Connect with us

Featured

รีวิว realme 10 Pro Series สมาร์ทโฟนกล้องระดับโปร 108MP, จอไหลลื่น 120Hz พร้อมชาร์จแรงสุด 67W SUPERVOOC Charge

Published

on

รีวิว realme 10 Pro

รีวิว realme 10 Pro Series 5G สมาร์ทโฟน 2 รุ่นใหม่ของ realme Number Series ที่รอบนี้จัดมาให้ 2 รุ่นพร้อมกันไปเลย ทั้ง realme 10 Pro 5G และ realme 10 Pro+ 5G ที่มีการอัปเกรดด้านดีไซน์ สเปค กล้อง แต่มาราคาสุดคุ้มเช่นเคยครับ โดยทั้งคู่จะโดดเด่นอย่างไร วันนี้ทีมงาน iphone-droid.net จัดรีวิวมาให้เต็มๆ ครับ

สรุปสเปค realme 10 Pro+ 5G

  • ขนาดตัวเครื่อง (สี Dark Matter) : 161.5 x 73.9 x 7.78 มม.
  • ขนาดตัวเครื่อง (สี Hyperspace) : 161.5 x 73.9 x 7.95 มม.
  • น้ำหนัก : 173 กรัม (สี Hyperspace หนัก 175 กรัม)
  • น้ำหนัก (สี Hyperspace) : 175 กรัม
  • หน้าจอแสดงผลแบบโค้ง Super AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2412 x 1080 พิกเซล) รองรับ Refresh Rate 120Hz, Touch Sampling Rate 360Hz, Contrast Ratio 5000000:1 , สัดส่วนพื้นที่ต่อหน้าจอ 93.65%, แสดงผลสี 1.07 พันล้านสี และสว่างสูงสุด 800 นิต
  • หน่วยประมวลผล : MediaTek Dimensity 920 Octa-core ความเร็ว 2.5GHz
  • RAM : 12GB LPDDR4X
  • ROM : 256GB UFS 2.2
  • กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 3 เลนส์ ดังนี้
    • เลนส์หลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.75 เซ็นเซอร์ Samsung HM6
    • เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 มุมกว้าง 112 องศา
    • เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
  • กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.45
  • ระบบปฏิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย realme UI 4.0
  • รองรับ 5G SA/NSA
  • รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2, NFC และพอร์ต USB Type-C
  • แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh รองรับ 67W SUPERVOOC Charge
รีวิว realme 10 Pro

สรุปสเปค realme 10 Pro 5G

  • ขนาดตัวเครื่อง (สี Dark Matter / Nebular Blue) : 163.7 x 74.2 x 8.1 มม.
  • ขนาดตัวเครื่อง (สี Hyperspace) : 163.7 x 74.2 x 8.3 มม.
  • น้ำหนัก (สี Dark Matter / Nebular Blue) : 190 กรัม
  • น้ำหนัก (สี Hyperspace) : 192 กรัม
  • หน้าจอแสดงผล LCD ขนาด 6.72 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080 พิกเซล) รองรับ Refresh Rate 120Hz, Touch Sampling Rate 240Hz, Contrast Ratio 1400:1, สัดส่วนพื้นที่ต่อหน้าจอ 93.76% และแสดงผลสี 16.7 ล้านสี
  • หน่วยประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 695 5G Octa-core ความเร็ว 2.2GHz
  • RAM : 8GB LPDDR4X
  • ROM : 256GB UFS 2.2 รองรับการใส่ MicroSD Card สูงสุด 1TB
  • กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 2 เลนส์ ดังนี้
    • เลนส์หลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.75 เซ็นเซอร์ Samsung HM6
    • เลนส์ Portrait ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
  • กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.45
  • ระบบปฏิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย realme UI 4.0
  • รองรับ 5G SA/NSA
  • แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh รองรับ 33W SUPERVOOC Charging
รีวิว realme 10 Pro

แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล

อุปกรณ์ภายในกล่อง realme 10 Pro+ 5G

  • ตัวเครื่อง realme 10 Pro+ 5G พร้อมติดฟิล์มกันรอย
  • อะแดปเตอร์ 67W SuperDart Charge
  • สาย USB Type-C
  • เคสใส
  • อุปกรณ์เปิดถาดซิม
  • คู่มือการใช้งานเบื้องต้นและใบรับประกันสินค้า
รีวิว realme 10 Pro

อุปกรณ์ภายในกล่อง realme 10 Pro 5G

  • ตัวเครื่อง realme 10 Pro 5G พร้อมติดฟิล์มกันรอย
  • อะแดปเตอร์ 33W Dart Charge
  • สาย USB Type-C
  • เคสใส
  • อุปกรณ์เปิดถาดซิม
  • คู่มือการใช้งานเบื้องต้นและใบรับประกันสินค้า
รีวิว realme 10 Pro

