ให้มาครบแบบนี้ก็ประหยัดไปได้หลายพันบาทกันเลยทีเดียวครับ
Microsoft Office Home & Student 2021 ฟรีมาให้ด้วย
ไม่ใช่แค่โปรแกรมสายกราฟิกเท่านั้น ASUS ProArt StudioBook 16 OLED ยังมี Microsoft Office แถมมาให้ในเครื่องเลยด้วย สำหรับคนที่ต้องการใช้งาน Office ด้วยก็มีแถมมาให้เป็น Microsoft 365 ฟรี 1 เดือนและ Microsoft Office Home & Student 2021 ฟรีตลอดชีพอีกต่างหากครับ
MyASUS ผู้ช่วยสำหรับการทำงานที่ไร้รอยต่อมากขึ้น
ASUS ProArt StudioBook 16 OLED มาพร้อมโปรแกรมพิเศษ MyASUS และ ScreenXpert ที่ช่วยให้เราสามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนทั้ง Android และ iOS เข้ากับโน้ตบุ๊คได้อย่างไร้รอยต่ออีกด้วย เรียกว่าเป็นตัวช่วยให้เราใช้งานอุปกรณ์หลาย ๆ ชิ้นได้คล่องตัวขึ้นไปอีกจริง ๆ ครับ
นอกจากนี้ยังมีโปรแกรม ProArt Community Hub ที่ให้เราได้จัดการระบบของตัวเครื่องเพิ่มเติม หรือตั้งค่าตัว ASUS Dial ได้ด้วย อย่างที่เราเคยบอกไปว่าตัวปุ่มเสริมนี้จะเข้ามาช่วยให้เราทำงานบนโปรแกรมเฉพาะทางได้สะดวกยิ่งขึ้น อยากใช้งานเครื่องมือไหนก็ปรับให้เข้ากับเราได้เลยที่โปรแกรมนี้ครับ
พลังประมวลผลสุดทรงพลัง
ProArt Studiobook 16 OLED มาพร้อมขุมพลัง Intel Core i9-12900H 14 คอร์ 20 เธรด รองรับการทำงานได้หลากหลาย รวมถึงการใช้งานแบบ multitasking อีกทั้งยังมีกราฟิกการ์ดสูงสุด NVIDIA GeForce RTX 3070 Ti ที่มี CUDA Core และ Tensor Core ที่ช่วยประมวลผลงานเรนเดอร์สำหรับสายงานครีเอทีฟได้อย่างดี
ในเรื่องหน่วยความจำ ตัวเครื่องมาพร้อม Memory รวม 32GB DDR5 SO-DIMM (16GB x2) และ SSD M.2 เทคโนโลยีล่าสุด ความจุ 1TB (รองรับการอัพเกรดสูงสุดได้ 4TB)ช่วยรองรับงานด้านงานออกแบบสร้างสรรค์สำหรับ Crearor ทุกสายอาชีพ
เล่นเกมก็ได้เลยสเปคนี้
หรือถ้าอยากลองเล่นเกมแบบจริงจัง ด้วยสเปคระดับนี้ก็สบายมากครับ เท่าที่เราลองกับเกมกราฟิกสูง ๆ อย่าง Gears 5 ก็สามารถปรับได้ที่ระดับสูงสุดเลย เล่นได้อย่างลื่น ๆ แต่เท่าที่ลองในการเล่นเกมแบบจริงจังตัวพัดลมจะทำงานดังพอสมควรหากเล่นเกมกราฟิกจัดเต็มแบบนี้ครับ
รองรับกำลังไฟสูงสุด 240W
ปิดท้ายที่เรื่องกำลังไฟของ ASUS ProArt StudioBook 16 OLED รุ่นนี้ก็ให้ที่ชาร์จมาสูงถึง 240W กันเลย เพราะด้วยสเปคที่ให้มาระดับนี้ ก็ต้องขับกำลังไฟออกมาได้อย่างสุด ๆ ด้วย ซึ่งที่ชาร์จที่ให้มาก็มีขนาดใหญ่แบบจริงจังเลยล่ะครับ แต่ก็คงไม่ใช่ปัญหาในการใช้งานเท่าไหร่ เพราะอย่างที่บอกรุ่นนี้เน้นไปที่การทำงานแบบอยู่กับที่มากกว่าจะพกไปไหนมาไหนตลอดเนาะ
ราคาเริ่มต้น 84,990 บาท
ASUS ProArt Studiobook 16 OLED วางจำหน่ายจำนวน 2 รุ่นย่อย มีราคาดังนี้
- รุ่นเริ่มต้น Core i9 + RTX 3060 ราคา 84,990 บาท
- รุ่นสูงสุด Core i9 + RTX 3070 Ti (รุ่นที่รีวิว) ราคา 99,990 บาท
ตัวเครื่องมาพร้อมการดูแลแบบ ASUS Exclusive Care ประกอบด้วย ประกันซ่อมถึงที 3 ปี On-site Service, ประกันเข้าศูนย์ฟรี 80 ประเทศทั่วโลก 3 ปี และ ประกันอุบัติเหตุ Perfect warranty 1 ปีที่ครอบคลุมค่าอะไหล่ 80% เฉพาะ 1 ปีแรก หาซื้อสินค้าได้จากร้านค้าไอทีชั้นนำ, ASUS Exclusive Store ทั้ง 3 สาขา รวมถึงช่องทางออนไลน์
สรุปแล้วนี่คือ “นี่คือแล็ปท็อปสำหรับสายครีเอเตอร์ระดับโปรตัวจริง ท็อปที่สุดในทุกด้าน”
สรุปแล้ว ASUS ProArt Studiobook 16 OLED ก็ถือเป็นเรือธงของแล็ปท็อปสาย Creator notebook ที่ยังคงเน้นการตอบโจทย์เหล่าสายงานอาชีพ Creator ในระดับสูง ไม่ว่าจะเป็น Prosumer หรือ Specialist ที่เน้นเรื่องประสิทธิภาพที่น่าเชื่อถือได้เป็นหลัก เช่นงานกราฟิก ตัดต่อ เรนเดอร์ วีดีโอระดับสูง, 3D Animation หรือโปรแกรมต่างๆ ที่ใช้ทรัพยากรเครื่องสูง ซึ่ง ProArt นั้นเน้นจุดเด่นทั้งการประมวลผลที่ทรงพลังด้วยขุมพลังชั้นนำ Intel Core i9 Gen 12th และ การ์ดจอสูงสุด NVIDIA GeForce RTX 3070 Ti พร้อมยังนำเสนอฟังก์ชั่นพิเศษเฉพาะอย่าง ASUS Dial ที่สนับสนุนกับงานออกแบบโดยเฉพาะ และหน้าจอ 4K OLED ที่เป็นหน้าจอที่ดีที่สุดสำหรับงานสร้างสรรค์และเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ นอกจากนั้นยังมีระบบระบายความร้อนที่ดีขึ้นจากเจนก่อนหน้า และพอร์ตที่ครบครันเพื่อซัพพอร์ตการใช้งานของครีเอเตอร์อีกด้วย เรียกว่าใครที่กำลังมองหาแล็ปท็อปตัวจบสำหรับงาน Creator รุ่นนี้ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสุด ๆ เลยล่ะครับ!