ดีไซน์สวยงามพร้อมความแตกต่างไม่เหมือนใครกับ realme 10 Pro+ 5G

ตั้งแต่ที่ได้เห็น realme 10 Pro+ 5G เป็นครั้งแรก คิดว่าไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นดีไซน์ของสมาร์ทโฟน Mid-Range ครับ เพราะการออกแบบในรุ่นนี้ทำได้พรีเมียมมากๆ ทั้งหน้าจอโค้งและฝาหลังที่โค้งมาบรรจบกันพอดี ทำให้ขอบเครื่องมีความบางเฉียบเหมือนรุ่นเรือธงดีๆ รุ่นหนึ่งเลยทีเดียวครับ

รีวิว realme 10 Pro

โดยสิ่งที่ไม่พูดไม่ได้เลยคือสีสัน รีวิว realme 10 Pro+ 5G ในสี Hyperspace ที่มีการเล่นแสงที่เปล่งออกมาจากตัวเลนส์กล้องเป็นแสงปริซึมที่ส่องสว่างออกมาให้เห็นถึงแสงรุ้ง และยังมีกริตเตอร์คล้ายกับละอองของดวงดาวผสมเข้ามาอย่างลงตัวมากๆ ครับ

รีวิว realme 10 Pro
รีวิว realme 10 Pro

ส่วนอีกสีจะเป็นสีดำ Dark Matter ที่ใครที่ชอบสีสันคลาสสิกแต่ยังคงความพรีเมียมและความคมเข้มก็เป็นอีกหนึ่งตัวตัวเลือกที่ไม่ควรพลาดเลยครับ ซึ่งผิวสัมผัสสี Dark Matter จะเป็นแบบผิวด้านและยังคงมีลวดลายของกริตเตอร์อยู่เหมือนกัน

รีวิว realme 10 Pro

นอกจากนี้ ทั้ง 2 สีก็ยังมีความบางเพียง 7.95 มม. สำหรับสี Hyperspace และบางได้ถึง 7.78 มม. ในสี Dark Matter ครับ ซึ่งเป็นการดีไซน์ที่ทำได้บางเฉียบแม้ว่าจะให้แบตเตอรี่มาถึง 5000mAh

รีวิว realme 10 Pro

ดีไซน์ลงตัวและสวยงามแบบ realme 10 Pro 5G

ในส่วนของรุ่นน้องอย่าง realme 10 Pro 5G ก็ใช้ดีไซน์ที่สวยงามไม่แพ้กันโดยขอบตัวเครื่องจะเป็นแบบแบนเรียบที่เป็นเทรนด์ในยุคนี้ ซึ่งดีไซน์มีความลงตัวและออกแบบให้ใช้งานได้อย่างสะดวกครับ

รีวิว realme 10 Pro

โดยสีที่เห็นอยู่นี้เป็นสีฟ้า Nebula Blue ที่เมื่อสะท้อนกับแสงจะปรากฏเป็นเส้นสีรุ้งอย่างสวยงาม ให้ความสดใสของตัวเครื่องขึ้นไปอีกเท่าตัว

รีวิว realme 10 Pro

realme 10 Pro+ 5G กับหน้าจอ 10-bit ระดับเรือธง และ 120Hz

realme 10 Pro+ 5G จัดหน้าจอแสดงผลที่ให้มาในระดับเรือธงในราคาที่ไม่ใช่เรือธงเลย โดยให้หน้าจอแบบโค้ง 61 องศาที่เป็นระดับที่ไม่มากเกินไปและโอกาสที่ทำให้นิ้วมือไปโดนจนกดผิดนั้นน้อยมากๆ ซึ่งพาเนลหน้าจอใช้เป็น Super AMOLED พร้อมขนาดใหญ่ 6.7 นิ้ว คมชัด FHD+ รวมถึงการได้หน้าจอที่รับชมภาพยนตร์ได้เต็มตาและได้อรรถรสแน่นด้วยการรองรับ Contrast Ratio 5000000:1 มีการแสดงผลสี 10-bit (1.07 พันล้านสี) และ HDR10+

รีวิว realme 10 Pro

ทั้งนี้ ความสว่างสูงสุดของหน้าจอ realme 10 Pro+ 5G จะอยู่ที่ 800 นิต ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานในที่กลางแจ้งได้อย่างคมชัดครับ อีกอย่างที่หลงรักของหน้าจอแสดงผลรุ่นนี้เลยคือขอบหน้าจอจะบางที่สุดในสมาร์ทโฟนในประเทศไทยเพียง 2.33 มม. เท่านั้น ซึ่งทำให้สัดส่วนพื้นที่ต่อหน้าจอมากถึง 93.65% เลยทีเดียวครับ

รีวิว realme 10 Pro

ที่ขาดไม่ได้เลยคือการรองรับ Refresh Rate สูงสุด 120Hz แบบ Dynamic พร้อม Touch Sampling Rate 360Hz ที่สามารถปรับได้ตามเนื้อหาบนหน้าจอ

และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดคือ realme 10 Pro+ 5G ยังเป็นหน้าจอรุ่นแรกในประเทศไทยที่มาพร้อมเทคโนโลยี 2160Hz PWM Dimming เพื่อการถนอมสายตาในทุกสถานการณ์ ซึ่งเทคโนโลยีจะใช้งานได้เต็มที่เมื่ออยู่ในที่แสงน้อยกว่า 90 นิต ซึ่งเทคโนโลยี DC Dimming ในสมาร์ทโฟนทั่วไปจะปิดการทำงานไป แต่ในรุ่นนี้ยังคงใช้ 2160Hz PWM Dimming เพื่อให้เราใช้งานในที่แสงน้อยได้สบายตามากขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพการลดแสงเพิ่มขึ้น 4.5 เท่าเมื่อเทียบกับ 480Hz PWM ทั่วไปในสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ ทั้งยังเป็นรุ่นแรกของโลกที่รองรับ Flicker Free จาก TUV Rheinland อีกด้วย

รีวิว realme 10 Pro

หน้าจอบางเฉียบเพียง 1 มม. ใน realme 10 Pro 5G

รีวิว realme 10 Pro 5G หน้าจอก็จัดให้แบบเต็มที่เหมือนกัน โดยใช้หน้าจอแสดงผลแบนเรียบพาเนล LCD ขนาด 6.72 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080 พิกเซล) ซึ่งรองรับ Refresh Rate 120Hz ให้ใช้งานกันแบบไหลลื่น ทำให้เราได้ใช้งานกันทั้งเต็มตาและไหลลื่นทุกการใช้งาน ดังนี้

  • การอ่าน : 30Hz
  • ชมภาพยนตร์ : 48Hz
  • Teleplay : 50Hz
  • วิดีโอ : 60Hz
  • เล่นเกม : 60/90Hz
  • สตรีม : 90/120Hz
รีวิว realme 10 Pro

นอกจากนี้ realme 10 Pro 5G ยังมีดีไซน์ที่ใช้ขอบหน้าจอที่บางสุดๆ เพียง 1 มม. เท่านั้นด้วยเทคโนโลยี RAZR ซึ่งขอบนั้นบางมากจริงๆ ช่วยให้มีสัดส่วนพื้นที่ต่อหน้าจอมากถึง 93.76% ยกเว้นเพียงคางด้านล่างที่ใหญ่กว่ามุมอื่นๆ แต่ก็ถือว่าเป็นขอบที่ใหญ่ตามปกติของสมาร์ทโฟนทั่วไปครับ

รีวิว realme 10 Pro Series

พาชมรอบตัวเครื่อง

เราชมรอบตัวเครื่องของทั้ง 2 รุ่นไปพร้อมกันครับ โดยที่หน้าจอแสดงผลจะมีกล้องหน้า Punch Hole อยู่ตรงกลางเหมือนกัน พร้อมลำโพงสำหรับมีเดียและการสนทนาที่แอบอยู่ทางด้านบน (realme 10 Pro+ 5G จะเป็นลำโพงสนทนาในจุดนี้)

รีวิว realme 10 Pro Series
realme 10 Pro 5G (บน) / realme 10 Pro+ 5G (ล่าง)

ทางขวาตัวเครื่องจะมีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงพร้อมปุ่ม Power มาให้เหมือนกัน แต่ในรุ่น realme 10 Pro 5G จะใช้เป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาด้วย ขณะที่ realme 10 Pro+ 5G จะสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอแทนครับ

รีวิว realme 10 Pro Series
realme 10 Pro+ 5G (ซ้าย) / realme 10 Pro 5G (ขวา)

ทางด้านซ้ายตัวเครื่องในรุ่น realme 10 Pro+ 5G จะไม่มีอะไรครับ แต่ realme 10 Pro 5G จะเป็นช่องใส่ซิมการ์ดได้ 2 ช่อง ซึ่งช่องที่ 2 จะเป็น Hybrid ให้เลือกระหว่างซิมที่ 2 หรือใส่ MicroSD Card สูงสุด 1TB ครับ

รีวิว realme 10 Pro Series

ที่ด้านล่างเครื่องจากฝั่งซ้าย realme 10 Pro+ 5G จะเป็นช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดแบบ 2 ซิม (ไม่รองรับ MicroSD Card) ส่วน realme 10 Pro 5G จะเป็นช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ถัดไปทางขวาจะเหมือนกันทั้งหมด ตั้งแต่ไมโครโฟนตัวที่ 1, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวที่ 1 ครับ

รีวิว realme 10 Pro Series
รีวิว realme 10 Pro Series
realme 10 Pro+ 5G
realme 10 Pro 5G

ที่ด้านบนตัวเครื่องจะเป็นไมโครโฟนตัวที่ 2 เพื่อตัดเสียงรบกวนมาให้เหมือนกัน แต่ realme 10 Pro+ 5G จะมีลำโพงตัวที่ 2 แยกออกมาให้ด้วยครับ

รีวิว realme 10 Pro Series
realme 10 Pro+ 5G
รีวิว realme 10 Pro Series
realme 10 Pro 5G

และที่ด้านหลังจะใช้ดีไซน์ที่คล้ายกันมากๆ ครับ โดยมีเลนส์กล้อง 2 วงแยกกันและไม่มีโมดูลกล้องที่เป็นกรอบเหมือนกันทั้งคู่เพื่อให้ชมดีไซน์กล้องหลังได้แบบชัดเจน โดยดีไซน์นี้มีชื่อเรียกว่า “Twin-lens Reflex (TLR)” ซึ่งวงแรกด้านบนจะเป็นที่อยู่ของเลนส์หลักเหมือนกันครับ และวงที่ 2 ด้านล่างก็จะเป็นเลนส์รองของแต่ละรุ่น ทั้งนี้ ทั้ง 2 รุ่นก็มีไฟแฟลช LED มาให้ 1 ดวงเหมือนกัน

รีวิว realme 10 Pro Series

ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน

ระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุด Android 13 บน realme UI 4.0

ทั้ง realme 10 Pro 5G และ realme 10 Pro+ 5G แกะกล่องมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 13 ที่ครอบทับด้วย realme UI 4.0 เหมือนกันครับ ซึ่งฟีเจอร์ใหม่ มีให้ใช้งานกันแน่นอน รวมถึงดีไซน์ของ UI ก็ดูสะอาดตาและมีมิติมากขึ้นอย่างชัดเจนครับ ส่วนใครอยากเห็นโลโก้ของ Android 13 ต้องให้เลื่อนไปที่เวลาบ่ายโมงตรงนะครับ ไม่งั้นสัญลักษณ์ยังเหมือน Android 12 อยู่นะ

รีวิว realme 10 Pro Series

รองรับ 5G Dual Mode ใช้งานได้เต็มที่

realme 10 Pro Series 5G ทั้ง 2 รุ่นก็รองรับเครือข่าย 5G ที่ใช้งานได้ทั้ง 2 ซิม ซึ่งจริงๆ รองรับ 5G+5G แบบ SA (Standalone) ได้พร้อมกันด้วย หรือเรียกง่ายๆ ก็คือการใช้เครือข่าย 5G แบบเดี่ยวๆ โดยไม่มีใช้สัญญาณ 4G หรืออื่นๆ เข้ามาเสริม ทำให้ช่องสัญญาณเวลาใช้งานจริงมีความเสถียรและไหลลื่นมากๆ

รีวิว realme 10 Pro Series

ระบบเสียง Hi-RES ลำโพงคู่สุดกระหึ่ม

ใครที่มาสายความบันเทิงไม่ว่าจะเล่นเกมหรือดูภาพยนตร์/ซีรี่ย์ผ่านสตรีมมิ่งต่างๆ จะได้ลำโพงคู่แบบ Hi-RES ที่แบ่งแยกซ้าย-ขวาแบบมีมิติ คมชัดและชัดเจนมากๆ ครับ

รีวิว realme 10 Pro Series

ระบบความปลอดภัยจัดมาให้ครบ

ในเรื่องความปลอดภัยในการล็อกหน้าจอในรุ่น realme 10 Pro+ 5G จะรองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ ซึ่งตำแหน่งของเซ็นเซอร์ก็ไม่ได้ต่ำหรือสูงเกินไปครับ ทั้งยังใช้งานได้เร็วและแม่นยำด้วย

รีวิว realme 10 Pro Series

ส่วนในรุ่น realme 10 Pro 5G ก็ได้ความสะดวกในการสแกนลายนิ้วมือด้านข้างที่ปุ่ม Power ครับ ซึ่งก็รวดเร็วและเสถียรเหมือนกัน

รีวิว realme 10 Pro Series

นอกจากนี้ ทั้ง 2 รุ่นยังรองรับการสแกนใบหน้าได้เช่นกันเวลามือไม่ว่างครับ

รีวิว realme 10 Pro Series

ใช้งาน Always-On Display พร้อมปรับแต่งได้เพียบ (เฉพาะ realme 10 Pro+ 5G)

ฟีเจอร์ Always-On Display (AOD) หรือการแสดงผลตลอดเวลาใน realme 10 Pro+ 5G ที่ใช้หน้าจอ Super AMOLED ซึ่งจะเป็นการบอกเวลา วันที่ รวมถึงไอคอนของแอปที่มีการแจ้งเตือนครับ ซึ่งเราสามารถเพิ่มรูปแบบ ภาพ และข้อมูลได้ตามใจชอบอย่างหลากหลายแบบเลยครับ

รีวิว realme 10 Pro Series

O-Haptic การตอบสนองการสั่นอย่างนุ่มนวลและสมจริง (เฉพาะ realme 10 Pro+ 5G)

สำหรับฟีเจอร์ O-Haptic เป็นฟีเจอร์ที่จะใช้ระบบการสั่นของตัวเครื่องที่เป็นไปตามเนื้อหาและการใช้งานบนหน้าจอครับ บอกเลยว่าระบบสั่นใน realme 10 Pro+ 5G ทำได้ดีมากๆ เช่น เมื่อเราปรับระดับแสงหน้าจอขึ้นหรือลงก็จะมีการสั่นเล็กๆ ให้เรารู้สึกได้แบบนุ่มนวลมากๆ หรือหากใครที่เล่นเกมก็จะรับรู้ถึงการสั่นได้ตามระดับ เป็นต้น

รีวิว realme 10 Pro Series

เปิดหน้าต่างลอยได้ง่ายๆ

ในการใช้แอปพลิเคชั่นหลายหน้าจอหรือแบบ Pop-Up เมื่อใช้งานบน realme UI 4.0 ก็ทำได้ง่ายขึ้นมากๆ ครับ เพียงแค่ให้ไปเปิดการใช้งานที่ การตั้งค่า > ฟีเจอร์พิเศษ > หน้าต่างที่ยืดหยุ่น > เปิด แชร์ผ่านหน้าต่างแบบลอย จากนั้นก็ให้เปิดแอปที่ต้องการ เช่น Chrome หรือ Facebook เป็นต้น จากนั้นให้ลากจากด้านล่างขึ้นไปด้านบน และระบบจะบอกให้เราปล่อย เพียงเท่านี้ก็ใช้งานหน้าจอแบบลอยได้แล้วครับ

รีวิว realme 10 Pro Series
รีวิว realme 10 Pro Series

ขยายโฟลเดอร์ใหญ่ได้

นอกจากนี้ เมื่อเราเก็บแอปพลิเคชั่นบนหน้าจอหลักไว้เยอะใน 1 โฟลเดอร์ ก็ยังสามารถขยายขนาดของโฟลเดอร์นั้นได้ด้วยเพื่อให้จัดเรียงได้อย่างเหมาะสมหรือเห็นไอคอนของแอปในโฟลเดอร์ได้ใหญ่ขึ้นครับ ซึ่งจะกินพื้นที่กริดแบบ 2×2

รีวิว realme 10 Pro Series

ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่

การใช้ชิปเซ็ตของ realme 10 Pro Series 5G ถือว่าใช้งานรุ่นกลางที่เร็วแรงเหมือนกันทั้งคู่จาก 2 ค่ายยักษ์ โดย realme 10 Pro+ 5G จะใช้เป็น MediaTek Dimensity 920 Octa-core บนสถาปัตยกรรมการผลิตขนาด 6 นาโนเมตร ซึ่งแกน CPU หลักมีความเร็ว 2.5GHz เพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิม 4% หรือ 2.4GHz ทั้งยังได้ GPU เป็น ARM Mali-G68 MC4 ที่เพิ่มประสิทธิภาพด้านกราฟิกถึง 9% เมื่อเทียบกับชิป Dimensity รุ่นก่อนหน้าครับ

รีวิว realme 10 Pro Series

ส่วน realme 10 Pro 5G ใช้ขุมพลัง Qualcomm Snapdragon 695 5G Octa-core ความเร็ว 2.2GHz ที่ยังเป็นชิปตัวกลางที่ใช้ความเร็วแรงในการใช้งานในระดับสูงทั้งการใช้งานทั่วไปและเล่นเกมครับ

รีวิว realme 10 Pro Series

RAM มากที่สุดในเซ็กเมนต์

realme 10 Pro+ 5G เป็นรุ่นที่ให้ RAM มาสูงสุดที่ 12GB ซึ่งเทียบเท่ากับเรือธงหลายรุ่นเลยทีเดียวครับ แต่อย่าลืมว่านี่คือรุ่นกลางที่ให้ RAM มาสูงสุดในเซ็กเมนต์เดียวกันครับ ทั้งยังรองรับเทคโนโลยี Dynamic RAM ที่เปลี่ยนพื้นที่ว่างเป็น RAM ได้สูงสุดอีก 12GB และหากรวมกับของเดิมที่ 12GB จะทำให้มี RAM มากสุด 24GB เลยทีเดียวครับ (ส่วนรุ่น RAM 8GB จะเพิ่มได้อีก 8GB ซึ่งก็เยอะมากๆ อยู่ดีครับ)

ทั้งนี้ realme 10 Pro 5G ที่มี RAM 8GB ก็ยังเพิ่ม Dynamic RAM ได้สูงสุด 8GB รวมเป็น 16GB เลยทีเดียว ทำให้การสลับแอปและการใช้งานพื้นหลังทำได้เยอะมากกว่า 20 แอปเลยทีเดียว

รีวิว realme 10 Pro Series

ผลทดสอบ realme 10 Pro+ 5G

ผลคะแนนการทดสอบด้านประสิทธิภาพด้าน CPU, GPU และหน่วยความจำบน AnTuTu 9.4.4 ได้มาที่ 508,219 คะแนน

รีวิว realme 10 Pro Series

ผลคะแนนด้าน CPU บน Geekbench 5 ทำ Single-Core ไปที่ 814 คะแนน และ Multi-Core ที่ 2,294 คะแนน

รีวิว realme 10 Pro Series

ผลทดสอบ realme 10 Pro 5G

ผลคะแนนการทดสอบด้านประสิทธิภาพด้าน CPU, GPU และหน่วยความจำบน AnTuTu 9.4.4 ได้มาที่ 415,573 คะแนน

รีวิว realme 10 Pro Series

ผลคะแนนด้าน CPU บน Geekbench ทำ Single-Core ไปที่ 688 คะแนน และ Multi-Core ที่ 2,024 คะแนน

รีวิว realme 10 Pro Series

ทดสอบการเล่นเกม

ในส่วนของการเล่นเกมและการปรับภาพกราฟิกทำได้ไม่ต่างกันครับ ซึ่งเราจะเน้นไปที่การใช้งาน realme 10 Pro+ 5G แล้วกันครับ โดยเราทดสอบหลักๆ 3 เกม ได้แก่ Genshin Impact, PUBG Mobile และ ROV

Genshin Impact

รีวิว realme 10 Pro Series

เริ่มกันด้วย Genshin Impact สามารถเปิดกราฟิกได้สูงสุดและรองรับ 60fps ด้วย ซึ่งการเล่นก็ทำได้ไหลลื่น ทัชได้ติดนิ้ว และยังไม่เจออาการค้างหรือกระตุกระหว่างการเล่นครับ

PUBG Mobile

ส่วนเกมแนว FPS อย่าง PUBG Mobile ก็ปรับภาพได้ในระดับ HDR HD และเฟรมเรท Ultra โดยการเล่นในโหมดปกติและแผนที่หลัก 8×8 ก็ทำได้ดีมากๆ ยิ่งได้หน้าจอ 120Hz ก็ยิ่งไหลลื่นขึ้นไปใหญ่ และการตอบสนองการสัมผัสก็แทบจะไม่มีความหน่วง (Latency) เกิดขึ้นเลย

ROV

และสุดท้ายกับเกม ROV ก็สามารถเปิดทุกอย่างได้สูงสุด (การแสดงผลเปิดได้ในระดับ “สูง”) โดยการเล่นในโหมดปกติก็ทำได้ดีตามคาดครับ เฟรมเรทวิ่งที่ได้นิ่งมากๆ อยู่ที่ 60fps แทบตลอดเวลา และก็อาจมีลงมาที่ 59fps บ้างในบางครั้ง แต่ก็แทบไม่มีผลอะไรอยู่แล้วครับ

แบตใหญ่ 5000mAh พร้อมชาร์จได้เร็วสูงสุดผ่านเทคโนโลยี 67W SUPERVOOC Charge

realme 10 Pro Series 5G ทั้ง 2 รุ่นจัดแบตเตอรี่มาให้เท่ากันที่ 5000mAh ซึ่งการใช้งานทั่วไปทำได้นานแบบครบวันอยู่แล้วครับ หรือหากจะเล่นเกมก็ทำได้นานประมาณ 5-6 ชั่วโมงต่อเนื่องเลยทีเดียว

และหากแบตใกล้หมด ในรุ่น realme 10 Pro+ 5G ก็ยังรองรับเทคโนโลยี 67W SUPERVOOC Charge ที่ชาร์จได้ 50% ในเวลาเร็วสุดเพียง 17 นาที และเต็ม 100% ในเวลาเพียง 47 นาทีเท่านั้นครับ

ส่วน realme 10 Pro 5G รองรับชาร์จเร็ว 33W SUPERVOOC Charge ก็ชาร์จได้ 50% ในเวลาเพียง 29 นาทีครับ และเต็ม 100% ในเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ

กล้อง 108MP พร้อมถ่ายคมชัดสูงด้วยเทคโนโลยี HyperShot Imaging

รีวิว realme 10 Pro Series 5G ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับกล้องหลังคาวมละเอียด 108 ล้านพิกเซล ควบคู่กับเทคโนโลยี HyperShot Imaging ที่เข้ามาเป็นครั้งแรกใน realme Number Series ทำให้การถ่ายด้วยโหมด 108MP ทำได้รวดเร็วมากๆ ได้ความคมชัดและความสวยงามแบบไม่ต้องปรับแต่งอะไรเลยครับ ทั้งนี้ ในตัวอย่างภาพเราจะเน้นไปที่ realme 10 Pro+ 5G ครับ เพราะทั้ง 2 รุ่นทำได้ใกล้เคียงกันมากๆ

โหมดคมชัดสูง 108MP

ในโหมดนี้ทั้ง 2 รุ่นสามารถถ่ายได้รวดเร็วมากๆ ไม่ต้องรอประมวลผลหรืออะไรเลย เหมือนการถ่ายในโหมดปกติ ใช้เวลาไปไม่ถึง 1 วินาที (สังเกตจากภาพ GIF จะเห็นว่าหลังกดชัตเตอร์ไปจะได้ภาพมาทันที) ซึ่งเร็วกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 5 เท่า แต่ความคมชัดนั้นได้มาแบบจัดเต็ม ซูมหรือครอปภาพโดยไม่เสียรายละเอียดอะไรเลยตามความสามารถของกล้อง 108 ล้านพิกเซล

โหมด AI จบหลังกล้องได้ในคลิกเดียว

หากไม่ใช้โหมด 108MP ก็ยังรองรับโหมดปกติที่รองรับ AI ผ่านเทคโนโลยี 9-in-1 Pixel Binning ครับ ทำให้ได้ความคมชัด ภาพมีความสว่างมากขึ้น และการปรับแต่งสีสันจะจัดจ้านขึ้นจนเราไม่ต้องมาปรับสีทีหลังเลยครับ โดยทั้ง 2 รุ่นก็ให้โทนสีที่คล้ายกัน ได้ความสดใส และค่า Saturation ก็ค่อนข้างสูงเลยครับ

realme 10 Pro+ 5G

realme 10 Pro 5G

ถ่ายมุมกว้างได้พอดีด้วยเลนส์ Ultra-Wide Angle (เฉพาะ realme 10 Pro+)

เลนส์ Ultra-Wide Angle จะอยู่ในรุ่น realme 10 Pro+ 5G เท่านั้นครับ โดยมีมุมมองที่ 112 องศาครับ ซึ่งแม้ว่าจะดูไม่กว้าง แต่ก็เป็นมุมมองที่ทำให้ภาพไม่บิดเบี้ยวควบคู่กับการได้ภาพที่เก็บได้ครบถ้วนอยู่ครับ

Portrait ถ่ายสวยงาม รู้สึกเป็นธรรมชาติ

ในโหมด Portrait ของ realme 10 Pro Series 5G ที่ถ่ายภาพบุคคลได้สวยงามมากๆ ตัดขอบได้ค่อนข้างเนียนเลยครับ ซึ่งหากใครที่ชอบใบหน้าแบบธรรมชาติน่าจะต้องชอบแน่นอนครับ เพราะการปรับบิวตี้หรือรีทัชนั้นไม่ได้ปรับแต่งเยอะเกินไป ซึ่งการปรับบิวตี้ก็ทำได้ตั้งแต่ 0-100 ระดับเลยทีเดียวตามความชอบ แถมยังถ่ายย้อนแสงได้แบบไม่ต้องกลัวภาพมืดเลย

ในโหมด Portrait ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ Bokeh Flare ที่ฉากหลังจะเบลอมากขึ้นและทำให้เห็นดวงไฟแบบโบเก้ชัดเจนกว่าเดิม ทำให้ภาพมีมิติและคล้ายกับการถ่ายด้วยกล้อง DSLR เลยครับ

ต่อมาจะเป็น Dynamic Portrait ที่ฉากหลังจะเปลี่ยนเป็นแบบไดนามิกที่เหมือนเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ทำให้ภาพดูมิติและชีวิตชีวามากขึ้น

และต่อมาจะเป็นโหมด AI Color Portrait ที่อยู่ในเฉพาะ realme 10 Pro 5G เท่านั้น โดยจะเป็นการตัดสีของฉากหลังออกไปเป็นสีขาวดำทั้งหมด แต่ตัวบุคคลยังสีสันตามปกติเลย ทำให้ภาพมีลูกเล่นมากขึ้นและได้มิติที่สวยงาม

โหมด Street Photography Mode 3.0 ปรับแต่งใหม่ไฉไลกว่าเดิม

ในโหมดท้องถนนหรือ Street Photography Mode นั้นมาอยู่ในเวอร์ชัน 3.0 ที่มีการอัปเกรดในเรื่องของลายน้ำที่เป็นแถบอยู่ด้านล่างเพื่อความเป็นสตรีทได้มากกว่าเดิม โดยจะมีข้อมูลของฟิลเตอร์และค่ากล้องที่ใช้ถ่าย ที่สำคัญ ก็ยังมีฟิลเตอร์ชื่อเมืองที่เราอยู่ด้วยเพื่อให้เหมาะสม โดยในไทยจะหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นทะเลอันดามัน, สยาม, เมืองโบราณ, เกาะเต่า, สวนเบญจกิติ, พัทยา และอื่นๆ อีกเพียบ

Super Nightscape ถ่ายกลางคืนได้สว่างและคมชัดสูง

ใน realme 10 Pro Series 5G ทั้ง 2 รุ่นมีการพัฒนาในโหมดถ่ายภาพกลางคืนหรือ Super Nightscape ที่ทำได้ดีขึ้นพอสมควรเลยครับ การปรับแสง ความคมชัด และรายละเอียดของวัตถุทำได้ดีขึ้นมากๆ ทั้งยังใช้เวลาในการประมวลผลประมาณ 1-2 วินาทีเท่านั้นครับ ทั้งนี้ในรุ่น realme 10 Pro+ 5G ก็ยังใช้เลนส์ Ultra-Wide Angle ถ่ายได้เช่นกันครับ

ทั้งนี้ก็ยังมีฟิลเตอร์โหมดกลางคืนมาให้เป็นลูกเล่นอีกหลายแบบ ได้แก่ สีทองทันสมัย, ไซเบอร์พังก์, ฟลามิงโก, จักรวาล และพิศวง

ถ่าย Macro ได้ใกล้เพียง 4 ซม. (เฉพาะ realme 10 Pro+ 5G)

สำหรับ realme 10 Pro+ 5G จะมีเลนส์ Macro มาให้ใช้งานกันอีกมุมมองครับ โดยจะถ่ายได้ใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร และแนะนำให้ใช้งานในที่แสงกลางแจ้งจะได้ภาพที่สวยงามและคมชัดมากๆ ครับ

กล้องหน้าถ่ายเซลฟี่ได้สวยงาม บิวตี้เป็นธรรมชาติ

กล้องหน้าทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ซึ่งการปรับบิวตี้จะทำได้มากกว่ากล้องหลังเยอะพอสมควรครับ ไม่ว่าจะเป็นการปรับลักษณะผิว, แก้ม, ดวงตา, คาง และศีรษะ ซึ่งแต่ละอย่างก็ปรับได้ตั้งแต่ 0-100 ระดับครับ

สรุปการใช้งาน realme 10 Pro+ l 10 Pro 5G

รวมทั้ง 2 รุ่นนั้นโดดเด่นในเรื่องของดีไซน์ที่ทำออกมาได้ตามแบบฉบับของ realme ที่ชูความโดดเด่นออกมากันได้อย่างสวยงามในแต่ละรุ่นเลยครับ รวมไปถึงดีไซน์ของตัวเครื่องที่ทำได้พรีเมียมเกินราคาไปมากครับ ส่วนสเปคก็จัดเต็มด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ทั้ง 2 รุ่น ขอบจอก็บางมากด้วย ขณะที่ชิปเซ็ตทั้ง Dimensity 920 ใน realme 10 Pro+ 5G และ Snapdragon 695 5G ใน realme 10 Pro 5G จะเล่นเกมหรือใช้งานทั่วไปก็ทำได้ไหลลื่น ที่สำคัญยังได้กล้องระดับ 108MP ที่คมชัดมากๆ และหาได้ยากในสมาร์ทโฟนเซกเมนต์เดียวกันครับ

ราคาและวันวางจำหน่าย

realme 10 Pro+ 5G ความจุ 12GB+256GB มีให้เลือก 2 สี คือ สีทองไฮเปอร์สเปซ และสีดำดาร์คแมตเตอร์ วางจำหน่ายในราคา 15,999 บาท สามารถพรีออเดอร์ได้ตั้งแต่วันที่ 8 – 16 ธันวาคม 2565 พร้อมรับส่วนลดพิเศษโดยวันที่จองจะได้รับส่วนลด 500 บาท และในวันรับเครื่องรับส่วนลดเพิ่มอีก 1,000 บาท (เหลือเพียง 14,499 บาท) และจัดจำหน่ายวันแรกในวันที่ 17 ธันวาคม 2565 ผ่านช่องทาง realme Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ สำหรับช่องทางออนไลน์ เอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะ Shopee ที่เดียว พร้อมราคาพิเศษเฉพาะวันที่ 12 – 25 ธันวาคม ราคาเพียง 14,999 บาท เท่านั้น

realme 10 Pro 5G ความจุ 8GB+256GB มีให้เลือก 3 สี คือ สีทองไฮเปอร์สเปซ สีฟ้าเนบิวลา และสีดำดาร์คแมตเตอร์ วางจำหน่ายในราคา 11,999 บาท สามารถพรีออเดอร์ได้ตั้งแต่วันที่ 8 – 16 ธันวาคม 2565 พร้อมรับส่วนลดพิเศษโดยวันที่จองจะได้รับส่วนลด 500 บาท และในวันรับเครื่องรับส่วนลดเพิ่มอีก 1,000 บาท (เหลือเพียง 10,499 บาท) และจัดจำหน่ายวันแรกในวันที่ 17 ธันวาคม 2565 ผ่านช่องทาง realme Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

Android News13 ชั่วโมง ago

เช็คกัน !! OPPO เผยตารางอัปเดต ColorOS 15 บน Android 15 ทั่วโลก

ในวันนี้ OPPO ได้เปิ...

Apple News13 ชั่วโมง ago

อย่างสวย ! YouTuber โชว์ดีไซน์ iPhone 17 Air กล้องหลัง 1 เลนส์ พร้อมจอ Dynamic Island

เราได้ยินมาแค่ข่าวลื...

HUAWEI IdeaHub HUAWEI IdeaHub
IT News14 ชั่วโมง ago

หัวเว่ยเผยโฉม IdeaHub รุ่นเรือธงพร้อมอัดโปรเด็ดหนุนผู้นำจออัจฉริยะเพื่อออฟฟิศยุคใหม่

หัวเว่ยเปิดตัว IdeaH...

Smart Review16 ชั่วโมง ago

รีวิว ASUS Vivobook S 14 OLED (S5406) โน้ตบุ๊คดีไซน์มินิมอล l Intel Core Ultra 7 258V l ใช้นานสุด 27 ชม. และคีย์บอร์ดมีไฟ RGB !

รีวิว ASUS Vivobook ...

Android News18 ชั่วโมง ago

มาอีก ! หลุดสเปค vivo X200S จัดเต็มด้วยชิป Dimensity 9400 Plus และรองรับสแกนลายนิ้วมือแบบ Ultrasonic

เมื่อเดือนที่ผ่านมา ...

IT News18 ชั่วโมง ago

Facebook Messenger เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ผสานรวมกับ Siri, ข้อความเสียงและวิดีโอ และอื่นๆ เพียบ

ในวันนี้ Meta ได้ทำก...

Android News19 ชั่วโมง ago

น่าสนนะ ! หลุดสเปคแท็บเล็ต OnePlus Pad Pro โมเดลใหม่ เตรียมใช้หน้าจอ 13″ คมชัดระดับ 3K

OnePlus Pad Pro เคยเ...

Android News19 ชั่วโมง ago

ลือ…Galaxy S25 Ultra มีต้นทุนสูงกว่า S24 Ultra ถึง $110 อาจทำให้ราคาเปิดตัวสูงขึ้นอีกในปีหน้า!?

ลือกันต่อกับ Galaxy ...

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก